KASIBSHOL CATSTER วุ่นนัก... เมื่อแมวหลงรักมาเฟียร้าย-Chapter 4

โดย  Biteholic Girl

KASIBSHOL CATSTER วุ่นนัก... เมื่อแมวหลงรักมาเฟียร้าย

Chapter 4

ทันทีที่เข้ามาใกล้กระท่อมก็แทบสะกดกลั้นความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ นางอยากเห็นสีหน้าตื่นกลัว สีหน้าพ่ายแพ้ สีหน้าหวาดผวาจากฟางหรงยิ่งนัก แต่ด้วยความรู้สึกว่าที่แห่งนี้ดูเงียบเกินไปก็หวาดกลัวที่จะเข้าใกล้จึงมองดูไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่หรือไม่” เหม่ยอ้ายตะโกนอยู่หน้าประตู พลันประตูเก่าๆ นั้นก็เปิดออกเผยให้เห็นสตรีผู้ที่นางต้องการพบเจอ

“ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ฟางหรงพยักหน้าตอบคล้ายว่าไม่ได้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น

“เจ้า!” เหม่ยอ้ายตกใจถอยหลังก้าวหนึ่ง

คิ้วของเหม่ยอ้ายขมวดด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นฟางหรงนั้นดูช่างปกติยิ่งนัก ลางสังหรณ์ของนางเพิ่งทำงานว่านางกำลังทำผิดพลาด

“เจ้าอันใด อย่าส่งเสียงดังมากได้หรือไม่ ข้าระคายหูยิ่งนัก” ฟางหรงมุ่นหน้าไม่พอใจเมื่อได้ยินเสียงเล็กแหลมของเหม่ยอ้าย

“เจ้าไม่ได้ถูกพวกมันข่มเหงได้อย่างไรกัน” เหม่ยอ้ายมีสายตาสับสน

มันไม่น่าเป็นไปได้ที่ว่าสตรีเพียงผู้เดียวจะสามารถต่อกรกับบุรุษอันธพาลคนคุกเดนตายที่นางจ้างวานมาถึง 4 คนได้ นางรู้สึกสับสนยิ่งนักในตอนนี้

“อาา...เจ้าคงอยากเห็นข้าอยู่ในสภาพร้องไห้ฟูมฟาย นัยน์ตาไร้แววเช่นนั้นสินะ น่าเสียดายที่เจ้าพลาดแล้ว” ฟางหรงถอนหายใจน้อยๆ คิ้วนางมุ่นคิดไม่ตกว่าสมควรทำอย่างไรกับนางดีจึงจะเหมาะสมกับสิ่งที่เหม่ยอ้ายคิดกระทำ

หากนางเป็นเพียงสตรีธรรมดาคงไม่แคล้วต้องถูกข่มเหงอย่างไร้เกียรติน่าอดสูจนต้องฆ่าตัวตายเสียเอง สตรีใดถูกข่มเหงล้วนกลายเป็นผู้มีมลทิน ไร้เกียรติ เป็นที่น่าเสื่อมเสียแก่วงศ์สกุลมิอาจสู้หน้าในสังคมได้อีกทั้งๆ ที่ตนคือเหยื่อผู้ถูกกระทำแท้ๆ

นับว่าการกระทำของเหม่ยอ้ายนั้นโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างยิ่ง แต่เพราะนางมิใช่สตรีธรรมดาจึงไม่ต้องถูกแผนการบัดซบทำร้าย เหม่ยอ้ายนับว่าเป็นผู้ที่มีสติปัญญาบางเบาโดยแท้

“คุณหนูจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ” เป็นอาเป่าที่เอ่ยถามเมื่อเห็นนายของตนทำสีหน้าหนักใจ

“อืม...เห็นทีต้องตอบแทนนางเสียแล้ว” ฟางหรงถอนหายใจ

ตามคติประจำตัวของนางคือให้หนึ่งตอบแทนร้อย เหม่ยอ้ายโหดเหี้ยมอำมหิตก็จริงสมควรใช้หนี้คืนอย่างรุนแรงให้นางรู้สำนึก

เดิมทีฟางหรงคิดจะให้อาเป่าสาดพิษเสน่หาใส่เหม่ยอ้ายแล้วระบายราคะกับโจรถ่อยผู้นั้นก่อนที่จะแสร้งตะโกนเรียกให้ชาวบ้านทั้งหลายมาร่วมชมงิ้วที่นางสร้างขึ้นในครั้งนี้

ให้นางได้รู้สำนึกด้วยตนเองว่าสตรีที่สูญเสียเกียรตินั้นต้องรู้สึกเช่นไร แต่ก็ต้องขอบใจที่ความโง่ของนางที่ฟางหรงตัดสินใจสั่งสอนด้วยความปรานีอย่างยิ่ง

“เจ้าคิดจะทำอันใด” เหม่ยอ้ายรู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นชื้นเต็มไปด้วยเหงื่อ ขาที่แม้แต่จะขยับหนีก็ยังไม่อาจทำได้

“อาเป่าทำให้นางสลบเสีย” ฟางหรงไม่ได้ให้ความสนใจเหม่ยอ้ายเลยแม้แต่น้อย

“เจ้าค่ะ” ทันทีที่ได้รับคำสั่ง อาเป่าก็กระโจนทีเดียวถึงตัวเหม่ยอ้ายเพียงสาดผงยาสลบใส่ทีเดียว เหม่ยอ้ายก็ยอบตัวล้มลงกับพื้น

“พานางเข้าไปในกระท่อม”

“เจ้าค่ะ” อาเป่าแบกร่างเล็กของเหม่ยอ้ายอุ้มขึ้นหลังแล้วพาไปนอนบนแคร่ไม่ไผ่ที่อยู่ด้านใน แล้วไม่รอช้าลากตัวโจรถ่อยที่ถูกตีสลบเข้ามานอนอิงแอบอยู่ข้างๆ

“อาเป่า จัดฉากให้เรียบร้อยแล้วกลับกันเถิดไม่จำเป็นต้องรุนแรงมากนัก ครั้งนี้ให้นางรู้สำนึกก็เพียงพอแล้ว” ฟางหรงเอ่ยอย่างใจดีแล้วหันหลังเดินกลับออกไปรอด้านนอก

“เจ้าค่ะ” อาเป่าไม่รอช้ารีบทำตามคำสั่งที่ได้รับทันที

อาเป่าจัดการถอดชุดโจรถ่อยออกจนเปลือยเปล่าเหลือไว้เพียงผ้าบางๆ ปิดบังส่วนสงวน ส่วนเหม่ยอ้ายก็จัดการถอดชุดนอกออกแล้วแบะชุดตัวในเผยให้เห็นเรียวขาและเนินเนื้ออกขาวนวลดูเย้ายวนใจ

เมื่อจับท่าทางทั้งสองกอดก่ายกันเรียบร้อยแล้วก็หันหลังเพื่อตามนายตนไป แต่อาเป่าชะงักครู่หนึ่งแล้วเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะหันกลับมาตัดสินใจใช้เล็บสะกิดนิ้วแล้วป้ายโลหิตเล็กน้อยลงบนต้นขาและกระโปรงของเหม่ยอ้าย

อาเป่ายืนชื่นชมผลงานตัวเองด้วยสีหน้าแช่มชื่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินออกนอกกระท่อมแล้วรายงานผลให้กับฟางหรงทราบ

“เรียบร้อยแล้วหรือ”

“เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็กลับกันเถิด” ฟางหรงสั่งแล้วหันหลังเดินกลับในทันที

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก อีกไม่นานเหม่ยอ้ายก็จะฟื้นคืนมา หวังว่านางจะรู้สำนึกและเลิกรากันไป นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย...หากมีคราวหน้านางคงไม่ใจดีเช่นนี้แน่

สำหรับโจรชั่วผู้นั้นคิดหรือว่านางจะปล่อยให้มันมีชีวิตต่อไปได้ จริงอยู่ที่ว่านางสัญญาว่าจะไว้ชีวิตมัน...แต่ในเมื่อระหว่างที่เหม่ยอ้ายหายตัวไป องครักษ์ในจวนเสนาบดีย่อมต้องติดตามเสาะหาอย่างแน่นอน

หากผู้ที่กำจัดเป็นองครักษ์ในจวนเสนาบดีเช่นนั้นนางก็มิได้ผิดสัญญาอันใด!


------------------------------------------------------------------------------------


หลังจากที่ฟางหรงและอาเป่ากลับไปไม่นาน เหม่ยอ้ายก็ฟื้นสติขึ้นมาก่อน นางรู้สึกว่าสมองมึนๆ จึงกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างมึนงงพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดหนักอึ้งจนสายตาปะทะกับร่างบุรุษเปลือยที่กอดก่ายตนอยู่

“กรี้ดด!!!” เหม่ยอ้ายกรีดร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจ

นางหมุนตลบจนตกจากแคร่อย่างแรงจนเกิดแผลถลอกเป็นจุดๆ ผิวเนื้อสัมผัสกับก้อนดินแข็งๆ จนรู้สึกเจ็บพร้อมลมเย็นที่โชยปะทะผิวกายจนรู้สึกแปลกใจ

เมื่อใช้มือสัมผัสไปทั่วกายก็พบว่าตนอยู่ในชุดที่ไม่เรียบร้อยเหลือเพียงชุดสีขาวชั้นใน เนินอกโผล่พ้นชุดไปกว่าครึ่ง ท่อนขาขาวเนียนก็โผล่พ้นชุดเช่นกัน

ตอนแรกนางยังจดจำอันใดมิได้แต่เมื่อเห็นโลหิตแดงที่โดดเด่นอยู่บนท่อนขาและกระโปรงสีขาวก็ฟื้นคืนสติอย่างเต็มที่ นางมองสลับไปมาระหว่างตนเองกับบุรุษชุดเปลือยด้วยสีหน้าซีดขาว...เลวร้ายบัดซบแล้ว

จากสมองที่ฟื้นคืนสติเต็มที่ก็กลับว่างเปล่าขาวโพลนไปเฉยๆ คล้ายไม่รู้ว่าจะคิดสิ่งใดต่อไป หนีออกไปก็ไม่กล้าเพราะตนอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อย อยู่ต่อก็หวาดกลัวว่าโจรถ่อยผู้นั้นจะตื่นขึ้นมาจึงได้แต่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่ที่พื้นอย่างน่าเวทนา

“คุณหนูสี่” องครักษ์ของจวนแกะรอยติดตามมาได้ในที่สุดก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาจึงเห็นภาพที่ไม่เหมาะสมระหว่างบุรุษเปลือยบนแคร่กับคุณหนูสี่ในชุดตัวในที่เปิดเผยผิวกายให้เห็น

องครักษ์ที่ติดตามมาพบเรื่องดังกล่าวก็อ้าปากค้างไร้คำพูดไม่รู้ว่าจะจัดการปัญหาอย่างไรจึงได้แต่มองหน้ากันสลับไปมาโดยไม่มีผู้ใดปริปากพูดออกมา

“พวกเจ้าเตรียมผ้าคลุมไปคลุมให้คุณหนูสี่ ที่เหลือจับเจ้าเดรัจฉานนั้นตามมา” หัวหน้าองครักษ์เป็นผู้ตั้งสติได้ก่อนก็รีบสั่งการทันที ทุกอย่างจึงรีบจัดการด้วยความรีบเร่งอย่างยิ่ง

“คุณหนูสี่ ข้าขอล่วงเกินแล้ว” หัวหน้าองครักษ์ค้อมศีรษะทีหนึ่งแล้วเข้าไปอุ้มตัวเหม่ยอ้ายไว้แนบอกแล้วใช้ผ้าคลุมปิดบังอำพรางนางแล้วกลับจวนอย่างเงียบเชียบ


------------------------------------------------------------------------------------