อยากกินไหมล่ะ 美食供应商-บทที่ 75 พนักงานใหม่

โดย  โปรเจคพิเศษ by Hongsamut

อยากกินไหมล่ะ 美食供应商

บทที่ 75 พนักงานใหม่

การต่อสู้กับพรรคมังกรดำจบลงแล้ว

หลินเขิ่นเชิญสมาชิกสำนักดาบคลั่งเข้ามาในดงต้นไม้เหล็กเพื่อเป็นการให้เกียรติ ทว่าเนื่องจากพื้นที่เต็มไปด้วยกองเลือดและซากศพ จึงไม่เหมาะที่จะอยู่นาน ดังนั้นหลัวเฉิงและพรรคพวกจึงไม่คิดจะอ้อยอิ่ง หลังจากสนทนากันสักพักพวกเขาก็เอ่ยคำอำลาและเดินทางกลับ

หลินเขิ่นไม่ได้รั้งพวกเขาไว้ ทำเพียงเดินไปส่งถึงหน้าประตูทางเข้าตามมารยาท กล่าวขอบคุณในการช่วยเหลืออีกครั้ง…

ครึ่งวันของการเก็บกวาด ดงต้นไม้เหล็กก็ดูเรียบร้อยขึ้น กระนั้นกลิ่นคาวของเลือดก็ยังลอยวนในอากาศ การต่อสู้ครั้งนี้ตระกูลหลินมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก หากจบลงที่ความพ่ายแพ้ เรื่องที่ต้องจัดการภายหลัง...คงไม่ใช่เรื่องดีนัก

ยามที่ดวงอาทิตย์กำลังตกลงที่ขอบฟ้า ขบวนขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนถนนเส้นหลัก คนสังเกตการณ์บนกำแพงเมื่อเห็นก็รีบตะโกนออกมาด้วยความดีใจ

“ฮ่าๆ ข้าไม่คิดว่าการเดินทางครั้งนี้จะราบรื่น ท่าทางพรรคมังกรดำจะไม่กล้าเล่นงานพวกเราเป็นแน่” หลินหม่างที่อยู่หัวขบวนอดที่จะรู้สึกโล่งใจไม่ได้ เขาส่งเสียงหัวเราะพออกพอใจ

อีกด้านหนึ่งหลินเซียวก็คลี่ยิ้ม เตรียมจะตอบกลับ ฉับพลันสีหน้าก็เปลี่ยนแปรไป กลิ่นคาวเลือดลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ

“เกิดเรื่องแล้ว?!” หลินเจิ้นเทียนที่ได้กลิ่นเลือดก็มีท่าทางไม่ต่างกัน ใบหน้าเหี่ยวย่นเปลี่ยนไป ราวกับรู้สึกถึงลางร้าย เขารีบควบม้าตรงดิ่งไปที่ดงต้นไม้เหล็ก…


“พรรคมังกรดำ! หากข้าไม่ได้จัดการเด็ดหัวพวกมัน ข้าคงไม่มีหน้าอยู่ในเมืองชิงหยางอีก!”

ในดงต้นไม้เหล็กผู้คุ้มกันบางคนที่ได้ยินเสียงคำรามอย่างเดือดดาลของหลินเจิ้นเทียน ได้แต่กลืนน้ำลายหอคอลง ดูเหมือนว่าครั้งนี้หลินเจิ้นเทียนจะเคียดแค้นอย่างยิ่ง

โถงใหญ่ยามนี้ทั้งพวกโต๊ะและเครื่องเรือนแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ กระจัดกระจายไปทั่วพื้น สีหน้าของหลินหม่างและหลินเซียวมืดครึ้ม มิหนำซ้ำยังกำจายกลิ่นอายเคืองแค้นอาฆาตอย่างถึงที่สุด พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมการเดินทางครั้งนี้ถึงราบรื่นนัก นั่นเป็นเพราะพรรคมังกรดำตั้งใจโจมตีที่ดงต้นไม้เหล็กนี่เอง!

“ท่านพ่อ เราจะปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้ แต่เวลานี้ท่านต้องใจเย็นลงก่อน อย่างน้อยพี่ใหญ่ก็ปกป้องดงต้นไม้เหล็กไว้ได้ ทำให้กองโจรพรรคมังกรดำปล้นไม่สำเร็จ” หลินเซียวสูดหายใจลึก เอ่ยเตือนน้ำเสียงทุ้มต่ำ

หน้าอกของหลินเจิ้นเทียนกระเพื่อมขึ้นลงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ นั่งสงบอารมณ์โกรธ อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียอันมหาศาลได้ “หลินเขิ่น ครั้งนี้เจ้าจัดการได้ยอดเยี่ยมมาก”

ครั้นได้ยินคำชื่นชมจากหลินเจิ้นเทียน หลินเขิ่นก็หัวเราะขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่หลินต้งที่นั่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง กล่าวว่า “ท่านพ่อ ศึกนี้จะชมข้าคนเดียวไม่ได้ หากหลินต้งไม่สามารถเอาชนะวูซ่าได้ละก็ ข้าเกรงว่าดงต้นไม้เหล็กของเราคงจะย่อยยับไปแล้ว”

“เอาชนะวูซ่า?”

พอได้ยินคำบอกเล่า หลินเจิ้นเทียน หลินเซียวและคนอื่นๆ ต่างพากันยืนตะลึงงัน ท่าทางราวกับไม่เข้าใจ

“ท่านพ่อยินดีด้วยขอรับ ต่อจากนี้ไปตระกูลหลินของเราจะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทียนหยวนจิ้งเพิ่มอีกคนหนึ่ง” หลินเขิ่นยิ้มบางๆ และอธิบาย

ความเงียบเข้าปกคลุมเฉียบพลัน

บรรยากาศคุกรุ่นจากความโกรธของหลินเจิ้นเทียน กลับกลายเป็นเงียบสงัด ทั่วทั้งโถงไม่มีแม้แต่เสียงหายใจ

“อะไร… ไหนเจ้าพูดใหม่สิ?” หลินเจิ้นเทียนแสดงสีหน้าน่าขบขันจ้องไปยังหลินเขิ่น พึมพำขึ้น

เมื่อมองไปที่สีหน้าเหลือเชื่อของทั้งสาม หลินเขิ่นอดที่จะบอกซ้ำอีกครั้งไม่ได้ “ต้งเอ๋อเข้าสู่พลังระดับเทียนหยวนจิ้งแล้วขอรับ”

“อ่า...!”

กลางโถงขนาดใหญ่ ทั้งสามคนตัวแข็งทื่อ ดวงตาสามคู่จ้องไปที่หลินต้ง อึดใจหลินเจิ้นเทียนก็ผุดลุกขึ้น ปรี่ไปที่เบื้องหน้าหลินต้ง มือเหี่ยวย่นคว้าข้อมือของหลานชายขึ้น เมื่อจับที่ข้อมือนั้น หลินเจิ้นเทียนก็รับรู้ถึงคลื่นหยางที่แฝงอยู่ภายในเส้นสายพลังของหลานชาย นี่คือสัญญาณสำคัญอันบ่งบอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ก้าวเข้าสู่ระดับเทียนหยวนจิ้งแล้ว!

“ฮ่าๆ เยี่ยม! ยอดเยี่ยม!”

ความปลื้มปีติที่ไม่อาจปิดกลั้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวย่นของหัวหน้าตระกูล สุดท้ายเขาก็ระเบิดหัวเราะอย่างสะใจออกมา บรรยากาศเศร้าสลดที่เกิดขึ้นจากเหตุร้ายเปลี่ยนเป็นยินดีถ้วนหน้า

“ท่านพ่อ จริงหรือขอรับ?” เมื่อเห็นปฏิกิริยาจากหลินเจิ้นเทียน หลินเซียวและหลินหม่างถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“มันคือกำลังภายในระดับเทียนหยวนจิ้งแน่แท้!” หลินเจิ้นเทียนข่มความตื่นเต้นสุดหัวใจ พยักหน้าอย่างจริงจัง พอเห็นท่าทางของคนในครอบครัว หลินต้งได้แต่ยิ้มรับ ส่ายหัวไปมา พวกเขาต้องแสดงท่าทีใหญ่โตกันทุกครั้งเลยหรือ?

อีกด้านหนึ่งหลินเขิ่นก็หัวเราะร่า ตอนแรกที่รู้เขาก็มีท่าทางแบบนี้เช่นกัน พอได้ฟังเหตุการณ์ที่หลินต้งเอาชนะวูซ่าด้วยระดับตี้หยวนจิ้งขั้นปลาย และใช้โอกาสนี้ก้าวข้ามไปสู่ระดับเทียนหยวนจิ้งสำเร็จ หลินเจิ้นเทียนและคนอื่นๆ ต่างพากันตื่นเต้นยกใหญ่ ถึงพวกเขาจะไม่ได้เห็นฉากการต่อสู้ด้วยตาตัวเอง แต่ก็คิดว่ามันคงจะน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

“หลินหลั่งเทียนจากตระกูลบ้านสายหลักเข้าสู่ระดับเทียนหยวนจิ้งตอนอายุสิบห้าปี หึๆ เมื่อเทียบกับอาต้งที่บรรลุได้ในวัยสิบหกปี หลานข้าไม่น้อยหน้าไปกว่าเขาแน่นอน ในที่สุดยอดอัจฉริยะก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในตระกูลหลินของข้าแล้ว!”

พอได้ฟังหลินเจิ้นเทียนกล่าวถึงคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในบ้านสายหลักตระกูลหลิน แววตาของหลินต้งก็หรี่ลง ค่อยๆ กำหมัดแน่น คนผู้นั้นคือคนที่เขาเกลียดชังที่สุดตั้งแต่ยังเยาว์วัย และเขาไม่มีทางลืมชื่อนี้ได้ แม้ว่าจะตายไปกี่ชาติก็ตาม

“ต้งเอ๋อ เจ้าเพิ่งจะเข้าสู่ระดับเทียนหยวนจิ้ง กำลังของเจ้ายังไม่มั่งคง ระหว่างนี้เจ้าควรจะหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก ขอให้ฝึกซ้อมอยู่ที่นี่เท่านั้น” หลินเจิ้นเทียนตบเบาๆ ที่ไหล่ของหลินต้ง

“ขอรับ” หลินต้งพยักหน้ารับ

หลินเจิ้นเทียนส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้หลินต้ง เมื่อหันกลับไปอีกฝั่งแววตาเย็นเยือกและโหดเหี้ยมก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวย่น “วันรุ่งขึ้น เราจะรวบรวมกำลังคนทั้งหมด ข้าจะไม่ยอมให้คนตระกูลหลินตายเปล่าแน่นอน!”

“ท่านพ่อ พวกโจรพรรคมังกรดำเจ้าเล่ห์เพทุบาย วันนี้ที่มันยอมแพ้เรา คาดว่าพวกมันจะต้องซ่อนตัวแน่” หลินเซียวเลิกคิ้วกล่าวขึ้น

“ตอนที่มันหนีไป ข้าแอบส่งคนไปสอดแนมพวกมันเรียบร้อยแล้ว” หลินเขิ่นยิ้ม เขารู้อยู่แล้วว่าหลินเจิ้นเทียนต้องไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมการไว้หมดแล้ว

“ท่านพ่อ มีความเป็นไปได้สูงที่มีคนชักใยอยู่เบื้องหลังการโจมตีของพรรคมังกรดำครั้งนี้” หลินเซียวให้เหตุผล ด้วยกำลังคนของตระกูลหลิน หากพรรคมังกรดำไม่มีคนชักจูงอยู่เบื้องหลัง พวกมันคงไม่กล้ามาต่อกรกับตระกูลหลินเป็นแน่

หลินเจิ้นเทียนผงกหัว นั่งลงบนเก้าอี้ สีหน้าแค้นเคืองปรากฏขึ้น ทั่วทั้งเมืองชิงหยางจะมีใครชักใยอยู่เบื้องหลังได้ นอกจากตระกูลเหลยและเซี่ย?

“วันพรุ่งนี้ ข้าจะเด็ดหัวโจรพรรคมังกรดำต่อหน้าสวรรค์เบื้องบน ถึงเวลาที่จะประกาศให้คนอื่นรู้เสียทีว่าตระกูลหลินของเราไม่ใช่...ไอ้ขี้แพ้!”

“ใครที่คิดจะลองดี พวกมันต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม!”

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว