[BLEACH] Frozen Sakura (Byakuya X Rukia) จบแล้ว

Chapter 12 บังคับ


- คฤหาสน์คุจิกิ –

ฮิซานะเดินเข้ามาในห้องอาหารในตอนเช้าที่อากาศสดใส ดวงตากลมโตมองไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามของเธอที่ยังคงว่างเปล่าปราศจากซึ่งเงาของน้องสาวมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว มือเล็กเลื่อนเก้าอี้ออกก่อนจะนั่งลงอย่างเงียบ ๆ นัยน์ตาสีเทาของเบียคุยะมองไปยังคนตัวเล็กที่มีสีหน้าเศร้าสร้อย

"เป็นอะไรไป ฮิซานะ" เสียงทุ้มเอ่ยถามเบา ๆ ด้วยความเป็นกังวล มือแกร่งยื่นเข้าไปกุมมือเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหวานลดลงต่ำเล็กน้อย

"ข้า... คิดถึงลูเคียค่ะ ท่านเบียคุยะ" สิ้นเสียง แววตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจก็เผยออกมาจากดวงตาคมของร่างสูง มือแกร่งบีบมือเล็กเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ ร่างเล็กพยายามฝืนยิ้มออกมาบาง ๆ ก่อนจะหยิบตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมา


- หน่วยที่หก -

เบียคุยะมองไปยังเร็นจิที่กำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าที่ไม่เคร่งเครียดมากนัก

"เร็นจิ" เสียงทุ้มของเบียคุยะเอ่ยเรียก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันหน้ามามองร่างสูง

"ครับ?" เขาเอ่ยตอบรับก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปหา มือแกร่งของเบียคุยะยื่นเอกสารสีขาวให้แก่ชายหนุ่มที่เพิ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของตน

"เอานี่ไปให้ลูเคียที" สิ้นเสียงคำสั่ง เร็นจิก็ขมวดคิ้วขึ้นน้อย ๆ อย่างสงสัย

"เอ๋..." น้ำเสียงที่แสดงความแปลกใจทำให้ดวงตาคมของเบียคุยะที่นั่งอยู่ตวัดขึ้นไปมอง

"ทำไม... มีปัญหาอันใดอย่างนั้นรึ"

"เปล่าครับ คือว่า ปกติแล้วหัวหน้าไม่เคยใช้ให้ข้าเอาเอกสารไปให้ลูเคียเลยน่ะสิครับ" เสียงทุ้มที่เอ่ยตอบตามความเป็นจริงทำให้ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบา ๆ

"รับไปสิ"

"คร้าบ ๆ" เร็นจิเอ่ยก่อนจะยื่นมือทั้งสองไปรับเอกสารจากร่างสูงมาถือไว้ในมือ เขาก้มหัวลงทำความเคารพพร้อมกับเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมของเบียคุยะมองไปยังเร็นจิที่ถือเอกสารออกไปอย่างหน้าตาเฉย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

..หรือว่าลูเคียจะมาทำงานทุกวันจริง ๆ..

ดวงตาคมของเร็นจิมองไปยังเอกสารหลายแผ่นที่ตนกำลังถืออยู่

'ตารางวันหยุดของสิบสามหน่วยพิทักษ์ในปีหน้า'
'สิ่งที่ควรทำก่อนเริ่มการประชุม'
'การใช้โทรศัพท์มือถือของโลกมนุษย์อย่างถูกวิธี'

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ' อะไรของหัวหน้าเนี่ย ของแบบนี้ไม่เห็นจะต้องให้ข้าเอามาให้เลย ให้ตายสิ' บ่นอยู่ในใจ พร้อมกันนั้น ลมหนาวเย็นที่พัดผ่านกระทบเข้ากับร่างกายก็ทำให้ขาเรียวรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว


- หน่วยที่สิบสาม –

"ตอนนี้ลูเคียไม่อยู่หรอก"

"เอ๋..."

"ข้าหมายถึง... เอ่อ... ลูเคียไปที่เมืองลูคอนเพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่าง เดี๋ยวเย็นนี้ก็คงกลับมา เอกสารนั่นน่ะวางไว้ตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวลูเคียกลับมาแล้ว ข้าจะเอาให้เอง"

เมื่อได้ยินอุคิทาเกะเอ่ยเช่นนั้น คนฟังก็พยักหน้าน้อย ๆ เป็นเชิงรับทราบ มือแกร่งวางเอกสารลงบนโต๊ะทำงานสีน้ำตาลแก่อย่างเบา ๆ

"งั้นฝากด้วยแล้วกันนะครับ" เร็นจิพูดจบก็โค้งตัวลงก่อนจะเดินออกจากห้องไป

นัยน์ตาสีเข้มของอุคิทาเกะมองตามหลังคนที่เดินออกไปจากห้องจนลับสายตา เขามองไปยังเอกสารสองสามแผ่นที่เพิ่งถูกนำมาวางไว้เมื่อครู่

'ตารางวันหยุดของสิบสามหน่วยพิทักษ์ในปีหน้า'

'หือออ' ดวงตาคมเบิกขึ้นด้วยความสนใจก่อนที่มือแกร่งจะคว้าเอกสารที่วางนิ่งอยู่ขึ้นมาอ่านอย่างรวดเร็ว


- วันเดียวกัน เมืองคาราคุระ –

ลูเคียตื่นขึ้นมาในตอนเช้า มือบางเลื่อนบานประตูของตู้เก็บที่นอนออกก่อนจะมองไปยังหน้าต่างบานใส แสงของดวงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามากระทบลงกับเตียงนอนที่ว่างเปล่านั้นทำให้เธอทราบว่าอิจิโกะตื่นนอนแล้วและคงจะอยู่ข้างล่าง ร่างเล็กจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างที่บัดนี้กลิ่นหอมอ่อนของอาหารเช้าอบอวลไปทั่วบ้าน แต่ทันใดนั้นเอง เสียงทุ้มของอิจิโกะที่เหมือนว่ากำลังคุยกับใครบางคนก็ดังขึ้น

"แล้วนี่... นายเป็นใครไม่ทราบ" ลูเคียกะพริบตาปริบ ๆ เธอเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกขึ้นน้อย ๆ ด้วยความแปลกใจเมื่อบัดนี้อิจิโกะกำลังยืนท้าวสะเอวคุยกับไคเอ็นที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา ชายหนุ่มทั้งสองหันมามองเธอในทันทีพร้อมกับอิจิโกะก็พูดขึ้น

"นี่... อย่าบอกนะว่าที่เธอมาโลกมนุษย์เพราะเหตุผลนี้น่ะ" เอ่ยถามลูเคียพร้อมกับชี้นิ้วไปยังไคเอ็นที่กำลังนั่งสบาย ๆ ทำเป็นไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว ลูเคียเห็นดังนั้น เธอก็เดินปรี่เข้าไปหาไคเอ็นก่อนจะคว้าแขนแล้วดึงเขาให้ลุกขึ้นมา ลูเคียกึ่งลากกึ่งดึงไคเอ็นออกไปจากบ้านโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เสียงของอิจิโกะที่ดังขึ้นมาตามหลังไม่ได้ทำให้ร่างเล็กหันกลับไปมองเลยแม้แต่น้อย

ลูเคียและไคเอ็นเดินตรงไปเรื่อย ๆ จนสุดซอยของถนนเส้นเล็กก่อนจะเลี้ยวออกไปเดินเลียบกับถนนใหญ่ที่ไร้ซึ่งรถยนต์ในตอนเช้าตรู่ของวันหยุด ไคเอ็นสูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่นยามเช้าเข้าไปเต็มปอด แขนแข็งแรงยกขึ้นมากอดคอคนตัวเล็กเอาไว้ก่อนจะเอ่ยคำพูดแบบเมื่อวานขึ้นมาอีกครั้งว่าเมืองนี้เปลี่ยนไปมากมายแค่ไหน ใบหน้าคมหันมามองคนตัวเล็กที่ดวงตากลมโตนั้นมองไกลไปยังท้องฟ้าสีครามที่สดใส เขายิ้มขึ้นบาง ๆ แล้วเอ่ยต่อ

"ข้ายังจำวันที่ส่งเจ้ามาประจำการช่วงแรก ๆ ได้อยู่เลย เจ้าฝึกหนักมาก ตอนนี้คงเก่งขึ้นเป็นกองแล้วสินะ" ยิ้มพร้อมยกมือขึ้นไปขยี้ศีรษะเล็กเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูพร้อมกับหัวเราะ ลูเคียก้มหน้าพลางนึกถึงเหตุการณ์ช่วงนั้นตามคำพูดของร่างสูงก่อนจะยิ้มออกมาบาง ๆ ด้วยแววตาที่นึกถึงช่วงเวลาเก่า ๆ แห่งความสุข

สายลมเย็นพัดกระทบเข้ากับร่างของคนทั้งสอง ไคเอ็นค่อย ๆ คลายอ้อมแขนของเขาที่คล้องอยู่บนคอของคนตัวเล็กออกก่อนจะยื่นมือเข้าไปจับมือนุ่มแทน มือของร่างเล็กที่เย็นชืดเล็กน้อยจากอากาศที่หนาวเย็นทำให้เขาบีบมันเบา ๆ ก่อนจะประสานมือของเธอและเขาเข้าด้วยกันแล้วนำมันซุกลงไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทที่ตนใส่อยู่

ลูเคียหน้าแดงซ่าน ความรู้สึกสับสบกำลังเกิดขึ้นในหัวใจดวงน้อยอีกครั้ง ความอบอุ่นและการกระทำของคนข้างกายทำให้หัวใจที่บอบช้ำสั่นไหวได้อย่างน่าประหลาด ทั้งคู่เดินเรื่อย ๆ ไปตามทางเดินที่ทอดยาว สองเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไร้ซึ่งเสียงพูดคุยมาได้สักพักแล้วแต่ร่างเล็กกลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย กลับกันที่เธอรู้สึกสบายใจและอบอุ่นหัวใจราวกับว่าในตอนนี้มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่คอยอยู่ข้าง ๆ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

เสียงนกร้องเบา ๆ ในยามเช้าทำให้ร่างบางหันไปมองร่างสูง ใบหน้าคมคายรวมทั้งกลิ่นกายและนัยน์ตาอ่อนโยนคู่นั้นที่กำลังมองเธอตอบกลับทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างไม่อาจห้ามความรู้สึก ร่างเล็กหลบสายตาคู่นั้นลงก่อนจะเอ่ยบางสิ่งเพื่อกลบเกลื่อนริ้วแดงที่แล่นจางขึ้นมาบนแก้มขาว

"แล้วทำไมท่านไคเอ็นถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ" คำถามนั้นทำให้ร่างสูงลูบมือเล็กที่เขากำลังกุมอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ทเบา ๆ แล้วตอบด้วยเสียงที่นุ่มนวล "ข้าก็มาตามเจ้ากลับไปน่ะสิ" สิ้นเสียง ร่างเล็กก็รู้สึกงงงวยพร้อมกับคิ้วเรียวที่เลิกขึ้นเล็กน้อย แต่ทันใดนั้น เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ทำให้เธอมองไปทางอื่นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เศร้าเล็กน้อย

"ข้ากลับตอนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ ข้ามีภารกิจที่นี่" ไคเอ็นได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้ม

"มีภารกิจหรือว่ามีเหตุผลอื่นกันแน่..." คำพูดนั้นทำให้ลูเคียชะงักไปเล็กน้อย ร่างสูงเห็นดังนั้นก็เอ่ยต่อ "ยมทูตฝีมือระดับเจ้าไม่ควรถูกส่งมาฝึกกับฮอลโล่วปลายแถวอีกต่อไปแล้ว แย่งงานเด็กใหม่น่ะมันไม่ดีนะ" สิ้นเสียงเขาก็หันมายิ้มให้กับร่างเล็ก ลูเคียหันมาค้อนในทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้น ร่างสูงหัวเราะหึ

"ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย... แค่อยากให้กลับไปทำหน้าที่ที่เหมาะสมก็แค่นั้นเอง ได้ยินมาว่าสองสามวันก่อน เด็กยมทูตหน้าใหม่ไฟแรงยืนคอตกกันเป็นแถวเพราะภารกิจนี้มีคนต่อแถวทำกันให้พรึ่บ เจ้าก็รู้ว่าการมาโลกมนุษย์มันสำคัญกับการก้าวหน้าในหน่วย" พูดเจื้อยแจ้วให้ร่างเล็กฟัง ลูเคียลดสายตาลงต่ำในทันทีก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

'มันก็จริง แต่ถ้าจะให้เธอกลับตอนนี้มันก็...' คิดกับตนเองถึงสิ่งที่ต้องเผชิญหากกลับไปในเวลานี้ นัยน์ตาสีเข้มหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ทันใดนั้นเอง ไหล่เล็บก็วาบขึ้นด้วยไออุ่นจากฝ่ามือใหญ่ที่วางแนบลงเบา ๆ ร่างบางหันไปมองก่อนจะเจอเข้ากับร่างสูงที่ส่งยิ้มบางมาให้กับเธอ สายตาคมที่เต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งดวงใจที่กำลังบอบช้ำ ไคเอ็นยกมือขึ้นไปลูบศีรษะเล็กก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

"มีข้าอยู่ด้วยแล้วจะกังวลอะไรอีก เป็นแบบนี้ไม่เหมือนลูเคียที่ข้ารู้จักเลยนะ" สิ้นเสียง นัยน์ตาสีเข้มของคนตัวเล็กก็วาบขึ้นน้อย ๆ ก่อนขอบตาสวยจะร้อนผ่าวแล้วปริ่มขึ้นมาด้วยหยาดน้ำตาใส จู่ ๆ ดวงใจก็เจ็บวาบขึ้นด้วยความรู้สึกมากมายที่ตนกำลังสะกดกลั้นอยู่และมันก็แทบจะปิดบังต่อไปอีกไม่ไหว ความเจ็บปวดที่ตีรั้งทำให้ร่างบางโผตัวเข้ากอดร่างสูงในทันที

ใบหน้าหวานซุกนิ่งตรงอกแกร่ง ปล่อยน้ำตามากมายให้ไหลลงมาอย่างเงียบ ๆ ไคเอ็นอึ้งไปเล็กน้อยกับการกระทำนั้นของร่างเล็ก แต่แล้ว ความจริงที่ว่าในตอนนี้ลูเคียที่กำลังอ่อนแอและอ่อนไหวดูเหมือนจะต้องการเขามากที่สุดก็ทำให้สายตาคมอ่อนลงในทันที มือแกร่งค่อย ๆ กอดตอบร่างบางอย่างแผ่วเบา ส่งมอบความอบอุ่นให้กับคนตัวเล็กก่อนจะบรรจงจูบลงบนศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน

ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งดวงใจ ลูเคียกอดคนตรงหน้าเอาไว้แน่นพร้อมกับเสียงหัวใจของร่างสูงที่ได้ยินนั้นทำให้รู้สึกปลอดภัยอย่างน่าประหลาด คำชวนของร่างสูงเมื่อครู่ที่ว่าให้กลับไปยังโซลโซไซตี้ทำให้ร่างบางเริ่มคิดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายที่ต้องเผชิญ แต่ในเมื่อคนที่เธอต้องการมากที่สุดมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เธอจะต้องกังวลอะไรอีก ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา ไคเอ็นคือคนที่เธอเฝ้าคิดถึงอยู่ลึก ๆ ภายในใจ ก่อนหน้าใครคนนั้นเสียอีก...


- ยามดึกของคืนวันเดียวกัน คฤหาสน์คุจิกิ –

ในห้องนอนขนาดกว้าง ร่างของคนสองคนนอนแนบชิดกันอยู่ใต้ผ้าห่มนวมสีขาว ฟูกนิ่มอบอุ่นไปด้วยไอร้อนจากร่างกายที่ให้ไออุ่นแก่กันและกัน นิ้วมือเรียวของเบียคุยะลูบเส้นผมของคนตัวเล็กไปมา ใบหน้าหวานซบลงที่อกแกร่ง

"ท่านเบียคุยะ" เสียงหวานเอ่ยกระซิบ

"หืม" ใบหน้าคมก้มลงจูบบนเส้นผมหอมของคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน ร่างบางยิ้มขึ้นน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ

"จู่ ๆ ข้าก็คิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา"

"เรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ" นิ้วมือเรียวลูบไปตามแผ่นหลังเนียนของคนตัวเล็กเบา ๆ

"เรื่องนั้นไงคะ ตอนที่ท่านเบียคุยะฝึกวิชาใหม่ ๆ แล้วก็เผลอไปทำให้ต้นไม้ใหญ่ล้มเข้า" เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะน้อย ๆ ทำให้ร่างสูงนอนนิ่งเงียบพร้อมกับพยายามปะติดปะต่อคำพูดนั้นอยู่ในหัวของตน เสียงหวานเอ่ยเรื่องราวเหล่านั้นต่อไปพร้อมกับศีรษะเล็กที่ถูเข้าตรงอกแกร่งเบา ๆ ราวกับลูกแมวน้อย ร่างสูงนิ่งไปเพียงครู่ก่อนจะเอ่ยถาม

"เจ้าพูดเรื่องอะไร" คำถามนั้นทำให้ร่างบางกะพริบตาปริบ ๆ
"เอ๋... ทำไมท่านเบียคุยะจำไม่ได้ล่ะคะ พอข้าเล่าเรื่องนี้ทีไรท่านเบียคุยะก็จะหัวเราะทุกทีนี่นา" คำพูดนั้นทำให้หัวใจของร่างสูงกระตุกวาบ มือแกร่งที่เคยลูบไล้อยู่บนผิวเนียนหยุดกึก ความคิดมากมายพร้อมใจกันผุดขึ้นมาในหัวของร่างสูง

'เจ้าพูดเรื่องอะไรฮิซานะ ข้าไม่เคยเล่าเรื่องแบบนั้น นี่เจ้า... พูดเรื่องอะไรของเจ้า' ร่างสูงนิ่งเงียบ ทันใดนั้น เสียงหวานก็เอ่ยขึ้นมาอีกรอบ

"แล้วก็มีอีกเรื่องนึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรกในเซย์เรย์เทย์.." คนตัวเล็กที่เอ่ยเจื้อยแจ้วทำให้คิ้วเรียวของคนที่ได้ฟังขมวดเข้าหากัน ร่างสูงมองไปยังเพดานสีดำด้วยนัยน์ตาที่สั่นคลอนไปมาเล็กน้อย

'เราไม่ได้เจอกันครั้งแรกที่เซย์เรย์เทย์...' ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั้งดวงใจ เสียงหวานที่ยังคงเอ่ยเรื่องราวต่างๆ นาๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงทำให้ร่างสูงนอนนิ่งราวกับถูกสะกด ความเจ็บปวดที่ทราบว่าข้อมูลทุกอย่างเป็นสิ่งจอมปลอมที่ถูกป้อนเข้าไปในสมอง รวมทั้งร่างกายอบอุ่นที่กำลังกอดเขาอยู่ในตอนนี้ก็เป็นเพียงสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาเท่านั้น ทำให้ร่างสูงรู้สึกเหมือนโดนความจริงตบเข้าที่หน้าฉาดใหญ่

ใบหน้าหวานของลูเคียที่หายตัวไปค่อย ๆ ลอยเข้ามาในหัว สีหน้าที่เศร้าหมองบวกกับดวงตาคู่สวยที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวาราวกับคนที่ทุกข์ทนทรมานทำให้ร่างกายของร่างสูงแข็งทื่อ

'นี่ข้า... ทำอะไรอยู่..' สิ้นสุดความคิด เบียคุยะก็ลุกขึ้นพรวดก่อนจะนั่งนิ่งอยู่บนฟูกนิ่ม คนตัวเล็กกะพริบตาปริบ ๆ มือบางยื่นไปแตะที่แขนแข็งแรงเบา ๆ

"ท่านเบียคุยะ..." ไร้ซึ่งคำตอบของร่างสูง มือแกร่งคว้าเอาชุดนอนที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาสวมแบบลวก ๆ ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว คนตัวเล็กมองการกระทำของคนตรงหน้าพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยด้วยความฉงน

"ท่านเบียคุยะ จะไปไหนเหรอคะ" เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อเห็นร่างสูงที่สวมชุดยมทูตเดินมุ่งหน้าไปยังประตู

"ข้าจะไปตามลูเคีย" กล่าวเสร็จเขาก็เดินออกจากห้องไป ฮิซานะได้ยินดังนั้นก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะล้มตัวนอนลงอย่างช้า ๆ

เบียคุยะเดินฝ่าความหนาวเย็นในตอนค่ำคืนตรงไปยังประตูหน้าของคฤหาสน์ที่มียมทูตองครักษ์สองสามคนกำลังยืนอยู่ แต่ในขณะที่เขากำลังเดินผ่านสวนหย่อมด้านหน้าอยู่นั้น ร่างของใครบางคนที่เดินออกมาจากแนวกำแพงก็ทำให้หัวใจของเขากระตุกวาบในทันที

ลูเคียที่ยืนโค้งตัวให้ใครบางคนอยู่หน้าทางเข้าทำให้ขาเรียวหยุดกึก เมื่อบัดนี้ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งบวกกับใบหน้าคมที่สะท้อนเข้ากับแสงของคบเพลิงนั้นมันช่างดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน

'ชิบะ ไคเอ็น'

"ส่งแค่นี้ก็ได้ค่ะท่านไคเอ็น" ร่างเล็กโค้งตัวลงแล้วยิ้มบาง ๆ

"อืม พรุ่งนี้เจอกันนะ" เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ลูเคียรับคำเบา ๆ ก่อนจะอมยิ้มด้วยแก้มขาวที่ขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในประตูใหญ่ของคฤหาสน์

ขาเรียวเดินไปตามทางเดินทอดยาวที่มืดสลัวแต่แสงจากโคมไฟเล็ก ๆ ที่คอยให้แสงสว่างนั้นก็พอจะทำให้เห็นทางเดินข้างหน้าอยู่บ้าง แต่ทันใดนั้นเอง ขาเรียวก็ต้องหยุดกึก เพราะจู่ๆ ร่างบางก็รับรู้ถึงจิตสังหารอันเบาบางของใครบางคนที่เจ้าตัวไม่อาจปิดบังไว้ได้หมด หัวใจดวงน้อยเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตากลมโตหันไปมองยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะเจอเข้ากับเบียคุยะที่กำลังยืนหันหลังมองนิ่งไปยังบ่อปลาที่ผืนน้ำสะท้อนเข้ากับแสงจันทร์

ร่างบางเห็นดังนั้นก็รู้สึกลังเล ในตอนนี้เธอควรจะทำตัวเช่นไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอก็คงจะเข้าไปทักทายและไถ่ถามว่าดึกดื่นเช่นนี้แล้วทำไมท่านพี่ถึงยังไม่ไปพักผ่อน แต่ในตอนนี้สถานการณ์มันไม่ใช่แบบเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีฮิซานะกลับมาอยู่ด้วย เธอก็ควรมีระยะห่างกับเขา คิดได้ดังนั้น ร่างเล็กก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างเบา ๆ และแน่นอนว่าการกระทำเช่นนั้นทำให้หัวใจของร่างสูงกระตุกวาบ ภายในใจของเขาตอนนี้มันกำลังร้อนรนดั่งไฟเผา อยากจะถามเธอให้รู้กันไปว่าทำไมถึงมากับชายผู้นั้นในยามดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้ ที่ผ่านมาเธอหายไปไหน ทำไมถึงไม่บอกกัน ทำไมถึงไม่เห็นความสำคัญ..

หัวใจที่ร้อนรนทำให้ขาเรียวกำลังจะก้าวตามร่างเล็กไป แต่ทันใดนั้นเอง บางสิ่งที่ตนยึดถือมาตลอดห้าสิบปีก็ทำให้เขาชะงักกึกพลันเสียงบางอย่างก็ดังขึ้นมาในหัว

..เขาไม่ควรทำแบบนั้น..

ด้วยบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบต่อวงศ์ตระกูลอันหนักอึ้งที่แบกรับอยู่บนบ่าทำให้ตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรที่จะปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบมาควบคุมการกระทำของตน เบียคุยะสายตาสั่นระริก หัวใจของเขากำลังเผาไหม้จนใกล้จะเป็นจุลแต่หัวสมองกลับสั่งให้ร่างกายยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม

..อึดอัดขัดใจจนไม่อาจจะทัดทาน..ทรมานเผาไหม้ให้เขาตายทั้งเป็น..

ร่างสูงกำมือแน่นพร้อมกับหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด พยายามข่มใจที่ร้อนดั่งไฟให้เย็นลงก่อนจะหันหลังกลับไปด้วยหัวใจที่ยากเกินกว่าจะทัดทาน




รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว