พูดอย่างเดียวก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีอะไรขู่ได้เลย
หลังจากใช้วิธีมอบขนมไม่ได้ผลตอนนี้ถึงวิธีลงแส้บ้าง หลินอีซินมองไปที่ร่างหวางจื้อเหวินที่นอนไม่ได้สติ ตบลงไปอย่างแรง
วิญญาณหวางจื้อเหวินผงะ ต้องการหยุดเธอไม่ให้ทำ แต่เมื่อเขาพุ่งเข้ามา กลับสัมผัสได้แต่อากาศผ่านร่างเธอไป
เย็นเยือกเหลือเกิน!
“ฟังนะ สถานะปัจจุบันของนายเป็นแค่เนื้อบนเขียง นายไม่สามารถหยุดมันได้ หยุดไม่ได้เลย นายจะปลอดภัยได้เมื่อจับมันเข้าคุกเท่านั้น ฉันรับรองว่าจะทำให้นายคืนชีพอย่างแน่นอน!”
ในที่สุดหวางจื้อเหวินก็แสดงปฏิกิริยาที่ต้องการ
แต่ยังไม่ได้ฟังคำตอบ สมาชิกในครอบครัวของเขาก็กลับมา
“เธอเป็นใคร ทำไมมาอยู่ในห้องลูกชายฉัน” พ่อหวางจื้อเหวินพุ่งมาอย่างดุดัน ชี้มาที่หน้าหลินอีซิน
“คุณลุงอย่าเข้าใจผิด ฉัน... ฉันเป็นเพื่อนเขา ฉันมาเยี่ยมเขาค่ะ!” พูดพร้อมกับสะบัดมือสุดชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ทำอะไรไม่ดี พ่อหวางจื้อเหวินบีบเธอเดินไปรอบๆ จนกระทั่งไปถึงที่ประตู
“ทำไมฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อน เธอเป็นใครกันแน่”
พ่อของหวางจื้อเหวินยังไม่ยอมแพ้ แบบนี้จะกล้าดีอยู่ต่อไหวได้ยังไง “เอ้อ... คุณลุง ฉันเยี่ยมเสร็จแล้ว ขอตัวไปก่อนนะคะ! คุณลุงไม่ต้องกังวลมากหรอก ที่จริงเขาจะตื่นเร็วๆ นี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับทางเลือกของเขาเอง!”
ประโยคสุดท้ายจงใจตะโกนดังๆ ให้หวางจื้อเหวินได้ยิน
หลังจากไปที่ห้องหวางจื้อเหวินเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเดินรอบๆ ชั้นห้องสวี่หมิง แต่มีคนอยู่ในห้องนี้ตลอด ทำให้ไม่มีโอกาสเข้าไปได้เลย
ทว่าบทบาทของหวางจื้อเหวินและสวี่หมิงไม่ต่างกัน ตราบใดที่หวางจื้อเหวินเห็นด้วย ก็ไม่จำเป็นต้องมองหาสวี่หมิงต่อไป
ต่อจากนั้นหลินอีซินก็นั่งแท็กซี่ไปกับเสอหยู่ ในมือกำที่อยู่ที่คัดลอกมาเมื่อวาน ตรงไปที่ชิงถานโซนเอตึกสิบหกห้องหนึ่งแปดศูนย์สี่
หลังจากออกจากลิฟต์ก็ปะทะกับบรรยากาศน่าขนลุกผิดปกติ ทั้งๆ ที่เป็นที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ย่านหรูของเมือง แต่หลังจากมาถึงชั้นสิบแปดก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ
การเต้นของหัวใจเร็วกว่าปกติมาก ซึ่งเป็นสัญญาณของความตึงเครียดที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพื่อเสอหยู่ ทำได้แค่กัดกระสุนปืน เธอไม่กลัวที่จะเจอผี แต่กลัวที่จะเจอคนที่น่ากลัวกว่าผีร้อยเท่า
หลินอีซินเตรียมสเปรย์ป้องกันพวกโรคจิตไว้ในกระเป๋าสำหรับกรณีฉุกเฉิน เดินไปที่ห้องหนึ่งแปดศูนย์สี่อย่างกล้าหาญ
ทางเดินไปที่ห้องนั้นมืดมาก สามารถมองเห็นร่างเลือนรางสองร่างที่ประตู เมื่อเข้าไปใกล้ถึงได้รู้ว่าพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคน
“ขอโทษนะคะ ฉันเคยโพสต์ข้อความบนอินเทอร์เน็ต...” หญิงสาวถามขึ้นอย่างระมัดระวัง แต่ก่อนที่จะพูดจบ ประตูก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ “อา... น่ากลัวจัง!”
หลินอีซินย่อตัวลงหายใจเข้าลึกๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนั่นไม่ได้มองมาเลยด้วยซ้ำ
ทำไมหยิ่งจัง? หยิ่งกว่าไอ้ตัวที่บ้านอีก!
หลินอีซินยืนอยู่ที่ประตูมองเข้าไปข้างใน ทั้งห้องสว่างไสวด้วยไฟแปลกประหลาดทั้งแดงและม่วงผสมปนเปกัน
นอกจากนี้ยังมีของประดับตกแต่งรูปทรงประหลาดมากมาย รวมทั้งกระดาษยันต์ที่อธิบายไม่ถูก โดยรวมนิยามได้ด้วยคำว่าแปลก
หลินอีซินกับเสอหยู่เพิ่งเข้ามาประตูข้างหลังก็ปิดลงอัตโนมัติ บอกเลยว่าที่นี่หนาวมาก! ขนแขนลุกซู่อย่างควบคุมไม่ได้ ขณะที่พ่นลมหายใจออกจากปากก็มีควันปรากฏขึ้นด้วย
“ฉันอยู่นี่...” เสียงหลอนๆ ดังมาจากห้องทางด้านซ้าย หลินอีซินหันขวับไปมองที่นั่น สูดหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเข้าไปอย่างกล้าหาญ
หญิงสาวพยายามเต็มที่ที่จะก้าวเบาๆ ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย แต่รู้สึกผิดโดยไม่รู้ตัวว่าเหมือนเป็นขโมย เมื่อผ่านซอกรอยแตกของประตูก็เห็นชายชราผมหงอกนั่งบนเก้าอี้หันหลังให้
“ฉัน... ฉันเป็นคนโพสต์คำถามบนกระดานสนทนาก่อนหน้านี้ คุณตอบว่าถ้ามาที่นี่ก็จะรู้คำตอบ...” หลินอีซีนเดินไปนั่งบนเก้าอี้ช้าๆ แล้วพูดถึงวัตถุประสงค์การมา
ก่อนที่จะพูดจบ เก้าอี้ก็หมุนกลับมา บนนั้นมีโครงกระดูกนั่งหันหน้ามาหา
“กรี๊ด!!!” หลินอีซินร้องลั่น กระโดดผลุงออกจากเก้าอี้ กำหมัดสองข้าง เข้าสู่โหมดการต่อสู้
“ฮ่าๆๆๆ! สนุกดีจริงๆ” เสียงหัวเราะร่วนตามมา หลินอีซินมองย้อนกลับไปก็เห็นคุณยายวัยเจ็ดสิบปีถือรีโมตคอนโทรลควบคุมระยะไกลในมือ ชี้มาที่เธอพลางหัวเราะเหมือนเด็กที่ประสบความสำเร็จในการก่อกวน
หัวเราะจนแทบหงายหลัง...
ยอมรับก็ได้ว่าแกล้งสำเร็จ แต่ไม่จำเป็นต้องหัวเราะดังขนาดนี้ก็ได้จริงไหม?
“คุณยาย...” หลินอีซินพูดไม่ออก หรือว่าเรียกมาเพื่อแกล้งเหรอ?
“สนุกเหลือเกิน! ฮ่าฮ่าฮ่า! สาวน้อย ฉันให้เก้าสิบเก้าคะแนนเลยสำหรับปฏิกิริยาของเธอ อีกหนึ่งคะแนนเหลือหักเอาไว้เพื่อเธอเหลิง!” พูดจบก็เดินไปยังเก้าอี้ ผลักโครงกระดูกออกไปอย่างไม่สนก่อนจะนั่งลง
ก้อนอารมณ์ไม่พอใจค่อยๆ ผุดขึ้นในใจ หลินอีซินก็หันหลังเดินจากไป
“สาวน้อยหยุดก่อน!” หญิงชราพูด “เธอมาเพื่อเพื่อนคนนี้ที่อยู่ข้างๆ สินะ?”
หลังจากฟังคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว เท้าก็หยุดกึกหันไปหาหญิงชราอีกครั้ง “คุณเห็นเสอหยู่เหรอ”
หญิงชราส่ายหน้า “มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ ก็เหมือนบอดี้การ์ดที่หน้าประตูบ้าน ฉันมองไม่เห็นพวก แต่ฉันมีวิธีให้พวกเขาช่วยเฝ้าบ้านได้”
“สองคนนั้นเป็นผีเหรอ?” เมื่อนึกย้อนไปก็ว่าอยู่เมื่อครู่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“สาวน้อยมานั่งสิ เรามีเวลาเหลือเฟือที่จะคุยกัน” หญิงชราหยิบจานผลไม้มาจากที่ไหนสักแห่งวางบนโต๊ะ “คุยไปกินไปเถอะเนอะ!”
ไหวไหมเนี่ย? แม้จะสงสัยแต่ก็นั่งลง สายตาเหลือบเห็นป้ายชื่อบนโต๊ะเขียนว่า
มาดามเมิ่ง
“สาวน้อย ฉันได้ยินว่าเธอคุยกับผีเฝ้าประตูของฉัน เธอเห็นผีใช่ไหม?” มาดามเมิ่งปรายตาส่ายหัวพูดกับหลินอีซินต่อว่า “ความสามารถเห็นผีอย่างเดียวไม่เพียงพอ เธอต้องมีความสามารถในการแยกแยะผีด้วย!”
“ฉันไม่ได้มาที่นี่วันนี้เพื่อพูดเรื่องตัวเอง ฉันมาที่นี่เพื่อถามวิธีให้วิญญาณกลับเข้าร่าง!”
“ใจเย็นๆ ฟังฉันก่อน จริงๆ แล้วฉันพอจะเข้าใจสถานการณ์ของเพื่อนเธอดี จะยังไงฉันก็ดูข่าวเหมือนกัน…แค่กๆ!” หลังจากไอไปสองที มาดามเมิ่งก็พูดต่อ “ตอนนี้เหตุผลที่เพื่อนเธอเข้าร่างไม่ได้ก็เพราะความแค้น!”
ความแค้น? หลินอีซินมองไปที่เสอหยู่ แม้ว่าเธอจะถูกทำร้าย แต่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความเคียดแค้นบนใบหน้าสักนิด เช่นเดียวกับก่อนที่จะออกจากร่าง เธอยังคงมีใบหน้าสวยงามและใจดี
มาดามเมิ่งกล่าวต่อว่า “อย่าเห็นว่าผิวเผินพวกเขาจะไม่มีอะไร ตราบใดที่พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ที่จบชีวิตอย่างน่าอนาถ พวกเขาจะมีความแค้น บางครั้งพวกเขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ผีไม่สามารถสัมผัสมนุษย์ได้ แต่ผีจะมีคลื่นตามตัว ความแรงของคลื่นจะแตกต่างกันไปสำหรับวิญญาณประเภทต่างๆ ตัวอย่างเช่นถ้าผีมีจิตที่แน่วแน่ก็จะสามารถสร้างแหล่งรัศมีคลื่นขึ้นมาเพื่อดับเทียน ขั้นสูงมากขึ้นสามารถใช้รัศมีคลื่นเคลื่อนย้ายวัตถุแข็งๆ ตอนนี้เนื่องจากคลื่นที่เกิดจากความแค้น ร่างกายและวิญญาณของเพื่อนเธอจึงแยกจากกัน!"
“หมายความว่าถ้าความแค้นถูกขจัดออกไป เสอหยู่จะสามารถกลับสู่ร่างได้เหรอ”
“อืม... ฉันคิดว่าเป็นแบบนั้น!” มาดามเมิ่งพูดพลางกินแอปเปิลคำใหญ่
“ฉันจะกำจัดความแค้นของเสอหยู่ยังไง?”
“คนที่ก่อปัญหาคือคนยุติปัญหา! เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม”
หลินอีซินพยักหน้า
“คือไปจับฆาตกรนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้เสอหยู่สามารถกลับคืนร่างได้?”
“ฉันอธิบายเหตุผลไปแล้ว ที่เหลือไปคิดไตร่ตรองด้วยตัวเอง! นอกจากนี้หากเธอมีปัญหาอื่นๆ ในอนาคต สามารถมาหาฉันได้ตลอดเวลา ที่นี่เงียบเหงาจะตาย ไม่มีใครมา ฉันเบื่อมาก!”
หลินอีซินมองไปรอบๆ แล้วเบะปาก คิดว่าคงจะแปลกถ้ามีคนมาที่แบบนี้! ต่อให้มีใครมา ก็เหมือนกับฉันหรือแปลกกว่าฉัน
แต่จากก้นบึ้งของหัวใจ รู้สึกอยากขอบคุณมาดามเมิ่ง อย่างน้อยก็ที่ทำให้เรารู้วิธีพาเสอหยู่กลับมาที่โลกมนุษย์
“ขอบคุณค่ะ!” หลินอีซินโค้งคำนับมาดามเมิ่งด้วยมารยาท จากนั้นก็วิ่งออกไป ไม่อยากมาที่มืดมนและเป็นลางร้ายแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง
ทันทีที่ลงลิฟต์ไปที่ชั้นหนึ่ง เมื่อประตูเปิดออกหวางจื้อเหวินก็ปรากฏตัวต่อหน้า เขารู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?
แต่ในเมื่อเขาสามารถมาหาได้ ก็หมายความว่าเขาตัดสินใจแล้วว่าต้องทำยังไง
แม้ว่าจะไม่จำเป็นแต่ก็ยังถามเขาว่า “นายตัดสินใจที่จะร่วมมือกับฉันใช่ไหม”
หวางจื้อเหวินพยักหน้าลอยไปที่ข้างหน้า หลินอีซินตามเขาไปที่ข้างหลัง สัญชาตญาณบอกว่าตอนนี้เขากำลังจะพาเธอไปที่อยู่ของฆาตกร
ในซอยสกปรกที่มีกลิ่นเหม็นของภูเขากองขยะ
ไม่รู้จักช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม แย่มาก
ตอนแรกหลินอีซินนึกว่าหวางจื้อเหวินจะพาไปตามหาฆาตกรในที่แบบนั้น แต่สุดท้ายหลังจากเดินไปเดินมาอยู่นาน ในที่สุดก็ไปถึงปลายทางที่แตกต่างไปจากที่คิดไว้มาก
หลินอีซินมองไปในทิศทางที่หวางจื้อเหวินชี้ไป นั่นเป็นร้านดอกไม้หน้ามหาวิทยาลัย
ทุกคนที่เข้าออกจากสถานที่นี้มีแต่รอยยิ้มมีความสุขและความพอใจบนใบหน้า สถานที่ช่างอบอุ่นและงดงาม
ไม่สามารถนำสิ่งนี้ไปเชื่อมโยงกับฆาตกรโรคจิตได้จริงๆ
“นายแน่ใจว่ามันอยู่ที่นี่จริงๆ?” หลินอีซินขมวดคิ้วอย่างสงสัย
หวางจื้อเหวินพยักหน้าอย่างมั่นใจ จังหวะนั้นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้ายิ้มแย้มก็เดินออกจากร้านดอกไม้ เมื่อหวางจื้อเหวินเห็นชายคนนั้นก็หันหน้าหนี กระโดดโหยงหาที่หลบซ่อน
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว