ใต้อาณัติจอมโจร (นิยายจีนโบราณ)

2 ปล้น (1)

บทที่ 5

พ่อเลี้ยงตัวจริง (5)


แม้พ่อเลี้ยงธงทิวจะกลายเป็นเจ้าของแสงเทียนรีสอร์ทแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้ย้ายตัวเองไปพักยังห้องพักวีไอพี เขายังพักอยู่ที่บ้านพักคนงานซึ่งแยกออกจากในส่วนของรีสอร์ท

นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนระบบในการบริหาร หากจะมีเพิ่มเข้ามาก็เห็นจะเป็นคนงานที่ช่วยงานในครัว อีกทั้งพ่อเลี้ยงธงทิวยังขอให้คุณธนชาติช่วยสอนงานให้กับเขา

เมื่อธนชาติยังอยู่ที่แสงเทียนรีสอร์ท สาลีจึงมีข้ออ้างที่จะพักอยู่ที่นี่พร้อมกับผู้เป็นสามี ในทุก ๆ วันสาลียังคงหาโอกาสที่จะพูดเรื่องสำคัญกับแสงเทียน

แต่นางก็ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้แสงเทียนเลย ทั้งนี้เป็นเพราะพ่อเลี้ยงธงทิวได้ขอให้แสงเทียนเข้าไปดูแลฝ่ายธุรการและประชาสัมพันธ์แทนตำแหน่งแม่บ้าน

ส่วนรัศมีนั้นหลังจากวันที่มีเรื่องฉาวก็รีบเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันทีเมื่อรู้ว่าพ่อเลี้ยงธงทิวจะเป็นตัวตั้งตัวตีจัดงานแต่งงานให้เธอกับธงชัย

ในขณะที่วันเวลาเคลื่อนผ่านไป สาลียังคงเฝ้ารอโอกาสที่จะพูดคุยกับแสงเทียนอย่างร้อนใจ ทั้งนี้เพราะเสี่ยเชาว์ยืดเวลาการชำระหนี้คืนแก่นางเป็นครั้งสุดท้าย หากครั้งนี้นางไม่นำเงินไปใช้หนี้ เห็นทีนางกับลูกคงต้องตกอยู่ในอันตราย

แล้วโอกาสงามที่สาลีรอคอยก็มาถึงเมื่อพ่อเลี้ยงธงทิวและคุณธนชาติถูกเชิญไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ สาลีรอจนคนทั้งสองออกไปแล้ว ก็รีบมาหาแสงเทียนถึงที่พักคนงานทันที

แสงเทียนที่กำลังเก็บเสื้อผ้าของตัวเองถึงกับหน้าเจื่อนสีเมื่อเห็นน้าสาลีมาหาถึงที่พัก

“คุณน้า...”

“ตกใจหรือไงที่เจอหน้าฉัน” สาลียิ้มเย็นขณะถาม

“น้าสาลีมีธุระอะไรกับเทียนหรือเปล่าคะ?” หญิงสาวพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด ทั้งที่ความจริงเธอกลัวผู้หญิงคนนี้จนอยากจะวิ่งหนีไปไกล ๆ

“มีสิ ธุระสำคัญด้วย เข้ามาคุยกับฉันในห้องสิ”

เมื่อน้าสาลีต้องการแบบนั้น แสงเทียนจึงจำต้องถือตะกร้าผ้าเดินนำเข้าไปในห้องพักของตนเองอย่างไม่มีทางเลือก

“แกซุกหัวอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว” สาลีเปิดประเด็นทันทีหลังจากที่แสงเทียนปิดประตูห้อง

“สามปีกว่าค่ะ”

“สุขสบายดีใช่มั้ย?”

หญิงสาวพยักหน้าน้อย ๆ ถึงจะเป็นลูกสาวของพ่อที่เป็นถึงอดีตเจ้าของรีสอร์ท แต่เธอก็อยู่ที่นี่ในฐานะพนักงานคนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้เธอก็ไม่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือใครใด ๆ ทั้งสิ้น

“ก็น่าจะสุขสบายอยู่หรอก ในเมื่อที่นี่คืออู่ข้าวอู่น้ำของแก”สาลีกอดอกมองหน้าลูกเลี้ยงสาว ซึ่งรูปร่างหน้าตาถอดแสงดาว ผู้หญิงที่นางเกลียดเข้ากระดูกดำด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม

“คุณน้าจะไล่เทียนไปจากที่นี่เหรอคะ” หญิงสาวอ้อมแอ้มถามเสียงแผ่ว เพราะรู้สึกไม่ดีเลยที่น้าสาลีมาหาเธอถึงที่นี่

“ถึงฉันอยากจะเฉดหัวเสี้ยนหนามชีวิตอย่างแกไปให้พ้น ๆ แต่คุณชาติก็คงต้องปกป้องแก ฉันจะทำให้ตัวเองดูเป็นนางร้ายไปทำไม ที่ฉันมาหาแกเพราะฉันมีวิธีดี ๆ ที่จะทำให้แกอยู่อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต”

ฟังจากน้ำเสียง และเห็นสีหน้าของน้าสาลี แสงเทียนก็ยิ่งหวั่นใจ ลองน้าสาลีมาหาเธอด้วยตัวเองแบบนี้ รับรองได้เลยว่าต้องมีเรื่องปวดหัวมาให้เธออย่างแน่นอน เธอเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง

“เท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เทียนก็พอใจมากแล้วค่ะคุณน้า เทียนไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้”

“พอใจ?” สาลีนิ่วหน้าเหยียดในน้ำเสียง “แกต้องอยู่ในสภาพพนักงานต๊อกต๋อย ต้องคอยเก็บผ้าปูที่นอนซัก ทำงานแบบคนรับใช้เนี่ยนะ แกพอใจแล้ว”

“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ

ขอเพียงมีงานทำ มีเงินใช้ มีที่กินที่อยู่ และมีที่ซุกหัวนอน เพียงเท่านี้เธอก็พอใจมากแล้ว

“แกก็โง่เหมือนแม่ของแกนั่นแหละ ฉันจะพูดตรง ๆ ก็แล้วกัน ที่ฉันมาหาแกวันนี้เพราะฉันมีเรื่องสำคัญจะให้แกทำ”

นั่นไง... ว่าแล้วเชียว

น้าสาลีต้องหาเรื่องปวดหัวมาให้เธอจริง ๆ ด้วย

“เรื่องอะไรคะ?”

“ฉันจะให้แกจับพ่อเลี้ยงธงทิวทำผัว”

คำตอบของน้าสาลีราวกับสายฟ้าผ่าลงมาตรงหน้า

แสงเทียนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก คิดไม่ถึงเลยว่าน้าสาลียังมีความคิดสกปรกแบบนี้อยู่ในหัว ทั้ง ๆ ที่รัศมีก็ทำพลาดมาแล้วครั้งนึง บทเรียนราคาแพงนี้น่าจะทำให้น้าสาลีหยาบจำได้บ้าง แต่ก็เปล่าเลย เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้น้าสาลีสะทกสะท้านบ้างเลยหรือไง

“เทียน... เทียนทำไม่ได้ค่ะ” ปฏิเสธไปแล้วแสงเทียนก็รีบก้มหน้างุด หลบสายตาของน้าสาลีที่มองจ้องเธออย่างเอาเรื่อง

“แกกล้าปฏิเสธฉันเหรอ?!”

น้ำเสียงกร้าวเจือความโกรธกรุ่นของผู้เป็นแม่เลี้ยงทำเอาแสงเทียนถึงกับน้ำตาคลอเบ้าตาด้วยความกลัว

“เทียน... เทียนทำไม่ได้ คุณน้าอย่าบีบบังคับเทียนเลยนะคะ เทียนไหว้ล่ะ”

ยกมือไหว้อีกฝ่ายน้ำตานองหน้าเพื่อขอความเมตตา แต่สาลีก็หาได้สนใจแม้แต่น้อย

“แกต้องทำให้ได้สิ แม่ของแกยังดอกทองแย่งผัวฉันได้เลย ทำไมแกถึงจะทำไม่ได้!”

แสงเทียนสะอึกสะอื้น น้ำตานองหน้า

“เลือกเอานังตัวดี ระหว่างแกจะยอมไปเป็นเมียของพ่อเลี้ยงธงทิวดี ๆ หรือแกจะให้ฉันส่งคนมารุมโทรมแก เลือกเอา!!!”

ได้ยินข้อเสนอของแม่เลี้ยงใจร้าย แสงเทียนก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม... นี่มันเวรกรรมอะไรของเธอนะ ถึงต้องมาเจอแต่เรื่องร้าย ๆ ตลอด น้าสาลีถึงราวีเธอไม่เคยจบเคยสิ้น

“คุณน้าเมตตาเทียนเถอะค่ะ ตั้งแต่รู้จักกันมาเทียนไม่เคยขอร้องอะไรคุณน้าเลย ครั้งนี้เทียนขอล่ะ อย่าบีบบังคับให้เทียนทำเรื่องแบบนี้เลย นะคะน้าสาลี จะให้เทียนกราบก็ได้ เทียนไหว้ล่ะ”

“แกไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องอะไรจากฉันทั้งนั้น จำใส่กะลาหัวไว้ซะ แกมันก็แค่ลูกเมียน้อย ในสายตาของฉัน แกก็แค่เสี้ยนหนามหัวใจชิ้นนึงเท่านั้น” สาลีใช้นิ้วจิ้มหน้าผากหญิงสาวแรง ๆ พลางถลึงตาดุใส่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ถ้าแกไม่ยอมให้ความร่วมมือกับฉันดี ๆ ฉันจะเอาคนมารุมโทรมแก จากนั้นฉันจะขายแกเข้าซ่อง!!”

คำขู่ของสาลีทำเอาแสงเทียนถึงกับลนลานด้วยความกลัว เพราะเธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่แม่เลี้ยงใจร้ายของเธอทำได้ทุก ๆ เรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องผิดกฎหมาย!!

“เทียนกลัวแล้ว คุณน้าอย่าทำอะไรเทียนเลยนะคะ”

น้ำตาไหลลงมาเปรอะเปื้อนใบหน้าสวยหวาน แม้จะเป็นภาพที่ชวนให้สงสารจับหัวใจ แต่ภาพนี้ก็ไม่สามารถเรียกความสงสารเห็นใจจากคนใจร้ายอย่างสาลีได้แม้แต่น้อย

“ให้มันกลัวจริง ๆ เถอะ ไม่ใช่กลัวแต่ปาก”

“เทียนกลัวจริง ๆ คุณน้าอย่าทำอะไรเทียนเลยนะคะ” หญิงสาวลงไปนั่งพับเพียบยกมือไหว้แม่เลี้ยงน้ำตานองหน้า ตัวสั่นงึก

“ถ้าแกกลัวฉัน ก็ว่าง่าย ๆ ซะสิ”

“แต่... แต่เทียน”

“ไม่มีแต่! ถ้าไม่อยากให้ฉันทำแบบนั้น แกก็ทำตามคำสั่งของฉันซะ”

หญิงสาวนิ่งไปพักใหญ่ ตอนนี้เธอมีทางให้เลือกอยู่แค่สองทางเท่านั้น คือยอม กับไม่ยอม

แค่คิดเธอก็เครียดจนไม่อยากหายใจแล้ว

แต่เอาเถอะ ตอนนี้รับปากน้าสาลีเพื่อหาทางเอาตัวรอดไปก่อน แสงเทียนสูดลมหายใจเข้าปอดลึก พลางเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม “คุณน้าจะให้เทียนทำเมื่อไหร่”

“คืนนี้” ผู้เป็นแม่เลี้ยงตอบเสียงเย็น

“คืนนี้!!!” ใบหน้าสวยหวานถึงกับซีดเผือด ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วชนิดที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้

“แต่... แต่เทียน เทียนไม่เคยมีแฟน เทียน... เทียนไม่รู้ต้องทำยังไงบ้าง” หญิงสาวอ้อมแอ้มเสียงแผ่ว ทั้งกระดากอาย ทั้งทุกข์ใจที่ถูกบีบบังคับให้ทำเรื่องไม่ดีไม่งาม

“แค่แกทำตามแผนของฉันก็พอ ที่เหลือฉันจัดการเอง”

หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ สวรรค์! เธออยากตายให้รู้แล้วรู้รอดเสียจริง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว