วิวาห์ลวง บ่วงอสรพิษ-ตอนที่ 5/1. อุปสรรค

โดย  Klakawii

วิวาห์ลวง บ่วงอสรพิษ

ตอนที่ 5/1. อุปสรรค

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”​ ปัฐน์หันมาถามคนดวงหน้าที่มีแต่ความเป็นกังวลตั้งแต่ที่เขาปรากฎกายมายังบ้านแม่ของหล่อน หลังจากทานข้าวเสร็จก็ลากลับกัน โดยที่เขายังคงมีสีหน้าเป็นกังวลและครุ่นคิดอยู่

“ผมไม่แน่ใจ แต่ตอนที่ผมขับรถเข้าไปในซอย ผมคิดว่าเห็นหน้าคนคุ้นเคยเข้าให้” เขานึกย้อนไปตอนที่ขับรถไปหาหญิงสาวเข้าไปในซอยแล้วสวนไปกับรถอีกคน อธิปมั่นใจว่าคนในรถคันนั้นคือกันต์ เด็กหนุ่มที่ถูกเขาเชิญออกจากงานไปเมื่อเดือนกว่า แต่ทำไมถึงได้มายุ่มย่ามแถวนี้

“ใครเหรอคะ?” หล่อนอยากรู้ขึ้นมาบ้าง

“กันต์”

“กันต์?”

“ครับ ชู้ของตรงลักษณ์” ปัฐน์หน้าชาขึ้นมาทันที แม้ว่าจะไม่เคยพบหน้าคร่าตาของ กันต์ก็ตาม หากแต่ก็อดคิดสงสัยตามไปด้วยไม่ได้เช่นกันว่ากันต์จะขับรถเข้าออกในซอยนี้ทำไม

“จะเป็นไปได้เหรอคะ แค่หน้าคุ้นหรือเปล่า”

“กันต์ทำงานอยู่กับผมตั้งเกือบครึ่งปีนะ เห็นหน้ากันทุกวัน ผมไม่ลืมง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก แต่ช่างเถอะอาจจะไม่มีอะไรก็เป็นได้” เขารีบพูดตัดบทเข้าให้เมื่อเห็นว่าจะนำความทุกข์มาให้กับภรรยาของตัวเองเช่นกัน

และมันเริ่มนำความไม่สบายใจมาให้กับหญิงสาวเข้าให้แล้ว เพราะในซอยนี้ก็มีแต่แม่และน้องสาวอยู่กันสองคน ส่วนชู้ของตรงลักษณ์นั้นถูกเขี่ยออกจากชีวิต หากว่าคนที่อธิปเห็นเป็นกันต์ขึ้นมาจริงๆ ปัฐน์ก็เกรงไปถึงการอยากเอาคืนของกันต์ที่มีต่อตรงลักษณ์ซึ่งนั่นคือยดา น้องสาวคนเดียวของปัฐน์ คนเป็นแม่ก็ได้บอกกับปัฐน์ทันทีในตอนที่ปัฐน์เข้าไปในบ้านเรื่องที่ยดาทำตัวเปลี่ยนไป คาดว่าอาจจะมีคนเข้ามาจีบหรือมีแฟนเอา แต่หญิงสาวก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพราะเห็นว่าการมีคนรักในชั้นมัธยมปลายไม่ใช่เรื่องแปลก และยดาก็เป็นคนน่ารักอัธยาศัยดีคนหนึ่งแถมเป็นเด็กกิจกรรมที่มีชื่อเสียงของโรงเรียนด้วย

“ไม่เอาน่า ผมอาจตาฝาดก็ได้นะ คงไม่มีอะไรหรอก” อธิปหันมาจับมือภรรยาเพื่อปลอบขวัญในสิ่งที่ตัวเองเริ่มทำให้หล่อนไม่สบายใจ

“ปัฐน์ก็หวังอย่างนั้นค่ะ ไม่น่าจะมีอะไรถ้าหากเป็นเขาจริงๆ เขาก็คงแค่มีเพื่อนหรือญาติพี่น้องอยู่ในซอยนี้ก็ได้จริงไหมคะ” หล่อนหันมายิ้มพร้อมกับกุมมืออันแสนอบอุ่นไว้มั่น แม้หัวใจจะเริ่มหวาดหวั่น เพราะระยะเวลาที่ยดามาถึงก็เป็นเวลาไม่ห่างกันมากที่สามีของหล่อนตามมา นั่นก็หมายถึงโอกาสในการที่กันต์จะเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือมากับยดาแล้วขับรถสวนกับสามีของหล่อนออกไปก็มีสูงเอาการ


เมื่อกลับมาถึงบ้านคนในบ้านคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นมาให้ ลุกลี้ลุกลนบอกว่าคุณท่านไม่สบาย ทำให้ปัฐน์กับอธิปเดินตรงเข้าไปยังห้องนอนของคนที่นอนป่วย ใบหน้าดูขาวซีด โดยมีตรงลักษณ์นั่งเช็ดตัวอยู่ข้างๆ

“พ่อเป็นอะไรครับ” อธิปถามออกไปอย่างร้อนรน

“ไม่สบายเท่านั้นเองค่ะ” ตรงลักษณ์จีบปากจีบคอบอก ปากยังคงเช็ดตัวให้ไปมา

“รู้สึกหน้ามืดขึ้นมา คงไม่มีอะไรหรอกมั้งลูก” เอกภพกล่าวขึ้นบ้าง แม้จะรู้ว่าตอนนี้ร่างกายเมื่อยล้าจนผิดสังเกต

“แล้วพ่อทานอะไรครับ”

“ก็ทานข้าวต้มหมูธรรมดา นอนพักสักหน่อยก็คงหายแล้ว” เอกภพเห็นใบหน้าอันเป็นกังวลของลูกชายแล้วเขาจึงส่งยิ้มมาให้ “พ่อไม่เป็นอะไรหรอกน่ะ ทำหน้ายังกะว่าพ่อจะตายวันตายพรุ่งงั้นแหละ” เอกภพแหย่คนที่ยืนหน้าตาไม่สู้ดีนักไปอีก เพื่อให้เขาได้ส่งยิ้มมาแทนแววตาอันเป็นกังวล

ปัฐน์เดินตรงเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ อังมือบางไปยังหน้าผากอันเหี่ยวย่น แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว มองไปยังตรงลักษณ์ที่มองกลับมายังตัวเองพร้อมกับเลิกคิ้วสูง

“ตัวไม่ร้อนนี่คะ” ปัฐน์พึมพำแผ่วเบา แล้วเลื่อนมือไปจับข้อมือของเอกภพ ตรงลักษณ์จึงคว้ากลับคืน

“จะทำอะไร?”​

“ปัฐน์จะวัดชีพจรค่ะ”

“ไม่ต้องวงไม่ต้องวัดก็ได้มั้ง มันจะอะไรนักหนาก็แค่เป็นไข้ดูอากาศสิ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวใครๆ ก็มีไข้ปวดหัวกันทั้งนั้นแหละ พี่ว่าเธอพาสามีไปพักผ่อนเถอะนะ เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ท้องไส้ด้วย วันนี้พี่จะดูแลคุณเอกเอง”

คำบอกเล่าของตรงลักษณ์นำความประหลาดใจมาให้แก่ทุกคน เพราะธรรมดาแล้วตรงลักษณ์จะไม่ลงมือทำอะไรเองเลยนอกจากเรียกเด็กในบ้านให้มาทำแทนไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

“ไม่ต้องหรอก ฉันมีคนของฉันนอนด้วยอยู่ทุกวัน” เอกภพพูดตัดบทขึ้น ทำเอาตรงลักษณ์หน้าซีด

“แต่ลักษณ์อยากนอนด้วยนี่คะ”

“ไปนอนที่อื่นหรือจะไปนอนกับชู้คนไหนก็ไป!” เสียงนั้นแม้จะเหนื่อยหอบหากแต่ก็ฉะฉานพอสมควร คนที่ยินต่างก็ตกใจ

“คุณพ่อ” อธิปที่เคยปกปิดเรื่องชู้ของตรงลักษณ์มาเป็นอย่างดีก็ตกใจไม่แพ้กัน

“คุณเอกพูดถึงอะไรคะ”​ ตรงลักษณ์เริ่มมีน้ำตาคลอ หัวใจเต้นถี่ยิบลางสังหรณ์ร้ายแรงบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาหา

“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องนะ ทำไมไม่บอกพ่อ ห๊ะตาอธิป” คราวนี้เอกภพหันมาเล่นงานลูกชายบ้าง

“แล้วพ่อรู้ได้ยังไงกันครับ”

“คนของพ่อยังไงก็คือคนของพ่ออยู่วันยังค่ำ” เอกภพเอ่ยขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อม แม้ว่าชายหนุ่มจะกำชับคนที่ไปสืบสาวหาความจริงไม่ให้บอกแก่เอกภพ แต่คำสั่งของเจ้านายใหญ่แม้จะพิการแค่ตัวแต่บุญคุณและบารมีนั้นมีมากพอที่จะทำให้คนของเขายังคงทำตัวภักดีว่านอนสอนง่ายบอกเล่าความจริงทุกอย่างให้ฟัง รวมไปถึงภาพถ่ายที่ถูกก็อปปี้เก็บไว้ส่วนหนึ่ง

“โธ่ พ่อ” อธิปคร่ำครวญ เจ็บปวดแทนคนเป็นพ่อสิ้นดีที่ในที่สุดก็รู้ความจริงจนได้ มันรวดเร็วเกินไป อธิปยังไม่อยากให้พ่อของตัวเองรู้เรื่องนี้ แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว

“ไม่ต้องพูด” เอกภพยกมือขึ้นปรามลูกชายตัวเอง แล้วหันไปหาตรงลักษณ์

“ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ไปหาไอ้ชู้อ่อนหัดของแก ดูสินำ้หน้าอย่างนั้นมันจะหาปรนเปรอให้แกทันหรือเปล่า อย่างมากก็ทำให้ได้แค่เรื่องบนเตียง!”

ใบหน้าของตรงลักษณ์สั่นไหว ไม่คิดว่าจะถูกเฉดหัวออกจากบ้านหลังนี้ในเวลานี้ แม้จะอ้อนวอนขอกลับตัวแค่ไหน เอกภพก็ไม่คิดจะพูดจาด้วย จนต้องล่าถอยยอมเดินออกจากบ้านพร้อมขนข้าวของกระเป๋าใบเขื่องไปด้วย

ดวงตาของลำดวนมีประกายระยิบระยับขึ้นมาเมื่อเห็นตรงลักษณ์เดินออกไปจากบ้านพร้อมกระเป๋าใบเขื่องและน้ำตาอันนองหน้า

“บ้าที่สุด” ตรงลักษณ์กล่าวขึ้นแค้นเคืองที่ถูกไล่ออกจากบ้านมาแบบนั้น ดวงสมรเองก็ตกใจไม่แพ้กัน

“แล้วจะทำยังไงต่อไปดี”

“อาสมรต้องช่วยลักษณ์” ดวงสมรขมวดคิ้ว ช่วย?​ คนอย่างตัวนางนี่น่ะเหรอจะมีปัญญาช่วยอะไรตรงลักษณ์ได้

“แล้วจะให้อาช่วยแบบไหนเหรอ?”

“โทรตามยัยปัฐน์มาที่นี่ พรุ่งนี้ มาคนเดียวไม่ต้องสะเอ่อเอาผัวมาด้วย” ตรงลักษณ์ออกคำสั่งเสียงเด็ดเดี่ยว

ดวงสมรทำตามคำสั่งอย่างไม่ต้องอิดออดแม้จะไม่พอใจอยู่ในที ที่หลานสาวของสามีที่ตายไปแล้วชอบทำตัวเป็นเจ้าใหญ่นายโต ให้ตัวเองเป็นขี้ข้าอยู่รำ่ไป ถ้าหากวันใดลูกสาวหาเงินได้เยอะแยะล่ะก็ดวงสมรคงได้แผลงฤทธิ์กลับคืนบ้างล่ะ เพราะที่ยอมๆ อยู่นี้ก็เห็นแก่เงินทองที่ตรงลักษณ์หยิบยื่นให้ในยามไม่มีนั่นต่างหาก ไม่งั้นคนอย่างดวงสมรก็ไม่คิดจะยินยอมเด็ดขาด

ปัฐน์ยอมมาพบกับตรงลักษณ์ตามคำร้องขอของคนเป็นแม่ ตัวหล่อนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นและรู้ดีว่าตรงลักษณ์กำลังจะสร้างเรื่องปวดหัวให้กับหล่อนอีก เพียงแค่เห็นนำ้ตาของตรงลักษณ์เท่านั้น มันก็ทำเอาปัฐน์อึดอัดพูดไม่ออก ตรงลักษณ์สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ทำให้มันเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก และจะปรับปรุงตัวใหม่ขอเพียงแค่ปัฐน์ไปช่วยพูดกับเอกภพให้เท่านั้น

“แกต้องช่วยพี่เขานะนังปัฐน์” เสียงแม่ยังดังอยู่ข้างๆ ยิ่งสร้างความหงุดหงิดมาให้แก่หญิงสาว “แม่ไม่ต้องพูดหรอกน่ะ”

“เอ๊ะนังนี่” ดวงสมรหยิกเข้าให้กับลูกสาวที่เริ่มเถียงหนักเข้าไปทุกทีตั้งแต่ที่แต่งงานไปอยู่กับผัวเศรษฐีนั่น

“ไม่งั้นก็ต้องหาเงินมาให้พี่โดยเร็วที่สุด แม่เธอยังเป็นหนี้พี่อยู่” ตรงลักษณ์กล่าวอ้างเรื่องเดิมๆ ขึ้นมาอีก ทำให้ปัฐน์ได้แต่ถอนหายใจ มองหน้าแม่ตัวเองด้วยความไม่พอใจ ดวงสมรไม่กล้าสบตาลูกสาวเมื่อได้ยินเสียงขู่ของตรงลักษณ์และการลำเลิกบุญคุณครั้งแล้วครั้งเล่า

เรื่องนี้นำความหนักใจมาให้แก่หญิงสาวเป็นที่สุด แม้ในยามที่ต้องมาหาสามีที่ทำงานก็ยังคงอ้ำอึ้งไม่กล้ากล่าวอะไรออกไป เพราะไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะต้องเริ่มต้นแบบไหน อาการไม่พอใจของเอกภพในวันนั้นหญิงสาวเข้าใจดี ตัวเอกภพยังได้กล่าวตักเตือนลูกชายของตัวเองที่ไม่ยอมบอกความจริง ดีว่าคนของเอกภพนำเรื่องราวมาเล่ามากล่าวให้ฟัง ไม่อย่างนั้นก็คงยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกสวมเขาเข้าให้

“ผมแค่ไม่อยากให้พ่อรู้เรื่องนี้ มันจะไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ”

“ไม่รู้วันนี้ก็ต้องรู้วันพรุ่งนี้อยู่ดี จะมาปกปิดกันทำไม พ่อบอกแล้วไงว่าเรื่องแค่นี้มันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้พ่อนักหรอก”

“ผมขอโทษครับพ่อ ผมแค่เป็นห่วงพ่อนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวขอโทษขอโพยคนเป็นพ่ออย่างรู้สึกผิด

สุดท้ายแล้วปัฐน์ก็จำเป็นต้องเล่าให้สามีฟังเรื่องการได้ไปพูดคุยกับตรงลักษณ์ในเรื่องนี้อีก “พี่ลักษณ์เสียใจมากและสัญญาว่าจะกลับตัวกลับใจ” หล่อนบอกเสียงแผ่วเบา หนักใจเอาการกับการตัดสินใจช่วยเหลือตรงลักษณ์ในครั้งนี้ ทั้งที่เคยหมายมาดไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้การช่วยเหลืออะไรใดๆ อีกแก่ตรงลักษณ์

ตัวหญิงสาวไม่อยากจะเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เลยสักนิด เพราะเห็นว่าตรงลักษณ์นั้นทำไม่ถูกเอาซะเลย คนมีชู้นอกใจสามีที่มีบุญคุณท่วมหัวมากมายอย่างตรงลักษณ์สมควรที่จะโดนเฉดหัวออกจากบ้าน ปัฐน์เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งและคิดว่าตัวเองก็คงทำแบบเดียวกันกับที่เอกภพทำลงไป แต่เพราะการลำเลิกบุญคุณและแม่ของหล่อนที่หาแต่เรื่องปวดหัวมาให้อยู่ร่ำไปทำให้ปัฐน์ต้องยอมช่วยเหลือตรงลักษณ์อย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดเดียว

“คุณคิดว่าเราควรจะให้โอกาสอีกหรือเปล่า”

“ปัฐน์เองก็สงสารพี่ลักษณ์น่ะค่ะ” ปากบอกไปอย่างนั้นแต่ในใจของหล่อนจริงๆ ไม่ได้สงสารเลย

“งั้นเราลองคุยกับพ่อดูก็ได้นะ ผมจะลองช่วยดู” หล่อนมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเองก็ยอมทำตามความต้องการของหล่อน

“คุณไม่คิดทบทวนเลยเหรอคะ?”

“ผมตามใจคุณอะไรที่ทำให้คุณสบายใจ ผมจะทำ” ปัฐน์เข้าสวมกอดสามี เขย่งเท้าขึ้นหาแก้มสากหอมแก้มนั้นเสียงดังฟอดใหญ่

“ขอบคุณค่ะ”

ตรงลักษณ์กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามายังบ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์ที่คุ้นตาอีกครั้ง ตอนที่ปัฐน์โทรบอกให้กลับมาบ้านได้เพราะช่วยพูดกับเอกภพแล้ว และเอกภพก็ไม่ขัดข้องอะไรมามากมาย

“แต่พี่ลักษณ์อย่าลืมนะว่าพี่สาบานว่าจะกลับตัวไม่ทำเรื่องชั่วช้านั่นอีก” เสียงกำชับไปตามสายของปัฐน์ ทำให้ตรงลักษณ์ได้แต่เบ้ปากเย้ยหยันไปยังโทรศัพท์ข้างหู

“พี่รู้แล้ว พี่ผิดไปแล้ว” ก่อนจะเปล่งคำพูดที่มั่นคงออกมา


มือเรียวก้มกราบเท้าไปยังคนที่นั่งบนรถเข็นหน้าตาบึ้งตึง แทบไม่อยากจะมองหญิงสาวที่เขาครั้งหนึ่งคิดว่าเคยรักเคยหลงจนยอมจดทะเบียน แต่งตั้งจากแค่พนักงานออฟฟิศทั่วไปให้กลายมาเป็นคุณนายของพิพิฒนวัติ แต่ยังดีว่าเขารอบคอบพอที่จะแยกสมบัติทุกอย่างออกไว้ให้แก่เขาและลูกชายคนเดียว ส่วนตรงลักษณ์จะได้แค่เงินในบัญชีที่เขาส่งให้มากมายทุกเดือนจนคนอย่างตรงลักษณ์ไม่ได้เรียกร้องอะไรอีกเลย

แม้จะเคยทำใจไว้บ้างว่าการที่ตัวเองอายุมากมายจะนำพาให้ชีวิตสมรสล่มสักวัน แต่ก็พยายามประคับประครองมันมาได้แรมปี เพียงแต่มันน่าเจ็บใจตรงที่ในยามเจ็บป่วย ตรงลักษณ์กลับหนีหาย ไม่สนใจเขาเลย ยังดีว่ามีลูกสะใภ้ของตัวเองคอยดูแลเอาใจใส่

“หวังว่าจะสำนึกนะลักษณ์ เพราะโอกาสจะไม่มีรอบสอง”

ตรงลักษณ์ร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียใจปานหัวใจจะขาดออกเป็นชิ้นแหลกเหลว

“ค่ะ ลักษณ์ผิดจริงๆ ลักษณ์มองเห็นกรงจักรเป็นดอกบัว ตอนนี้ลักษณ์รู้แล้วค่ะว่าลักษณ์รักคุณเอก และไม่ขอไปไหน ต่อไปลักษณ์จะเข้ามาดูแล เพื่อไถ่โทษที่ทำนะคะ ขอบคุณคุณเอกมากนะคะที่ให้อภัยลักษณ์กับความผิดอันใหญ่หลวง”

“ที่ฉันทำเพราะเห็นแก่ลูกสะใภ้ของฉัน ซึ่งเป็นเครือญาติของเธอ ลูกสะใภ้ฉันเป็นดี ไม่งั้นฉันก็ไม่รับเธอกลับมาอีก ฉันเสียใจจริงๆ ลักษณ์ ที่เคยทุ่มเทหลายอย่างให้กับคนอย่างเธ”

เอกภพยังคงบ่นอีกยืดยาว และตรงลักษณ์ก็ได้แต่ก้มหน้าร้องห่มร้องไห้สะอึกสะอื้น แสดงความเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป

“แต่ยังไงก็ต้องขอบใจเธอมากๆ อีกอย่างหนึ่งที่หาคนที่ดีอย่างหนูปัฐน์มาให้กับลูกชายของฉัน เราก็ถือซะว่าบุญคุณได้ชดใช้แก่กัน” สุดท้ายเอกภพก็ได้กล่าวขึ้นเสียงเบาและใจเย็นเมื่อต้องเอ่ยถึงลูกสะใภ้คนดีที่เขาเริ่มรักมากมายและดีใจว่าได้คนอย่างปัฐน์มาเป็นแม่ของหลานของเขา

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว