เป็นชู้กับผัวยาย

หลงคารมคุณตาสายเปย์

สร้อยเพชร คือป้าแท้ๆและเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของยายที่เหลืออยู่ แต่หลังจากที่ป้าแต่งงานใหม่กับเศรษฐีเจ้าของโรงแรมหรู ก็ทำตัวห่างเหินไปจากเธอและยาย และไม่เคยบอกใครๆด้วยว่าตัวเองยังมีแม่อยู่ แต่กลับแอบชุบตัวว่าตัวเองนั้นไร้ญาติขาดมิตร ไม่หลงเหลือญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้ว

ดวงยิหวาแอบมาหาป้าที่โรงแรม ที่สามีของป้าเป็นเจ้าของกิจการ แต่ป้ากลับปฏิบัติต่อเธอราวกับไม่ใช่ลูกหลาน

“แกมาทำไมที่นี่ ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ต้องมา!” สร้อยเพชรจิกสายตามองหลานสาวอย่างเกลียดชัง เธอไม่เคยนึกชอบหลานสาวเลย เพราะยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งทำให้นึกถึงคนเป็นน้องสาว หรือก็คือแม่แท้ๆของดวงยิหวานั่นเอง

“ป้า.. พวกเราโดนไล่ที่แล้วนะ หนูไม่รู้ว่าจะพายายไปอยู่ที่ไหน” ดวงยิหวามาบอกดีๆ ถึงจะรู้ว่าป้าไม่ชอบหน้าเธอ แต่ที่มาหาเพราะอย่างน้อยก็คิดว่า ป้าก็น่าจะเห็นแก่แม่ของตัวเองบ้าง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิดไปจริงๆ

“โอ๊ย! แกก็พายายไปหาบ้านเช่าอยู่สิ จะมาบอกฉันทำไมกับเรื่องแค่นี้”

ดวงยิหวามองป้าอย่างผิดหวัง ที่นอกจากจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรแล้ว ดูจะไม่ได้เป็นห่วงแม้แต่แม่ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ พาให้คิดน้อยเนื้อต่ำใจตัวเองเข้าไปอีก ในโลกที่โหดร้ายแบบนี้ไม่มีใครใจดีกับเธอและยายเลยสักคน

ดวงยิหวาไม่ได้เซ้าซี้อะไรป้าอีก เธอเดินออกมาเงียบๆ และเดินไปเรื่อยๆแบบไม่รู้ทิศรู้ทาง แต่สายตาก็พยายามจะมองหา เธอมองทั้งที่ก็ไม่รู้ว่ากำลังมองหาอะไรด้วยซ้ำ และไม่รู้ตัวด้วยว่าเดินมาไกลขนาดไหน จนท้ายที่สุดก็เหมือนเธอยังจะมีโชคอยู่บ้าง

ดวงยิหวาเดินเข้ามาในซอยเล็กๆ ป้ายที่ซอยบอกชื่อ ซึ่งมันทำให้เธอรู้ว่าตรงนี้ห่างออกมาจากเมืองพัทยาค่อนข้างที่จะไกลอยู่เหมือนกัน และพอลองสอบถามจากคนในพื้นที่ ในที่สุดเธอก็สามารถหาบ้านเช่าหลังเล็กๆในราคาที่พอจ่ายไหว เพื่อให้เธอและยายพออาศัยอยู่ได้ แต่มันก็ต้องแลกกับการที่เธอจะต้องละทิ้งบางอย่างเช่นกัน

ดวงยิหวาตัดสินใจพักการเรียน และมาลาออกหลังจากที่เรียนมาได้ครึ่งเทอมแล้ว หลังจากนั้นก็มาเก็บข้าวของที่มีไม่ได้มากเลย ก็แค่ของใช้ในครัวเรือนที่ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ทำขนมทั้งนั้น กับเสื้อผ้าของเธอและยายที่ก็มีอยู่ไม่มากเช่นกันขนย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านใหม่ เธอหันหลังให้กับเมืองที่มีแต่ความทรงจำแย่ๆ และไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ใหม่ ที่ก็ไม่ได้ไกลกันมากนัก แต่สำหรับเธอแล้วมันก็เท่ากับเป็นการเริ่มต้นใหม่อยู่ดี

และข่าวเรื่องที่ดวงยิหวาย้ายบ้าน และลาออกจากโรงเรียนก็รู้ไปถึงบูรณา เพราะเธอพยายามที่จะติดต่อหาเพื่อนสาวอยู่ตลอดเวลา แต่เบอร์โทรนั้นกลับขึ้นว่าระงับการให้บริการไปแล้วเรียบร้อย

บูรณาไม่เจอดวงยิหวาอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น จนมาได้ยินคนซุบซิบกันว่าเห็นดวงยิหวามาทำเรื่องลาออกไปแล้ว และพอเธอมาสอบถามมันก็เป็นจริงตามนั้น

บูรณาไม่ละความพยายาม เธอไปที่บ้านของดวงยิหวา ก่อนจะตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า เพราะในขณะนั้นมีกลุ่มคนอยู่จำนวนมาก ที่กำลังดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ก่อนหน้านี้มันยังเคยมีบ้านเรือนอยู่หลายสิบหลังอยู่เลย แต่มาตอนนี้เธอกลับเห็นว่ามันเหลือเพียงแต่ซากเท่านั้น

บูรณารีบวิ่งเข้าไป เธอถามกับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนสั่งการอยู่ แล้วถามด้วยความตกใจ

“คุณกำลังทำอะไรน่ะ แล้วบ้านที่เคยอยู่ตรงนี้ล่ะ”

“แล้วคุณเป็นใครเนี่ย ไม่รู้หรอว่าเจ้าของเขาขายที่ตรงนี้ไปแล้ว”

“ขายให้ใคร”

“เห็นเขาว่าคนซื้อ ชื่อเสี่ยเม้ง จะเอาไปทำคอนโดไงคุณ”

บูรณาอึ้งจนพูดไม่ออก เธอเพิ่งรู้ว่าพ่อของตัวเองซื้อที่ตรงนี้ เธอหันไปมองรอบๆแล้วได้แต่คิดว่า แล้วตอนนี้ดวงยิหวาไปอยู่ที่ไหนแล้ว



บูรณาบุกมาที่บริษัทของพ่อ ซึ่งตอนนั้นเธอก็รู้ว่าพ่อกำลังประชุมอยู่ และรู้ด้วยว่าพี่ชายของเธอก็อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่เธอไม่สนและพร้อมชนแทนเพื่อนรักมากๆในตอนนี้ หรืออย่างน้อยพ่อต้องให้คำตอบกับเธอได้ ว่าทำไมถึงทำแบบนี้ แล้วได้รู้ไหมว่ากำลังทำลายชีวิตและอนาคตของใครบ้าง

บูรณาเปิดประตูเข้ามาแบบกระทันหัน ซึ่งทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในนั้นต่างก็ตกใจและหันไปมองเธอเป็นจุดเดียว และการประชุมที่กำลังดำเนินอยู่ก็ต้องสะดุดลงเช่นเดียวกัน

“เมย์~ นี่ป๊ากำลังประชุมอยู่นะลูก มีอะไรเดี๋ยวเอาไว้คุยกันที่บ้าน” มังกรหันมาพูดกับลูกสาว ซึ่งตอนนั้นเขาก็ไม่รู้หรอกว่าที่บูรณามีท่าทีเหวี่ยงแบบนี้เพราะเรื่องอะไร

“คุยกันที่นี่แหละค่ะ เพื่อว่าคนแถวนี้ จะมีความรู้สึกอะไรขึ้นมาบ้าง หรือถ้าไม่มี ก็ถือว่าเมย์เข้าใจผิดไปเอง” บูรณาจงใจพูดกระทบไปที่บูรพา ซึ่งเขาก็มองมาที่เธอด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งเหมือนอย่างทุกวัน

บูรพาไม่โต้ตอบอะไรทั้งนั้น เขาก็ยังคงนิ่งราวกับคนที่ไร้ความรู้สึก หรือจะพูดให้ถูกอีกนิด ที่เขาเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ก็ตั้งแต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น เขาเพิ่งได้รู้ว่าชีวิตหลังจากที่ไม่มีดวงยิหวาอยู่ในระยะสายตาที่มองเห็น มันมีบางอย่างที่ขาดหายไปจริงๆ

มังกรมองหน้าลูกทั้งสองคนสลับกันไปมา เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองพี่น้อง แต่สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ชวนน่าอึดอัดมากๆ

“เอาล่ะ.. หนูมีอะไรจะคุยกับป๊า ก็ว่ามาเลย” มังกรตัดปัญหา เพราะไม่อยากให้พี่น้องต้องมาทะเลาะกันต่อหน้าคนอื่นแบบนี้

หลังจากที่พ่อพูดแบบนั้น บูรณาก็หันมามองพ่อด้วยแววตาผิดหวัง จนมังกรถึงกับตัดพ้อด้วยความไม่รู้

“ทำไมมองป๊าแบบนั้นล่ะลูก”

“แล้วป๊าไปทำอะไรไว้ล่ะคะ” บูรณาขึ้นเสียงใส่อย่างลืมตัว เพราะนาทีนี้เธอมีแต่ความโกรธที่ไม่สามารถจะห้ามระงับได้

“ป๊าทำอะไร นี่ป๊ายังงง..”

“ก็โครงการบ้านมังกรอะไรของป๊านั่นไงคะ.. ที่ดินผืนนั้นที่ป๊าซื้อ ป๊ารู้ไหมว่าต้องทำให้คนอีกมากมายเขาต้องไม่มีที่อยู่น่ะ”

คำพูดของบูรณาทำให้ทุกคนนิ่งและหันไปมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่บูรพากลับฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาดึงเอาเอกสารที่อยู่ตรงหน้านั้นขึ้นมาดูอย่างละเอียดอีกครั้ง หัวใจตอนนี้ร้อนรนไปหมด แล้วความจริงตรงหน้าก็ทำให้เขาถึงกับใจหาย ในขณะที่หูก็ยังคงได้ยินเสียงของบูรณาเถียงกับพ่ออยู่เป็นระยะ

“หนูกล่าวหาป๊าเกินไปแล้วนะเมย์ มันก็แค่พื้นที่เล็กๆเท่านั้นเอง แล้วป๊าก็จ่ายค่าตอบแทนให้พวกเขาไปแล้ว รับรองว่ามันมากพอที่จะทำให้พวกเขาไปหาที่อยู่ใหม่ได้อย่างสบายๆ แถมยังมีเหลือเอาไว้ตั้งตัวได้อีกด้วยนะลูก”

“ป๊าพูดง่ายจังเลยนะคะ พูดง่ายทำาง่ายเหมือนใครบางคนแถวนี้เลย” บูรณาจงใจเหน็บไปถึงอีกคน ก่อนจะพูดต่ออีกว่า

“ที่ดินผืนเล็กๆแค่นั้น ความจริงแล้วคอนโดที่จะสร้างก็มีพื้นที่มากพออยู่แล้ว ป๊าจะอยากเอาที่ตรงนั้นไปเพิ่มอีกทำไมคะ”

“ก็.. ป๊าอยากจะสร้างพื้นที่พักผ่อนเพิ่มไง” มังกรบอกลูกสาวเสียงอ่อย

“แค่นั้นเองหรอคะ แค่พื้นที่เล็กๆป๊ายังไปเบียดเบียนเขา ป๊าใจร้ายมากเลยนะคะ”

“เมย์ เรื่องแค่นี้ ทำไมหนูต้องโกรธป๊าขนาดนี้ด้วยล่ะลูก” มังกรถามลูกสาวอย่างไม่เข้าใจ

“ก็เพราะที่ดินผืนนั้น มันเป็นเหมือนบ้านหลังหนึ่งของหว้า แล้วตอนนี้หว้าไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ มหาวิทยาลัยก็ลาออกไปแล้วด้วย เมย์ไม่รู้จะไปตามหาหว้าที่ไหนแล้ว หมดปัญญาแล้ว” บูรณาระบายอารมณ์ออกมา เธอโวยวายและร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กน้อยที่เสียของรักไป จนมังกรที่ฟังจนจบทั้งตกใจทั้งทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะลุกไปหาลูกสาวและปลอบเสียงอ่อน ตามประสาพ่อที่โอ๋ลูกสาวคนเล็กสุดๆ

แต่หลังจากที่บูรณาพูดแบบนั้นออกไป บูรพาเองก็ตกใจเหมือนกัน เพราะนอกจากเรื่องบ้านแล้ว เขาก็ไม่คิดว่าเธอจะลาออกจากมหาวิทยาลัยด้วย

ร่างสูงลุกขึ้นในทันที เขาเดินแกมวิ่งออกไปจากห้องประชุมด้วยความรู้สึกวูบโหวง เป็นครั้งแรกที่เขาร้อนใจขนาดนี้ และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเสียของรักไป

บูรพามาที่แห่งนั้น ที่ๆครั้งหนึ่งมันเคยเป็นบ้านของดวงยิหวา แต่ว่าตอนนี้มันกลับเหลือเพียงแค่เศษซากที่กำลังถูกรื้อถอนออกไป จนไม่เหลือเค้าเดิมอีกแล้ว

ร่างสูงเดินเข้ามาด้วยหัวใจที่แตกสลาย กว่าเขาจะคิดได้ทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว แต่ว่า.. ตอนนี้มันไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว เพราะก่อนที่เขาจะมาถึงได้มีใครอีกคนยืนอยู่ตรงนั้นมาก่อนที่เขาจะมาถึง ซึ่งนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

เป็นจอมเทียนที่มาก่อนเขา หมอนั่นยืนนิ่งราวกับรูปปั้นแทบไม่ขยับ

บูรพาค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่จอมเทียนก็หันกลับมาพอดี สีหน้าของเขาดูเครียดขึ้ง ไม่มีความขี้เล่นเหมือนที่เป็นนิสัยของเจ้าตัวเลยสักนิด

“เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่”

บูรพามองหน้าจอมเทียน สายตาพวกเขาที่มองกัน มันเป็นสายตาที่สื่อถึงอารมณ์คนละแบบ บูรพาแสดงออกถึงความเสียใจจากใจจริง ในขณะที่จอมเทียนแสดงออกถึงความโกรธ

เขาโกรธที่เพิ่งจะรู้ความจริงมาจากธนนท์ว่าดวงยิหวากำลังเกิดเรื่อง แต่พอมาถึงแล้ว ถึงได้พบว่าทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว

“กูไม่รู้ว่าป๊าต้องการที่ดินผืนนี้ด้วย” เขาพูดเสียงเบา อาจฟังดูเหมือนคำแก้ตัว แต่ว่าเขาไม่รู้จริงๆ ว่าพ่อยังจะเอาที่ดินผืนเล็กๆที่อยู่ข้างๆกันนี้มาเพิ่มด้วย ซึ่งเขาไม่รู้จริงๆ เพราะถ้ารู้เขาก็คงห้ามไปแล้ว ไม่มีวันให้เกิดเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน

“ไม่รู้หรอ มึงไม่รู้ได้ไง ในเมื่อมึงก็คือหนึ่งในทีมผู้บริหาร มึงกำลังจะสร้างโครงการนี้ มึงต้องรู้ที่มาที่ไปของที่ดินที่มึงกำลังจะทำอยู่แล้ว แต่มึงพูดว่ามึงไม่รู้ จริงๆแล้วมึงเกลียดหว้า มึงต้องการจะทำลายหว้าทุกอย่างมากกว่า ใช่ไหม?!”

จอมเทียนมองหน้าเพื่อนรักด้วยความโกรธจัด ยอมรับอย่างไม่อายว่าเขาเผลอใจไปหลงรักดวงยิหวาเข้าให้จริงๆ ยิ่งหลังจากที่เกิดเรื่องในวันนั้น เขาไม่เคยอยู่อย่างสงบใจได้เลยสักวัน

วันๆก็เอาแต่คิดถึงใบหน้าสวยน่ารักนั้น สีหน้าทุกความรู้สึกที่เธอแสดงออกมาเวลาที่อยู่กับเขา หรือแม้แต่สีหน้าแววตาครั้งสุดท้ายที่เธอแสดงมันออกมาก็ตาม เขายังจำความเย็นชาในวันนั้นของเธอได้อย่างไม่ลืม

เธอคงโกรธและเกลียดเขาไปแล้ว เพราะแม้แต่หน้าเขา ตอนนั้นเธอก็ยังไม่เหลือบมามองเลยสักนิด

ในขณะที่บูรพามองหน้าเพื่อน แววตาของเขาก็แข็งขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้เจตนาที่จอมเทียนเข้ามาวุ่นวายเรื่องนี้ทำไม แต่เขาเองก็อยากจะบอกความจริงกับอีกฝ่ายเช่นกัน

“กูเปล่า กูไม่ได้เกลียดหว้า”

“มึงจะบอกว่ามึงไม่ได้เกลียด แต่มึงทำลายแม้แต่บ้านของหว้าเนี่ยนะ”

“กูไม่รู้เรื่อง และกูก็ไม่ได้เกลียดหว้า กูรักเขา มึงได้ยินไหม.. ว่ากูรักเขา!”

จอมเทียนชะงักเงียบในทันทีเมื่อได้ยินคำสารภาพนั้น เป็นครั้งแรกที่เขาเพิ่งจะได้ยินคำว่ารักออกมาจากปากของบูรพา ไม่ว่าที่ผ่านมาอีกฝ่ายจะคบกับใคร และผ่านผู้หญิงมามากแค่ไหน แต่ไม่เคยพูดว่ารักใครเลยสักคน ไม่ต่างกับเขาที่ไม่ว่าจะมีใครอีกสักกี่คน แต่คำว่ารักก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครเลย จนกระทั่งได้เจอและรู้จักกับดวงยิหวา

เธอได้มอบความรู้สึกนั้นให้กับเขา โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

จอมเทียนมองสบตากับบูรพาด้วยแววตามุ่งมั่น เพราะถึงจะรับรู้แล้วถึงคำสารภาพของบูรพา แต่ว่าแล้วยังไง.. ในเมื่อคนที่ทำร้ายหัวใจของดวงยิหวาคือบูรพา และวันนั้นคนที่พูดจาแย่ๆก็ยังคือบูรพาอีกเหมือนกัน ถึงเขาจะมีส่วนผิดในการร่วมมือด้วย แต่นับจากนี้เขาจะแก้ไขทุกอย่างให้ดีกว่าเดิมแน่นอน

เขาจะตามหาดวงยิหวาให้เจอ แล้วสารภาพกับเธอทุกอย่าง จากนั้น.. เขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอตอบรับความรู้สึกของเขาด้วยเช่นกัน

“งั้นมึงก็รู้เอาไว้เหมือนกัน.. ว่ากูก็รักหว้า และกูจะตามหาหว้าให้เจอ” จอมเทียนบอกความรู้สึกและความต้องการของเขาออกไปเช่นกัน และโดยที่ไม่รอฟังว่าอีกฝ่ายมีอะไรจะพูดด้วยไหม เขาก็เดินออกมาจากตรงนั้นทันที

ส่วนบูรพาก็ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ พลางคิดว่าสุดท้ายแล้วคนที่พ่ายแพ้ในเกมนั้น มันก็คือเขากับจอมเทียน พวกเขาต่างก็แพ้ให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างดวงยิหวา เพราะจากการที่ล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอในตอนนั้น มาถึงจุดที่พวกเขาต่างก็ต้องชดใช้คืนให้กับเธอเหมือนกัน

“กูก็จะตามหาหว้าเหมือนกัน และกูไม่มีวันเสียหว้าไปให้มึงเด็ดขาด!”

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว