“เธอเอาลูกไปนอน ส่วนฉันจะขึ้นไปอาบน้ำ” ธนายุตสั่งพลางลุกขึ้นยืนเพลานี้เขารู้สึกร้อนจนแทบทนไม่ไหว “ถ้าลูกหลับแล้วก็ขึ้นไปหาฉันทันที”
“ไปทำไมคะ” ที่ถามก็เพราะคิดว่าภาระกิจเสร็จสิ้นแล้ว
“ถามโง่ๆ ก็ขึ้นไปบำเรอสวาทให้ฉันนะสิ” สั่งจบก็เดินขึ้นบันไดหายไปอย่างรวดเร็วทิ้งอีกฝ่ายให้ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดโกรธเคืองตามลำพัง “ไอ้คนบ้า ตามฉันมาทำไมก็ไม่รู้ จะล้างผลาญกันให้ถึงที่สุดหรือยังไงกัน” ว่าแล้วก็ดึงนมออกจากปากของเด็กน้อยซึ่งหลับไปแล้ว จะขึ้นไปดีไหมนะ หรือว่าจะนั่งตรงนี้แล้วปล่อยให้ไอ้บ้ากามนั่นนั่งรอจนเผลอหลับ เออ จะว่าไปความคิดนี้ก็ดีเหมือนกัน เมื่อสมองคิดเธอจึงตัดสินใจทำเช่นนั้นจริงๆ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปนาราภัครก็เริ่มนั่งสลึมสลือและสุดท้ายก็นั่งหลับโดยไม่รู้ตัวกว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อถูกใครบางคนช้อนตัวขึ้นไปอุ้ม “อุ๊ย คุณ” เสียงแหลมอุทานตกใจเมื่ออยู่ในอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่มแล้ว
“ฉันสั่งให้ขึ้นไปหาฉัน ทำไมไม่ขึ้น” ธนายุตถามเสียงดุ
“ก็...ก็ฉันนั่งเฝ้าลูก กลัวว่าลูกจะตื่น” ในที่สุดเธอก็หยิบเอาข้ออ้างดูแลเด็กเพื่อเอาตัวรอด
“หลอกได้ก็หลอกไป แต่หลอกให้ได้ตลอดไปก็แล้วกัน” เขาพูดยิ้มๆ พลางเดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
“แล้วเด็กละ จะปล่อยเด็กนอนข้างล่างคนเดียวเหรอ” เธอว่าพลางชะเง้อคอหันไปมองเด็กน้อยที่กล่าวถึง
“ถ้าฉันเหนื่อยฉันจะปล่อยเธอมาดูแลลูกต่อ” สิ้นเสียงเข้มประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก “ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แล้วก็อาบเร็วๆ ด้วย ฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว” เมื่อเขาวางเธอบนพื้นแล้วนาราภัครก็รีบเดินไปยังประตูห้องน้ำที่เปิดทิ้งไว้
“ไม่ต้องปิดประตู”
คำสั่งของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวต้องหันมามองค้อน “เปิดไว้อย่างนั่นแหละป้องกันเธอหลบหนี”
“ฉันจะหนีได้ยังไง” น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายไม่เข้าใจว่าเขาจะหึงหวงอะไรกันนักหนา
“ใครจะไปรู้เธออาจจะปีนออกไปทางหน้าต่างก็ได้” เขาพูดพร้อมกับเดินมายืนพิงประตูห้องน้ำ “ไปอาบน้ำสิ”
“แล้วคุณมายืนทำไม” เธอหันมาถามอย่างไม่ชอบใจไม่นึกว่าเขาจะมายืนเฝ้าระหว่างที่เธออาบน้ำ
“ก็มาเฝ้าเธอนะสิ ผู้หญิงอย่างเธอไว้ใจได้ซะที่ไหน ดูอย่างเมื่อสองวันก่อนสิ ฉันไปกินเลี้ยงไม่กี่ชั่วโมงกลับมาเธอก็หนีไปกับชู้แล้ว”
ก็ไม่รู้จะโต้เถียงอย่างไรดังนั้นเธอจึงนิ่งเงียบ “ถอดเสื้อผ้าสิ จะอาบทั้งชุดได้ยังไง” แม้นจะเหลือเพียงบราเซียร์และกระโปรงก็ตาม “ไม่ต้องมาทำเป็นเขินอายเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสาหรอก เพราะคนอย่างเธอมันเน่าเกินกว่าที่จะมียางอาย”
เกินไปแล้วนะไอ้คนปากมาก เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย “ถอดสิ ฉันรีบ ถ้าไม่ถอดฉันจะถอดให้เอง” เมื่อเขาขู่เธอจึงรีบถอดเสื้อผ้าและเข้าไปยืนใต้ฝักบัวทันที
“หึ ก็แค่นั้น” บ่นจบก็จ้องมองร่างสวยใต้ฝักบัวมองไปมองมาอารมณ์ดิบในกายก็พุ่งทะยานสูงเกินยับยั้งได้ดังนั้นเขาจึงจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองโยนทิ้งและเข้าไปโอบกอดร่างบางอย่างเร็วรี่
“อ่ะ คุณเข้ามาทำไม” นาราภัครถามด้วยความตกใจไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาโอบกอดด้านหลัง
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว” สิ้นเสียงกระเส่าชายหนุ่มก็จับหญิงสาวหันมาสบตาและบดขยี้ริมฝีปากบางสวยด้วยความสิเน่หาดูดดื่มจนเธอเคลิบเคลิ้มเผลอยกวงแขนโอบกอดอย่างลืมตัว สองมือใหญ่ค่อยๆ เลื่อนลงมาเคล้นคลึงทรวงอกคู่อวบพลางบดเบียดช่วงล่างที่แข็งแกร่งกับสะโพกผายจนหญิงสาวรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งกาย
ริมฝีปากบางเริ่มครางกระเส่าในลำคอเมื่อชายหนุ่มเลื่อนใบหน้าลงมาดูดดื่มยอดอกสีชมพู สองมือใหญ่ไม่รอช้าที่จะเลื่อนลงมาจับก้นงอนงามและบีบเฟ้นจนเธอต้องแอ่นหน้าอกให้ชายหนุ่มชื่นชมจนพอใจ
แม้จะโกรธเกลียดเขาคนนี้แต่ส่วนลึกของหัวใจกลับรักเขามากเหลือเกิน มากจนไร้ซึ่งเหตุผล ความสุขที่เคยมอบให้กันและกันทำให้หญิงสาวหลงลืมความบาดหมางในใจไปชั่วขณะ ปลายนิ้วเรียวค่อยๆ เลื่อนลงมาสัมผัสกับความแข็งแกร่งของบุรุษหนุ่มอย่างลืมตัว
ในขณะที่กำลังมีความสุขแต่แล้วสมองก็ฉุกคิดเรื่องเมื่อวันวาน ความเจ็บในวันนั้นยังไม่จางหายในวันนี้ “เธอร่านแบบนี้กับผู้ชายทุกคนหรือเปล่า เธอทำแบบนี้กับชู้รักของเธอแล้วใช่มั้ย” เพราะรักมากเขาจึงหึงหวงจนไร้เหตุผล คำบอกเล่าของบิดาและทุกคนในคฤหาสน์ทำให้ชายหนุ่มเริ่มคลุ่มคลั่งอีกครั้ง “ตอบฉันสิ ทำไมไม่ตอบ” ว่าแล้วก็จับคางมนและออกแรงบีบแรงยิ่งขึ้น จนเธอร้องครางอย่างเจ็บปวด
สิ่งที่ได้ฟังทำให้นาราภัครช็อคไปชั่วครู่ไม่คิดว่าเขาจะบ้าอีกครั้ง “ฉันเสียใจจริงๆ ที่มีเมียอย่างเธอ เสียใจที่รักเธอ และก็เสียใจที่เธอร่านไม่เลือกสถานที่” พร่ำเพ้อจบก็ช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มและโยนเธอลงบนเบาะนุ่มในห้องนอน
โอ๊ยยยย นาราภัครร้องครางเพราะเจ็บและตกใจ เธอรีบดีดตัวลุกนั่งแต่ชายหนุ่มก็ปราดเข้าประชิดและผลักให้ล้มลงอีกครั้ง
“คุณจะทำอะไร”
“ฉันก็จะสั่งสอนคนไม่รู้จักพออย่างเธอนะสิ” สิ้นเสียงดุดันชายหนุ่มก็สอดปลายนิ้วเข้าไปชื่นชมความงามของอิสตรีโดยไม่สนใจว่าเธอยินยอมหรือไม่ “ฉันเจ็บนะ” นาราภัครร้องดังลั่นพลางดิ้นหลบหนีปลายนิ้วแปลกปลอมซึ่งทำเธอเจ็บปางตาย
“ผัวจับนิดจับหน่อยบอกว่าเจ็บ ทีไอ้ชู้รักนั่นจับดันร้องครางบอกให้มันจับแรงๆ” สมองคิดดวงจิตก็ยิ่งแค้น ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงโกรธเกลียดเธอมากอย่างนี้ อาจเพราะคำสอนของบิดาซึ่งย้ำเตือนมาตั้งแต่จำความได้ว่าผู้หญิงเลวเหมือนกันทุกคน สิ่งที่ผู้หญิงต้องการนั่นก็คือเงินทอง เธอพวกนี้ยอมแลกร่างกายเพื่อสิ่งของราคาแพง แต่หากวันใดที่เราให้เธอได้ไม่เต็มที่เธอเหล่านั้นก็จะปันใจให้ชายอื่น ใครก็ได้ที่มีให้ได้มากกว่า ผู้หญิงร่านสวาทก็จะยอมมอบกายถวายชีวีอย่างง่ายดาย ยามใดที่เราไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเธอพวกนี้ก็จะเสาะหาคนมาสนองตัณหาที่ไม่รู้จักอิ่ม สรุปก็คือผู้หญิงแพศยาทุกคน
“จะบ้าหรือไง” ว่าแล้วก็พยายามผลักร่างหนาออกห่างแต่เขากลับออกแรงขยับปลายนิ้วถี่ระรัวเร็วยิ่งขึ้นจนเธอต้องร้องกรี๊ดกราดเพราะเจ็บปวด “ฉันเจ็บนะ”
หากไม่รักเขาอาจจะหาสิ่งแปลกปลอมมาสอดใส่เพื่อทรมานเธอให้สาสมกับความแค้น วิธีทรมานศัตรูให้สาหัสมีมากมายหากคิดจะทำ แต่เขาจะทำคนที่ตัวเองรักได้อย่างไร
เมื่อความต้องการมีมากเกินยับยั้งชายหนุ่มจึงไม่รีรอที่จะสอดประสานร่างเป็นหนึ่งเดียว “เจ็บ ฉันเจ็บ” นาราภัครพยายามดิ้นหนีแต่อีกฝ่ายก็จับดึงเธอมาตราตรึงและทรมานเธอด้วยลีลาเร่าร้อนและดุเดือด หากเป็นเมื่อก่อนทั้งเธอและเขาคงจะมีความสุข แต่เพลานี้หัวใจมีแต่เคียดแค้น ความสุขที่เคยมอบให้กันและกันจึงกลับกลายเป็นความปวดร้าว
ร่างบางถูกจับให้อยู่ในท่าคุกเข่าโดยที่ไม่เต็มใจ แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่แสนจะน้อยนิดเธอจึงตกอยู่ในสภาพจำยอม สองมือใหญ่ค่อยๆ เลื่อนมาจับสะโพกผายและถาโถมอย่างสนุกสนาน แต่หญิงสาวกลับครางเสียงดังเพราะอารมณ์เจ็บปวด
“เมื่อไรจะพอเสียที” นาราภัครเอ่ยถามอย่างคนหัวเสียเพราะถูกเขากระทำจนช้ำระบมไปทั้งกายและใจ
“ถ้าเธอพอฉันก็จะพอ” เขาตอบแกมหัวเราะเยาะ “แต่คนอย่างเธอคงไม่รู้จักคำว่าพอ ให้เท่าไรก็ไม่เคยพอเสียที” ยิ่งคิดถึงตอนเธอนอนกอดชายอื่นหัวใจก็รวดร้าวแทบแหลกสลายกลายเป็นผุยผง
“ฉันพอแล้ว” นาราภัครตะโกนเสียงดังพลางซุกใบหน้าลงบนหมอนหนุนสีขาว จะทรมานให้ตายกันหรือยังไง แค่นี้ยังไม่พออีกใช่ไหม
“ไม่จริงคนอย่างเธอไม่เคยรู้จักพอ” ว่าแล้วก็จับร่างบางให้มานั่งอยู่บนตักของตนเอง
“จะทำอะไรอีก”
“เธอก็รู้ว่าฉันจะทำอะไร อย่าบอกนะว่าลืมมันไปหมดแล้ว” ธนายุตกัดฟันพูดก่อนจะสอดประสานร่างรวมกันอีกครั้ง “อืมม ขยับสิ ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ” น้ำเสียงอ่อนตอนท้ายพลางจับสะโพกผายขึ้นลงอย่างที่ใจปรารถนา แม้จะโกรธแต่อารมณ์ดิบก็มิจางหายไปทว่ามันกลับเพิ่มความเสียวซ่านจนน่าอัจรรย์ใจ
เพราะเบื่อหน่ายนาราภัครจึงตอบสนองชายหนุ่มด้วยหวังจะให้เขาสิ้นสุดความต้องการ ปลายนิ้วเรียวค่อยๆ แตะที่บ่ากว้างและโยกย้ายสะโพกจนชายหนุ่มส่งเสียงครางด้วยความพอใจ
“ดีมาก นาราภัครเธอยังเป็นเด็กดีของฉันเสมอ” ว่าแล้วก็ซุกใบหน้าลงคลอเคลียที่ทรวงอกคู่งามและเลื่อนมาขึ้นมาเคล้นคลึงจนหญิงสาวต้องแอ่นหน้าอกและเผยอริมฝีปากร้องครวญคราง
เมื่อสรวงสวรรค์ลอยอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มก็รีบนำพาตนเองไปแตะอย่างเร็วไว “อืมมม นาราภัครเธอยังหอมหวานเหมือนเดิม ฉันชอบฟังเสียงเธอครางจริงๆ” สิ้นเสียงครางกระเส่าชายหนุ่มก็รั้งใบหน้าเรียวมาจุมพิตและดูดดื่มจนเธออ่อนระโหยโรยแรงกลายเป็นขี้ผึ้งรนไฟ ร่างบางถูกจัดวางให้นอนราบบนเบาะนุ่มและความแข็งแกร่งก็ตามติดเข้ามาอย่างกระชันชิดจนเธอสูดปากครางด้วยความสุข ดวงตาหวานฉ่ำเหลือบมองชายหนุ่มแวบหนึ่งก่อนจะหลับตาสนิทและปล่อยให้เขาทรมานด้วยอารมณ์วาบหวิว เรียวขาสวยตวัดขึ้นพันเกี่ยวลำตัวของชายหนุ่ม สองมือน้อยเลื่อนขึ้นมาโอบกอดชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีสุดที่รัก เพลานี้เธอรักเขาเหลือเกิน รักจนไม่แคร์เรื่องใดๆ อีกต่อไป ความรู้สึกนี้ใช่เกิดขึ้นเพียงแค่กับนาราภัครเท่านั้น ทว่าชายหนุ่มหัวใจซาตานก็รู้สึกเช่นเดียวกับเธอ อาจเพราะหัวใจยังพันผูกเสมอ
ปลายนิ้วแกร่งค่อยๆ ลูบไล้ใบหน้าเรียวสวยก่อนจะแตะริมฝีปากบางที่เผยอร้องครางตลอดเวลา “นาราภัครเธอสวยเหลือเกิน โดยเฉพาะเวลาที่เธอมีความสุข” สิ้นเสียงทุ้มชายหนุ่มก็ประทับจุมพิตอ่อนโยนเป็นรางวัลสำหรับภาพสวยเซ็กซี่ที่ทำให้เขามีความสุขจนแทบทนไม่ไหว
คำชมของบุรุษหนุ่มทำให้หญิงสาวฮึกเหิมขยับสะโพกโต้ตอบอย่างที่เคยทำเสมอมา เพลานี้ต่างคนต่างต้องการหาความสุขใส่ตนเองจนลืมเรื่องบาดหมางเมื่อวันวาน เสียงร้องครางด้วยอารมณ์สุขสรรค์ดังก้องกังวานห้องนอนและแล้วทั้งสองก็มีความสุขพร้อมๆ กัน
ใบหน้าเรียวค่อยๆ หันไปมองผนังห้องนอนเพราะรู้สึกอับอายสายตาเร่าร้อนคู่นั้น ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นซาตานร้ายหรือเขาจะเป็นสามีคนดีคนเดิมคนนั้น และแล้วสิ่งที่หวาดกลัวก็เป็นจริง
“ร่านเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน” ก็รักเธอนะ แต่ก็แอบคิดว่าเธอคงแสดงพฤติกรรมเช่นนี้กับชายอื่นเช่นกัน
คิดแล้วเชียวว่าเขาจะต่อว่าเธอเสียๆ หายๆ “ปล่อยฉัน” เมื่อไม่พอใจเธอจึงผลักเขาออกห่างแต่อีกฝ่ายหาได้ยินยอม
“จะไปไหน เธอก็รู้ว่าฉันยังสู้ไม่ถอย” น้ำเสียงเบากริบกระซิบที่ติ่งหูเล็กก่อนจะเริ่มขยับเคลื่อนย้ายสะโพกสอบแรงๆ จนเธอรับรู้ว่าเขายังไม่สิ้นสุดความต้องการ
ก็อยากจะเถียงแต่ก็ไม่รู้จะโต้เถียงอย่างไร เฮ้อ....ดังนั้นเธอจึงนอนนิ่งๆ และปล่อยให้เขาระบายความแค้นลงบนเรือนร่าง จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไป
“ฉันไม่ไหวแล้วนะ” นาราภัครร้องบอกเมื่อเจ็บระบมจนแทบทนไม่ไหว เห็นเธอเป็นเครื่องจักรหรืออย่างไรกัน
“แต่ฉันยังไหว” ชายหนุ่มโต้กลับแต่ไม่หยุดเคลื่อนไหวบนร่างสวย
“ฉันง่วง”
“ง่วงก็นอนไปสิ ฉันจะทำต่อ” เขาพูดยิ้มๆ แม้นจะโกรธจะเกลียดแต่กลับต้องการเธอมากจนเกินต้านทาน
“จะนอนได้ยังไงเล่า” ว่าแล้วก็ผลักเขาออกห่าง “ฉันจะนอนแล้วปล่อยฉันนะ”
“ไม่ปล่อย” สิ้นเสียงดุเขาก็จับเธอให้นอนตะแคงข้างและพลิกตัวเองหันมาอยู่ด้านหลัง “อยากนอนก็นอนฉันหาวิธีช่วยเหลือตัวเองได้”
คำตอบของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวแทบอยากกรีดร้องดังๆ ให้ก้องโลก นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงบ้ากามอย่างนี้ อุตส่าห์ยอมตั้งสามสี่ครั้งแล้วแต่ทำไมถึงไม่รู้จักพอ เฮ้อ... ไม่รู้อะไรดลใจให้เขามีความคิดพิเรนแบบนี้ ฮึ เหนื่อยใจจริงๆ มีผัวแบบนี้ ลาตายดีไหมเนี่ย “ฉันจะนอนแล้วคุณจะทำอะไรก็ทำ” พูดจบเธอก็หลับตาสนิทไม่ต้องการรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่ถึงห้านาทีชายหนุ่มก็หยุดเคลื่อนไหวเพราะเริ่มไม่สนุก “นี่นาราภัคร หลับแล้วเหรอ” เมื่อไม่แน่ใจเขาจึงจับเธอพลิกมามองเพื่อความแน่ใจ “หลับจริงๆ เหรอยัยบ้า”
“อืม อะไรอีกละคะ ฉันง่วง ฉันจะนอน” นาราภัครลืมตามองแวบหนึ่งก่อนจะหลับตาอีกครั้งเพราะเหนื่อยล้ามาแล้วทั้งวัน
“ตื่นมาก่อนจะรีบนอนไปไหน” ว่าแล้วก็จับเธอเขย่าแรงๆ หวังจะให้เธอตื่นขึ้นมาบำเรอสวาท
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว