โอว์... ที่รัก - Chapter 2-1

โดย  ผิง เหม่ยเซียน

โอว์... ที่รัก

Chapter 2-1


กติกา

captionหน้าจอแล้วส่งมาที่line:Phoenix-cหรือ


page https://www.facebook.com/WriterPhoenixC/สุมแจกที่ line 7 รางวัล ที่ facebook fanpage 7 รางวัล ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2561- 8 เมษา 2561 ซุ่มจับและประกาศรางวัลวันที่ 10เมษายน 2561 ส่งของวันที่ 12 เมษายน 2561 เข้ามาร่วมเล่มเกมส์กันเยอะ ๆ นะคะ

-----------------------------

หลังแยกกับบุรุษชุดขาว หม่าซ่วนฉีก็มุ่งหน้าไปตามทางที่เหล่าวิหคบอกไว้ จนเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม

เข้ายามอิ่ว (ห้าโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม) นางจึงหาที่พักเพื่อตั้งกระโจม


เมื่อหม่าซ่วนฉีจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย จึงเข้าสมาธิกำหนดจิตเรียกผู้เฒ่าดูแลดวงชะตา


“ท่านผู้เฒ่าเจ้าขา ท่านผู้เฒ่า ท่านผู้ใจดี ฉีเอ๋อมีเรื่องจะเรียนถาม รบกวนเวลาของท่านผู้เฒ่าสักครู่นะเจ้าคะ” หม่าซ่วนฉีส่งเสียงเรียกอยู่ครู่หนึ่ง ชายชราก็ปรากฏตัวออกมา


“นังหนู เรียกข้ามีเรื่องอันใด ของที่เจ้าอยากได้ข้าก็ฝากอาจารย์เจ้าไปให้แล้วมิใช่หรือ”


“ฉีเอ๋อได้รับแล้วเจ้าค่ะ ท่านผู้เฒ่าเจ้าคะ ฉีเอ๋อขอรบกวนเวลาท่านสักนิด” หญิงสาวส่งยิ้มหวานพลางออดอ้อน


“มีสิ่งใด ว่ามา พวกเจ้านี่นะ ขยันเรียกข้าเสียจริง ๆ ข้าเป็นผู้เฒ่าดูแลดวงชะตา ผู้คนล้วนมากราบไหว้ มีแต่พวกเจ้าสองคนนี่ล่ะ เห็นข้าเป็นอะไร จึงเรียกใช้มิได้หยุดหย่อนเช่นนี้” ผู้เฒ่าดวงชะตาบ่นด้วยความเบื่อหน่าย กระนั้นแววตาก็ยังฉายแววเอื้ออารี

“ท่านผู้เฒ่ากล่าวหนักไปนะเจ้าคะ ฉีเอ๋อมีหรือจะกล้า ข้าเพียงต้องการรู้ว่าจะหาพญาวิหคเพลิงได้จากแห่งหนใด ตามที่อาจารย์บอก ท่านพญาวิหคเพลิงต้องอยู่บริเวณถ้ำวิหคเพลิง แต่ข้าไปหาแล้วมิพบ ส่วนวิหคน้อยบอกข้าว่าอยู่ใกล้ ๆ นี้ ข้าหามาทั้งวันกลับพบเพียงความว่างเปล่า ท่านผู้เฒ่าเมตตาข้าสักครั้งเถิดนะเจ้าคะ” หม่าซ่วนฉีพยายามแสดงสีหน้าให้ดูน่าสงสารเรียกความเห็นใจ ก่อนจะได้มะเหงกมาทีหนึ่ง นางคลำศีรษะป้อย ๆ

“มิต้องมาทำปากหวาน เจ้าสองคนนี่นะ นอกจากชื่อแล้วนิสัยยังเหมือนกันอีกด้วย พญาวิหคเพลิงตอนนี้กักตนเข้าฌานอยู่ในถ้ำวิหคเพลิงนั่นล่ะ เจ้าย้อนกลับไปที่ถ้ำแล้วรอให้พญาวิหคเพลิงออกจากฌาน ถึงเวลานั้นก็ขึ้นอยู่กับฝีมือและวาสนาของเจ้าแล้ว เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว ต่อไปเจ้าอย่าเรียกข้าบ่อยนัก ข้าแก่แล้ว” ผู้เฒ่าดูแลดวงชะตาโบกมือไล่ให้หม่าซ่วนฉีกลับเข้าร่าง


“รอก่อนเจ้าค่ะ ท่านผู้เฒ่า” หม่าซ่วนฉีเรียก


“มีสิ่งใดอีก”


“คุณหนูหม่าที่อยู่ในร่างข้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” หม่าซ่วนฉีถาม แววตาเจือความเป็นห่วง


“นางสบายดี กำลังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างตื่นเต้น และฝึกตัวให้พร้อมกับภารกิจเช่นเดียวกับเจ้า” ผู้เฒ่าดูแลดวงชะตาเอ่ยตอบให้หญิงสาวคลายกังวล


“ไม่มีสิ่งใดแล้วเจ้าก็ไปเถิด พักผ่อนเสีย พรุ่งนี้เจ้าต้องออกเดินทางตั้งแต่ต้นยามอิ่น (03.00)”


“หากข้าใช้วิชาตัวเบากับกายไร้เงา มิเกินสองชั่วยามย่อมต้องถึงถ้ำวิหคเพลิง แล้วเหตุใดข้าจึงต้องตื่นแต่เช้าด้วยเจ้าคะ” หม่าซ่วนฉีซึ่งยังติดนิสัยนอนดึกตื่นสายมาจากมิติก่อนเอ่ยถาม


“มิต้องถามให้มากความ ข้าให้ออกเวลาใด เจ้าทำตามเพียงเท่านั้น บ่นมากวันหลังก็มิต้องเรียกข้ามาช่วย” เฒ่าดวงชะตาขู่


“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เช่นนั้นฉีเอ๋อลาแล้วนะเจ้าคะ” หญิงสาวรีบออกจากสมาธิทันที นางกลัวว่าหากคราวหน้ามีปัญหา ผู้เฒ่าดูแลดวงชะตาจะไม่มาช่วยเข้าจริง ๆ


ด้านผู้เฒ่าดูแลดวงชะตาเมื่อไม่เห็นหม่าซ่วนฉีจึงถอดถอนหายใจ “มันเป็นลิขิตสวรรค์นังหนู ที่วันนี้เจ้าหาพญาวิหคเพลิงมิพบและพรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า ก็เพราะชะตาของเจ้า”


หม่าซ่วนฉีหลังออกจากสมาธิก็กลับเข้าไปในมิติเพื่อปรุงโอสถ นางนำหม้อปรุงโอสถออกมา ใช้ปราณเพื่อจุดไฟบริเวณใต้หม้อ ก่อนจะใส่หยดน้ำค้างเก้าภูผา หอยไข่มุกทะเลใต้ น้ำฝนบริสุทธิ์ รอครู่หนึ่งจึงเร่งปราณไฟพลางใส่สมุนไพรอีกสองอย่างลงในหม้อปรุงโอสถ ระหว่างนั้นหม่าซ่วนฉีก็เปิดตำราดูวิธีขยายมิติและสร้างสิ่งของลงมิติธาตุ หลายวันก่อนนางเปิดพบวิธีสร้างบ่อและห้องต่าง ๆ ในมิติ วันนี้หญิงสาวจึงจะลองสร้างบ่อน้ำดู หากสำเร็จ นางจะเริ่มสร้างห้องเพื่อขยายมิติให้กว้างมากขึ้น


หม่าซ่วนฉีกำหนดจิต วาดมือในมิติของตนเองตามภาพที่นึกไว้ นางใช้ธาตุแสงเพื่อทำให้มิติเป็นหลุม ครั้นลืมตาขึ้นก็ต้องตื่นตะลึง เฮ้ย! นี่มันบ่อน้ำแร่ออนเซ็นชัด ๆ เพราะเมื่อครู่นางจินตนาการถึงบ่อออนเซ็นที่ญี่ปุ่นซึ่งนางชื่นชอบ ขณะกำลังปลื้มปริ่มกลิ่นหอมบางอย่างก็ลอยออกจากหม้อปรุงโอสถมาแตะจมูก


น้ำทิพย์วารีปรุงเสร็จแล้ว หญิงสาวเทน้ำลงบ่อแล้วใช้ธาตุน้ำเติมน้ำให้เต็มบ่อ เท่านี้ก็ได้บ่อน้ำทิพย์วารีแล้ว เพียงแต่ทุกเดือนนางต้องปรุงน้ำทิพย์วารีมาเติมเพื่อให้น้ำในบ่อมีประสิทธิภาพ หลังทุกอย่างเสร็จสิ้นหม่าซ่วนฉีจึงนอนเอาแรง


กระโจมสำนักศึกษา


ฟ่งซื่อหยวน ฟ่งจิ่น และหม่าซ่งชิงกำลังเตรียมตัวออกเดินทาง ทั้งสามเลาะไปตามทางโดยมีไท่จื่อฟ่งซื่อหยวนเป็นผู้นำ ราวหนึ่งชั่วยาม(สองชั่วโมง)ฟ้าก็เริ่มสว่าง ฟงอวิ๋น อินทรีสีทองขององค์ไท่จื่อ จึงส่งกระแสจิตว่ามันจะบินดูลาดเลาให้ พอชายหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย มันจึงบินออกจากไหล่ขึ้นบนท้องฟ้า หม่าซ่งชิงเห็นพญาอินทรีย์ทองบินห่างออกไปก็เอ่ยถาม


“องค์ไท่จื่อ เหตุใดท่านจึงปล่อยให้มันบินไปเล่า มีสิ่งใดผิดปกติหรือ” หากอยู่ตามลำพัง ฟ่งซื่อหยวนและฟ่งจิ่นมักบอกสหายสนิทเสมอว่ามิต้องใช้ราชาศัพท์ ดังนั้นหม่าซ่งชิงจึงพูดธรรมดากับสหายทั้งสอง


“มิได้มีอันใดผิดปกติ เพียงแต่มันอยากจะบินไปช่วยดูลาดเลาให้ ว่ามีสัตว์เวทย์อสูรใดบ้างที่เราควรออกห่างหรือเข้าหาเพื่อทำพันธสัญญา” หม่าซ่งชิงพยักหน้ารับรู้


ไม่นานพญาอินทรีสีทองก็ส่งกระแสจิตบอก ว่าทางทิศใต้มีหมีขาวเหมาะกับซ่งชิงห่างจากบริเวณที่พวกเขาอยู่ห้าลี้ (2.5กิโลเมตร)

ฟ่งซื่อหยวนหันมากล่าวกับซ่งชิง ว่าจะเร่งไปทางทิศใต้เนื่องจากพญาอินทรีสีทองเจอหมีขาว สัตว์อสูรเวทย์ระดับหกซึ่งเหมาะกับซ่งชิงที่ใช้ธาตุดิน ทั้งสามใช้วิชาตัวเบาเหาะไปทันที ภายในครึ่งเค่อจึงมาถึง พญาอินทรีซึ่งบินรออยู่ก็ย่อขนาดตัวแล้วบินมาเกาะแขนฟ่งซื่อหยวน

“ซ่งชิง เจ้าต้องเข้าไปเอง ข้ากับท่านอาจะรอเจ้าอยู่แถวนี้ ขอให้เจ้าโชคดี”


ฟ่งจิ่นที่เงียบมาตลอดทางยื่นโอสถห้ามเลือดให้ ทำเอาหม่าซ่งชิงส่ายศีรษะแต่ก็รับเอาไว้“ท่านอ๋องสิบสาม นี่ท่านหวังดีหรือแช่งข้ากันแน่”


ฟ่งซื่อหยวนโคลงใบหน้าไปมา เขารู้จักอาตัวเองดี เห็นเงียบ ๆ เยี่ยงนี้แต่กวนประสาทมิแพ้ผู้ใด


“ข้ามิได้แช่ง ข้าหวังดี หากเจ้าโดนหมีตะปบจะได้ห้ามเลือดแล้วสู้กับมันต่ออย่างไรเล่า อย่างน้อยสู้มิได้ก็ยังมีแรงพอที่จะวิ่งหนีมาหาพวกข้า” ฟ่งจิ่นตอบเสียงเนิบ ซ่งชิงได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เห็นดังนั้นฟ่งจิ่นจึงเลิกเย้าแหย่


“เอ้า โอสถตัวนี้จะช่วยให้เจ้ามีพละกำลังเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่มันอยู่ได้เพียงสองชั่วยามเท่านั้น รีบทำพันธสัญญาก่อนโอสถจะหมดฤทธิ์ เจ้าเข้าไปได้แล้ว แล้วออกมาพบกันตรงนี้ หากเกินยามเซิ่น (15.00-17.00) เจ้าก็กลับกระโจมสำนักศึกษาเลย” ซ่งชิงรับของมาแล้วพยักหน้า ชายหนุ่มรีบมุ่งเข้าไปในป่าทันที


“เสด็จอาเล่า ต้องการตามหาอาชาเวหาใช่หรือไม่” ฟ่งซื่อหยวนถาม


“เจ้าว่าหยวนชวนจะจับอาชาเวหาได้หรือไม่” ฟ่งจิ่นไม่ตอบคำแต่ถามกลับ


“ข้าไม่คิดว่าเจ้านั่นจะมีความสามารถพอจนจับอาชาเวหาซึ่งมีเวทย์ขั้นแปดได้หรอก”


คำตอบจากไท่จื่อทำให้ฟ่งจิ่นหลุดหัวเราะในลำคอ “หึ ข้าก็คิดเช่นนั้น เมื่อวานเจ้าเจอมันแห่งหนใด”


“จากตรงนี้มุ่งไปทางทิศใต้อีกห้าลี้ เป็นจุดที่ข้าเจอแม่นางน้อยกับอาชาเวหา”


ฟ่งจิ่นได้ยินหลานชายเอ่ยถึงแม่นางที่เจอเมื่อวานก็ยิ้มเหมือนไม่ยิ้มแวบหนึ่ง เขาให้ฟ่งซื่อหยวนนำทาง


ฟ่งซื่อหยวนสั่งพญาอินทรีผ่านทางกระแสจิตให้ออกตามหาอาชาเวหา ก่อนสองอาหลานจะมุ่งหน้าลงใต้ไป


