Finally Love You ในที่สุดก็รักคุณ-โปรยปราย

โดย  กระรอกน้อยสีน้ำตาลหม่น

Finally Love You ในที่สุดก็รักคุณ

โปรยปราย

การจราจรที่แน่นขนัดในยามเช้าของเมืองมหานคร ทำให้ประชากรที่สัญจรไปมาค่อนข้างเบื่อหน่ายและออกอาการหงุดหงิดได้ง่ายๆ เสียงแตรจากรถโดยสารบีบกันให้ลั่นสนั่นหวั่นไหว ผู้คนตามท้องถนนยังคงเดินกันให้ขวักไขว่สวนกันไปมา รวมไปถึงหญิงสาวที่กำลังออกอาการลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด ดวงหน้างามหันซ้ายหันขวา มองหาช่องทางเพื่อที่จะให้รถยนต์ของตนพ้นจากขุมนรกนี้ไปให้ได้ มือเรียวหักพวงมาลัยทันทีไม่รอช้าเมื่อเห็นว่าเลนทางซ้ายเริ่มขยับ แต่ด้วยความเร่งรีบ และรถที่จอดเบียดเสียดกันจนแทบจะจูบท้ายคันต่อคัน ทำให้เธอต้องใช้ความชำนาญอย่างยิ่งยวด

รถญี่ปุ่นสีขาวของหญิงสาวปาดหน้าคันที่วิ่งมาจนเกือบจะชน ส่งผลให้รถคันนั้นเบรกจนตัวโก่ง อีกไม่กี่นิ้วเกือบจะได้เสยสีข้างคันข้างหน้า หญิงสาวก้มหัวขอโทษขอโพย จากนั้นจึงขับไปอย่างเร่งรีบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ อีก ก็ไม่ได้อยากทำตัวแย่ๆ แบบนี้ แต่ถ้าไปไม่ถึงสถานที่จัดงานภายในครึ่งชั่วโมง มีหวังทั้งเธอทั้งลูกน้องรวมไปถึงชื่อเสียงของบริษัทออแกไนซ์ที่เธออุตส่าห์พากเพียรสร้างมา คงได้พังลงในพริบตาก็ครานี้

หลังจากเหยียบคันเร่งจนมิดด้ามข้ามถนนผ่านโค้ง จนในที่สุดก็มาถึงสถานที่จัดงานในโรงแรมแม่น้ำเจ้าพระยาได้โดยไม่ได้รับใบสั่งได้อย่างเหลือเชื่อ หญิงสาวรีบหยิบสัมภาระต่างๆ แล้วพุ่งทะยานออกจากรถด้วยความรวดเร็ว ขาเรียวออกวิ่งแล้วโกยสี่คูณร้อยจนหายลับเข้าไปในตัวอาคารของโรงแรม

รลิล สุทธิการ สาวเท้าไปยังจุดหมายโดยไม่ต้องถามพนักงานโรงแรมให้เสียเวลา เป็นเพราะว่าเธอและลูกทีมเข้ามาเซ็ทงานตั้งแต่เมื่อเช้า พอเซ็ทงานใกล้จะเสร็จ มีเหตุให้ลืมส่วนสำคัญของงานนั่นก็คือเอกสารรายการเครื่องเพชรซึ่งต้องใช้ตัวจริงเท่านั้น จะให้แมสเซนเจอร์มาส่งก็ไม่ได้ เพราะเอกสารที่ว่ามันอยู่ในตู้เซฟ และมีเพียงเจ้าของบริษัทเท่านั้นที่รู้รหัส รลิลจึงต้องบึ่งรถกลับไปที่ออฟฟิส และวกกลับมาโรงแรมสถานที่จัดงานอีกครั้งในเวลาที่แสนเฉียดฉิว

เมื่อมาถึงห้องแกรนด์บอลรูทขนาดใหญ่ ของโรงแรมแกรนด์ เดอ รอยัล ซึ่งเป็นโรงแรมเจ็ดดาวแห่งแรกในประเทศไทย รลิลส่งของให้ลูกน้องคนหนึ่งซึ่งเป็นเสบียงสำหรับมือเย็น รับเช็คลิสต์รายการเพื่อเริ่มตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง แล้วเรียกลูกน้องทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อประชุมก่อนเริ่มงาน

“เอาล่ะ ทุกอย่างก็โอเคหมดแล้ว ลิลขอบคุณทุกคนมากเลยค่ะ อีกหนึ่งชั่วโมงแขกก็จะเริ่มทยอยกันมาแล้ว ทุกๆ คนก็กินข้าวกินปลาให้เรียบร้อย แล้วไปประจำยังจุดต่างๆ ตามที่ลิลได้บอกไว้ มีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนงานจะเริ่ม ขอให้ทำธุระส่วนตัวภายในเวลาที่กำหนดนะคะ ไม่มีอะไรแล้ว แยกย้ายกันไปทานข้าวได้แล้วค่ะ”

หลังจากที่คนทั้งหมดแยกย้ายกันไป รลิลจึงหันไปสั่งเลขาฯ ของตนให้ดูแลทางนี้แทน เพื่อที่ตัวเธอจะได้ไปคุยกับเจ้าของงานที่กำลังจะเดินทางมาถึง

บริษัทออแกไนซ์ของรลิล สุทธิการเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบในส่วนของธีมงานและขั้นตอนของงานทั้งหมด ซึ่งงานในวันนี้เป็นงานเปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่กึ่งการกุศล เพราะมีการประมูลเครื่องเพชรและเป็นไฮไลท์ของงานโดยบริษัทเอซีซีได้มอนด์กรุ๊ปของตระกูลอภินันทวัทธ ที่มีกิจการเกี่ยวกับเพชรพลอยที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จึงยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างและรวบรวมเหล่าคนมีชื่อเสียงในวงการเพชรนิลจินดา ไปจนถึงดาราและวงการไฮโซทั่วฟ้าเมืองไทยเลยทีเดียว

ตามกำหนดการงานจะเริ่มตั้งแต่ห้าโมงไปจนถึงห้าทุ่ม โดยช่วงเช้าจะเปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชม ซึ่งเครื่องเพชรทั้งหมดที่จัดแสดงจะถูกนำไปโชว์ไว้อีกห้อง เปิดให้เข้าชมได้จนถึงตอนเย็น จากนั้นจึงจะย้ายเครื่องเพชรที่จะนำไปประมูล ออกไปในส่วนของงานตอนเย็นที่ห้องแกรนด์บอลรูมขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีการแสดงต่างๆ มากมายเพราะงานนี้มีชาวต่างชาติมาเป็นจำนวนมาก คอนเซ็ปของงานที่ได้รับคือไทยประยุกต์ให้เข้ากับเครื่องเพชรที่นำออกมาแสดง และช่วงท้ายของงานยังมีแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรทั้งสิบสี่ชุด ที่ออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

รลิลแทบปาดเหงื่อตอนรับงานนี้ แต่นี่คือโอกาสอันดีที่บริษัทเล็กๆ ของเธอจะได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น แม้มันจะดูยากและค่อนข้างท้าทายความสามารถเป็นอย่างมาก แต่ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ และทุกคนต่างร่วมแรงร่วมใจกันเป็นอย่างดี ทำให้การเตรียมงานในช่วงแรกสำเร็จลุล่วงโดยไม่มีปัญหาอะไรติดขัด ปัญหาคืองานในส่วนของภาคค่ำ ที่มีขั้นตอนเยอะแยะมากมาย และไหนจะแขกที่มาร่วมงานที่ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ถ้าหากผิดพลาดแม้แต่ข้อเดียว ชื่อเสียงของบริษัทที่มีน้อยอยู่แล้ว อาจดับวูบภายในพริบตา


“ดีครับ ค้างไว้ท่านั้นสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มผู้อยู่หลังเลนส์เอ่ยบอกนางแบบสาวไปพลาง มือก็กดชัตเตอร์ไปพลาง แสงแฟลชวูบวาบผ่านเลนส์จากกล้องดิจิตอลราคาเหยียบแสน นางแบบสาวสวยหุ่นดีโยกย้ายเปลี่ยนท่าทางด้วยความชำนาญ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่อาจนับ แต่ก็ไม่อาจรับเพราะยังติดภารกิจ เขาจึงฝากมือถือไว้ให้เด็กหนุ่มผู้ช่วยช่างภาพช่วยรับโทรศัพท์แทนเขา จะไม่รับก็ไม่ได้ ปิดมือถือไปเลยอันนี้คงได้ตายอย่างเขียด เพราะบุคคลที่โทรมาจิกยิ่งกว่าไก่ตอนนี้ก็คือพี่สาวสุดโหดที่ยังครองตัวเป็นโสดแม้วัยจะล่วงเข้าสามสิบตอนกลาง

ชายหนุ่มผู้ช่วยช่างภาพคนสนิทกดรับโทรศัพท์ที่ส่งเสียงแผดดังอยู่เป็นนานด้วยสีหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำ แล้วกรอกเสียงอ่อยๆ ออกไป

“พักครึ่งชั่วโมงครับ” เมื่อเห็นผู้ประสบภัยทางโทรศัพท์กำลังเผชิญเคราะห์กรรมที่เขาจงใจนำไปฝากไว้ ในใจก็ให้รู้สึกสงสารขึ้นมา ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่ช่างภาพใหญ่ จึงสั่งเบรคกะทันหัน แล้วเดินไปคว้าโทรศัพท์ของตน

“มีอะไรครับพี่กี ผมทำงานอยู่เลยรับสายไม่ได้” เสียงทุ้มตอบกลับด้วยอาการเซ็งอย่างยิ่งยวด

[งานถ่ายรูปของแกอะไรมันจะยุ่งวุ่นวายขนาดนั้นฮะ นี่ถ้าแกไม่รับโทรศัพท์อีกครั้ง พี่จะให้คุณแม่โทรไปจิกแกแทน งานเข้าแน่ล่ะแกเอ๋ย] เสียงหวานตวาดแว้ดอย่างเหลืออด กดโทรศัพท์หาน้องชายตั้งแต่เช้ายันบ่าย แต่ทว่าโทรไปทีไรคนรับสายก็ไม่ใช่เจ้าของเครื่องสักที มันน่าหงุดหงิดเสียนี่กระไร

“ครับๆ ผมขอโทษครับ มีอะไรครับพี่กี บ่นมากระวังจะขึ้นคานนะครับ” แม้จะเบื่อหน่ายแต่ก็ยังไม่วายแซวพี่สาววัยแบกคาน

[จะคานระดับไหน ฉันก็ไต่เต้ามาหมดแล้ว ไม่ครณามือชั้นเซียน โอ้ย! พอเถอะ แกนี่พาพี่นอกเรื่อง] เมื่ออารมณ์ดีสรรพนามที่ใช้เรียกน้องชายจึงเปลี่ยนตาม ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะ ให้กับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของผู้เป็นพี่สาวของตน แต่กลัวฟีลที่กำลังดีของแม่นางต้องกลับกลายเป็นนังยักษ์อีก เลยเลือกที่จะหุบปากไว้

[พี่บอกก้องตั้งแต่เมื่อคืนแล้วใช่ไหม ว่าวันนี้เป็นวันเปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่ของบริษัทเรา และก้องก็ต้องมางานเลี้ยงในคืนนี้ด้วย เพราะนี่คือประกาศิตจากคุณนายสุจิตราไม่ใช่พี่] กีรณาบอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เพราะเธอก็โดนมารดาบังเกิดเกล้าจิกมาอีกทอด ความจริงแล้วหญิงสาวค่อนข้างตามใจน้องชายหนึ่งเดียวคนนี้เรื่อยมา แม้แต่ความใฝ่ฝันที่เขาเลือกจะเป็นช่างภาพเธอก็เห็นชอบ รู้ดียิ่งกว่าใครว่าอีกฝ่ายเกลียดการเข้าสังคมยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เธอจึงยอมเสียสละเพื่อน้องชายสุดที่รัก ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรองประธานผู้บริหารแทนเขา ถ้าเธอไม่โดนท่านหญิงแม่ที่กุมอำนาจสูงสุดในบ้านกำชับนักหนา เธอก็ไม่อยากให้น้องชายของตนทำในสิ่งที่หลีกเลี่ยงมาช้านาน

[มาเถอะน้องรัก ก่อนที่ทั้งก้องและพี่จะโดนคุณนายสวดยับ ถือซะว่าเปลี่ยนทาเก็ตมาดูสาวๆ กลุ่มไฮโซเดินแบบ จะได้เลิกควงพวกนางแบบโนเนมเสียที อีกอย่างนี่เป็นงานช้างนะไอ้น้อง พ่อกับแม่เลยอยากเปิดตัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยไง]

ก้องภพที่โดนไล่ต้อนจนมุมถอนหายใจอีกครั้ง ถึงขั้นที่พี่สาวคนเดียวลงทุนขอร้องแกมหว่านล้อม เขาก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะงานนี้

“ครับๆ ผมจะไปละกัน งานเริ่มกี่โมงครับ”

[เริ่มห้าโมง แต่แกมาช่วงหัวค่ำหน่อยก็ได้ จะได้อยู่ในงานไม่นาน ขอบใจมากไอ้น้องรัก]

เมื่อการสนทนาของพี่น้องตระกูลอภินันทวัทรจบลง ช่างภาพหนุ่มถึงกับกุมขมับ นึกภาพช่วงเวลาที่ต้องปั้นหน้ายิ้มทักทายเหล่าคุณหนูคุณนายทั้งหลายแล้วอยากจะบ้าตาย สิ่งที่เขาหลีกเลี่ยงมานานแสนนานก็เกิดขึ้นจนได้ให้ตายเถอะพ่อแม่พี่น้อง

เอาวะ...เพื่อครอบครัว เพื่อพี่สาวที่ยอมเสียสละเพื่อเขามาโดยตลอด ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงอดทนเอาหน่อยจะเป็นไรไป


บนชั้นยี่สิบสองของตึกวีว่าเรียลเอสเตสสำนักงานประเทศไทย ซึ่งเป็นชั้นของรองประธานกรรมการบริหาร เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น ขัดจังหวะการอ่านเอกสารประกอบการในมือ ดวงตาคู่คมลอบมองหมายเลขที่ปรากฏบนหน้าจอขนาดเล็ก เมื่อรู้ว่าเป็นผู้ใดชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปกดปุ่มรับ

“ว่าไงครับเคท” เสียงทุ้มกรอกสายถามเลขาฯ คู่ใจ สายตายังจับจ้องเอกสารที่อยู่ในมือ

“มีการ์ดเชิญจากบริษัทเอซีซีกรุ๊ปเพิ่งส่งมาถึงค่ะบอส” คิ้วหนาเลิกขึ้น สงสัยในใจว่าทำไมกับอีแค่การ์ดเชิญใบเดียว เลขาฯ สาวถึงต้องโทรมาบอกเขาด้วย และบริษัทเอซีซีอะไรนี่ก็ไม่เคยผ่านหูเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

“เอาการ์ดเชิญนั่นและรายละเอียดของบริษัทนี้มาให้ผมด้วยก็แล้วกัน”

“ค่ะบอส”

ไม่กี่ชั่วอึดใจเลขาฯ สาวใหญ่นามเคทหรือเคทเธอรีน ที่บินตรงมาจากสหรัฐอเมริกา เพื่อมาทำหน้าที่เลขานุการชั่วคราวให้กับทศกร วิวัฒวงศ์ที่เมืองไทยพร้อมกับเจ้านายที่นั่งหน้าขรึมอยู่ตรงหน้า เพียงอีกแค่สองเดือน หน้าที่นี้ก็จะหมดวาระลงและส่งต่อให้กับรุ่นน้องที่เป็นคนไทย และตอนนี้เลขาฯ ที่ว่าก็กำลังฝึกงานอยู่กับเธอมาได้เกือบจะสองเดือนกว่าแล้ว

เคทยื่นการ์ดเชิญ พร้อมทั้งบอกเล่ารายละเอียดของเอซีซีกรุ๊ปให้เจ้านายฟัง ทศกรหยิบการ์ดแล้วเปิดอ่านข้างใน ประสาทโสตทำหน้าที่รับฟังไปพลาง ไม่ให้เป็นการเสียเวลาอันมีค่า

“เอซีซีไดมอนด์กรุ๊ป เป็นบริษัทเกี่ยวกับเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย โดยมีตระกูล เอ่อ อะ พิ นาน ทะ วัดเป็นผู้บริหาร ส่วนรายละเอียดของการ์ดที่ส่งมา เป็นงานประมูลเครื่องเพชรการกุศล เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในประเทศ และนำไปก่อตั้งมูลนิธิผู้ค้าพลอยแห่งประเทศไทย” เมื่อรายละเอียดอย่างคร่าวๆ ถูกเลขาฯ สาวใหญ่ร่ายยาวจนจบ ทศกรทิ้งการ์ดในมือลงตรงที่เดิมที่เขาหยิบมันขึ้นมาก่อนหน้านี้ เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมตนนั้นถึงไม่รู้จักชื่อเอซีซีกรุ๊ปมาก่อน ก็เพราะบริษัทที่ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ที่ชายหนุ่มเป็นเจ้าของบริษัทอยู่เลย ยิ่งเรื่องของสวยงามพรรค์นี้เขายิ่งไม่เคยสนใจจะใคร่รู้และทำความรู้จักกับคนพวกนี้สักเท่าไหร่

“คุณเก็บการ์ดเชิญนี่ไป แล้วเอาเช็คนี่ไปมอบให้เจ้าของงานแทนผม บอกว่าทางบริษัทไม่สะดวกร่วมงาน” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ไร้ความสนใจอย่างสิ้นเชิง เขาก็ไม่ได้ไม่ชอบบริษัทนี้ แต่คนติดดินอย่างทศกร วิวัฒวงศ์ไม่ค่อยถูกจริตกับงานสังคมแบบนี้สักเท่าไหร่

“เอ่อ แต่ว่ามิสเตอร์มาโคก็ไปงานนี้ด้วยนะคะ ยังมีคนในวงการธุรกิจอีกมากมาย ที่บอสต้องทำความรู้จักไว้น่ะค่ะ” ชายหนุ่มครุ่นคิด ที่ติดใจไม่ใช่ประโยคหลัง แต่เป็นชื่อของคนคุ้นเคยกันต่างหาก มาโคมาทำอะไรที่นี่ แถมยังไปงานการกุศลเกี่ยวกับพวกเครื่องประดับอะไรนั่นอีก ทั้งๆ ที่เจ้าตัวทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกับครอบครัวตน หากแต่ไม่ใช่เป็นคู่แข่ง กลับเป็นเพื่อนรักของผู้เป็นพี่ชาย และเป็นที่นับถือของทศกรรองจากทศวรรษ เจ้าพ่อแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่แถบยุโรปลูกครึ่งไทยอิตาลีผู้นี้ รู้จักกับครอบครัวเขามาได้เกือบจะสี่ปีแล้ว

ห้วงภวังค์ล้ำลึกถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ของทศกร ชายหนุ่มมองดูเลขหมายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าจอ ไม่มีชื่อมีแต่หมายเลขที่เขาไม่รู้จัก ก็ให้สงสัยในใจว่าเป็นใครถึงสามารถรู้เบอร์ส่วนตัวของเขาได้ นอกจากคนในครอบครัวและเลขาส่วนตัว

“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มกดรับ กรอกเสียงเคร่งขรึมทักอีกฝ่ายไป โบกมือเป็นสัญญาณให้เลขาฯ สาวใหญ่ออกไปทำงานต่อได้

[ว่าไงไอ้น้องชาย นี่พี่เอง] เสียงทุ้มจากปลายสายทักทายเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อรู้ว่าเป็นใครโทร.มา ใบหน้าที่เคร่งเครียดพลันผ่อนคลายลง สนทนากับอีกฝ่ายเป็นภาษาบ้านเกิดของตนทันที

“ไปเอาเบอร์ผมมาจากไหนกันครับพี่มาร์ค”

[ก็ขอมาจากพี่ชายนายอีกทีน่ะ ก่อนมานี่ก็เข้าไปเยี่ยมไอ้ทอจกับหลานชายมา พอรู้ว่าพี่จะมาเมืองไทย ก็เลยให้เบอร์แกมาเผื่อไว้ติดต่อกัน]

“งั้นหรอกเหรอ ว่าแต่โทร.มาหาผมมีธุระอะไรหรือครับ”

[ไม่มีอะไรหรอกไอ้น้อง พี่แค่อยากจะชวนไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย พอดีว่าคุณแม่ของพี่ได้รับเชิญให้ไปงานเลี้ยงของเอซีซีกรุ๊ป เพราะคุณหญิงอะไรสักอย่างที่เป็นเจ้าของงาน เค้าเป็นเพื่อนรักกันกับแม่ของพี่ พี่ก็เลยโดนลากไปร่วมงานด้วยซะงั้น นายได้รับบัตรเชิญเหมือนกันนี่ พี่ลองโทร.ไปถามกับคุณเคทเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเอง] ภาษาไทยชัดแจ๋วถูกสื่อสารออกมาด้วยชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอิตาเลี่ยน ส่วนชายไทยแท้แต่ไปโตเมืองนอกนั่งขำในใจ สงสัยงานนี้คงหนีไม่พ้นจะต้องได้ไปเป็นแน่แท้

“โอเคครับ ไว้เจอกันที่งานเย็นนี้”

[ดีมากไอ้น้องรัก พี่จะได้มีเพื่อนคุย งานสังคมแบบนี้พี่ไม่ค่อยถนัด ไว้เจอกันที่งาน แล้วค่อยคุยกันเรื่องสถานที่ไปต่อก็แล้วกัน]

เมื่อการสนทนาระหว่างพี่น้องต่างสายเลือดจบลง รอยยิ้มน้อยๆ ระบายออกมาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะกลับคืนสู่สภาพเดิมของมัน กดสั่งงานกับเลขาฯ ทางอินเตอร์คอมพ์ด้วยความรวดเร็ว

“ขอโทษทีนะเคท ช่วยเอาการ์ดเชิญนั่นกลับมาให้ผมอีกครั้ง” เพียงไม่กี่นาทีการ์ดใบเดิมถูกวางลงตรงหน้า ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาอ่านอีกครั้ง จดจำรายละเอียดและสถานที่จนขึ้นใจ พลันนึกถึงคนที่เพิ่งโทร.มาก่อนหน้า มาโค ตระกูลกิจ อัมเบอจิโอ ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนรักของพี่ชายตามสายเลือด แม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่เขาก็ให้ความเคารพรักไม่แพ้ทศวรรษ ด้วยนิสัยรักอิสระและไม่ถือตัวเมื่ออยู่กับคนในครอบครัวและเพื่อนสนิท ซ้ำยังมีฉายาที่คนในวงการเรียลเอสเตทแต่งตั้งให้กับคนทั้งสามอีกเช่นกันคือ “สามหมาป่าเรียลเอสเตท” แต่หมาป่าตัวแรกมีครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว เลยเหลือหมาป่าอีกสองตัวที่ยังออกหาเหยื่ออย่างสนุกสนาน

คิดถึงเรื่องเหยื่อแล้ว หมาป่าที่จำศีลมาพักใหญ่ ก็ได้เวลาออกหาอาหารเสียที และวันนี้ก็มีหมาป่าผู้หิวโหยถึงสองตัวด้วยกัน อย่างน้อยต้องได้กวางสักตัวกลับบ้าน


อาทิตย์อัสดงเริ่มลาลับจากเส้นขอบฟ้า บ่งบอกว่ายามราตรีกำลังจะมาเยือนอีกครา เข็มนาฬิกาจากข้อมือบอกเวลาว่าตอนนี้ได้ฤกษ์ที่ทุกคนในทีม จะต้องทำหน้าที่ของตนตามที่ได้รับมอบหมาย

รลิลที่กำลังสั่งงานผ่านวอคกี้ทอคกี้ ยืนอยู่หลังเวทีกลางขนาดใหญ่ หน้าที่ของเธอวันนี้คือควบคุมความเป็นไปของขั้นตอนการแสดงโชว์ทั้งหมด และคอยประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องในงาน ซึ่งเธอแบ่งหน้าที่ว่าใครดูอะไรบ้างแล้วเรียบร้อย

ร่างบางในชุดยูนิฟอร์มของบริษัทเมื่อต้องทำงานนอกสถานที่ อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัว ที่หน้าอกด้านซ้ายมีชื่อและโลโก้ของบริษัท ปักไว้อย่างประณีตสวยงาม ถูกทับด้วยเสื้อสูทสีดำเข้ารูป กางเกงยีนส์สกินนี่สีดำแนบไปกับขาเพรียวยาว เผยสะโพกผายได้สัดส่วน รองเท้าผ้าใบสีดำสลับขาวถูกหยิบมาใช้ในงานนี้ เพราะงานที่ต้องเดินอยู่ตลอดเวลา คงไม่เหมาะกับรองเท้าส้นสูงเป็นแน่แท้ ผมยาวแลเป็นลอนถูกรวบเก็บไว้เป็นทรงหางม้า ดวงหน้าสวยหวานจึงปรากฏแก่สายตากระจ่างชัด

หญิงสาวที่ยังสื่อสารผ่านวอคกี้ทอคกี้คอยลอบมองดูยังส่วนด้านหน้าเวทีเป็นระยะ บรรดาแขกเหรื่อที่ได้รับเชิญ ต่างทยอยกันมามากแล้ว รลิลจึงสั่งการลูกทีมทั้งหลายผ่านเครื่องมือสื่อสารในมือตนทันที

“แพร แกช่วยดูคิวลำดับการแสดง จัดแจงคนให้พร้อม อีกครึ่งชั่วโมงงานจะเริ่ม ฝากดูส่วนของแฟชั่นโชว์ด้วยนะ ว่านางแบบมากันครบหรือยัง” รลิลสั่งงานแพรวา ลูกทีมมือหนึ่งที่เป็นเพื่อนสนิทตอนเรียนมหา’ลัยรัวเร็ว แม้จะอยู่ในฐานะลูกน้อง แต่หญิงสาวก็ให้ความสนิทสนมกับอีกฝ่ายดั่งเช่นวันวาน ไม่ว่าจะอยู่ในบริษัทหรือสถานที่ข้างนอก คนทั้งสองต่างพูดคุยกันอย่างเคย ไปไหนก็มักจะไปด้วยกัน

และตัวแพรวาเองก็ไม่เคยจะทำตัวประหนึ่งว่าเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของบริษัท เธอพูดคุยกับคนอื่นเช่นเดียวกับที่ตนสนทนากับเพื่อนสาว ที่สำคัญอีกอย่าง คือตัวเจ้าของบริษัทเอง ต่างก็ให้ความเป็นกันเองแก่ทุกคนในบริษัทบลูแมนออแกไนซ์แห่งนี้เท่าๆ กันหมด เพียงแต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงาน ลูกน้องที่อยู่ภายใต้การปกครองกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบชีวิต ต่างพร้อมใจกันเชื่อฟังและทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายกันเป็นอย่างดี

[รับทราบ] ปลายสายตอบกลับว่องไว แต่น้ำเสียงแฝงความเฉื่อยไว้ตามนิสัยของเจ้าตัว

งานประมูลเครื่องเพชรของเอซีซีไดมอนด์กรุ๊ปเริ่มต้นอย่างเป็นทางการมาได้ชั่วโมงกว่าแล้ว แขกผู้มีเกียรติร่วมห้าร้อยคนที่ได้รับบัตรเชิญทยอยไปนั่งโต๊ะตามที่จัดไว้ให้ จนห้องแกรนด์บอลลูมขนาดยักษ์ดูเล็กลงไปทันตา การแสดงต่างๆ เริ่มขึ้นสู่เวทีทีละรายการ โดยมีรลิลและแพรงาพร้อมลูกทีมอีกส่วนหนึ่ง คอยจัดคิวและดูแลส่วนด้านหลังของเวทีกลาง

การดำเนินงานเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี รลิลวางใจได้ไม่ถึงสามนาที ก็มีปัญหาขึ้นจนได้

“แย่แล้วเพื่อน” แม้น้ำเสียงของอีกฝ่ายที่ผ่านวอคกี้ทอคกี้จะเฉื่อยชาแค่ไหน แต่คำว่าแย่แล้วของแพรวา ทำให้คนฟังถึงกับใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ

“เกิดอะไรขึ้น” เมือเพื่อนสาวในฐานะเจ้านายเปิดโอกาสให้พูด แพรวาจึงรายงานสภาพความเป็นไปในส่วนของนางแบบเดินแฟชั่นโชว์ที่เธอดูแลอยู่ทันที

[นางแบบชุดฟินาเล่ยังไม่โผล่หัวมา] เรียบๆ นิ่งๆ แต่คำพูดอีกฝ่ายบ่งบอกได้ว่ากำลังหัวเสียสุดขีด ไม่ต่างอะไรกับคนที่เพิ่งได้รับสาร ซึ่งตอนนี้หัวเสียยิ่งกว่า

“เดี๋ยวฉันไป”

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว