สามวันผ่านไปในพริบตา หยางเฉินและคนอื่นๆได้ออกจากเมืองซูเซียน ภายใต้การนำทางของถูเชิน พวกเขาก็มุ่งหน้ามายังเมืองหลวงของจักรวรรดิฮั่น
บอกกันว่ามีผู้บ่มเพาะขอบเขตธุลีมากมายที่นี่ไม่ต่างจากผักข้างทาง มีแค่พวกขอบเขตปรมาจารย์ขึ้นไปเท่านั้นที่พอจะมีฐานะอยู่บ้าง
ผู้บ่มเพาะขอบเขตปรมาจารย์ถือว่าเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของจักรวรรดิฮั่นและมีอำนาจอย่างมาก แม้ว่าจะฆ่าคนตามท้องถนนแต่ก็ไม่มีใครกล้าเอาเรื่อง
การจะเดินทางไปยังเมืองหลวงได้นั้นต้องผ่านดินแดนอันหนาวเย็น มันใช้เวลาไม่นานนัก ประมาณแค่ 2 วัน
ดินแดนอันหนาวเย็นนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี แม้แต่คนอย่างถูเชินก็ไม่อาจจะเข้าไปใจกลางของดินแดนนี้ได้ แม้ว่าจะรู้ว่ามีสมบัติมากมายในส่วนหลักของดินแดนนี้ แต่ก็ยังไม่กล้าเข้าไป
แน่นอนว่าพวกยอดฝีมือสามารถเดินทางเข้าไปได้ง่ายๆ พวกเขาสามารถสร้างเกราะปราณขึ้นมา ซึ่งทำให้ความเย็นไม่อาจจะย่ำกรายเข้ามาในร่างกายได้ พวกเขาไม่ต้องกลัวความหนาวเย็นแม้แต่น้อย
ถูเชินพาหยางเฉินและอีก 6 คนเดินฝ่าลมหนาวและหิมะไป โชคดีที่พวกเขาเดินทางอยู่ที่ส่วนนอก ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกหนาวเย็นอะไรมากนัก
เมื่อเห็นเว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อเดินอยู่ข้างๆ หยางเฉิน เหอเฟิงและโมโกก็ไม่พอใจอย่างมาก พวกเขาพากันคิดหาวิธีว่าจะสั่งสอนหยางเฉินอย่างไร และเริ่มรู้สึกเสียดายในใจว่าทำไมไม่ฆ่าขยะนี่ตั้งแต่แรก
“ เสี่ยวหยาง ดูจากหน้าตาของเด็กสองคนนี่แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาคิดจะจัดการเจ้า เจ้าต้องระวัง อย่าเปิดโอกาสให้พวกเขาเด็ดขาด” เถาเถายิ้มออกมา เขาแค่พูดเล่นกับหยางเฉิน อันที่จริงเขาไม่ได้กังวลเรื่องสองคนนี้แม้แต่น้อย อย่างไรซะสองคนนี้ก็อ่อนแอเกินไป
" อย่างไรเสียข้าก็เบื่ออยู่ หากพวกนี้อยากเล่น ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะเล่นด้วย” หยางเฉินยิ้มออกมาที่มุมปาก ในตอนที่หยางเฉิน วางแผนอยู่นั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น..
หิมะกลับสั่นไหว ท้องฟ้าราวกับแยกออกจากกัน เสียงอันน่ากลัวดังขึ้นพร้อมกับหิมะและลมที่พัดรุนแรงยิ่งกว่าเก่า มันราวกับใบมีดที่เข้ามาเฉือนหยางเฉินกับคนอื่นๆ ที่นั่นเต็มไปด้วยหิมะที่ปลิวว่อน
“ ลูกเห็บ !” ถูเชินสีหน้าเปลี่ยนไป มันมีลูกเห็บตกอยู่ทุกปีในดินแดนแห่งนี้ แต่เวลานั้นไม่แน่นอน เขาไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับลูกเห็บในวันนี้
“ มีหุบเขาอยู่ด้านหน้า เรารีบไปหลบก่อน !”
คนที่ตะโกนบอกคือหยางเฉิน ถูเชินและคนอื่นๆอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมพวกเขาถึงมองไม่เห็น แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า คนที่พบหุบเขานี้ไม่ใช่หยางเฉิน แต่เป็นเถาเถาที่อยู่ในพู่กัน การรับรู้ของเถาเถากว้างแค่ไหนกัน แม้ว่าหุบเขาจะอยู่ห่างออกไป แต่ก็ไม่อาจจะหลบพ้นจากการรับรู้ของเถาเถาได้
“ หลานเอ๋อ เทียนเอ๋อ กั้วติง ไปกันเถอะ !” หยางเฉินไม่ได้สนใจว่าถูเชินและคนอื่นจะเป็นจะตายอย่างไร เขาพาเว่ยหยานหลาน และคนอื่นๆมุ่งหน้าไปที่หุบเขาทันที
“ ซานเอ๋อ เจ้ารีบตามไป !” แม้ว่าถูเชินจะยังสงสัยในใจ แต่ก็ต้องเชื่อคำพูดของหยางเฉินไว้ก่อน หากพายุใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ งั้นพวกเขาก็อาจจะไม่มีโอกาสหนี
เมื่อได้ยินที่ถูเชินบอกมา ถูซานและคนอื่นๆก็ไม่ลังเลที่จะไล่ตามหยางเฉินไปโดยถูเชินอยู่รั้งท้าย
ใช้เวลาไม่นาน พวกเขาก็หลุดออกมานอกพายุและมองเห็นภูเขาตรงหน้า ยอดเขานั้นสูงเสียดฟ้า แน่นอนว่ามันมีหุบเขาอยู่ ทุกคนพากันมุ่งหน้าไปยังหุบเขานั้นทันที
เมื่อเข้ามาในหุบเขา เถาเถาก็ส่งข้อความให้กับหยางเฉิน “ เสี่ยหยาง มันมีปราณหยินบริสุทธิ์ด้านในหุบเขานี้ หากข้าเข้าใจไม่ผิดแล้ว เหตุผลที่พายุนี้ก่อตัวขึ้นน่าจะเป็นเพราะปราณหยินนี่”
“ ปราณหยินบริสุทธิ์...” หยางเฉินเคยอ่านจากตำราเก่าแก่บอกว่าโลกนี้มีปราณในธรรมชาติ ปราณหยินนี้คือปราณที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้บ่มเพาะ
คนในโลกนี้มีจุดชีพจรในหัว หากต้องการขึ้นไปขอบเขตธุลี งั้นก็ต้องเปิดจุดชีพจรหลักในหัวเพื่อจะแผ่การรับรู้ออกไปได้ จากนั้นก็ใช้การรับรู้ดูดซับปราณหยินในชั้นใต้ดินเพื่อดูดซับปราณหยินที่บริสุทธิ์ที่สุดก่อนจะอัดแน่นในตันเถียนเพื่อขึ้นไปขอบเขตปรมาจารย์
มิติปราณหยินคืออะไร ?
มิติปราณหยินคือมิติลึกลับใต้พื้นดินซึ่งไม่อาจจะเห็นรึพบโดยใครได้ แต่มันมีอยู่จริง ภายใต้มิติปราณหยินนี้มันมีปราณหยินที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลกอยู่
เมื่อเถาเถาบอกว่ามันมีปราณหยินอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ มันก็ทำให้หยางเฉินสงสัยว่า ‘ไม่ใช่ว่าปราณหยินจะมีแต่ในมิติปราณหยินหรอกรึ ?’
“ เสี่ยวหยาง เจ้าอาจจะไม่รู้ แม้ว่าปราณหยินนั้นจะอยู่ในมิติปราณหยิน แต่มันก็รั่วไหลไปที่อื่นได้ เมื่อมันรั่วไหลออกมาก็จะทำให้เกิดสิ่งผิดปกติขึ้น”
เมื่อเห็นหยางเฉินสงสัย เถาเถาก็อธิบายออกมา
“ แบบนี้นี่เอง” หยางเฉินเข้าใจทันทีว่าปราณหยินรั่วไหลออกมาได้อย่างไร โลกนี้ลึกลับจริงๆ แค่ปราณหยินที่รั่วไหลออกมายังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้กับโลกได้
“ หากมีปราณหยินรั่วไหลในหุบเขานี้จริงๆ งั้นมันอาจจะเป็นประโยชน์กับเจ้า” เถาเถาพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ ด้วยบัวหวงห้ามโลหิตกับปราณหยินในหุบเขาแห่งนี้ เจ้าก็จะทะลวงผ่านขึ้นไปขอบเขตธุลีได้”
เมื่อได้ยินที่เถาเถาพูดมา หยางเฉินก็ใจเต้นรัว หุบเขาแห่งนี้มีไว้เพื่อให้เขาทะลวงผ่าน มันเหมือนสร้างขึ้นมาเพื่อเขา
“ เจ้ามีพลังทำลายหินเพชรได้ถึง 27 ก้อนในขอบเขตกำลังภายในขั้น 9 ในตอนที่เจ้าทำการทะลวงผ่าน จุดชีพจรในหัวจะต้องมั่นคง หากเจ้าไม่ใช่ปราณหยินที่รั่วไหลออกมา แม้ว่าจะมียาในร่างกายช่วย แต่โอกาสที่จะทะลวงผ่านก็มีไม่มาก” เถาเถาพูดขึ้นมาด้วยความกังวล “ ดังนั้นเจ้าไม่อาจจะเสียโอกาสนี้ไปเปล่าๆได้”
หยางเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆและหันกลับไปมองกั้วติงกับคนอื่นๆ “ กั้วติง หลานเอ๋อ เทียนเอ๋อ พวกเจ้ารอข้าที่นี่ก่อน ข้าจะเข้าไปด้านในหุบเขา” พูดจบเขาก็หันกลับแล้วเดินออกไปทันที
“ พี่เฉิน เราจะไปกับเจ้าด้วย !”
“ ท่านพี่ ข้าเองก็จะไปด้วย !”
“ หัวหน้า ข้าไปด้วย !”
แม้ว่าเว่ยหยานหลานและคนอื่นๆจะไม่รู้ว่าหยางเฉินจะไปด้านในหุบเขาทำไม แต่พวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยหยางเฉินไปคนเดียว เพราะพวกเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของหยางเฉิน
“ เสี่ยวหยาง เจ้ามีบัวหวงห้ามโลหิตอยู่ เจ้าทนปราณหยินที่รั่วไหลออกมาได้ แต่พวกเขาไม่อาจจะทนได้ เจ้าไม่อาจจะพาพวกเขาไปด้วยได้ ไม่งั้นแล้วพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย” เถาเถาส่งข้อความบอกหยางเฉิน
“ มันอันตราย !” เมื่อได้ยินคำพูดของเถาเถา หยางเฉินก็สลัดความคิดที่จะพาทุกคนไปด้วย เขาส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ สบายใจได้ ข้าไม่มีทางตกอยู่ในอันตราย พวกเจ้ารอข้าที่นี่ ข้าจะรีบกลับมา ไม่ต้องตามข้าไป ไม่งั้น....” หยางเฉินยังพูดยังไม่ทันจบเขาก็หันกลับแล้ววิ่งเข้าไปในหุบเขา
เว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋ออยากจะตามไปแต่พวกนางก็คิดถึงคำพูดของหยางเฉิน หยางเฉินไม่ยอมให้พวกนางตามไป งั้นเขาก็ต้องมีเหตุผล หากพวกนางตามไปก็มีแต่จะสร้างภาระให้กับหยางเฉินไม่ใช่รึ ?
เมื่อคิดแบบนั้นพวกนางก็เลือกที่จะรอหยางเฉินที่ทางออกหุบเขาแทน
ด้านในหุบเขานั้นเต็มไปด้วยน้ำแข็งที่งอกขึ้นมา หุบเขาแห่งนี้มีลมอันหนาวเย็นก่อตัวขึ้นมาตลอด อากาศเย็นทำให้เกิดกระแสลมพัดวนไปในหุบเขา มันไม่ใช่ความหนาวเย็นทั่วไปแต่มีปราณหยินแฝงอยู่
หยางเฉินยกดอกบัวในมือขึ้นมา เมื่อปราณอันหนาวเย็นมาถึงตัว มันก็ถูกดอกบัวดูดซับไป
“ เสี่ยวหยาง บัวหวงห้ามโลหิตได้เปลี่ยนมาจากดอกบัวธรรมดาเพราะปราณหยินที่รั่วไหลจึงทำให้มันไม่กลัวปราณเหล่านี้” ในตอนที่พูดนั้น เถาเถาก็ได้โผล่ออกมาจากพู่กัน
“ ดูเหมือนว่ามันจะดูดซับอากาศหนาวเย็นได้” หยางเฉินมองไปที่ดอกบัวในมือด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ หยุดก่อน ทำตามที่เจ้าได้เรียนรู้มา กินเมล็ดของมันแล้วทำการดูดซับปราณหยินรอบตัว และโคจรไปยังจุดชีพจร” เถาเถาพูดและหันกลับมามองหยางเฉิน
หยางเฉินพยักหน้าตอบรับแล้วนั่งลงกับพื้น หลังจากที่วางดอกบัวลงบนหิมะแล้ว เขาก็ได้เอาผงยาออกมา ตอนนั้นเขาไม่ได้ทายากับตัวแต่กลับกินมันเข้าไปแทน
บันทึกในเตายาบอกว่าตอนที่ทะลวงผ่านขอบเขตธุลีเขาต้องกินยาเข้าไป แม้ว่าหยางเฉินจะตกใจกับคำพูดเหล่านี้แต่เขาก็ยังกล้ากินมันเข้าไปอยู่ดี
หลังจากที่กินยาไปแล้ว หยางเฉินก็ได้เอาเมล็ดดอกบัวออกมาจากฝัก แล้วกินมันเข้าไปก่อนจะหลับตาแล้วทำสมาธิทันที
เถาเถานั่งอยู่บนพู่กันลอยอยู่ตรงหน้าของหยางเฉิน แล้วพูดกับตัวเอง ‘ ข้าหวังว่าเขาจะทำสำเร็จในคราวเดียว ไม่งั้นแล้วคงยากที่จะหาโอกาสแบบนี้ได้อีกในอนาคต ’
แม้ว่าเมล็ดของบัวหวงห้ามโลหิตที่มีปราณหยินนั้นจะมีพลังที่อ่อนโยนและไม่ได้ส่งผลเสียต่อหยางเฉิน แต่การใช้เมล็ดนี้เพื่อโคจรปราณหยินเข้าไปในตันเถียนก็จะทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่จะทะลวงผ่านได้ มันจะช่วยให้เป็นการอัดแน่นแก่นพื้นฐานไปด้วยในตัว
หยางเฉินได้ทำการดูดซับปราณหยินด้วยทักษะกุยหยวน เมล็ดดอกบัวได้อยู่ในตันเถียนของเขาแล้ว มันได้ทำการดูดซับปราณหยินด้วยตัวเองซึ่งเป็นการช่วยหยางเฉินได้อย่างมาก
ไม่นานเส้นชีพจรของหยางเฉิน ก็โดนปราณหยินแช่แข็ง ผิวของเขามีน้ำแข็งขึ้นปกคลุม ภายในตันเถียนนั้นเต็มไปด้วยปราณหยินที่สั่งสมจนถึงขีดจำกัด
หลังจากที่ปราณสั่งสมจนถึงขีดจำกัด หยางเฉินก็รู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลังงาน เขาได้เพ่งสมาธิและทำการโคจรปราณเหมือนในทักษะ ก่อนจะควบคุมปราณให้ไหลเข้ามาที่หัว
หยางเฉินเห็นมิติลึกลับในหัว ภายในมิตินี้มีอนุภาคเล็กๆที่ราวกับฝุ่น หากไม่มองดูดีๆแล้วก็จะไม่พบอะไรเลย
มิติลึกลับแห่งนี้ไม่ใช่จุดชีพจร อนุภาคเล็กๆที่เหมือนกับฝุ่นต่างหากที่เป็นจุดชีพจร !
เมื่อเปิดจุดชีพจรเหล่านั้นก็จะทำให้ใช้การรับรู้ได้ การรับรู้ที่แผ่ออกไปทะลุใต้พื้นดินได้และทำการติดต่อกับมิติปราณหยินก่อนจะอัดแน่นถุงอากาศขึ้นมาเพื่อขึ้นไปขอบเขตธุลี !
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว