แก่นกลาง...อักษะ
๑
...รีบมารับกันขนาดนี้เชียวหรือ...พยาบาลสาววัยเลยหัวค่ำชะม้ายมองชายชุดนอนผ้าลูกไม้บางเบาที่แพล็มพ้นเสื้อสูทลำลองบนร่างแบบบางของหญิงสาวผู้ปรากฏตัวด้วยอาการหอบฮั่กหน้าเคาน์เตอร์พยาบาลเวรดึกบนหอผู้ป่วย...ดิฉันมารับคนไข้ตามที่โทรเรียกตัวค่ะ... นวลตองแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทั้งที่ยังไม่หยุดอาการหอบเหนื่อยจากการวิ่งจากลานจอดรถเข้ามาในตึก ทั้งนี้ยังไม่นับการถูกกระชากจากที่นอนกลางดึกด้วยเสียงโทรศัพทพ์ ...มารับคนไข้ที่โรงพยาบาล...ด่วนที่สุดเพียง แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาว กระโจนจากเตียงนุ่ม คว้าเสื้อที่ใกล้มือที่สุดมาสวมทับชุดบางซีทรูเห็นเข้าไปทุกไรขุมขน
หญิงสาวกุมรอยแหวกของเสื้อคลุม รีบตามคุณพี่พยาบาลที่ชายตามองเนื้อขาวใต้ผ้าบางแว่บหนึ่งก่อนจะเดินนำหน้าไปทางห้องผู้ป่วย
“พอดีตกใจดิฉันเลยรีบมา เอ่อ...แต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อย ต้องขอโทษด้วยนะคะ” นวลตองเอ่ยอ้อมแอ้มออกตัว
“ไม่เป็นไรค่ะคุณน้อง ถ้าเป็นพี่ คนไข้อย่างนี้ พี่ก็ห่วง รีบตะลีตะลานมารับแบบคุณน้องนี่แหละค่ะ” พยาบาลสาวใหญ่อมยิ้มในสีหน้า ทั้งน้ำเสียงยังกลั้วหัวเราะเบาๆ
“อาการหนักมากเลยหรือคะ...โธ่ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้เองแท้ๆ” นวลตองน้ำตาซึม นึกถึงแก้มตอบขาวซีด เนื้อเย็นเยียบของเอื้องอวลที่ตนเองเพิ่งจุมพิตอำลาเมื่อตอนหัวค่ำ
พยาบาลวัยดึกไม่ตอบคำถาม แต่แง้มประตูห้องให้นวลตองโผล่หน้าเข้าไปดูอาการของคนไข้ด้วยตาของตัวเอง รอยยิ้มยวนของร่างครึ่งนั่งครึ่งนอนบนเตียงปูผ้าขาวเหลือกตาของนวลตองให้เบิกกว้างเหมือนเห็นผี
“สงสัยจะผิดห้องนะคะ” นวลตองหดหน้าออกมานอกห้อง ดึงประตูปิดเสียงดังปึงใหญ่ทว่าหัวใจในทรวงอกกลับเต้นดังยิ่งกว่าเสียงประตู
“ไม่ผิดหรอกค่ะ คนไข้เข้าโรงพยาบาลมาด้วยอุบัติเหตุรถยนต์...”
“เดี๋ยว...เดี๋ยวนะคะ” นวลตองละล่ำละลักยกมือห้ามคุณพยาบาล “นี่คุณพยาบาลกำลังจะบอกว่าโทรตามดิฉันรับคนไข้ที่ดิฉันไม่รู้จักอย่างนั้นหรือคะ”
“ไม่รู้จักคนไข้แล้วคุณ เอ่อ...นวลตอง รีบมาขนาดหาเสื้อผ้าใส่ไม่ทันเลยนี่นะคะ
“ดิฉันรีบมาเพราะคิดว่าเป็นพี่สาวของดิฉันที่กำลังป่วย ไม่ทันฟังให้ถนัด แค่ชื่อโรงพยาบาลดิฉันก็รีบเผ่นมานี่ละค่ะ นายคนที่นั่งอยู่ในห้องเป็นใคร ดิฉันไม่รู้จักเขาจริงๆ นะคะ แต่ถ้านั่งยิ้มเผล่ได้ขนาดนั้น คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้งคะ”
“คุณไม่รู้จักเขาแล้วไปให้เบอร์โทรศัพท์เขาได้ยังไงกัน คุณนวลตอง ...ตกลงไปเจอกันบาร์ไหน แล้วใครความจำเสื่อมกันแน่ คุณหรือคนไข้” พยาบาลเริ่มตีหน้ายักษ์ใส่นวลตองที่ทำหน้ายุ่ง “คนไข้ประสบอุบัติรถยนต์ชนเกาะกลางถนนนอกจากฟกช้ำตามเนื้อตัวแล้วไม่บาดเจ็บอะไรนัก ยกเว้นว่าแรงกระแทกอาจจะทำให้สูญเสียความทรงจำเฉียบพลัน คนไข้จำตัวเองได้แค่ว่าเป็นมาเฟีย...ฮ่ะ ดิฉันละขำ มาเฟียหล่อๆ แบบนี้มีแต่ในนิยายเท่านั้นแหละ แต่จำชื่อคุณได้แล้วมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณในแมมเมอรี่”
“ฉะ...ฉันสาบานได้เลยนะคะ ว่าไม่รู้จักคนไข้ของคุณมาก่อน” นวลตองกลั้นใจโกหก นึกฉุนตัวเองว่าไม่น่าไปโวยวายนายพรานยิงกระต่าย ตั้งแต่พบเขาในตอนสายๆ แล้วเธอยังดิ้นไม่พ้นบ่วงที่เขาวางล่อให้เธอหลงติด หรือนี่คือที่เขาบอกกับเธอก่อนขึ้นรถพยาบาลเมื่อตอนหัวค่ำ...อะเบียงโต... โอ้ย อยากจะบ้า นวลตองกรีดร้องลั่นอยู่ในหัวที่ส่ายดิกๆ ไม่ยอมรับว่ารู้จักกับผู้ป่วยที่เขียนชื่อหน้าห้องว่า มิสเตอร์ มาเฟีย
“คุณมีสิทธิจะปฏิเสธ” พยาบาลสาวใหญ่ยอมรับในที่สุดเมื่อนวลตองยืนกรานกระต่ายขาเดียว คืนนี้เราคงต้องให้คนไข้พักที่นี่ไปก่อน แล้วพรุ่งนี้...”
“พรุ่งนี้ทำไมหรือคะ” นวลตองชะงักฝีเท้า
“ทางเราคงต้องส่งให้ทางตำรวจ หรือองค์การสังคมสงเคราะห์มารับดูแลต่อในฐานะคนไข้อนาถา คนไข้ไม่มีบัตรประชานไม่มีหลักฐานยืนยันตัวเอง ถ้าโชคดีอาจจะมีบ้านพักรับรองสำหรับคนไข้ที่มีอาการทางประสาท ถ้าโชคไม่ดีไม่มีใครรับดูแล ทางโรงพยาบาลคงต้องปล่อยให้ออกจากโรงพยาบาลไปเอง ยอมเสียค่ารักษาสำหรับคืนนี้ แต่เราคงดูแลต่อไม่ได้”
“พวกคุณจะให้เขาออกไปแบบไร้ที่พึงได้ยังไงคะ มันขาดมนุษยธรรม ทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ” นวลตองหน้าหาย นึกถึงรอยยิ้มยวนบนใบหน้าเข้ม
“ช่วยไม่ได้ค่ะ พวกพี่ก็แค่พนักงานของโรงพยาบาลเอกชน หากรับแต่เคสสังคมสงเคราะห์แล้วจะมีเงินกำไรที่ไหนมาจ่ายเงินเดือนพวกพยาบาลละคะ คุณน้องต่างหากที่ขาดมนุษยธรรม แค่สามีหนีเที่ยวแค่นี้ ทำเป็นโกรธจนจำไม่ได้
“โธ่...ดิฉันไม่รู้จักนายมาเฟียของคุณพยาบาลจริงๆ นะคะ”
“ถ้าไม่รู้จักจริงๆ ยิ่งน่าเสียดายใหญ่ คุณน้องน่าจะพิจารณาโอกาสงามๆ ไว้นะคะ หล่อลากดินแบบมิสเตอร์มาเฟียแถมความจำเสื่อม คุณน้องจะหาแบบนี้มาตู่เอาเป็นแฟนได้ง่ายๆ จากไหนกัน ถ้าไม่ใช่โอกาสสวยๆ แบบนี้ เสียดายพี่อยากจะรับไว้เอง แต่ติดระเบียบของทางโรงพยาบาล ห้ามกินคนไข้หนุ่ม ไม่งั้นออกเวรพี่จะหิ้วไปกินที่บ้าน เอ๊ย ไปพักที่บ้าน”
นวลตองยิ้มแหยๆ บอกลาคุณพยาบาลสาวใหญ่ที่ยังพยายามตื้อให้เธอรับนายมาเฟียไปจับกินที่บ้านสมอ้าง...พี่ว่าคุ้มจริงๆ นะคะ... คุ้มกับผีอะไรกันล่ะ นวลตองบ่นกระปอดกระแปดตลอดทางที่เดินกลับมาที่ลานจอดรถด้านหน้าโรงพยาบาล หญิงสาวเข้าใจดีว่าที่พยาบาลพยายามหว่านล้อมให้เธอเซ็นต์รับเป็นญาติคนไข้ ก็เพราะหวังให้เธอจ่ายค่ารักษาพยาบาลแทนนายมาเฟียเถื่อนของแท้ที่ไม่มีแม้กระทั่งบัตรประชาชน
ก่อนจะก้าวขึ้นนั่งหลังพวงมาลัย หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเงยมองขึ้นไปยังตึกสูงที่ในยามวิกาลแทบจะไม่มีแสงไฟส่องสว่างเล็ดลอดมาจากห้องพักผู้ป่วยยกเว้นช่องกระจกสี่เหลียมที่ชั้นสาม เงาร่างสูงที่ทาบทับ ยกมือขึ้นโบกอำลา ช้าๆ ชัดเจนเสียจนจนนวลตองเหมือนจะเห็นรอยยิ้มเศร้าบนในหน้าคร้ามเข้ม คราวนี้ปากหยักได้รูปของเขาขมุบขบิบ ...ให้ตายสิ นวลตองสบถในใจ เมื่อหูแว่วเสียง อดิเออ มาเบลล่าดังแทรกมาตามสายลมใต้ฟ้ามืด ลาก่อน...
“คุณพยาบาลคะ ดิฉันเปลี่ยนใจแล้วค่ะ” นวลตองเดินย้อนกลับไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลเวรดึก
“คุณน้องกลัวพี่จะแหกกฎใช่ไหมคะนี่ ฮ่ะๆ รับรองได้ค่ะ ถึงจะหญ้าอ่อนแต่ถ้ามีปลอกคอแล้วพี่ก็ไม่ชอบปีนต้นงิ้วขึ้นไปเก็บกินหรอกนะคะ ทีหลังอย่างอนกันแบบนี้นะคะ แค่สามีหนีเที่ยวนิดหน่อยไม่สึกไม่หรอ ผู้ชายก็คล้ายๆ ลูกหมานั่นแหละค่ะ ชอบวิ่งไปซุกซนดมขี้ดมเยี่ยวไปเรื่อย ปล่อยๆ ไปบ้าง นานๆ เราค่อยกระตุกเชือกรั้งให้กลับมาอยู่ในลู่ในทาง” พยาบาลสาวใหญ่ร่ายตำรับกฤษณาสอนน้องระหว่างที่เข็นรถนั่งให้นายมาเฟียที่ดูท่าเหมือนจะปัญญาเสื่อมมากกว่าความจำ ถูกว่าเป็นหมายังนั่งอมยิ้ม หยอดสายตาหวานให้เจ้าหน้าที่การเงินสาวขณะที่นวลตองชำระค่ารักษาพยาบาล
“อย่าหักโหมมากนักนะคะคุณน้อง คนไข้ยังไม่ฟื้นตัว” พยาบาลสาวใหญ่ร้องสั่ง โบกมืออำลานายมาเฟียหนุ่มอย่างแสนเสียดายที่ไม่ได้เป็นคนพยุงร่างบึกบึนด้วยตัวเอง
“ไหนคุณพยาบาลบอกว่าคุณไม่เป็นอะไรมากไง” นวลตองบ่นอุบอิบเมื่อต้องแบกร่างยักษ์จากหน้าตึกผู้ป่วยเดินผ่าลานจอดรถมาจนเกือบจะถึงรถคันเล็กของตัวเองด้วยอาการทุลักทุเล ทั้งเสียดายเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากที่ต้องจ่ายค่ารักษาตัวให้กับคนที่ตัวเองไม่รู้จักเพียงเพราะเวทนา ทั้งยังเหน็ดเหนื่อยกับร่างสูงที่โถมเข้ากอดเธอไว้ทั้งตัวทันทีที่ต้องลุกจากรถเข็น ทั้งที่ก่อนหน้านี่ดูยังสบายดีจนผิวปากได้เบาๆ เสียด้วยซ้ำ
“ผมความจำเสื่อม” เขาเถียงเบาๆ
“เสื่อมขนาดจำไม่ได้ว่าเดินเองเป็นยังไงเลยหรือ” นวลตองมุ่นหัวคิ้ว
“ไม่รู้สิ ว่าจำได้หรือเปล่าว่าเดินเองเป็นยังไง ผมความจำเสื่อม” นายมาเฟียย้ำคำเดิมก่อนจะตะกายขึ้นไปนั่งข้างสารถี แล้วกวาดตาดูภายในรถกระป๋องของนวลตอง
“ไม่ต้องทำหน้ายู่ยี่ดูถูกรถของฉันขนาดนั้นก็ได้ อย่าลืมว่าคุณความจำเสื่อม คงจำไม่ได้หรอกว่าตัวเองคันใหญ่ขนาดไหน แล้ววินาทีนี้คุณไม่มีใครนอกจากฉันและรถกระป๋องคันนี้ จำไว้ให้ดี”
“ก็...ไม่รู้สินะ ผมความจำเสื่อม”
นวลตองกัดริมฝีปากกั้นเสียงกรี๊ด ถ้าไม่ติดว่าตานี่ความจำเสื่อมหญิงสาวคงจะตะกุยหน้าเปื้อนยิ้มยวนของเขาให้แหกยับ แล้วแกล้งทำความจำเสื่อมซะบ้างท่าจะดี ลืมว่าตัวเองหลงเวทนานายมาเฟียความจำเสื่อมจนต้องตกที่นั่งลำบาก ...แค่เวทนาเขาเท่านั้นเองหรือ... นวลตองละอายใจจนต้องเมินหน้าหนี ไม่ยอมสบรอยยิ้มยวนบนใบหน้าเขา ทว่าเธอรู้สายตาฉ่ำของนายพรานยิงกระต่ายยังคงจับจ้องที่ใบหน้าของเธอเสมอ เหมือนจะค้นหาว่ายิ่งกว่าเวทนาแล้วยังมีบางอย่างที่ผลักดันให้เธอยอมเสี่ยงมาพัวพันกับเขา คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า