กลางคืน ต้นเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2008
จางเชาเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สาม คณะชีววิทยาของมหาวิทยาลัย Z เขามีผลการเรียนระดับกลาง ไม่ดีไม่แย่ ปกติแล้วชอบเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ก่อนจะถึงวันสอบประมาณสองอาทิตย์จึงจะเกิดความขยันขึ้นมาสักเล็กน้อย ที่ผ่านๆ มาเขาไม่มีทางไปอ่านหนังสือทบทวนวิชาตอนกลางคืนแน่ ทว่าปีก่อนเขาติดหนึ่งวิชา ตอนนี้เพิ่งเปิดเรียน จะมีการสอบซ่อมในอาทิตย์ถัดไป เขาจึงจำเป็นต้องตามเพื่อนร่วมห้องพักเดียวกันอย่างหลีเหว่ยหาวไปอ่านหนังสือในตอนค่ำ
หอพักนักศึกษาในวิทยาเขตจื่อจิ้งกั่งมีทั้งหมดเจ็ดอาคาร พวกเขาสองคนเรียนสาขาชีววิทยาด้วยกันทั้งคู่จึงพักอยู่ที่อาคารไป๋ซา ตึก 2 ห้อง 123 แม้หอพักนักศึกษาจะมีระเบียบว่าต้องพักห้องละสี่คน แต่ห้องของพวกเขาเหลือกันอยู่แค่สอง เพราะเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนเปลี่ยนสาขาเรียนจึงได้เปลี่ยนหอพักไปด้วย แล้วก็ยังไม่มีนักศึกษาใหม่ย้ายเข้ามาอยู่เพิ่ม
หลีเหว่ยหาวเป็นคนไม่ค่อยพูด ผลการเรียนอยู่ในระดับดีเยี่ยม เป็นคนตั้งใจเรียน ทุกคืนจะต้องไปอ่านหนังสือทบทวนความรู้ที่ห้องสมุด
ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก อยู่ใกล้กับเขตหอพักนักศึกษา ฤดูหนาวมีเครื่องทำความอุ่น หน้าร้อนก็มีเครื่องปรับอากาศ คนส่วนใหญ่จึงเลือกมาอ่านหนังสือที่นี่ โชคร้ายที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยปิดตอนสามทุ่ม จางเชาคิดจะอ่านทบทวนให้มากหน่อยจึงไปห้องสมุดของคณะแพทย์ที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้พร้อมกับหลีเหว่ยหาว
ห้องสมุดของคณะแพทย์ตั้งในตำแหน่งที่ค่อนข้างลับตา และห่างจากหอพักนักศึกษาค่อนข้างมากจึงไม่ค่อยมีคนมาที่นี่สักเท่าไร ตอนที่พวกเขาไปถึงในห้องสมุดมีคนนั่งอยู่แค่ยี่สิบกว่าคน ทั้งสองนั่งอ่านหนังสือถึงสี่ทุ่ม จู่ๆ หลีเหว่ยหาวที่ตั้งใจทำแบบฝึกหัดมาตลอดก็หันมาถามเสียงเบา
“นายได้ยินเสียงอะไรไหม?”
จางเชาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ นอกจากเสียงขีดเขียนกระดาษของคนแถวนั้นแล้วก็ไม่มีเสียงอะไรอีก ตอนนี้เป็นต้นเดือนมีนาคม ไม่มีเสียงร้องของนกหรือแมลงตามสุมทุมพุ่มไม้ด้านนอกเลยด้วยซ้ำ จางเชาจึงส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ
หลีเหว่ยหาวกวาดตามองรอบห้อง จากนั้นก้มหน้าก้มตาทำแบบฝึกหัดต่อ ผ่านไปไม่นานเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“เหมือนจะมีคนร้องเพลงอยู่นะ”
จางเชายังคงส่ายหน้า “คงจะเป็นเครื่อง MP3 ของใครที่หูฟังไม่ค่อยดีแล้วเสียงลอดออกมามากกว่า”
หลีเหว่ยหาวขมวดคิ้ว “แต่เหมือนจะมีเสียงคนร้องเพลงอยู่ข้างนอก”
จางเชายิ้ม “ข้างนอกมีคนร้องเพลง แล้วเราไปยุ่งอะไรด้วยเล่า”
หลีเหว่ยหาวทำท่าลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ก้มหน้าทำแบบฝึกหัดต่อ
จนกระทั่งห้าทุ่มนักเรียนที่มานั่งอ่านหนังสือต่างก็แยกย้ายกลับหอ ยามเข้ามาปิดประตู จางเชาและหลีเหว่ยหาวลุกขึ้นยืนเก็บของ ทั้งสองเดินออกจากห้องสมุด หลีเหว่ยหาวเดินไปถามไปว่า
“จริงสิ อาทิตย์ก่อนนายไปนอนอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งนาน ไม่เป็นไรแล้วเหรอ”
จางเชาหัวเราะ “จะมีอะไรล่ะ เฮ้อ อยู่ๆ ก็สลบไปเป็นอาทิตย์ ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่หมอก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร”
หลีเหว่ยหาวถามอย่างระวัง “แล้วนายไม่คิดถึง...”
“คิดอะไร?” จางเชาชักงง
หลีเหว่ยหาวกลอกตาอย่างรวดเร็ว “ไม่มีอะไร”
ทั้งสองคนเดินมาถึงโรงจอดรถจักรยานใต้ดินของอาคารเรียนที่อยู่ด้านหลังห้องสมุด ตอนนั้นอาคารเรียนมืดสนิท พวกเขาได้แต่อาศัยแสงจากไฟถนนที่อยู่ตรงข้ามจึงพอมองเห็นทางเดิน
จู่ๆ หลีเหว่ยหาวก็ยืนนิ่งไม่ยอมขยับ พูดเสียงเบา “ฟังสิ มีผู้หญิงกำลังร้องเพลงอยู่”
จางเชาถอนหายใจเสียงดังอย่างจงใจ “นายต้องหูฝาดแน่ เสียงผู้หญิงร้องเพลงที่ไหนกันเล่า!”
“มีผู้หญิงร้องเพลงแน่ๆ อยู่บนอาคารเรียนนี่แหละ ฉันจะขึ้นไปดูหน่อย” พูดจบก็วิ่งขึ้นบันไดอาคารหายไปอย่างรวดเร็ว
“อ้าว ไอ้เวรนี่ ปกติก็เห็นเรียบร้อยดี หน็อย! พอได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเพลงเข้าหน่อยก็วิ่งแจ้นไปเลยนะ” ถึงปากจะด่าแต่จางเชาก็รีบเดินตามเพื่อนขึ้นอาคารไป
โรงจอดรถอยู่ชั้นใต้ดิน ชั้นบนเป็นอาคารเรียนที่มีทั้งหมดหกชั้น ซึ่งตอนนี้ปิดไฟระเบียงทางเดินหมดแล้ว มีแต่แสงไฟจากถนนฝั่งตรงข้ามที่ส่องมาถึงพอให้มองเห็นได้บ้าง
หลีเหว่ยหาววิ่งขึ้นไป ส่วนจางเชาได้แต่เดินตามขึ้นไปช้าๆ จนกระทั่งเขาเดินมาจนถึงชั้นสอง เสียงฝีเท้าของหลีเหว่ยหาวคล้ายกับจะขึ้นไปถึงชั้นหกแล้ว จางเชาตะโกนเรียกเพื่อน
“เฮ้ย เหว่ยหาว เจอผู้หญิงร้องเพลงไหม”
อาคารเรียนโล่งกว้าง มีแต่เสียงสะท้อนของเขาที่ตอบกลับมา ไม่มีเสียงตอบจากหลีเหว่ยหาว
จางเชาถามขึ้นอีกครั้ง “เหว่ยหาว นายทำอะไรอยู่ รีบๆ ลงมาได้แล้ว ข้างบนมืดจะตาย ฉันขี้เกียจขึ้นไปแล้วนะ”
ยังไม่มีเสียงตอบกลับมา
จางเชายืนรออีกครู่หนึ่ง ก่อนตะโกนขึ้นอีกครั้ง “เหว่ยหาว รีบลงมาเร็วๆ ฉันจะกลับไปนอนแล้ว”
ยังคงไม่มีเสียงตอบ
ทันใดนั้น ปลายหางตาเขาก็เหลือบเห็นสิ่งของขนาดใหญ่ร่วงตกลงมาจากด้านบนอย่างรวดเร็วผ่านกระจกหน้าต่างริมระเบียงทางเดิน ตามด้วยเสียงของหนักตกกระแทกพื้นอย่างแรง จางเชารีบกระชากหน้าต่างเปิดออก พอก้มมองลงไป เขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
เพราะตอนนี้พื้นด้านล่างของอาคารเรียน มีร่างของคนคนหนึ่งนอนสงบนิ่ง เลือดกองใหญ่ไหลนองโดยรอบ ด้านข้างมีกระเป๋าเป้หนึ่งใบ
กระเป๋าของหลีเหว่ยหาว!
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว