“เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรนะ!” จื่อหวงหรี่ตาถามอย่างจับผิด เสิ่นตู้ยิ้มเรี่ยราด โบกไม้โบกมือ บอกว่า “ข้าแค่พูดว่าอยากวาดภาพจื่อจื่อไปให้ท่านพ่อท่านแม่ดูน่ะ แต่ไม่รู้เจ้าจะยอมหรือไม่?”
จื่อหวงอึ้งงันไป คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะจริงใจและจริงจังต่อน้องสาวของตนถึงเพียงนี้ เขาจึงหันไปมองน้องสาวอย่างลำบากใจ
“จื่อจื่อ...เจ้าว่าอย่างไร จะให้เสิ่นตู้วาดภาพเจ้าหรือไม่?”
จื่อจื่อส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ แต่ข้าจะให้ของคุณชายเสิ่นชิ้นหนึ่ง...”
“อะไรหรือ?/อะไรหรือ?” เด็กชายสองคนร้องถามขึ้นเป็นเสียงเดียว
จื่อจื่อน้อยแกะพวงกระดิ่งทองเหลืองที่รัดมวยผมข้างขวาของนางออกมาแล้วยื่นส่งให้เสิ่นตู้ที่รับไปอย่างงงงวย
“คุณหนูจื่อ นี่หมายความว่ากระไรหรือขอรับ?”
จื่อจื่อน้อยบอกเสียงขรึมว่า “พวงกระดิ่งพวงนี้ไม่มีราคาค่างวดอันใดมากนัก แต่มีความสำคัญต่อจิตใจข้ามาก เพราะท่านแม่ใช้เงินจากค่ารักษามาซื้อให้ข้า ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นลวดลายของนกเฟิ่งหวงอยู่บนกระดิ่งพวงนี้ทำให้กระดิ่งพวงนี้มีเพียงหนึ่งเดียวในต้าหมิง หากคุณชายเสิ่นกลับมายังต้าหมิงอีกพร้อมกับนำพวงกระดิ่งพวงนี้ตามหาข้าพบ ข้าก็ยินดี...ตบแต่งให้ท่าน!”
“จื่อจื่อ!!!” จื่อหวงตกตะลึงนิ่งอึ้งพรึงเพริดต่อการตัดสินใจของน้องสาว
เช่นเดียวกับเสิ่นตู้ที่ร้องออกมาเสียงดังว่า “ห๊า!!!” เพราะเขาไม่คิดว่าความรักของตนจะพบกับเส้นทางราบรื่นถึงเพียงนี้!!!
แล้วจื่อจื่อน้อยก็ลุกขึ้นพร้อมคว้าตำรายามากอดแนบอก พลางว่า “ข้าขอตัวก่อน ต้องไปช่วยท่านแม่เตรียมมื้อเที่ยงแล้ว...”
เด็กชายทั้งสองได้แต่เหลียวมองตามหลังบอบบางในชุดผ้าไหมสู่จิ่นสีชมพูหวานของจื่อจื่อน้อยจนลับตา
ก่อนจื่อหวงจะพูดตอกหน้าปิดประตูตายใส่เสิ่นตู้ว่า “ถึงจื่อจื่อจะยอมตบแต่งให้เจ้า แต่ถ้าข้ากับท่านพ่อไม่ยอม เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ตบแต่งกับนางง่ายๆเลย!” แล้วจื่อหวงก็คว้าตำรายามุ่งหน้าไปยังโรงครัวอีกคน
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว