บทนำ
“โอ้โหกองเป็นพะเนินเชียว ไหนว่าใกล้สอบ ทำไมงานถึงเยอะแบบนี้ล่ะฟ้า”
‘ณัฐริกา’ ละความสนใจจากรายงานตรงหน้าหันไปยิ้มให้ผู้เป็นพ่อที่หยาดเหงื่อยังไม่เลือนหายไปจากร่างกายที่แกร่งงาน
“โถ่พ่อจ๋า แค่นี้เองไม่มากหรอกจ้ะ เดี๋ยวของคุณดาวเสร็จ ก็มีของฟ้าอีกนิดหน่อย แค่นี้ไม่คณามือฟ้าหรอก เยอะกว่านี้ก็ยังไหวนะจะบอกให้” ทำพูดดีไป ทั้งที่ตอนนี้เขียนจนมือแทบจะหงิกแกะไม่ออกแล้ว
หญิงสาวบอกไหว แต่เท่าที่เห็น ‘สืบศักดิ์’ รู้ว่ามากจนเกินทน ตั้งแต่กลับจากทำงานบ้านใหญ่จนเกือบจะสามทุ่มแล้วยังไม่ได้พักจากงานกองนี้เลย อดสงสารไม่ได้ มือมากประสบการณ์ไล้ผมหญิงสาววัยยี่สิบ เห็นใจทั้งสงสาร ‘คุณดาว’ ก็ช่างกระไร งานของตัวเองไม่เคยแตะ มีแต่ขนเทมาให้ทางนี้ทำจนดึกจนดื่น บางวันเล่นหนักถึงเช้า มิหนำซ้ำยังต้องแบกร่างกายอิดโรยจากงานศึกษามาลุยงานบ้านตั้งแต่เช้ามืด ต่อให้เก่งต่อให้แกร่งอย่างไร หากบากบั่นจนเกินตัวไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องทรุด
ถอนหายใจกับหัวใจแกร่งของบุตรสาว ณัฐริกาสัมผัสความห่วงใยนั้นได้ เธอยิ้มหวาน วางมือจากปากกาแล้วคว้ามือหนาหยาบกร้านมากุมไว้พร้อมยืนยันความแกร่งที่ใจมีเกินร้อย
“ฟ้าไม่เป็นไรจริงๆ นะจ๊ะพ่อ”
“ทำพูดดีไปเถอะ ไม่ใช่พรุ่งนี้ส่งอีกหรือไง”
คร้านจะโกหก เพราะมันเป็นเช่นนั้นทุกครั้ง ‘อัจจิมา’ หรือคุณหนูดาว มักจะแบกงานเกือบทั้งหมดที่ต้องทำมาให้เธอรับผิดชอบแบบกระชั้นชิดชนิดบางครั้งส่งพรุ่งนี้แบกมาให้คืนนี้ก็มีหลายหน ทว่าหญิงสาวก็ไร้ปากเสียงจะบ่นหรือค้าน เพราะหากไม่ทำตามสิ ได้มีองค์ลงจนบ้านแตก และมิหนำซ้ำกว่านั้นเธอจะโดนมิใช่น้อยเลยล่ะจากคนใกล้ตัวที่เบ่งเธอมากับมือ
ณัฐริกาอาศัยร่มใบบุญของบ้านเดชาบดินทร์มาตั้งแต่เกิด เธอเปรียบเสมือนทาสผู้ภักดีที่ติดตามอัจจิมามาตั้งแต่ชาติปางก่อน และเพราะอัจจิมาโชคร้ายที่พ่อกับแม่เสียชีวิตตั้งแต่เธอยังจำความไม่ได้ คุณหญิงรัตนาจึงทั้งรักทั้งหวงและเอาอกเอาใจหลานสาวคนนี้สารพัดเหมือนเจ้าหญิงในกรงทอง ไม่เคยดุไม่เคยว่า ตามใจทุกอย่าง และเหล่านี้เองจึงทำให้ณัฐริกาลูกคนใช้ผู้ต่ำต้อยต้องมีหน้าที่แบกรับอารมณ์และความต้องการของอัจจิมาทุกอย่างตั้งแต่เด็กจนโต
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพ่อ ถึงจะเป็นพรุ่งนี้แต่ก็บ่ายโมงนู่น ฟ้าไหวจ้ะ”
“พ่อว่าฟ้าน่าจะปฏิเสธบ้าง งานเราก็ใช้จะน้อยๆ ไหนยังต้องทำงานที่บ้านใหญ่อีก”
“พ่อพูดอย่างกับว่าฟ้าทำได้อย่างนั้นแหละ” เธอยักไหล่ แล้วก็กลับมายิ้มสู้อีกครั้ง “น่าพ่อ ฟ้าบอกว่าไหวก็ไหวสิจ๊ะ แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำนะ ถ้าเทียบกับบุญคุณที่คุณหญิงท่านมีให้ พ่ออย่าลืมสิจ๊ะ ที่ฟ้าได้เรียนหนังสือสูงๆ ก็เพราะคุณหญิงท่านนะ เพื่ออนาคต ทำไมเรื่องงานแค่นี้เอง ฟ้าจะทำไม่ได้ล่ะ จริงมั้ย”
เพราะต้องติดสอยห้อยตามอัจจิมาไปรับใช้ถึงมหาวิทยาลัย จึงเหมือนบุญหล่นทับได้ร่ำเรียนไปด้วย จึงกลายเป็นว่าเธอคือมนุษย์เครื่องจักรคอยส่งรับและทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้านายคนสวยประสบความสำเร็จด้านการศึกษา แม้แต่ลอกข้อสอบ หากนั่นไม่ทำให้หญิงสาวคิดว่ามันลำบาก เพราะสิ่งที่ต้องการคืออนาคตที่สดใส แน่นอนว่าเรียนจบเมื่อไหร่ เธอจะไม่จมปลักอยู่กับความรู้จนแห้งตายเป็นแน่
“เพราะพ่อแท้ๆ ฟ้าถึงต้องลำบากแบบนี้”
แนบแก้มกับมือสาก “พ่อจ๋า อย่าพูดแบบนั้นสิจ๊ะ ถึงเราไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่เราก็ไม่ได้ขโมยใครกินซะหน่อย อีกอย่างฟ้าก็ภูมิใจนะที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อ ต่อให้ไม่ร่ำไม่รวย แต่พ่อก็ไม่เคยทำให้ฟ้ากับแม่ต้องเสียใจเลยนะ เพราะงั้นพ่อไม่ต้องน้อยใจไปหรอกไอ้เรื่องเงินเรื่องทองเนี่ยมันหากันได้”
“แต่ถ้าพ่อ....”
“ฟ้ารู้ว่าพ่อสงสารฟ้า แต่ครอบครัวเราเป็นหนี้บุญคุณคุณหญิงท่านมากนัก ท่านเอาใจใส่เราทุกอย่าง เจ็บป่วยเป็นไข้ก็ได้ความเมตตาจากท่านช่วยรักษาดูแล และที่ฟ้าได้เรียนสูงๆ ก็เป็นเพราะความเมตตาเอ็นดูของคุณหญิงท่านอีก คุณดาวเป็นหลานสาวคนเดียวที่คุณหญิงท่านรักมากที่สุด ฟ้าก็ต้องซื่อสัตย์และภักดีต่อคุณดาว เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่ตอนนี้ฟ้าจะตอบแทนบุญคุณคุณหญิงท่านได้ ฟ้าไม่อยากทำให้คุณหญิงท่านต้องผิดหวัง”
“ไม่อยากทำให้คุณหญิงท่านต้องผิดหวัง หรือไม่อยากทำให้แม่เราเขาผิดหวังกันแน่”
ณัฐริกาเถียงไม่ออก เพราะเหล่านี้คือคำสอนที่แพรวันผู้เป็นแม่สอนสั่งตั้งแต่จำความได้ และนั่นก็นำมาสู่การสู้เพื่อทดแทนบุญคุณอันล้นหัว
‘ลูกต้องซื่อสัตย์และภักดีต่อคุณดาว อย่าทำให้เธอขัดเคืองใจเด็ดขาด และลูกต้องคอยดูแลและปกป้องคุณดาวให้ดีที่สุด บุญคุณต้องทดแทน อย่าทำให้คุณหญิงท่านต้องผิดหวัง สัญญากับแม่นะฟ้า’
ท้องฟ้าต้องเป็นฉากหลังที่มืดสนิทเพื่อให้ดวงดาวได้เจิดจรัสแสงอย่างสวยงาม เธอยังจำได้ไม่เคยลืม