“ ใช่ ความน่ารักสดใสของแก คงจะช่วยทำให้บ้านของเรามีชีวิตชีวามากขึ้น”
“ ใช่ แล้วก็คงจะมีชีวิตชีวามากขึ้นไปอีกสักร้อยเท่า ถ้าแกจะแต่งงานกับตาก้างแล้วมีหลานน่ารักๆให้เราสักสองสามคน”
“ ฮึ่ย...คิดอะไรของคุณ”
คุณธนาเอ็ดความคิดแบบเร็วติดจรวดของภรรยา
“ อุ้ย...ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งอยากให้เป็นจริงขึ้นมา ถ้าเป็นจริงได้ชีวิตฉันคงเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ตอนที่มีลูกฉันไม่มีเวลาเลี้ยงเขา ฉันจะขอแก้ตัวในรุ่นหลานนี่หละ”
คุณวิยดาทำตาฝัน
ผู้เป็นสามีถึงกับหัวเราะขำเรื่องราวที่คิดไปได้เป็นตุเป็นตะของภรรยา ทั้งที่เด็กสาวคนนั้นพึ่งจะเดินทางมาถึง และลูกชายของพวกเขาก็ใช่ว่าจะเหมือนชายหนุ่มทั่วๆไป
“ คุณพูดราวกับว่าตาก้างจะยอมสนใจผู้หญิงง่ายๆอย่างนั้นแหละ”
คุณวิยดาหน้าม่อยลงทันทีเมื่อนึกถึงความจริงข้อนั้น
“ จริงสินะ ลูกหนอลูก จะเอายังไงก็ไม่เอาให้แน่ ทำคลุมๆเครือๆอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าพ่อแม่กลุ้มใจจะแย่แล้ว”
“ ถ้าลูกยอมรับออกมาตรงๆว่าชอบผู้ชายคุณจะรับได้หรือ”
สามีลองถามหยั่งเชิง
“ รับได้สิคะ ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกของเรา และเขาก็ประพฤติตัวดีทุกด้านมาโดยตลอด แต่...” คุณวิยดาหน้าสดชื่นตาแวววาวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อหาทางจุดประกายความหวังให้กับตัวเองได้อีกรอบ “ ตอนนี้เขายังไม่ยอมรับออกมาว่าชอบไม้ป่าเดียวกันจริงๆ ฉันก็คิดว่ายังมีความหวัง แล้วหนูพิ้มก็สวยน่ารักขนาดนั้นถ้าตาก้างเป็นผู้ชายแท้ๆก็คงอดชอบไม่ได้หรอกคะ หรือต่อให้เป็นเกย์จริงก็คงต้องเลิกเป็นกันละงานนี้ ถ้าได้มาใกล้ชิดหนูพิ้ม”
คุณธนาถึงกับส่ายหน้าอย่างขำขำกับความดื้อที่จะฝันของภรรยา แต่ในใจลึกๆแล้วเขาก็อดที่จะฝันตามไปด้วยไม่ได้...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
สาวใช้ที่พาพิมพ์มณีขึ้นมาที่ห้องชื่อจอย อายุน่าจะแก่กว่าหญิงสาวราวสองสามปี มีนิสัยช่างพูดช่างคุยจนเธอรู้สึกคุ้นเคยด้วยอย่างรวดเร็วทั้งที่พึ่งได้พบกันเพียงไม่กี่นาที หลังจากเข้าห้องจัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพิมพ์มณีก็มานอนเล่นที่เตียงตั้งใจจะงีบสักพักเพราะตอนที่อยู่บนเครื่องบินนั้นหลับไม่สนิทเลย...
หญิงสาวมาตื่นขึ้นเอาบ่ายมากแล้วและท้องก็ร้องจ๊อกๆจึงต้องรีบลงมาข้างล่าง ได้ทราบจากสาวใช้อีกคนหนึ่งว่าคุณลุงคุณป้าผู้ใจดีกำลังพักผ่อนอยู่เหมือนกัน หญิงสาวจึงไม่อยากรบกวน เดินตระเวนหาครัวด้วยตัวเองจนพบ
“อุ้ย คุณพิ้ม ต้องการอะไรหรือเปล่าคะ”
จอยที่กำลังง่วนอยู่กับงานในครัวหันมาเห็นก็เอ่ยทัก
“พิ้มหิวจังคะ มีอะไรพอทานได้บ้างไหม”
“เอ็งไปจัดการหาอะไรให้คุณเขาทานไป”
ป้าไสวผู้อาวุโสสุดในกลุ่มคนใช้ด้วยกันบอกกับจอย
จอยจึงวางงานในมือแล้วรีบพาพิมพ์มณีมานั่งที่โต๊ะในห้องรับประทานอาหาร
“ คุณพิ้มคอยอยู่นี่แป๊บนะคะ เดี๋ยวพี่จอยจะรีบจัดการให้ ว่าแต่อยากจะทานอะไรดีค่ะ”
“ อะไรก็ได้คะ พิ้มทานง่าย ขอแค่ไม่เผ็ดมากก็พอ”
จอยรับคำแล้วหายวับกลับเข้าไปในครัว ไม่ถึงสิบนาทีก็กลับมาพร้อมข้าวผัดกับต้มจืดร้อนๆ พิมพ์มณีรีบลงมือทันทีด้วยความหิว
“ แล้วนี่ลูกชายของคุณป้ากลับมาหรือยังคะ”
หญิงสาวชวนคุยขณะที่ทานอาหารไปด้วย หล่อนอยากจะรู้เรื่องของเขาบ้างเพราะคิดว่าไหนๆก็ต้องมาอยู่บ้านของเขาแล้ว ควรจะหาข้อมูลของเจ้าของบ้านเอาไว้ล่วงหน้าบ้าง
“ คงอีกสักครู่ใหญ่ๆก็คงจะกลับแล้วละคะ วันเสาร์อย่างนี้คุณก้างชอบไปฟังเทศน์ที่วัด หรือบางทีก็อยู่นั่งวิปัสสนาไปจนข้ามคืนเลยก็มี”
จอยพูดจ้อยๆตามนิสัยคนช่างพูด พร้อมกับถือโอกาสนั่งลงยังเก้าอี้ตัวตรงข้ามด้วย ซึ่งพิมพ์มณีก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะหล่อนไม่ใช่คนที่ถือตัวและเห็นว่าคนทุกคนก็ล้วนเป็นคนเหมือนกันทั้งสิ้น
“ แล้ววันอาทิตย์ละ”
ซักถามไปเรื่อยๆไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ
แต่จอยรู้สึกจะมันส์ปากมาก เม๊าท์ใหญ่เลย
“วันอาทิตย์ก็อยู่บ้านค่ะ นอนอ่านหนังสือหรือไม่ก็ดูต้นไม้ต้นไร่ไปตามเรื่องสวนดอกไม้สวยๆรอบบ้านนี้ก็ฝีมือคุณก้างทั้งนั้นนะคะ”
พิมพ์มณีทำตาโตอย่างทึ่งจัดกับกิจกรรมยามว่างของหนุ่มโสดคนนี้ มันช่างต่างกับชายหนุ่มคนอื่นๆที่เธอเคยรู้มาโดยสิ้นเชิง
“แล้วเขาไม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนฝูงบ้างเลยเหรอ”