ตามหัวใจให้รู้ว่ารัก

ผิดแผน


งานเริ่มมาได้ครึ่งชั่วโมงปฐีวีร์หาอะไรกินจนอิ่ม แล้วเปลี่ยนมาประจำด้านหลังเวทีกับทินกร คอยดูความเรียบร้อยดูเหมือนเขาไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ ทุกคนดูวุ่นวายเขาแค่ช่วยอะไรนิดหน่อย เสียงพิธีกรพูดคุยสลับกันบนเวที พูดถึงประวัติของ Agro Group ตั้งแต่เริ่มจนมาถึงทุกวันนี้ พร้อมทั้งมีวิดีโอที่บอกเล่าเรื่องราว จากนั้นเป็นการแสดงเรียกน้ำย่อย ปฐวีร์รู้สึกอุดอู้อยากรู้ว่าข้างนอกกำลังทำอะไรอยู่ เขาแง้มม่านออกไป มองจากตรงนี้ไม่รู้ว่าเพื่อนของเขานั่งตรงไหนกันบ้าง แต่เห็นแขกให้ความสนใจบนเวที เท่านี้ก็การันตีถึงความสำเร็จ เสียงปรบมือดังขึ้น นักแสดงส่วนหนึ่งทยอยวิ่งลงมา

“นักแสดงชุดหลักเตรียมตัวค่า” นักแสดงได้ยินเสียงเรียกจากทีมงาน ต่างวิ่งไปรวมตัวเตรียมความพร้อมซักซ้อมกันอีกครั้งก่อนขึ้นเวที

“ขอทางค่ะ ขอทาง” ทีมงานแหวกทางให้ ดารานักแสดงหนุ่มสาวมากฝีมือทั้งสองที่ถูกเชิญมาเป็น ตัวแสดงหลัก การแสดงเปิดตัวสินค้าตัวใหม่กำลังเริ่มขึ้น ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น

ระหว่างรอพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการหลายคนเดินออกมาหาอะไรกิน เทวาเดินตักของกินสองสามอย่าง

“อันนี้ก็อร่อยนะคะ” เสียงผู้หญิงดังขึ้น เขาเงยหน้าจากถาดอาหาร มองอีกฝ่ายแต่จำไม่ได้ว่าเคยรู้จักเธอมาก่อน

“พิมพ์รตา วีรวัฒฑณกุลธรรมไพศาลทรัพย์ค่ะ”

“เทวาครับ” เขายิ้มให้แล้วกลับมาเดินเลือกอาหารต่อ

พิมพ์รตาหุบยิ้มทันทีเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจเธอ ไม่เป็นไรเธอปลอบใจตัวเอง กำลังจะชวนอีกฝ่ายคุยก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามา แล้วทั้งสองก็เดินไป พิมพ์รตาเสียความมั่นใจเมื่อถูกเมิน ในงานคืนนี้หลายคนมองมาที่เธอ แต่ผู้ชายที่ชื่อเทวาทำไมถึงเมินเธอ

อีกด้านมีคนกำลังยืนหัวเราะชอบใจ

“หัวเราะอะไรพี่ธรณ์”

“เปล่า แค่เห็นคงหลงตัวเองถูกเมิน แล้วตลกดี” คณิตาร์มองไปที่พิมพ์รตาร์ยืนหน้าหน้ามุ่ย “ยัยนั่นกำลังจะอ่อยใครกัน”

คชาธรณ์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ถึงเขาเห็นทุกอย่างตั้งแต่ต้น “ใครสักคนที่ไม่โง่” ผู้ชายคนนั้นน่าสนใจดี

อีกคนที่เดินวุ่นไปทั่วงานตามหาปฐวีร์ ตั้งแต่เปิดงานจนถึงตอนนี้เพิ่งจะเจอ พบเป้าหมายแล้วเธอก็เริ่มลงมือทันทีก่อนที่จะคลาดสายตา

“น้อง ช่วยเอาเครื่องดื่มแก้วนี้ไปให้ผู้ชายคนนั้นที” ปิ่นอนงค์ชี้ไปชายหนุ่มสวมสูทยืนอยู่ข้างเวที เธอวางแก้วเครื่องดื่มดีกรีต่ำใส่ถาดให้พนักงานเสิร์ฟ พร้อมกับยัดเงินจำนวนหนึ่งให้

“ครับ” พนักงานเสิร์ฟเข้าใจรับเงินจำนวนนั้นมาด้วยความเต็มใจ แล้วรีบเดินตรงไปหาปฐวีร์ที่ยืนอยู่ข้างเวที

“เครื่องดื่มไหม ครับ” พนักงานเสิร์ฟถามปฐวีร์

“อ้อ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มใจลอยดูการแสดงบนเวทีมองดูเครื่องดื่มหลายอย่างอยู่บนถาด ไม่รู้จะเลือกแก้วไหนดี

“แก้วนี้ดีกว่าครับ รสชาติไม่แรงเท่าไหร่” พนักงานเสิร์ฟเลื่อนแก้วเครื่องดื่มของปิ่นอนงค์ให้ แต่ปฐวีร์รู้สึกไม่ชอบสีของมัน

“ไม่เป็นไร ผมยังไม่ได้ดื่มแค่ถือไว้ให้ดูดีเท่านั้น”

เขาเลือกหยิบแก้วอีกใบที่อยู่ข้างกัน แล้วยืนดูการแสดงบนเวทีต่อ

พนักงานเสิร์ฟเดินกลับไปหาปิ่นอนงค์

“เป็นไงน้องเรียบร้อยรึเปล่า” ปิ่นอนงค์ถามทันทีที่พนักงานเสิร์ฟคนเดิมเดินกลับมา

“เอ่อ”

“พี่ขอเครื่องดื่มสักแก้วสิ เอาแก้วนี้แล้วกัน” เมื่องานที่ทำเรียบร้อยเธอก็อยากผ่อนคลายบ้าง เลือกหยิบเครื่องดื่มสักแก้ว มาดื่มฉลองให้ความสำเร็จ หน้าที่ของเธอตรงนี้หมดแล้ว ต่อจากนี้เป็นของคณิตาร์

“เอ่อ คือ..” พนักงานทำหน้าลำบากใจ

“ทำไมหวงรึไง” อะไรขอดื่มแค่แก้วเดียวคนอื่นยังดื่มได้ หรือเธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าราคาแพงใส่เครื่องเพชรส่องแสงจนแสบตาพวกนั้น

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แต่..”

ปิ่นอนงค์ไม่ฟังเธอรีบดื่มจนหมด ไม่พอยังเทแก้วให้อีกฝ่ายดู ว่าไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ”ขอบใจนะ ไปละ”

พนักงานได้แต่ยืนน่าเศร้าที่บอกเธอไม่ทันว่าแก้วที่เธอดื่มเมื่อครู่เป็นแก้วที่เธอบอกให้เขาเอาไปให้ผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นไม่รับ เขาเลยกลับมาบอกเธอ เธอกลับไม่ฟังเขาเลย

“เฮ้ย เป็นอะไรยืนทำน่าเศร้า โดนแขกด่ามาเหรอ” พนักงานเสิร์ฟอีกคนเดินเข้ามาทัก

“เปล่า” ชายหนุ่มถอนหายใจไม่รู้จะพูดยังไงดี ได้แต่ถอนหายใจแล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อ

การแสดงเปิดตัวสินค้าใหม่บนเวทีจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือ เสียงแฟตเสียงชัตเตอร์รัวใส่ทันทีที่นักแสดงชื่อดังถือสินค้าออกมา ประธานของงานเดินขึ้นบนเวทีกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ ปฐวีร์พรู่ลมหายใจอย่างโล่งอก แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นปิ่นอนงค์ที่อยู่ตรงทางเข้างาน เขารีบเดินตามไป

ออกมาจากงาน ลงมาด้านล่างทะลุผ่านล๊อบบี้ไปจนถึงโถงทางเดิน หายไปไหนแล้วนะ เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายเดินมาทางนี้ กวาดสายตามองรอบ ๆ เห็นด้านหน้าเคาน์เตอร์พนักงานกำลังต้อนรับแขก บริเวณโซนรับรองมีแขกหลายคนกำลังนั่งอยู่เตรียมเข้าพัก ห่างออกไปเป็นห้องอาหารได้ยินเสียงดนตรีแว่วมา

ตึ่ง ตึง ตึง อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ปฐวีร์ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า หน้าจอแสดงหมายเลขไม่คุ้น แต่ก็ยอมกดรับ ”สวัสดีครับ”

“พี่วีร์ นี่ตาร์เองนะคะ คณิตาร์”

ปฐวีร์ใช้เวลาสองสามนาทีในการประมวลผล จะมีคนที่เขารู้จักสักกี่คนกันที่มีชื่อนี้ “อ้อ ตาร์” ดูหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง เขาไม่ยักรู้ว่าเธอมีเบอร์ติดต่อของเขา ”มีอะไรรึเปล่า”

“เอ่อ ตาร์ลืมของไว้ที่ล๊อบบี้ พี่วีร์ช่วยเอามาให้ที่ห้องได้ไหมคะ”

“ที่ห้อง ห้องไหน”

“พอดีว่าตาร์เปิดห้องไว้แต่งตัวกับเพื่อนเพื่อนนะคะ และของที่ฝากไว้ค่อนข้างจำเป็น นะคะ ตาร์โทรหาใครก็ไม่มีใครรับสักคน” น้ำเสียงเธอทั้งกังวลทั้งร้อนรน

“อือ รออยู่นั่นแหละเดี๋ยวพี่ไป” ปฐวีร์รับปากไปอย่างนั้นเพื่อตัดรำคาญ ถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงไม่วางสายแน่นอน

“ขอบคุณนะคะ” คณิตาร์กดวางสายแล้วยิ้มทันทีแผนของเธอสำเร็จไปอีกขั้น

งานเลี้ยงผ่านไปได้ด้วยดี สินค้าได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี หลังจากพิธีเปิดงาน ประธานเชิญแขกที่มาร่วมงานชมบู๊ทด้านข้างเพื่อชมสินค้าของตัวใหม่

“นั่นยัยคณิตาร์กำลังทำอะไร ท่าทางดูลับ ๆ ล่อ ๆ”

“ยัยนั่นสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่อย่าไปสนใจเลย ว่าแต่วีร์ไปไหนแล้ว”

“คงวิ่งช่วยงานอยู่แถวนี้แหละ”

ทั้งสามมองหาเพื่อนไม่เห็นก็เข้าไปดูบู๊ทในงานเหมือนคนอื่น

ปฐวีร์ยังกวาดสายตามองหาปิ่นอนงค์ เขารู้สึกทุกอย่างแปลกตั้งแต่ที่เห็นปิ่นอนงค์มาโผล่ในงาน แล้วนี่คณิตตาร์ยังโทรบอกให้เอาของไปให้ที่ห้อง เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนบังเอิญ แต่พอคิดถึงสิ่งที่ปรากฏในความฝันแล้วเขาก็คิดอะไรได้ “คณิตตาร์ ปิ่นอนงค์ ห้องนอน” ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิดคนแปลกหน้าคงจะรออยู่บนห้องนั่นแล้ว

“คุณ คุณ”

“เธอเป็นอะไรไป เมารึเปล่า” เสียงคนคุยกันดังมาอีกทาง เขามองไปที่มุมมุมหนึ่งของโรงแรมเห็นคนสามสี่คนเหมือนกำลังมุงดูอะไร เขารีบเดินตรงเข้าไปดูเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งหลับตาอยู่บนโซฟา มีผู้หญิงอีกคนสวมชุดพนักงานโรงแรมนั่งข้าง ๆ กำลังเรียกเธอ และใช้ยาดมจ่อที่จมูก ส่วนคนที่ยืนอยู่ใช้หนังสือพัดให้เธอ

”ปิ่นอนงค์” ทันทีที่เห็นหน้าชัดเขาเรียกชื่อผู้หญิงที่ไม่ได้สติคนนั้น

“คุณรู้จักเธอหรือคะ” ทุกคนมองมาที่ปฐวีร์

“คะ..ครับ เพื่อนผมเอง เรามาด้วยกัน พวกเรากำลังตามหาเธออยู่พอดี” เขาไม่ได้โกหก เขากำลังตามเธอจริง ๆ แต่ทำไมเธอถึงอยู่ในสภาพนี้

“ดีเลยค่ะ ฉันเห็นเธอเดินมาอยู่ดี ๆ ก็เป็นลมหมดสติไป บนตัวเธอมีกลิ่นแอลกอฮอล์ด้วย”

ฟังจากที่พนักงานสาวบอกไม่น่าจะใช่อาการของคนเมา แต่อะไรที่ทำให้เธอมีสภาพเป็นอย่างที่เห็น “เธอคงจะเมา ขอบคุณครับ” เขาจ้องหน้าเธอเหมือนไม่ใช่ลักษณะของการแกล้ง แล้วในหัวก็ความคิดดี ๆ ขึ้นมา ถ้าคณิตตาร์ต้องการให้เขาขึ้นไปบนห้อง เขาจะขึ้นไป แต่ถ้าคนอยู่ในห้องเป็นคนอื่นล่ะ ริมฝีปากบางปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นแล้วกลับเป็นปกติจนไม่มีใครสังเกตเห็น ”เดี๋ยวผมให้คนพากลับห้องเอง” ทุกคนได้ยินแล้วต่างโล่งอกและพากันแยกย้าย

จากนั้นปฐวีร์ไปรับของที่เคาร์เตอร์ เป็นถุงกระดาษและกุญแจห้องพัก รับกุญแจมาไว้ในมือ เมื่อไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้างถ้าต้องขึ้นไป เขารู้สึกเป็นกังวลยังไงบอกไม่ถูก เขาขอให้พนักงานหาคนสักสองคนช่วยพยุงปิ่นอนงค์ตามเขาขึ้นไปข้างบน ขึ้นลิฟต์กดหมายเลขขึ้นไปชั้นบน

พนักงานชายทั้งสองแบกคนไม่ได้สติอย่างทุลักทุเล ระหว่างนั้นปฐวีร์ไม่ลืมสังเกตรอบตัวไปด้วย มันค่อนข้างเสี่ยงแต่มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ เขามีทางเลือกไม่มาก เลยเลือกที่จะเดินหน้าเผชิญกับมัน คาดเดาผลที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเครียด จนเหงื่อบนฝ่ามือซึมออกมา ถ้าคืนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับเขาจริง เขาจะเปลี่ยนให้คนอื่นรับทุกอย่างไป คิดแล้วก็มองไปที่ปิ่นอนงค์ในสภาพไม่ได้สติ ขอบคุณนะปิ่นอนงค์ที่ช่วยรับเรื่องคืนนี้ไป

งานเลี้ยงที่ทุกคนช่วยกันเตรียมมานานหลายเดือนจบลงแล้ว หลายคนถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่ง พรุ่งนี้วันหยุดพวกเขาจะนอนตื่นสายโด่ง แขกทยอยกลับกันหมดแล้ว พนักงานโรงแรมกำลังช่วยกันเก็บของ อาหารของว่างที่เหลือกำลังห่อให้เจ้าภาพ

“มีใครเห็นเจ้าวีร์บ้าง”

“ไม่เห็นพี่กร”

“สงสัยคงกลับไปแล้วมั้ง เห็นน้องบอกว่าเพลียนอนดึกมาหลายวันแล้ว”

“ปล่อยน้องมันไปเถอะพี่ มันช่วยทำงานดึกมาหลายวันแล้ว ไม่งั้นก็ลองโทรหา”

“เออ” ทินกรเลื่อนรายชื่อแล้วกดโทรออก กดออกสองสามครั้งแต่ไม่มีคนรับ หรือจะหลับไปแล้ว เขาเลิกโทรออกกลัวว่าจะรบกวนอีกฝ่าย แล้วเข้าไปคุยกับคนที่ยังอยู่ “ที่นี่ไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวพี่จะอยู่เก็บตกเอง พวกแกก็กลับไปพักได้ ส่วนเรื่องเลี้ยงนอกรอบค่อยคุยกัน” พนักงานทุกคนต่างยิ้มดีใจกับคำว่าเลี้ยง อย่างนี้สิมันถึงคุ้มกับที่พวกเขาทำงานอย่างถวายหัว

แก๊ก เสียงเปิดประตูห้อง ไฟในห้องสว่างขึ้นทันที เขากวาดสายตาดูข้างในทุกอย่างดูเรียบร้อย จากนั้นโทรหาคณิตตาร์

”พี่มาถึงแล้ว”

“พี่วีร์นั่งรออยู่ในห้องก่อน ตาร์อยู่ห้องข้าง ๆ นี่เองเดี๋ยวไป”

“ได้ พี่จะรอ”

วางสายแล้วเขาให้พนักงานทั้งสองพาคนไม่ได้สติไปนอนบนโซฟา ตั้งแต่ที่เขาเห็นเธอเดินออกมาจากงานเลี้ยงระยะเวลาห่างกันไม่เท่าไหร่ พอมาเจอเธออีกทีก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว เธอดื่มอะไรเข้าไปถึงทำให้ไม่ได้สติขนาดนี้ สภาพเหมือนถูกวางยา แล้วเขาก็นึกถึงพนักงานเสิร์ฟที่พยายามหยิบเครื่องดื่มอีกแก้วให้ แต่เขาไม่สนใจ ถ้าเป็นจริงอย่างที่คิด ถ้าเขาเป็นคนดื่มเข้าไปก็คงมีสภาพไม่ต่างจากเธอ เขามองพนักงานทั้งสองช่วยจัดให้เธอนอนสบาย อยู่ ๆ ก็รู้สึกปวดหัว รู้สึกปวดแรงขึ้นจนต้องใช้มือข้างหนึ่งกุมไว้ เขาหรี่ตาลงและน้ำตาคลอเพราะความทรมาน เขากัดฟันอดทนกับอาการปวดหัวที่อยู่ดี ๆ ก็เกิดขึ้น แล้วภาพรางเลือนก็ปรากฏขึ้นมา ประตูห้องเปิดออกชายฉกรรจ์สี่คนเดินเข้ามา เขาเบิกตากว้างลืมอาการปวดหัวไปชั่วครู่ เมื่อพวกมันเดินตรงเข้ามา เขาพยายามเดินถอยหลัง แต่พวกมันกลับเดินทะลุผ่านร่างเขาไป เขามองตามหลังพวกมันที่เข้าไปในห้องนอนด้วยความสงสัย เขารีบเดินตามไปเห็นตัวเองนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง นี่มันเรื่องบ้าอะไรตอนนี้เขากำลังตื่นอยู่หรือกำลังฝันกันแน่ อยู่ ๆ อาการปวดหัวรุนแรงขึ้นเหมือนเป็นคำตอบว่าเขาไม่ได้ฝัน ชายฉกรรจ์ทั้งสี่ปีนขึ้นเตียงข่มขืนเขา เขาอยากตะโกนเรียกให้ตัวเองตื่นขึ้นมา แต่อาการปวดทำให้ไม่สามารถอ้าปากพูดอะไรได้ แล้วภาพทุกอย่างก็หายไป เสียงคนคุยกันดังขึ้นด้านนอกเขารีบวิ่งออกมาดูเห็นคณิตตาร์ พิศนภาและปิ่นอนงค์กำลังหัวเราะเสียงดัง

พนักงานทั้งสองมองปฐวีร์ด้วยความแปลกใจ ”นั่นเขาเป็นอะไรของเขาวิ่งไปวิ่งมา แล้วยังเอามือกุมหัวไว้ตลอด” ทั้งสองเห็นปฐวีร์กำลังมองไปที่ประตูสลับกับมองไปที่ห้องนอน มองอยู่นานจนทั้งสองรู้สึกกลัวขึ้นมา

“อ้าว แล้วนั่นวิ่งออกจากห้องไปแล้ว”

“เขาคงลืมของมั้ง งานเราเรียบร้อยแล้วกลับเถอะ รู้สึกห้องนี้น่ากลัวยังไงไม่รู้”

“เออ วันนี้เจอแต่แขกแปลก ๆ”

อาการปวดหัวเมื่อครู่ค่อย ๆ ดีขึ้นทันทีที่ออกห่างจากห้องนั้น เขาวิ่งไปที่ลิฟต์ ความรู้สึกคอยเตือนให้เขาออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุด กดปุ่มเรียกลิฟต์ซ้ำ ๆ ย้ำสองสามครั้งประตูก็เปิด เขารีบเข้าไปข้างในกดหมายเลขลงไปชั้นล่างสุด ถอยหลังไปยืนพิงกับผนังลิฟต์ ตอนนี้เขาแทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลือ เห็นฝันร้ายกับตาตัวเองชัดเจนจนร่างกายอดสั่นกลัวไม่ได้ บนหน้าผากแผ่นหลังและฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ ตอนนี้เขาอยากออกไปจากที่นี่แล้ว ที่นี่ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดเขารีบเดินออกมา เขาต้องไปจากที่นี่ ต้องไปจากที่นี่ในหัวท่องคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา พยายามลากสังขารตัวเองไปตามทางเดิน สายตาเริ่มพร่ามัวสติสัมปชัญญะเริ่มลดลง เขาไม่ทันระวังทำให้ชนกับใครสักคนเข้า “โอ๊ะ ขอโท....” ยังพูดไม่ทันจบเสียงเขาขาดหายไป พร้อมกับภาพตรงหน้าก็ค่อย ๆ เลือนรางแล้วดับวูบลง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว