หลังจากประชุมงานโปรเจคใหม่กับลูกค้าแล้วเสร็จ พวกผมก็ขับรถมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อเดินทางไปเอ้าท์ติ้งร่วมกับเพื่อนพนักงานตามแผนกำหนดการณ์ที่วางไว้ โดยมีไอ้อาร์ตนั่งอยู่ขนาบข้างคนขับอย่างผม และไอ้พีร์ ที่ชิงหลับเอาแรงนำไปก่อนแล้วอยู่ตรงเบาะหลัง
หลายชั่วโมงผ่านไปพอๆกับระยะทางที่ผมขับรถออกห่างจากตัวเมืองใหญ่ เสียงโทรศัพท์ของไอ้อาร์ตก็ดังขึ้นท่ามกลางทำนองเพลงเบาๆที่ลอดออกมาจากลำโพงรถ แม้ว่าตัวเจ้าของโทรศัพท์จะเอาแต่ทำท่ากึ่งหลับกึ่งตื่นเหมือนคนเพลียเสียเหลือเกินในตอนรับสาย แต่ไม่นานนัก..ผมจับใจความจากอีกฟากฝั่งได้ว่า ‘ดรีม’ นั้นหายตัวไปจากรถบัสเสียแล้ว..!!
แม่งเอ้ยย..
ตั้งแต่วินาทีนั้น..
ผมก็ร้อนรนใจอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆครับ..
ป่านนี้ดรีมจะเป็นยังไงบ้างนะ..?
มือทั้งสองข้างของผมจับพวงมาลัยรถเอาไว้แน่นเสียจนเหงื่อเริ่มซึมออกมา เท้าก็พาลแต่จะเหยียบคันเร่งสลับกับเบรกอยู่เป็นระยะๆเท่านั้น ถึงจะโชคดีที่ผ่านช่วงรถติดแถบชานเมืองมาได้แล้ว แถมถนนออกต่างจังหวัดในยามดึกสงัดแบบนี้ก็ปรอดโปร่งโล่งสบายขึ้นมาก แต่มันก็ไม่ช่วยให้หัวใจที่ว้าวุ่นของผมนิ่งสงบได้ดั่งถนนที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้าเลยสักนิด..
เอาน่า..
ดรีมโตแล้ว..
ดรีมดูแลตัวเองได้..
ผมก็แค่ขับรถอย่างระมัดระวังเพื่อไปรับดรีมเท่านั้น..
พยายามปลอบใจตัวเองทั้งที่ในอกนั้นร้อนรุ่มไปด้วยความเป็นห่วงอยู่เต็มไปหมด..
.
.
.
.
.
01.51 น.
.
.
ถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปชั่วโมงกว่าแล้วหลังจากที่ดรีมขาดการติดต่อกับทุกคน ผมยอมรับตรงๆว่าในหัวผมมันมีแต่ความเป็นห่วง โมโห หงุดหงิด แล้วก็วนกลับมาเป็นห่วงคนที่อยู่ในความคิดผมอีกครั้ง.. ซ้ำแล้ว.. ซ้ำเล่า.. ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ มากเท่าไหร่ จากที่เคยปลอบใจตัวเองให้นิ่งสงบไป.. มันกลับร้อนเป็นไฟด้วยความกังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ..
โถ่โว้ยยย..!!
ผมชักจะทนไม่ไหวแล้ว..
“ใจเย็นๆไอ้ควอตซ์” ไอ้อาร์ตที่นั่งขนาบข้างผมร้องบอก ก่อนจะกลับไปมองแผนที่ในโทรศัพท์สลับกลับมามองถนนเบื้องหน้าเพื่อชี้บอกทางเป็นระยะๆอีกครั้ง “อีกไม่ไกลแล้วมึง..” มันคงสังเกตุเห็นความร้อนรนใจที่ผมแสดงออกมาจนชัดเจนเป็นแน่..
“มึงไม่ต้องห่วง เดี๋ยวถ้ากูเจอไอ้ดรีมแล้วกูจะโทรบอกมึงเอง!” ไอ้พีร์พูดกับไอ้ก็อตที่อยู่ปลายสาย ตอนนี้มันก็กลับมานั่งหลังตรงไม่นอนอีกต่อไปแล้วเช่นกัน
แม้ว่ารถของพวกผมจะเป็นคันที่วิ่งตามกลุ่มรถบัสออฟฟิตกันมาทีหลัง แถมยังสามารถถึงจุดพักรถได้ไวกว่าหากขบวนรถบัสต้องวกกลับมาใหม่ แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมลดความกังวลใจลงได้เลย..
.
.
อยากไปให้ถึงที่หมายเสียตั้งแต่วินาทีนี้เลยจริงๆ..
คนหายทั้งคน.. แถมคนๆนั้นยังเป็นดรีมอีก..
แม่งเอ้ยยยยยย..
.
.
“ไอ้ควอตซ์.. จุดพักรถข้างหน้านี่แหละ.. มึงเลี้ยวซ้ายเลย..!”
ผมหักเลี้ยวเข้าไปยังลานกว้างขนาดใหญ่ที่วาดเส้นไว้สำหรับจอดรถนับสิบ ก่อนจะตีวงโค้งอ้อมจุดเติมน้ำมันเพื่อไปจอดเทียบเพิงโถงกว้างลักษณะเหมือนโรงอาหารสมัยมัธยมในทันที โต๊ะ และเก้าอี้เงาวับก็พากันสะท้อนแสงต้องไฟหน้าจนเป็นประกายไปทั่ว และในตอนนั้น.. ผมพลันมองเห็นคนจำนวนหนึ่งกำลังยืนล้อมวงจับกลุ่มคุยกันอยู่ราวกับมีเหตุอะไรสักอย่างเกิดขึ้น..
.
.
“หรือว่าแม่งจะมีเรื่องวะ?”
.
.
ใช่!!
ไอ้พีร์แม่งโพล่งสิ่งที่อยู่ในความคิดของผมออกมา~
.
.
“แม่งเอ้ยยยย..” ผมกระชากประตูเปิดออกทันทีที่รถจอดนิ่งสนิทแล้ววิ่งลงไป
“เฮ้ย..! ไอ้ควอตซ์!!” ไอ้อาร์ต ไอ้พีร์ วิ่งตามมาติดๆเช่นกัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“โอยยยย.. โอยยยยยย~”
.
.
เสียงโอดโอยดังออกมาเป็นระยะๆในขณะที่ ลุง ป้า น้า อา พ่อค้า แม่ค้า และนักท่องเที่ยวที่เหลืออยู่น้อยนิดยืนจับกลุ่มตั้งท่าคุยกันอยู่เป็นวงล้อม ณ โต๊ะสเตนเลสที่เหล่าพนักงานออฟฟิตผู้ออกทริปเอ้าท์ติ้งใช้แดกข้าวมื้อเที่ยงคืนกันไปเมื่อกี้~ = =“
เฮ้ออออออ~ ถอนหายใจเฮือกใหญ่..ๆ
สองเฮือก..
สามเฮือก..
สี่เฮือกไปเลยเมิ้งงงงงง.. >//<“
“ผมก็แค่ขอไอจีน้องเค้าเฉยๆ~”
“เฉยๆพ่อมึงเซ่..!! เมื่อกี้มึงจะทำอะไรกูห๊าาา..!!!”
.
.
หงุดหงิดเป็นบ้า..
ก็จะอะไรซะอีกล่ะ..
ไอ้เชี่ยะนี่ทำผมตกรถน่ะเซ่..!!!
แม่งงงงงง.. เบอร์ไอ้ก็อตก็จำไม่ได้ จะเปลี่ยนบ่อยอะไรนักหนา ตังค์ที่ติดกระเป๋ากางเกงมาก็หมดไปแล้ว แถมมือถือก็ไม่อยู่ ไอ้คู่กรณียังเสือกทำตัวสำออยอีก.. ซวยฉิบหายที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ไอ้ดรีมเอ้ยยย.. เกิดมาพึ่งเคยพบเคยเจอ แล้วกูไปเป็นไทป์ผู้ชายอย่างมึงตั้งแต่ตอนไหนวะ = =?
เห็นหน้าแล้วแม่ง.. มันน่านัก..!
โว้ยยยย.. นี่มึงอยากแดกตีนกูอีกสักทีใช่มั้ยห๊า..ใช่ม้ายยยย!!
“ลุง.. ลุงช่วยผมด้วย.. ช่วยผมด๊วยยย~” ชายร่างสูงร้องโหยหวน
“ให้ลุงเค้ามาช่วยคนอย่างมึงเนี่ยน๊าาาา!!!” มึงอย่ามาสำออย ตัวมึงใหญ่เท่าบ้านแล้วไอ้เหี้ย!
“เฮ้ยๆๆๆ ไอ้หนู.. พอแล้ว พอแล้วววว~” ลุงเจ้าของร้านข้าวต้มกระโดดเข้ามาเป็นกรรมการห้ามศึกในช่วงเวลาที่ผมกำลังพุ่งตัวเข้าประชิดฝั่งตรงข้ามได้อย่างทันท่วงที
“ปล่อยผมเซ่..ปล่อยสิโว้ยยย..!!!”
หึ่ยยยย~
หัวร้อนจนไฟลุก!!
เลือดขึ้นหน้าจนถูกอุ้มตัวลอยออกมาจากด้านหลัง
มึงมาให้กูงับหัวอีกสักทีสองทีดีมั้ยห๊าาา.. แง่งงง.. =w=“
.
.
และในวินาทีนั้น..
.
.
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ..? ไอ้ดรีม?”
.
.
ตัวละครลับ พี่อาร์ต พี่พีร์ ก็โผล่เข้ามาเป็นกำลังเสริมให้ลุงร้านข้าวต้มเพื่อช่วยกันห้ามศึกเฉพาะกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ชนิดที่ผมยังต้องชะงัก ก็พี่แกเล่นตั้งท่ายกแขนขึ้นห้ามทัพระหว่างผมกับคู่กรณีจนทำเอาสตั้นไปนิดน่ะสิ แต่เดี๋ยว.. แล้วนี่พวกพี่แม่งมาอยู่ตรงนี้กันได้ไงวะ = =??
เออ.. เรื่องนั้นข้ามไปก่อนเหอะ พวกพี่มาอยู่นี่แล้วก็ดี๊..!!
งั้นช่วยผมจัดการไอ้เหี้ยนี่ด้วยเลยละก้าน.. ย๊าาาาาา.. *[]*//
“ปล่อยสิโว้ย..!!!”
มันขึ้น!
เห็นหน้าไอ้เหี้ยนี่แล้วมันขึ้น!!
เหยียดดด..ตีนเตะปากแม่งก็ไม่ถึง !!
ปล่อยกูเซ่~!!!
.
.
“พวกหนุ่มรู้จักไอ้หนูคนนี้เหรอ..?” ลุงร้านข้าวต้มเอ่ยถามท่ามกลางเสียงโวยวายของผม
“ครับ คนของผมเอง” เสียงคุ้นๆตอบมาจากด้านหลัง แถมยังได้ยินชัดชิ้งค์ชนิดที่นึกว่าใส่หูฟังอยู่อีกต่างหาก
ว่าแต่..
หันควับคอแทบเคล็ด..
เชี่ยยยยยยยยย~!!
ไอ้พี่ควอตซ์ *[]*//
มึงคือคนที่อุ้มกูอยู่เร้อะะะ..!!!!!!
แว๊กกกกกกกกก.. ดะ.. เดี๊ยววววววววว.. >//<
นี่มันซีนละครทีวีชัดๆ จังหวะแม่งได้สัสๆ..
ในขณะที่หันควับอยู่นั้น..
จมูกโด่งของไอ้พี่ควอตซ์มัน.. ม้านนนนนนนน..
ฝังเข้าไปในแก้มผมแล้วน่ะเซ่~ O[]O !!!!!
.
.
“เชี่ยะ..”
“เชี่ยยยยะ..”
“เชี่ยยยยยยยยยยยยะ..”
สามเชี่ยะจากพี่อาร์ต พี่พีร์ แล้วก็ผมทำเอาสตั๊น.. สตั๊นแบบค้างเติ่งตัวลอยขาไม่ถึงพื้นนี่แหละ ถึงจะแค่วิสองวิที่อึ้ง แต่ทำไมแม่งเหมือนนานเป็นนาทีเลยวะ สติกู..กลับมาด่วนๆได้แล้ว แว๊กกกก.. !&^E!@#$DQ%^&*~ O[]O//
.
.
“ปะ.. ปล่อย.. ปล่อยผ๊มมมมมม..” คราวนี้ไม่ใช่ร้องจะลงไปทำอะไรเค้าแล้ว แต่มึงต้องปล่อยกู~ ใครจะอุ้มกูก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เมิ้งงงง~
มาอุ้มกูทำม้ายยย~
แล้วก็เอาหน้ามึงออกไปไกลๆเซ่~ >//<
.
.
“งั้นพวกเอ็งก็เคลียกันไปเลยแล้วกัน ลุงปวดหัวจะแย่อยู่แล้วเนี่ยะ โห้ยยยย..!!” ลุงร้านข้าวต้มพูดเสียงเหนื่อยอ่อน ก่อนจะถอนหายใจแถมท้ายด้วยการปาดเหงื่อยกใหญ่ = =“//
“อะ.. เอ่อออ.. ครับ” พี่อาร์ต พีร์ตกปากรับคำ.. ไอ้พี่ควอตซ์ก็เช่นกัน..
#ทั้งที่มันยังคงหิ้วผมอยู่อย่างนั้น.. T^T//
.
.
ในภาวะที่ทุกอย่างเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ อาจเพราะรู้แล้วว่าถึงผมจะดีดดิ้นยังไงไอ้พี่ควอตซ์แม่งก็ล็อคไว้ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี พี่พีร์ก็ถามขึ้นมาผ่ากลางความเงียบที่เริ่มจะเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว..
“ตกลง..นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ ?”
พี่พีร์หันกลับมาถาม
พี่อาร์ตหันกลับมามอง
ไอ้พี่ควอตซ์ มึงปล่อยกูก่อนนนนนนน.. T^T
.
.
“โอยยย.. โอยยยยย..” #มึงก็ยังไม่หยุดร้องโอยอีกไอ้เหี้ยยย !!!!
.
.
.
.
.
รถสีดำเงาวับก็กลับมาแล่นบนท้องถนนอีกครั้ง~
ตอนนี้พี่พีร์รับหน้าที่เป็นสารถีคนขับรถแล้วล่ะครับ และพี่อาร์ตก็นั่งประจำอยู่เบาะข้างๆคนขับแล้วเหมือนกัน ส่วนข้างหลัง.. ก็มีไอ้พี่ควอตซ์ และผม เอ่อ.. ที่กำลังทำตัวแทบจะสิงบานประตูรถอยู่รอมร่อนี่แหละ~ >//<
เอาไงดีวะ?
ได้แต่นั่งมองท้องฟ้าสีดำสนิท ประปรายไปด้วยแสงสว่างจากดวงดาวระยิบระยับบนฟากฟ้า พร้อมกับใจที่พาลเต้นตุ๊บตั๊บจนไม่เป็นจังหวะ .. ตรงๆคือไม่อยากมองหน้าไอ้พี่ควอตซ์มันเลยแม้แต่นิ๊ดดดด..เดียวจริงๆครับ แค่นึกถึงช็อตเมื่อกี้.. มือมันก็ยกขึ้นมาถูแก้มตัวเองโดยอัตโนมัติซะแล้วเนี่ยะ
หึ่ยยยยยย์~ >//<
นอกจากป๊ากับม๊า.. ตั้งแต่เกิดมาเคยมีใครมาโดนแก้มผมแบบนี้ซะที่ไหนกันเล่า แล้วนี่.. คนแรกของผม.. ดันเป็นไอ้พี่ควอตซ์เนี่ยะนะ..O[]O//
เหอะ..!
อย่าไปซีเรียสน่าไอ้ดรีม~ ผู้ชายเหมือนกัน แค่จมูกโดนแก้มเอง ธรรมด๊าาา~ ไม่มีอะไรหรอกเนอะ มันโดนกันได้ ไม่ได้เรียกว่าถูกหอมแก้มซะหน่อย แค่ผิดคิวเฉยๆ..
ผิดคิวเฉยๆ..
#แล้วกูจะใจเต้นทำไมนักหนาวะเนี่ยะห๊าาาา ~ T^T“
.
.
แต่ก็นั่งเพ้อเจ้อเรื่องนี้ไปได้เพียงไม่นานนัก พี่อาร์ตก็กระชากให้กลับมาย้อนเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ จุดพักรถจนทำให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีกครั้งแล้วล่ะครับ.. = =
เอาล่ะ..! พอหน้าไอ้เหี้ยตัวสูงนั่นตัดเข้ามาแทนที่ในความคิด หัวผมก็ชักจะจุดติดกลับมาลุกเป็นไฟขึ้นอีกครั้งซะแล้วล่ะ แม่ง.. ไม่เอาเรื่องมันมากกว่านี้ก็ถือว่าบุญละเนี่ยะ พูดแล้วก็หงุดหงิด คิดแล้วมันก็ขึ้น~ !!!
.
.
“มึงว่าไงนะ!!?” พี่อาร์ตทวนคำจากเบาะข้างคนขับ
“นี่กูหูฝาดรึเปล่าวะ?” พี่พีร์พูดขณะจับพวงมาลัยรถอยู่เช่นกัน
“ก็ไอ้นั่นมันจะจูบผมจริงๆอ่ะ ผมก็เลย..”
“กระโดดกัดแม่งเนี่ยะนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ~” ดูเหมือนพี่อาร์ตแกจะไม่สนใจอะไรแล้วนอกจากระเบิดเสียงหัวเราะร่าให้กับเรื่องที่ผมพึ่งเล่าไป = =“
.
.
แล้วมันน่าขำตรงไหนวะเพ่.. ออกจะน่าสิ่วหน้าขวาน~ T^T//
.
.
ตั้งแต่เด็กจนโต..ในชีวิตผมเคยต้องไปต่อยตีกับใครซะที่ไหนกันเล่า อีกอย่าง..ในสารคดีทีวีบอกว่า ‘แรงกัดของมนุษย์เราสามารถส่งพลังทำลายล้างได้ตั้ง 14 กิโลกรัม / ตารางเซนติเมตร’ เชียวนะ คนไม่เคยต่อยใครอย่างผม.. ก็คงต้องใช้วิธีงับแบบนี้เท่านั้นแหละถึงจะเอาชีวิตรอดในยามคับขันได้อ่ะ..
ปัดโถ่..ววว์~ T^T//
.
.
“ผมก็ต้องป้องกันตัวดิ”
“เออ.. กูรู้ว่ามึงป้องกันตัว แต่กูก็พึ่งรู้เหมือนกัน..ว่ามึงดุกว่าหมาซะอีกว่ะ ฮ่าๆๆๆ~” พี่อาร์ตยังคงขำอยู่อย่างนั้น แต่เอ่อ.. ชักจะขำเกินเบอร์ไปละพี่ พอเถ้อ.. = =“
“นั่นสิวะ..แทนที่มึงจะให้ไอ้นั่นแดกหมัด แต่ดันเสือกไปกระโดดกัดแขนเค้าเนี่ยะนะ!!” พี่พีร์ยิ้มกลั้นขำจนสะท้อนกระจกมองหลังมาถึงผมเหมือนกัน
“ก็.. ผม.. ไม่เคยต่อยใครนี่นา~” ผมพูดเสียงอ่อน..กลับไปกูจะสมัครเรียนมวยไทยเลยคอยดู!!
“ฮ่าๆๆๆ.. มึงเนี่ยะน้าาา~”
.
.
เป็นเวลาพักใหญ่กว่าเสียงหัวเราะของพี่อาร์ตจะซาลงไปจนเหลือแต่เสียงลมแอร์.. #ถึงจะรู้ว่าพี่แกยังแอบยิ้มแอบขำไปนอกหน้าต่างให้กับวีรกรรมของผมอยู่บ้างก็เถอะ แต่แล้วจู่ๆ..ไอ้พี่ควอตซ์ที่นั่งนิ่งทำหน้าเบื่อโลกมาตั้งนานมันก็โพล่งคำถามขึ้นมา..
.
.
“แล้วโดนปะ?” อะไรของมันวะ.. โดนลมแอร์เหรอ ก็เย็นอยู่นะ = =?
“โดน..อะไร?” ผมเหลือบมองไอ้พี่ควอตซ์ไปนิดๆ
“ก็ที่มึงบอกว่าไอ้นั่นจะทำอะไรมึงเมื่อกี้.. ตกลงโดนปะ?”
.
.
“แหม๋.. ห่วงน้องมันเหรอวะไอ้ควอตซ์~ เอ๊ะ.. หรือหวง?”
“เสือกนะมึง กูก็แค่ถาม?”
“เสือกเลยเหรอวะ..? ตอนนี้กูกลายเป็นคนขี้เสือกไปแล้วเหรอวะ? ฮ่าๆๆ~” พี่อาร์ตขำพยักพเยิดไปทางพี่พีร์
“นี่มึงรวมกูด้วยปะ?”
“หุบปากไปเลยพวกมึง” ไอ้พี่ควอตซ์พูดตัดบททันที
“เออๆ..ตอนนี้พวกกูมันแค่คนนอก งั้นเชิญคุยกันต่อเลยนะครับ พวกกูไม่กวนละ” พี่อาร์ตก็ยังคงกลั้นขำอยู่อย่างต่อเนื่อง
“มึงขับไปละกันไอ้พีร์ กูจะนอนละ” ไอ้พี่ควอตซ์เปลี่ยนเรื่อง ทีนี้..มันเบือนหน้าหนีไปพิงเบาะหลับตานอนเสียแล้วล่ะครับ = =“
“เอ้า..นี่มึงไม่อยากรู้เรื่องจูบของไอ้ดรีมมันแล้วเหรอวะ?”
“กวนตีนไอ้อาร์ต..” ไอ้พี่ควอตซ์ตอบ “มึงจะให้กูตื่นมาขับเปลี่ยนมึงตอนไหนก็ปลุกกูละกัน”
“เออ.. เหอะๆ” พี่พีร์หัวเราะในลำคอ
.
.
“มึงไม่อยาก แต่กูอยากว่ะ ฮ่าๆๆ.. แล้วตกลง” พี่อาร์ตพูด
“มึงเสียจูบแรกให้ไอ้นั่นรึเปล่าวะ ?” พี่พีร์ถาม
“เอ่อออ..” ผมละสายตาจากไอ้พี่ควอตซ์ก่อนจะหันกลับมาตอบคำถามพี่ๆอีกครั้ง ถึงจะยังงงๆกับสิ่งที่พวกพี่เค้าคุยกันอยู่ก็เถอะ “ยังอ่ะพี่.. ผมกัดแขนมันซะก่อน จูบแรกของผม ต้องมีไว้ให้คนที่ผมชอบเท่านั้นแหละ”
“เฮ้ยยย.. เดี๋ยวนะ นี่มึงยังไม่เสียจูบแรกจริงๆเหรอวะ?”
หะ.. อะไรนะ ?
พี่อาร์ตถึงขั้นหันกลับมาถามซ้ำ เน้นย้ำคำว่าจูบแรกจนผมสะดุ้ง!
เอ่อออ.. แล้วมันเป๋มาเรื่องนี้ได้ไงวะเนี่ยะ~ *0*//
“ก็.. ผม.. ยังไม่เคยมีแฟนอ่ะพี่ แล้วผม.. จะไปจูบกับใครได้เล่า?” ~T^T//
“เชี่ยยยยะ.. กูว่าต้องมีคนดีใจแน่ๆถ้าได้ยินมึงพูดประโยคเนี่ยะ..ฮ่าๆๆๆ~”
.
.
.
ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าระยิบระยับเป็นประกายไปด้วยแสงดาว หากแต่สองข้างทางของถนนจะมีแสงไฟสว่างสไวกว่านี้อีกสักนิด หรือแสงจันทร์จะสะท้อนใบหน้าของไอ้พี่ควอตซ์จนทำให้ผมมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนมากกว่านี้อีกสักหน่อย
ผมคงได้เห็นรอยยิ้มกว้างของไอ้พี่ควอตซ์ไปแล้วล่ะครับ~
.
.
.
.
.
เช้าวันใหม่ที่แสนสดใส แต่ก็นอนไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่เพราะผมต้องหลับไหลอยู่บนรถนี่แหละ จะให้ทำยังไงล่ะ ก็ผมยังอยู่ในช่วงเดินทางนี่นา = =“
ผมค่อยๆลืมตาที่หนักอึ้งขึ้น ก่อนจะรู้ว่าตอนนี้รถที่นั่งมาตลอดทั้งคืนมันจอดนิ่งสนิทเสียแล้ว เป็นเวลาหลายวินาทีเลยทีเดียวที่ตาปรือๆของผมจะปรับสภาพเพื่อสู้แสงแดดจ้าที่สาดส่องเข้ามาตามช่องหน้าต่างของรถในทุกทิศทุกทางได้..
อืมมมม..
ถึงแล้วเหรอวะ..?
วะ..?
หะ…?
“เชี่ยยยยะ..!!”
“เชี่ยะอะไรของมึง?”
ก็เชี่ยะที่ทำไมกูมานอนตักมึงอยู่ได้นี่ไงเล่าาาา.. *[]*//
แล้วนี่.. พี่อาร์ตกับพี่พีร์.. แม่งหายไปไหนวะเนี่ยะะะะ..???
ทำไมถึงเหลือแต่มึงกับกูได้ล่ะห๊าาาาาาาาา!!
“หัวโขกหน้าต่างละสมองเสื่อมเหรอวะ?” ไอ้พี่ควอตซ์ถาม
“หะ..?”
“แม่ง..ล็อคแขนกูอยู่ได้ทั้งคืน” มันพูดพร้อมกับขยับแขนเปลี่ยนท่าเหมือนคนเมื่อยล้าซะเต็มประดา
“ผะ..ผมเนี่ยะนะ?” ชะ..ใช่เหรอวะ = =?
“หมาตัวเมื่อคืนมั้ง?” แอร็กกกก.. =[]=”
“ไอ้..! แล้วทำไมไม่ปลุกผมล่ะ!!”
“กูดีดหน้าผากมึงไปร้อยรอบได้ละมั้ง..” ไอ้พี่ควอตซ์พูดก่อนจะมองมาทางผมแล้วทำหน้าเอือมๆ
กูเนี่ยะนะ..!!!
นี่กูหลับเป็นตายอะไรขนาดนั้นจริงเหรอวะ?
#ยกมือขึ้นมาจับหน้าผากตัวเองโดยอัตโนมัติ *0*//
“เหอะ.. ยังเชื่อคนง่ายเหมือนเดิมเปะ!” เอ้า.. ตกลงนี่กวนตีนกูเรอะ = =?
“แล้วนี่พี่จะไปไหน?” ผมร้องทักเมื่อเห็นไอ้พี่ควอตซ์ทำท่าจะเปิดประตูกำลังจะลงไปจากรถ
“ลงไปหาไรแดก” พอได้ยินเรื่องของกินก็ชักจะหิวขึ้นมาบ้างแล้วแหะ
ผมชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่าง
นี่เราอยู่แถวตลาดยามเช้านี่หว่า~
“รออะไรวะ.. มึงก็ลงมาดิ!” ไอ้พี่ควอตซ์ร้องบอก ตอนนี้มันลงไปยืนข้างรถเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ.. ผม.. ไม่มีตังค์” พาลนึกขึ้นได้ ผมแม่งไม่น่าฝากกระเป๋าตังค์ไว้กับไอ้ก็อตด้วยเล้ย.. แต่ที่แย่ยิ่งกว่า คือของที่กูซื้อให้มึงเมื่อคืนน่ะไอ้ก็อต ดันลืมเอาขึ้นรถมาด้วยน่ะเซ่.. อดแดกกันไปให้หมด T^T//
“..” ไอ้พี่ควอตซ์ไม่พูดอะไร ได้แต่มองมาทางผมด้วยสายตานิ่งๆพร้อมกับถอนหายใจ = =
.
.
และพอรู้ตัวอีกที
ตอนนี้ผมโดนไอ้พี่ควอตซ์ลากลงมาจากรถเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะครับ = =“
.
.
ตลาดยามเช้าต่างจังหวัดที่นี่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ละร้านสร้างด้วยไม้ไผ่เป็นเพิงแบบง่ายๆ หลังคามุงด้วยใบจาก บ้างก็มีรถเข็นอยู่หน้าร้าน บ้างก็เป็นโต๊ะไม้ตั้งไว้สำหรับขายของ ทางเดินเป็นดินลูกลังช่องเล็กๆไม่กว้างมากนัก .. ผมเดินตามหลังไอ้คนตัวสูงที่อยู่ตรงหน้าต้อยๆ มองเห็นสาวน้อยสาวใหญ่เหลียวมองตามไอ้พี่ควอตซ์กันจนเป็นตาเดียว เหอะ.. ขนาดมันพึ่งตื่นนะยังเป็นเป้าสายตาได้ขนาดนี้ คิดแล้วก็น่าหมั่นไส้ชะมัด ขัดขาแม่งได้มะ ชิส์~ = =“
.
.
กลิ่นหอมของหมูปิ้งที่ย่างบนตะแกรงถ่านร้อนข้างร้านไก่ทอดเตะจมูกผมเข้าให้ป๊าบใหญ่ ร้านน้ำเต้าหู้ ชา กาแฟโบราณ ส่งไอน้ำเดือดปะทะเข้ากับอากาศเย็นยามเช้าจนแปรสภาพราวกับหมอกจางๆลอยละล่องปกคุลมทางเดินจนทั่ว ผู้คนออกมาจับจ่ายอาหารเช้ากันอยู่ประปรายด้วยแฟชั่นกึ่งชุดนอน ดูแล้วมีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลยแหะ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ให้ตายเถอะ..! นี่มันพึ่ง 6 โมงครึ่งของเช้าวันเสาร์เองนี่หว่า นับว่าเป็นวันหยุดที่ตื่นเช้า และมีสติที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียวครับ อืมมมม.. มองไปก็หาวไป .. z Z
ผมนั่งลงบนเก้าอี้ไม้หน้าร้านโจ๊กแห่งนึง มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมากันอย่างเบิกบาน ไอ้นั่นก็น่ากิน ไอ้นี่ก็น่าลอง ท้องก็เริ่มร้อง แบบนี้มันทรมารคนไม่มีตังค์ชะมัดเลยวุ้ย.. T^T
“จะแดกอะไรมึงก็สั่งละกัน” ไอ้พี่ควอตซ์บอก
“เอ่อ.. ผม.. ไม่หิว” อนาถแท้ชีวิตที่ไม่มีตังอย่างกู~ T^T
ไอ้พี่ควอตซ์ถอนหายใจก่อนจะลุกไปสั่งอาหารแล้วกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับมองหน้าผมไปด้วย เอ่อ.. คือ.. คุณมึงจะมองอะไรนักหนาวะ.. หรือหน้ากูยับ? ก็กูพึ่งตื่นอ่ะ ยังง่วงอยู่เลยเนี่ยะ~ = =“
.
.
เพียงไม่นานนัก เด็กหญิงตัวเล็กๆก็นำโจ๊กสองชามใส่ถาดเดินมาเสริฟด้วยท่าทางทะมัดทะแมงครับ โอ้โห..ดูๆแล้วน้องเค้าน่าจะอยู่สัก ป.4 เห็นจะได้ล่ะมั้ง? แถมยังน่ารักเอามากๆเลยด้วย ช่วยงานที่บ้านในวันแบบนี้ ยิ่งเพิ่มความน่าเอ็นดูเข้าไปอีกแบบตีบวกล้านเลยล่ะน้องเอ้ยยย~
เอ็นดู้ววว์~ >//<
“โจ๊กหมูบะดาย ใส่ไข่ บ่าใส่ผัก ของไค๋เจ้าา~” เสียงเด็กหญิงตัวเล็กร้องถามไปทางไอ้พี่ควอตซ์ด้วยภาษาเหนืออย่างน่ารัก
“อะ.. เอ่อออ..” ตัดภาพไปที่ไอ้พี่ควอตซ์ ตอนนี้มันดูจะชะงักทำหน้าเลิกลั่กจนผมล่ะอดขำไม่ได้ไปแล้วล่ะครับ ฮ่าๆๆๆ.. >//<
สงสัยจะฟังไม่ออก เอ.. หรือฟังออก.. แต่ไม่แน่ใจว่าจะตอบอะไรน้องเค้าดีกันแน่วะ ?
ว่าแต่.. มุมแบบนี้ไอ้พี่ควอตซ์มันก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ยะ.. แม่งเก๊กมาได้ตั้งนาน มาตายน้ำตื้นกับเด็กน้อยร้านโจ๊กเนี่ยะนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ~ ^^//
“ของอ้ายคั๊บ~” ผมยิ้มให้เด็กหญิงก่อนจะรับชามมาไว้เป็นของตัวเอง
“อั้นแสดงว่า..อันตี้ใส่ไข่พิเศษเป๋นของอ้ายคนนี่” ไอ้พี่ควอตซ์รับชามไปด้วยท่าทางเก้อเขินเช่นกัน
.
.
แล้วผมก็เผลอยิ้มออกมาให้มันซะอย่างงั้น~ ^^//
.
.
คิดถึงจัง~
ความรู้สึกแบบนี้มันเหมือนเมื่อก่อนเลยนะครับ..
สมัยที่ผมกับไอ้พี่ควอตซ์กินโจ๊กหน้ามหาลัยฯด้วยกันในตอนเช้า..
สมัยที่ต่างฝ่ายต่างสลับกันไปสั่งป้าเจ้าของร้านด้วยเมนูประจำ..
สมัยที่ยังดีต่อกัน และมัน..ก็คล้ายกับวันนี้~
.
.
“พี่..ยังจำได้อยู่เหรอ..?” ผมมองเมนูประจำที่อยู่ในชาม ก่อนจะชำเลืองตามองไปยังคนตรงหน้า
“อืม..”
.
.
อะไรที่เกี่ยวกับดรีม..
พี่จำได้ทั้งนั้นแหละ~