ทางด้านหม่าซ่วนฉี หญิงสาวมุ่งขึ้นเหนือแต่ก็มิได้ใช้วิชาตัวเบา นางยังหวังจะพบอาชาเวหาตัวเมื่อวานหรือสัตว์อสูรน่าสนใจตนอื่น เดินเกือบสองชั่วยามจึงหาสถานที่นั่งพักทานอาหาร ลมซึ่งพัดเอื่อย ๆ ทำให้นางรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจ หญิงสาวหยิบขลุ่ยวิหคออกมาพลางกำหนดจิตว่ามิได้เรียกวิหคตนใด เพียงต้องการเป่าเพื่อความสุนทรีย์ ครั้นลืมตาจึงขบขันกับความคิดของตัวเอง หากวิหคเพลิงรู้ว่านางนำขลุ่ยวิเศษมาเป่าเล่นคงรีบพุ่งมาเผาร่างของนางและยึดขลุ่ยคืน หม่าซ่วนฉีบรรจงแนบริมฝีปากลง แว่วเสียงขลุ่ยเป็นท่วงนำนองเพลงหวานซึ้งของความคิดถึง ใบหน้าพ่อบุญธรรมและเพื่อน ๆ ของนางในมิติก่อนผุดเข้าความคิดซึ่งค่อย ๆ ล่องลอยไปตามบทเพลง น้ำสีใสเริ่มไหลรินจากดวงตา วิหคทั้งหลายกันบินมาเกาะต้นไม้ฟังเสียงขลุ่ย


ฟ่งซื่อหยวนและฟ่งจิ่นสวนกับมวลวิหคก็แปลกใจ เสียงขลุ่ยที่ไพเราะแต่เจือด้วยความโหยหาของคนเป่า ทำให้พวกเขาหันกลับไปมองในทิศตรงกันข้ามพร้อมกันอย่างมิได้ตั้งใจ อาหลานทั้งสองต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง


ฟ่งซื่อหยวนมั่นใจว่าเป็นเสียงขลุ่ยของแม่นางน้อยที่เขาพบเมื่อวาน เขาขมวดคิ้ว เหตุใดดรุณีน้อยจึงเป่าขลุ่ยฟังดูเหงาและว้าเหว่ยิ่งนัก คล้ายกำลังคิดถึงใครบางคนซึ่งไม่อาจพบเจอ หากได้พบนางอีกครั้ง เขาอยากจะเข้าไปปลอบโยนให้นางคลายเหงา


ส่วนฟ่งจิ่นได้ยินเสียงก็นึกอยากเจอคนเป่า เสียงขลุ่ยบาดลึกอยู่ในใจเขา ราวกับคนเป่าได้เข้ามารับรู้ถึงความโดดเดี่ยว อ้างว้าง และเงียบเหงาของเขา


ต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตน ก่อนที่องค์ไท่จื่อจะได้ยินเสียงเรียกของพญาอินทรี ว่าอาชาเวหากำลังมุ่งไปตามเสียงขลุ่ยห่างจากนี้เพียงครึ่งเค่อ ฟ่งซื่อหยวนรีบบอกฟ่งจินทันที ทั้งสองเร่งเหาะไปจึงได้เห็นอาชาเวหาวิ่งอยู่ตรงหน้า พวกเขาค่อย ๆ เหาะมาอยู่เบื้องหลังอาชาเวหา จังหวะเดียวกันนั้นเสียงขลุ่ยก็จบลง ช่วงที่อาชาเวหายังหยุดนิ่ง ฟ่งจิ่นใช้เวทย์สะกดสัตว์อสูรร่ายอาณาเขตเวทย์ล้อมอาชาเวหาไว้


อาชาเวหารู้สึกได้ถึงอันตรายจึงพยายามบินหนี มันใช้พลังวายุขั้นแปดเพื่อสลายอาณาเขตเวทย์ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็เพิ่มพลังเวทย์เพื่อควบคุมมิให้อาชาเวหาออกมาได้ สู้กันพักหนึ่งฟ่งจิ่นจึงใช้เวทย์อสูรสื่อสารกับมัน


“ข้าฟ่งจิ่น ต้องการทำพันธสัญญากับท่านอาชาเวหา ท่านจะยินยอมหรือไม่ หากต้องสู้กันต่อไป ท่านกับข้าก็มีแต่เสียพลังเปล่า ๆ เท่านั้น” ขณะเอ่ยเขาก็ปลดอาณาเขตเวทย์ออก อาชาเวหารับรู้ได้ว่าอาณาเขตเวทย์หายไปจึงเดินมาหาฟ่งจิ่น ชายหนุ่มส่งมือแตะหัวของมัน


อาชาเวหาผงกหัวรับ “ตกลง ข้าจะเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของท่าน” ฟ่งจิ่นหยิบกริชที่พกประจำมากรีดบริเวณคออาชาเวหา เขาใช้ปากดื่มเลือดมันจากกริช จากนั้นจึงกรีดนิ้วตัวเองยื่นให้วิหกอาชาดื่มเลือดตน ลำแสงสีเงินโอบล้อมทั้งคู่ไว้ก่อนจะจางหายไป


“รวดเร็วสมกับเป็นเสด็จอาจริง ๆ เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม(หนึ่งชั่วโมง)ก็สามารถทำพันธสัญญากับวิหคอาชาได้แล้ว” ฟ่งซื่อหยวนซึ่งยืนพิงต้นไม้ดูการต่อสู้ตั้งแต่แรกเอ่ยขึ้น ฟ่งจิ่นมิได้ตอบ เขาเพียงยักคิ้วให้หลานตัวเองเท่านั้น


“พวกเรารีบกลับไปหาซ่งชิงเถิด ป่านนี้ยาห้ามเลือดข้าคงหมดขวดแล้ว” ฟ่งซื่อหยวนส่ายศีรษะที่เสด็จอาตัวเองที่ชอบจิกกัดสหาย ฟ่งจื่อขึ้นหลังวิหคอาชาแล้วมุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบ


ใจจริงฟ่งซื่อหยวนอยากตามเสียงขลุ่ยไป แต่ก็เป็นห่วงซ่งชิงด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มจึงเรียกพญาอินทรีมาขี่ทะยานตามไป


หม่าซ่วนฉีเมื่อเดินทางมาถึงถ้ำวิหคเพลิง นางก็ได้ยินเสียงขับร้องของวิหคเพลิงซึ่งมีหน้าที่เฝ้าถ้ำ หญิงสาวตะโกนเรียก


“ท่านวิหคเพลิงเจ้าคะ ท่านวิหคเพลิง” วิหคเพลิงที่กำลังขับขานเพลงอย่างเพลิดเพลินได้ยินจึงหันไปตามเสียงเรียก


“ฮึ เจ้าเด็กน้อย เหตุใดจึงกลับมา ข้ามิมีสิ่งใดจะมอบให้ เจ้าจงรีบกลับไป”


“ท่านวิหคเพลิง ข้ามิได้ต้องการสิ่งใดจากท่าน ข้าเพียงนำสิ่งนี้มาให้เพื่อตอบแทนท่านเท่านั้น” หม่าซ่วนฉีหยิบขวดน้ำทิพย์วารีออกมา


“มิจำเป็น ข้ามิอยากได้สิ่งใดจากมนุษย์เช่นเจ้า”


หม่าซ่วนฉีแกล้งถอนหายใจเสียงดัง “เฮ้อ น่าเสียดาย ข้าอุตส่าห์ปรุงน้ำทิพย์วารีขั้นสูงมาให้ท่านโดยเฉพาะ หากท่านมิอยากได้ ก็มิเป็นไรเจ้าค่ะ”

วิหคเพลิงได้ยินว่าน้ำทิพย์วารีก็หูผึ่งขึ้นมาทันที แต่ด้วยกลัวจะเสียหน้าจึงแกล้งเอ่ยว่า “เจ้าเด็กน้อย อย่างไรเจ้าก็อุตส่าห์ปรุงมาเพื่อตอบแทนข้า ข้ามิอยากทำลายน้ำใจเจ้า ข้ารับไว้ก็ได้”


เอ่ยจบวิหคเพลิงจึงบินลงมายืนบนพื้นเพื่อรับน้ำทิพย์วารีจากหม่าซ่วนฉี


ครั้นเปิดขวด กลิ่นหอมสดชื่นของน้ำค้างเก้าภูผาก็ทำให้มันเบิกตากว้าง โอ้! นี่เป็นวารีทิพย์ชั้นดีเลิศ หาได้ยาก มิน่าเชื่อว่าเด็กน้อยจะสามารถปรุงได้


“เจ้าปรุงเองจริง ๆ หรือ ข้ามิอยากเชื่อว่าผู้ใช้เวทย์ยุทธ์จะสามารถปรุงเวทย์โอสถได้ แต่ช่างเถิด มิว่าเจ้าจะได้มาด้วยวิธีใด ข้าก็ขอบใจเจ้าแล้วกัน”


หญิงสาวยกยิ้มมุมปาก ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์


“ท่านวิหคเพลิง ท่านมิเชื่อจริงๆ หรือว่าข้าเป็นผู้ปรุง”


วิหคเพลิงแค่นเสียงตอบ “ฮึ ข้ามิเชื่อหรอก ผู้ที่สามารถใช้เวทย์โอสถ พลังยุทธ์ และเวทย์อสูรได้ มีน้อยนัก น้ำทิพย์วารีระดับสูงต้องใช้เวทย์ระดับภูผา ขั้นต้น ขึ้นไป เด็กอย่างเจ้าคงมิมีทางทำได้” วิหคเพลิงกล่าวด้วยความมั่นใจ


ความจริงก่อนหน้านี้หม่าซ่วนฉีมีเวทย์โอสถสายเงินระดับพฤกษา(ระดับ4) ขั้นสูง แต่เมื่อได้รับตำราจากท่านผู้เฒ่าดูแลดวงชะตา นางก็ฝึกไปถึงเวทย์โอสถสายเงินระดับภูผา(ระดับ5) ขั้นกลาง ซึ่งเป็นการก้าวกระโดดมากทีเดียว


“เช่นนั้นเรามาพนันกันดีหรือไม่ ท่านวิหคเพลิง หากข้าสามารถปรุงน้ำทิพย์วารีได้ ขอท่านนำคำข้าแจ้งแก่พญาวิหคเพลิง ว่าข้าหม่าซ่วนฉี ได้รับคำชี้แนะจากผู้เฒ่าดูแลดวงชะตาให้มาทำพันธสัญญากับท่านพญาวิหคเพลิง ท่านพญาวิหคเพลิงจะยอมมาพบข้าหรือไม่นั้นสุดแล้วแต่ท่าน แต่หากข้าทำมิได้ น้ำทิพย์วารีทั้งหมดนี้ข้ายกให้ท่านและข้าจะไม่มากวนใจท่านวิหคเพลิงอีกเลย” หม่าซ่วนฉีหยิบขวดทิพย์วารีสามขวดส่งให้วิหคเพลิง


วิหคเพลิงใช้ปากเปิดทุกขวดเพื่อดมกลิ่น มันแสดงสีหน้าพอใจ ก่อนจะทำท่าทางครุ่นคิด หม่าซ่วนฉีเห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยต่อ


“หากท่านมิกล้าพนันแม้แต่กับเด็กน้อยเช่นข้าก็มิเป็นไร ทั้งที่การเดิมพันครั้งนี้ท่านมิได้เสียสิ่งใดแท้ ๆ เพราะมิว่าคำตอบจะเป็นเยี่ยงไร ข้าก็พร้อมยอมรับและจะมิมารบกวนให้ท่านหนักใจอีก” นางตีหน้าเศร้า


“ได้! เตรียมยกน้ำทิพย์วารีให้ข้าได้เลย และข้ากับเจ้าก็ลาจากกันชั่วนิรันดร์”


หม่าซ่วนฉีแอบกำมือแล้วชักไปข้างหลังพลางเอ่ยในใจ เยส! ไม่คิดว่าจะง่ายกว่าที่คิด


หม่าซ่วนฉีรีบนำหม้อปรุงโอสถออกมาจากมิติเวทย์ จัดการปรุงน้ำทิพย์วารีตามขั้นตอนด้วยความชำนาญ


วิหคเพลิงมองตามอย่างตกใจ พักหนึ่งกลิ่นน้ำทิพย์วารีคุณภาพสูงจึงลอยมาตามลม หม่าซ่วนฉีดับไฟจากเตาโอสถ นางเทน้ำทิพย์วารีใส่ขวดส่งให้วิหคเพลิง


“ท่านเชื่อแล้วใช่หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้ปรุง”


“เจ้าตั้งใจหลอกข้า!” วิหคเพลิงโวยวาย


“ท่านวิหคเพลิง ข้ามิได้หลอกท่าน แต่ท่านมิเชื่อว่าข้าสามารถปรุงโอสถได้ ข้าเพียงต้องการแสดงฝีมือเท่านั้น มีของเดิมพันเล็กน้อยก็น่าสนใจดีมิใช่หรือ”


วิหคเพลิงเสียรู้ก็เจ็บใจสะบัดหน้าหนี


“ท่านวิหคเพลิงเจ้าคะ อย่าโกรธผู้น้อยเลย ข้าหมดหนทางจะเจอพญาวิหคเพลิงแล้ว ข้ารู้เพียงท่านพญาวิหคเพลิงกักตนเข้าฌานอยู่ในถ้ำ ท่านเท่านั้นที่ท่านพญาวิหคเพลิงวางใจ ข้าน้อยจึงต้องมาพึ่งบารมีท่านวิหคเพลิง” หม่าซ่วนฉีรู้ดีว่าเวลาใดควรรุก เวลาใดควรถอย หญิงสาวกล่าวคำอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว วิหคเพลิงผู้หยิ่งผยองจึงมีสีหน้าดีขึ้น


“เอาล่ะ ข้าจะมิถือสาเด็กน้อยเยี่ยงเจ้า เอาเป็นว่าข้าจะไปบอกท่านพญาวิหคเพลิงให้ แต่ข้ามิรับปากว่าท่านจะยินยอมออกมาพบหรือไม่”


หม่าซ่วนฉีดีใจเป็นอย่างมาก นางยกน้ำทิพย์วารีทั้งหมดให้ วิหคเพลิงทำท่าคล้ายมิอยากรับ แต่กลับรีบเก็บน้ำทิพย์วารีทั้งหมดไว้บนรัง


ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป(15 นาที) แต่ช่างยาวนานเหมือนหลายชั่วยามในความคิดคนรอ ที่สุดแล้ววิหคเพลิงจึงออกมา


“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ท่านวิหคเพลิง”


“ท่านพญาวิหคเพลิงบอกให้เจ้ากลับไป” หม่าซ่วนฉีได้ยินถึงกับคอตก วิหคเพลิงเห็นก็สะใจที่ได้เอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ


“ท่านพญาวิหคเพลิงบอกว่าทางทิศตะวันออกของถ้ำห่างประมาณสองลี้มีลำธารอยู่ เจ้าจงตั้งกระโจมบริเวณนั้นแล้วอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด พรุ่งนี้ยามเฉิน (07.00-09.00) ค่อยสวมชุดขาวกลับมาใหม่” หม่าซ่วนฉีดีใจมาก หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยลาวิหคเพลิง จากนั้นจึงมุ่งตรงไปยังทิศทางที่พญาวิหคเพลิงบอก


ฟ่งซื่อหยวนและฟ่งจิ่นกลับมารอหม่าซ่งชิงตรงทางเข้าป่าซึ่งนัดกันไว้ เสียงต่อสู้ดังให้ได้ยินทันทีที่มาถึง สองอาหลานหาต้นไม้ใหญ่ พวกเขานั่งทานอาหารพร้อมฟังเสียงต่อสู้ประหนึ่งดนตรีบรรเลงประกอบ ผ่านไปชั่วยามหนึ่ง(2ชั่วโมง)หม่าซ่งชิงก็ออกมาพร้อมหมีขาว ทั้งคู่ดูสะบักสะบอม หมีขาวนั้นไม่แย่เท่าใดนัก แต่หม่าซ่งชิงหมดสภาพ ไม่เหลือเค้าความหล่อที่สาว ๆ ครึ่งเมืองต่างพากันหลงใหล


“ซ่งชิง ยาห้ามเลือดของข้าคงใช้ได้ผลดีสินะ ใช้หมดแล้วใช่หรือไม่” ฟ่งจิ่นเอ่ยปากเย้าแหย่


“เสด็จอา สิ่งที่ซ่งชิงต้องการในตอนนี้ คือโอสถฟื้นพลังกับโอสถบำรุงผิวต่างหากเล่า” สองอาหลานเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย หากไม่ติดว่าทั้งคู่เป็นถึงไท่จื่อและท่านอ๋อง หม่าซ่งชิงคงตรงเข้าไปชกหน้าสหายทั้งสองแล้ว


“ซ่งชิง ข้าเตรียมอาหารไว้แล้วเจ้ามากินก่อน แล้วค่อยทานโอสถฟื้นพลังกับทายาสมานแผล” ฟ่งซื่อหยวนเอ่ย


ซ่งชิงรู้จักสหายทั้งสองดีก็ไม่คิดเล็กคิดน้อย ชายหนุ่มเดินมานั่งข้าง ๆ พลางหยิบอาหารมากิน เมื่อกินเสร็จฟ่งจิ่นจึงส่งโอสถให้


“เสด็จอา ซ่งชิง พญาอินทรีบอกว่าหากเราไปทางทิศตะวันตกจะเจอลำธาร นี่ก็จะยามอิ่ว (เกือบ17.00) แล้ว พวกเราไปพักแถวลำธารกันสักคืนดีหรือไม่ อย่างไรเราก็เสร็จภารกิจแล้ว พรุ่งนี้สาย ๆ ค่อยกลับกระโจมสำนักศึกษา”


สองหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย เพราะซ่งชิงควรได้ล้างแผลก่อนใส่โอสถ เมื่อทุกคนเห็นตรงกัน ฟ่งซื่อหยวนจึงนั่งพญาอินทรีออกบินไปก่อน ส่วนซ่งชิงกับฟ่งจิ่นค่อยตามไป


หม่าซ่วนฉีนำของทุกอย่างออกมาจากมิติเวทย์แล้วตั้งกระโจมริมลำธาร ก่อนจะเข้าสมาธิเพราะได้ยินเสียงผู้เฒ่าดวงชะตาเรียก ความจริงนางแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ครั้นผู้เฒ่าเอ่ยว่า หากยังทำเป็นไม่ได้ยินต่อไปข้าก็จะไม่ได้ยินเจ้าเช่นกันเท่านั้น หม่าซ่วนฉีก็รีบกระโดดเข้ากระโจมนั่งสมาธิทันที

“ท่านผู้เฒ่าเจ้าคะ เรียกฉีเอ๋อมา มีสิ่งใดให้ฉีเอ๋อรับใช้หรือเจ้าคะ” หญิงสาวถามเสียงหวานกลบเกลื่อน

“มิต้องมาปากหวาน นังหนูเจ้าเล่ห์ เจ้านี่ร้ายกาจ นำชื่อข้าไปแอบอ้างกับพญาวิหคเพลิงได้เยี่ยงไร”


“ฉีเอ๋อมิได้แอบอ้างนะเจ้าคะ ฉีเอ๋อพูดความจริง ท่านเป็นคนให้ฉีเอ๋อไปทำพันธสัญญากับพญาวิหคเพลิงมิใช่หรือ”เฒ่าดูแลดวงชะตาแทบกระอักโลหิตกับความเจ้าเล่ห์ของหม่าซ่วนฉี


“มันก็จริงที่ข้าให้เจ้าไปทำพันธสัญญา แต่เจ้าต้องใช้ฝีมือตัวเอง มิใช่นำข้าไปแอบอ้าง”


“ฉีเอ๋อใช้ฝีมือตัวเองนะเจ้าคะ ฉีเอ๋อพนันปรุงยากับวิหคเพลิง แล้วฉีเอ๋อก็ชนะ เยี่ยงนี้มิใช่ใช้ความสามารถหรือเจ้าคะ ส่วนเรื่องใช้ชื่อท่าน ฉีเอ๋อคิดว่ามันเป็นวิธีลัดเจ้าค่ะ” หญิงสาวหัวเราะแห้ง ๆ


“ท่านผู้เฒ่าอย่าโกรธฉีเอ๋อเลยนะเจ้าคะ ฉีเอ๋อจนปัญญาแล้วจริง ๆ ท่านผู้เฒ่าเมตตาเด็กน้อยโง่งมคนหนึ่งเถิดเจ้าค่ะ”


“เฮอะ เด็กน้อยโง่งม หากเจ้าโง่งม บนผืนแผ่นดินนี้คงมิแคล้วหาคนฉลาดมิพบแล้ว” ผู้เฒ่าดูแลดวงชะตาถอนหายใจ “ช่างเถิด ทีหลังอย่าทำเยี่ยงนี้อีกแล้วกัน” เอ่ยจบชายชราก็จากไปโดยมิรอให้หม่าซ่วนฉีร่ำลา


หม่าซ่วนฉีลืมตาออกจากสมาธิ นางเป่าปากโล่งใจ แล้วจึงหยิบอุปกรณ์อาบน้ำและเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยน


ยามซวี (19.00-21.00) หม่าซ่วนฉีเดินไปยังลำธาร หญิงสาวมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่พบสิ่งใดผิดปกติจึงถอดเสื้อผ้าและหยิบผ้าผืนเล็กเพื่อไปขัดตัว นางลงลำธารที่น้ำเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสดชื่น ด้วยความครึ้มอกครึ้มใจ นางจึงร้องเพลงโปรดจากมิติที่แล้วซึ่งนางชอบมากไปด้วย เสียงหวานสดใสแทรกผ่านความเงียบสงบพร้อมเสียงหัวเราะ หม่าซ่วนฉีแหวกว่ายเข้าไปใกล้ดอกบัวดอกใหญ่กลางลำธาร เพราะมิทันระวังจึงเผลอทำผ้าหลุดมือ หญิงสาวตกใจพยายามคว้าไว้จนสำลักน้ำ ทันใดนั้นเองที่นางได้ยินได้หัวเราะของบุรุษ หม่าซ่วนฉีตื่นตระหนกรีบว่ายไปหลบหลังกอบัวแล้วตะโกนถามด้วยความโมโห



“เจ้าโจรราคะ เจ้าโจรบ้ากาม เหตุใดจึงมาแอบดูหญิงสาวอาบน้ำเช่นนี้ ไสหัวไปเสีย” จบคำเสียงหัวเราะก็ดังใกล้เข้ามา



ใครเอ่ยที่แอบดูน้องฉีเราอาบน้ำ อยากรู้รอตอนต่อไปได้เลยค่ะ

ตอนนี้กลุ่มภารกิจพลิกชะตาฟ้าเปิดกลุ่มไลน์แล้วค่ะ ใครสนใจพูดคุย Add Line Phoenix-c แอดแล้วทักด้วยนะคะว่าอยากอยู่กลุ่มภารกิจพลิกชะตาฟ้า

ไรท์กำลังรีไรท์บางช่วงที่เวิ่นเว้อออก และใส่ช่วงหนุ่มขนอ้อย และเวทย์ที่นางเอกฝึก ช่วงนี้อาจทำผลโหวตเยอะนิดนึงนะคะ อย่าลืมมากดติดตามกันเยอะ ๆ นะคะ จะได้เป็นกำลังให้ไรท์สู้ต่อไป




อยากอ่านคอมเม้นท์จากรีด เพื่อเป็นกำลังใจ ส่งมาหน่อยนะคะ












special thanks



ขอบคุณรีดที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จครั้งนี้ ถ้าไม่มีพวกคุณคอยให้กำลังใจ ช่วยคิด ช่วยแก้ไขงาน เรื่องนี้คงไม่ออกมาดีแบบนี้ ไรท์ขอบคุณจากใจค่ะ




รีดที่น่ารักคะ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเขียนทุกคน ถ้าชอบ กด Like Share และ Favoriteให้ด้วย จะได้รู้ว่ามีคนอยากอ่านเรื่องของเราอยู่



กราบขอบพระคุณค่า


ไรท์










เหมือนเดิมนะคะ

1 เม้นท์ = 1 กำลังใจ

1 โหวต = 1แรงเชียร์

1 แชร์ = 1เสียงชื่นชม

1 กดติดตาม = 100 ล้านกำลังใจ เพราะไรท์จะได้รู้ว่ามีรีดชอบอ่านแค่ไหน


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว