ปาฏิหาริย์รักข้ามพิภพ-ตอนที่ 23  วิมานเงือกน้อย (ต่อ)

โดย  Richa

ปาฏิหาริย์รักข้ามพิภพ

ตอนที่ 23  วิมานเงือกน้อย (ต่อ)

“ท่านสมันตราพญานาคราชได้ส่งกระแสจิตถึงพ่อก่อนหน้าที่ท่าน อนาคินจะเข้าไปช่วยเหลือ ท่านบอกว่ามีพระธุดงค์รูปหนึ่งมีทั้งคุณงามความดีและคาถาอาคมแก่กล้า ท่านเก็บรักษาสิ่งที่เรียกว่า 'มณีนาคราช' เอาไว้ แต่พระธุดงค์รูปนั้นได้ออกเดินทางไปเรื่อยไม่มีจุดหมายปลายทาง จงเดินทางตามหาและนำมันมาคืนท่าน มันคือมณีนาคราชของพญานาคาธิบดี”

“มณีนาคราชของพญานาคาธิบดี” ชลธิดาทวนคำ นี่ก็หมายความว่าหากเธอหามณีนาคราชดวงนี้เจอ นอกจากจะรวมร่างของธารได้ มันยังช่วยพ่อของเธอออกจากคุกได้ด้วย เธอจำที่พ่อบอกได้ว่าต้องใช้มณีนาคราชของพญานาคาธิบดีเท่านั้นจึงจะปลดปล่อยเวทมนตร์ได้ แต่...พ่อบอกว่ามันคือดวงแก้วที่กำเนิดมาจากบุญฤทธิ์ของพ่อเอง ทำไมมันจึงเป็นมณีนาคราชของพญานาคาธิบดี ในเมื่อธรรมเนียมปฏิบัติผู้ครองนครต้องมอบมณีนาคราชคืนให้กับพญานาคผู้เป็นเจ้าของเดิม

“จะไปตามหามณีนาคราชได้ที่ไหน พระธุดงค์รูปนั้นก็เดินทางไปเรื่อยไม่มีจุดหมาย หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่มีรูปให้ดูอีก” เอมิกาทำลายความเงียบขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก

“เรื่องนั้นพ่อพอช่วยได้ แต่ปัญหาของพ่อคือดวงจิตเข้าร่างไม่ได้ พ่อก็ใช้จิตสัมผัสที่มีไม่ได้เหมือนกัน สภาพนี้ก็ไม่มีใครมองเห็นพ่อนอกจากพวกนาค มนุษย์ครึ่งนาคหรือมนุษย์เชื้อชาตินาคเท่านั้น ถ้าพ่อไปถึงเมืองมนุษย์ วิญญาณนี้ก็จะไร้ร่าง เป็นได้แค่เพียงวิญญาณที่ล่องลอย ภายในร้อยวันต้องกลับคืนสู่ร่างเดิมให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถใช้ร่างนั้นได้อีกเลย”

ชลธิดาพอเข้าใจเรื่องจิตสัมผัส ฝนเคยพูดถึงบ่อยครั้ง คนมีจิตสัมผัสสามารถตามหาคนหรือสิ่งของที่ต้องการหรือสูญหายได้ เธอเห็นชาวบ้านมากหน้าหลายตามาขอความช่วยเหลือ บ้านของฝนจึงหัวกระไดไม่เคยแห้งเพราะผู้คนแวะเวียนเข้ามาใช้บริการแต่ตอนนี้ความหวังของเธอดับวูบ...

“ถ้าครบร้อยวันแล้วพ่อเข้าร่างไม่ได้ บอกฝนกับแม่ด้วยนะว่าต้องทำลายร่างกายของพ่อ ก่อนที่วิญญาณร้ายที่แข็งแกร่งจะยึดร่างกายของพ่อไปใช้” มนุษย์พราหมณ์พูดด้วยสีหน้าจริงจังอย่างเข้าใจกฎของมนตร์ดำทว่าอีกสองมนุษย์ครึ่งนาคเบิกตากว้าง ใครจะทำได้ลงคอ นี่มันฆ่ากันตายชัดๆ

“มันดีกว่าการยอมให้วิญญาณร้ายมายืมร่างของพ่อไปใช้ในทางที่ไม่ดี” พ่อของฝนยืนกรานในเจตนาเดิม

“พูดอีก ก็ถูกอีก จริง! อย่างที่สุด” มัลลิกาพูดแทรกการสนทนาของมนุษย์ทั้งสามผ่านลำโพงออกมาให้ได้ยินกันทั่ว

“ถ้ายอมให้อนันดาลบความทรงจำแต่แรก ก็ไม่ต้องมารับกรรมโดยการถูกกระชากดวงจิตออกจากร่างแบบนี้หรอก มนุษย์หนอมนุษย์ พวกเจ้าช่างสอดรู้สอดเห็นเสียจริง มันน่ากระชากวิญญาณมาขังลืมเสียให้หมด” มัลลิกาบ่นพึมพำให้ได้ยินเป็นที่ระคายหู

“นี่แม่นางนาคีทรงเสน่ห์ เธอแอบฟังพวกเราคุยกันอีกแล้ว คำว่ามารยาทคงไม่มีในสังคมนาคสินะ โรงเรียนสอนมารยาทสังคมมีบ้างไหมหรือมีหนังสือสมบัติผู้ดีอ่านบ้างรึเปล่า ถ้ามีก็ไปหาอ่านด้วยนะเพราะฉันคงไม่หามาให้เธอ” เอมิกาตะโกนโต้ตอบอย่างไม่ลดละ

“ประโยคจิกกัดแบบนี้คงเจ็บปวดสำหรับมนุษย์สินะ แต่เสียใจ...ฉันเป็นนาคไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดเดียว อย่าว่าแต่ได้ยินสิ่งที่พวกเธอคุย แม้แต่ความคิดในสมองของพวกเธอ ฉันก็ยังได้ยิน” มัลลิกาตอบโต้

“เหอๆ อ่านความคิด อ่านไปเหอะ อ่านให้หมด...อ่านให้สมองแตกตายไปเลยนะนางนาคี ใจมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง เคยได้ยินบ้างไหม” เอมิกายังคงโต้ตอบกับมัลลิกาอย่างไม่ยอมลดละ

“แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย พญานาคอ่านความคิดของมนุษย์ได้ แต่พวกเราอ่านความคิดของพวกเขาไม่ได้” ชลธิดาเปรยขึ้น เธอถูกอนันดาแอบเข้ามาอ่านความคิดหลายครั้ง

“หนูต้องปิดกั้นความคิด ถ้าฝึกสำเร็จต่อให้พญานาคมีอิทธิฤทธิ์แค่ไหนก็อ่านความคิดหนูไม่ได้” พ่อของฝนแนะนำ

“ปิดกั้นความคิด” สองสาวน้อยอุทานออกมาพร้อมกัน

“มันมีคาถา ท่องในใจทุกวัน ปิดกั้นเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาอ่านได้”

“แหม เก่งนักนะ พ่อมนุษย์พราหมณ์ อย่างเจ้านี่น่ะ ไม่มีนาคตนไหนลดตัวลงไปอ่านความคิดของเจ้าหรอก เจ้ามันก็แค่มนุษย์ชั้นต่ำที่ล่อลวงผู้อื่นด้วยคาถาอาคมระดับล่าง” มัลลิกาประชดประชัน พ่อของฝนนิ่งเงียบแม้จะโกรธเคืองแต่ต้องเจียมเนื้อเจียมตัว

“มนุษย์นี่ก็แปลก ชอบให้คนรอบข้างเดาใจ ไม่ยอมพูดสิ่งที่ตนต้องการแต่อยากให้คนอื่นเข้าใจ แบบอ่านใจได้ แต่พอมาถูกอ่านความคิดกลับกลัว...กลัวว่าคิดอะไรอยู่ก็มีคนรับรู้จนต้องหาหนทางปิดกั้น” เสียงเย้ยหยันของมัลลิกาดังมาอีกครั้ง

เอมิกาอ้าปากจะตอบโต้แต่มือเรียวของชลธิดาเอื้อมมาสัมผัสที่ต้นขาอวบและบีบเบาๆ เตือนให้รู้ว่าไม่ควรสร้างศัตรูเพิ่ม โดยเฉพาะศัตรูที่กุมชีวิตของทุกคนเอาไว้ในกำมือเช่นนี้

“เธอได้รับคำแนะนำที่ดีจากแม่ใช่ไหม” ชลธิดาชวนคุยหันเหความสนใจของเพื่อนจะได้เลิกตอแยกับมัลลิกาเสียที

“แม่ให้คำแนะนำกับฉันได้ดีมากกกเลย...” เอมิกาลากเสียงยาวอย่างไม่สบอารมณ์นัก ชลธิดาไม่แน่ใจว่าอารมณ์โกรธจากมัลลิกายังคุกรุ่นอยู่หรือเพราะเคืองใจมารดานาคีของนางกันแน่ “แม่แนะนำว่าให้ฉันลองถามใจตัวเองดู ถ้าพร้อมจะรักและยอมรับผลที่ตามมาได้ก็อย่าได้ลังเล แม่ไม่ยอมบอกเลยว่าศัลยแพทย์คนนั้นเป็นนาคหรือมนุษย์”

“อย่าคิดมากเลยนะ คบไปนาน ๆ ค่อยตัดสินใจก็ได้ เธอเพิ่งจะอายุได้แค่สิบเก้าปีเอง ยังมีเวลาอีกตั้งหลายปี ศึกษาดูใจกันไปก่อน บางทีศัลยแพทย์คนนั้นอาจจะเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาก็ได้นะ” ชลธิดาพยายามปลอบใจเพื่อน

“ถ้าเธอหลงรักนาคราชสักตน เธอจะยอมทิ้งความเป็นมนุษย์แล้วคืนร่างเป็นนาคไปตลอดกาลรึเปล่า เธอต้องกลายเป็นนาคไปอีกนับพันปี เธอจะรู้ได้ยังไงว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง” เอมิกาถามกลับ

“ถ้านาคราชตนนั้นคู่ควรกับความรักของฉัน หากต้องทิ้งความเป็นมนุษย์เพื่อแลกกับความรักที่ยั่งยืนมันก็คุ้มค่านะ” ใบหน้าของอนันดาลอยเข้ามาในภวังค์ ถ้าอยากใช้ชีวิตร่วมกับเขา เธอต้องกลายเป็นนาคี มิเช่นนั้นเธอต้องยอมมีชีวิตอยู่โดยไม่มีเขาไปจนตายในร่างของมนุษย์

“ไม่มีอะไรคุ้มค่ามากไปกว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์โดยแท้” พ่อของฝนเปรยขึ้นเหมือนตั้งใจให้ชลธิดาได้ยิน

“มนุษย์อยู่ได้ไม่ถึงร้อยปีก็ตาย แม่ของน้ำตายแต่พ่อยังอยู่ พ่อคงเสียใจและทรมานใจมากที่ต้องอยู่โดยไม่มีแม่” ชลธิดาเปรยขึ้น เธอยังจดจำรอยยิ้มร่าเริงของแม่ได้ดี แม้แต่นาทีสุดท้ายของชีวิต รอยยิ้มของแม่ก็ยังสดใส พ่อทำให้แม่มีความสุขมาก นี่คืออานุภาพของความรัก

“พญานาคตนหนึ่งอายุยืนเป็นพันปี บางตนที่มีอิทธิฤทธิ์มากก็ได้ยินว่ามีอายุเป็นหมื่นปีกันเลย มาอยู่กินกับมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งแค่ตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์ มันก็แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ของพวกท่านเหล่านั้น คล้ายกับการพักผ่อนช่วงฤดูร้อนเท่านั้นเอง พญานาคบางตนก็ไม่ต่างจากมนุษย์ มีรัก โกรธ หลง เล่ห์เหลี่ยม แย่งชิงและมีมากกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ พวกหนูๆ อาจจะยังไม่รู้ซึ้งถึงเล่ห์นาคราช”

จินตนาการสวยหรูของชลธิดาพังครืนลงมา แม่ของเธอเป็นแค่ภรรยาภาคฤดูร้อนของพ่องั้นเหรอ ถ้าเธอยังเป็นมนุษย์และใช้ชีวิตร่วมกับอนันดา เธอก็คงไม่ต่างจากแม่ใช่ไหม

“แหม มนุษย์พราหมณ์! ช่างเข้าใจเรียก...เล่ห์นาคราช! เล่ห์นาคราชอย่าว่าแต่มนุษย์เลยที่หลงกล แม้แต่นาคีก็ยังพลาด...เราพลาดให้กับเล่ห์ของนาคราชมาแล้ว” มัลลิกาเปรยซ้ำไปซ้ำมาด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด

“ยัยนี่แอบฟังพวกเราคุยกันอีกแล้ว โรคจิต ขาดความอบอุ่นเลยชอบเรียกร้องความสนใจ” เอมิกากระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและถ้อยคำจิกกัดชนิดไม่ยอมปล่อยให้มัลลิกามีความสุขกับการตอบโต้เพียงฝ่ายเดียว

“นี่ยัยมนุษย์หยุดนินทาฉันได้แล้ว เดี๋ยวเหอะระวังตัวไว้ให้ดีไปถึงห้วงแห่งกาลเวลาไม่รู้จบเมื่อไหร่ ฉันจะเล่นงานให้เข็ดหลาบ” มัลลิกาข่มขู่

“ห้วงแห่งกาลเวลาไม่รู้จบ พวกเราจะต้องล่องเรือผ่านห้วงแห่งกาลเวลาไม่รู้จบใช่ไหม” ชลธิดาทวนคำอย่างดีใจ เธอจำความโหดร้ายของห้วงแห่งกาลเวลาไม่รู้จบได้ดี แต่เธอก็ต้องการเดินทางผ่านอีกครั้ง

แม่และน้องชายของเธอถูกจองจำอยู่ที่นั่น

“แต่อย่าได้หวังว่าเธอจะเจอพวกเขา ไม่มีใครได้กลับมาอีก นอกจาก...” มัลลิกาแทรกขึ้น

“นอกจากอะไร” ชลธิดาถามย้ำทว่าไม่มีเสียงตอบจากมัลลิกา เธอเดาไม่ออกว่านางไม่อยากตอบหรือนางกำลังต้องการสมาธิเพราะเธอมองเห็นความน่ากลัวผ่านจอทีวีติดผนัง

เรือมัลลิกาจอดสนิทอยู่หน้าประตูแก้วรูปทรงกลม เธอจำได้ว่าเธอผ่านประตูนี้ตอนเดินทางเข้ามายังเมืองนาคราช ข้างหน้าเรือมัลลิกามีเรือหอยขนาดใหญ่เท่าเรือออยสเตอร์ชิพจอดอยู่ เรือมัลลิกาลำเล็กกว่าเยอะมากและตอนนี้กำลังแฝงตัวหลบอยู่ใต้เปลือกเรือหอยลำใหญ่ที่มีลักษณะทรงกลมขรุขระ เรือมัลลิกาลอยลำไปมาแนบชิดคล้ายปรสิตที่เกาะแน่นอยู่กับเรือใหญ่ สามมนุษย์หันมาสบตากันอย่างรู้ความนัย มัลลิกากำลังจะพาพวกเธอหลบหนีออกนอกเมืองนาคราชโดยอาศัยจังหวะที่ประตูแก้วเปิดให้เรือใหญ่ผ่าน เรือมัลลิกาก็จะแฝงตัวตามติดออกไปพร้อมกัน แต่เรือลำแค่นี้จะต้านทานมวลน้ำขนาดมหึมาได้อย่างไร

สองมือน้อยจับกันแน่น...เธอทั้งสองและอีกหนึ่งดวงจิตจะหลุดพ้นจากประตูนาคราชออกไปได้หรือไม่ มัลลิกาจะช่วยพวกเธอออกไปเพราะอนันดาจ้างวานหรือมัลลิกาแอบมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรแอบแฝง นางดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่เลย

ใบพัดภายในประตูแก้วเริ่มแยกออกจากกันจนเห็นช่องว่างและเริ่มเพิ่มความเร็วรอบในการหมุนขึ้นอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวคลื่นน้ำมหึมาก็ไหลทะลักออกมาจากรอยแยก เรือมัลลิกาลอยลำแนบชิดติดกับเรือใหญ่คล้ายกับใช้เรือลำใหญ่เป็นเครื่องกำบังตัวจากคลื่นน้ำ

เรือใหญ่ออกตัวพุ่งไปข้างหน้า เรือมัลลิกาลอยเลียบเคียงข้างตามไปติดๆ เรือใหญ่หมุนคว้างตีลังกาตามกระแสคลื่น เรือมัลลิกาเริ่มหมุนตีลังกาในจังหวะที่พร้อมเพรียงกับเรือใหญ่ มวลน้ำขนาดมหึมาพุ่งเข้าชนหน้าจอทีวี เรือมัลลิกาหมุนคว้างอย่างไร้ทิศทาง

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว