เมียใหม่พ่อผมขอนะครับ

ว่าแล้ว…

ไนท์จ้องตาเขาไม่กระพริบ

“ถือว่านี่เป็นการขอร้องครั้งแรกในฐานะผู้กำกับ นอกเหนือจากเรื่องงาน คุณช่วยปล่อยฉันให้อยู่ในท่าสบายกว่านี้จะได้ไหม และคุณอย่าได้เข้ามาใกล้ฉันอีก”

สายตาของเธอเว้าวอน ขอความเห็นใจจากเขา แต่ชายตรงหน้ายังยืนนิ่งไม่ไหวติง เธอจึงพูดต่อ

“ฉันจะบอกอะไรให้ กับผู้ชายคนอื่นที่ฉันใกล้พวกเขาในระยะประชิดขนาดนี้ทีไร ท้องไส้ของฉันจะปั่นป่วน ชวนให้อยากอาเจียนทันที มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ฉันอายุ 15 ปี ฉันเข้าใกล้ผู้ชายไม่ได้ และฉันต้องทนเก็บอาการเหล่านี้ไว้ ไม่ให้ใครรู้ หรือมีคนรู้น้อยที่สุดยิ่งดี” พูดเสร็จเธอก็กลืนน้ำลายลงไปในคอ เพื่อลดความประหม่า และพยายามควบคุมอาการปวดศีรษะที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเท่าตัว

กลิ่นกายบุรุษประทะเข้ามาในจมูก เธอเหมือนจะคุ้นเคยกับกลิ่นนี้ แต่ก็จำไม่ได้ว่าทำไมถึงคุ้นเคยนัก ทั้งสองยังอยู่ใกล้ชิดกัน และเขาก็ตัวสูงใหญ่เหมือนหินผา เธอผลักเขาออก ทำเท่าไรก็ไม่สำเร็จ เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอจึงเงยหน้ามองเข้าไปในดวงตาของเขา แล้วพูดต่อ

“แต่กับคุณมันมีอาการหนักกว่าผู้คนเหล่านั้น ตอนนี้หรือตอนไหนที่ฉันอยู่ใกล้ชิดกับคุณ ยิ่งถูกคุณสัมผัสตัว ฉันจะเกิดอาการปวดหัวแบบเฉียบพลันในทันที เหมือนกับตอนนี้ ฉันมีอาการนั้นแล้ว” เธอพักหายใจเพียงเล็กน้อย

“เรื่องนี้ฉันบอกคุณเป็นคนแรก นอกจากครอบครัวของฉันเขารู้กันหมดว่าฉันมีอาการประหลาด ทีนี้ถ้าคุณฟังแล้วเกิดความสงสาร และกรุณาปล่อยฉันไปเถอะ อย่าได้เข้ามาในวงโคจรชีวิตของฉันเลย ถือเสียว่าเป็นการปล่อยชีวิตหนึ่งเพื่อเอาบุญเอากุศลเถอะนะ”

เธอย่อเข่าลง เพื่อจะลอดออกจากวงแขนของเขา แต่เป็นเขาที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบที่ไวกว่า เขารวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้เหนือศีรษะ ด้วยมือเดียว ส่วนมืออีกข้างหนึ่ง โอบกระชับเอวบอบบาง เข้ามาประชิดตัวหนาๆ ของเขาทันที

“คุณมันคนโกหก คุณมันคนลวงโลก ผมไม่เคยเจอใครหน้าหนาเท่ากับคุณมาก่อนเลยจริงๆ”

วินจ้องมองแววตาที่งงงวยของเธอ เขาแพ้แววตาคู่นี้ตั้งนานแล้ว ตาของเธอโตกว่าหญิงใดที่เขาเจอ แววตาของเธอเหมือนแววตาของเจ้ากวางน้อย ใสซื่อ และหยาดเยิ้มไปในเวลาเดียวกัน เขาไล่สายตามองลงมาที่จมูก และแก้มเนียนไร้การแต่งเติมใดๆ ผิวของเธอเนียนใสเป็นธรรมชาติดุจผิวเด็ก และใบหน้าของเธอยังมีสิ่งสุดท้ายที่ยั่วยวนชวนให้เขาหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้น

เขามองไปที่ริมฝีปากบาง ที่ยังคงไว้ไม่ได้รับการศัลยกรรม เขาหลงใหลริมฝีปากอมชมพูได้รูปของเธอ และแล้วเขาก็ก้มหน้าลงมาประชิดริมฝีปากบาง เพื่อหวนลำลึกความหลังทันที

คนตัวเล็กกว่าทำทีสะดุ้ง และสะบัดตัวอย่างรุนแรงเพื่อหลุดพ้นจากการจุมพิตของเขา ส่งผลให้คนตัวโตมีอารมณ์โกรธมากขึ้น เขาต้องการแกล้งเธอ จึงดันลิ้นอุ่นเล็มเลียรอบริมฝีปากบาง และสอดมันเข้าไปในโพลงปากของเธอ

คนขาดประสบการณ์รักมา 4 ปี ได้เจอกัน ความโหยหาบางประการก็ก่อกำเนิดขึ้น แรกๆ เขาก็แค่ต้องการจะแกล้ง แต่พอได้ลิ้มลองรสชาติดที่หอมหวาน และชุ่มฉ่ำจนเขาก็อดใจไม่ไหว

แรกๆ วินก็แค่จูบแบบนุ่มนวล อ่อนโยน เขาเพิ่มความเสียวซ่านและรุกล้ำเธอเข้าไปเรื่อยๆ วินเริ่มบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างดุเดือด และเร่าร้อนจนทั้งสองต้องส่งเสียงครวญครางออกมาพร้อมกัน

เธอรับรู้ทุกการกระทำของเขา มันเสียวจนเธอสะท้านไปหมด จนเกิดเสียงครวญครางที่มาพร้อมกับหัวสมองของเธอกำลังชาวาบ ละไม่รู้สึกอะไรอีก

วินเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ต่อต้านเหมือนตอนแรก เขาย่ามใจคิดว่าเธอเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบอันดุเดือดของเขา เขาจูบเธอด้วยความรุนแรง และเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ต้องหยุดทุกการกระทำเพราะเห็นว่าคนตรงข้ามไม่ยอมโต้ตอบ หรือส่งเสียงครวญครางเหมือนครั้งแรก ตอนนี้เหมือนกับเธออยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก ถ้าเขาไม่ประคองเธอไว้ เธอจะล้มลงไหม

นี่ไม่ใช่นิสัยของเธอ วินถอนจูบออก ถึงรู้ว่าคนตรงหน้าหมดสติไปแล้ว หรือนี่จะเป็นมารยาหญิงกันแน่ วินลองปลดปล่อยพันธนาการทั้งหมด และถอยหลังไปทันที พอหมดพันธนาการทางร่างกาย คนที่ต้องตกใจกว่าก็ต้องเป็นเขานั่นแหละ ภาพคนตรงหน้า รูดลงไปกับกำแพงอย่างช้าๆ หัวของเธอเกือบจะโขลกโดนพื้นกระเบื้อง หากวินช้าไปนิดเดียว เธออาจหัวแตกไปแล้ว

นี่เธอเป็นลมจริงๆ เธอไม่ได้ใช้มารยากับเขา เป็นเขาที่อคติกับเธอไปเอง วินเอามือไปประคองหัวของเธอ และกดเบอร์โทรเรียกรถพยาบาล เบอร์ที่สองคือเบอร์ร้านอาหารที่เขามาทาน

เขาบอกทุกคนเคลียส์สถานที่ก่อนที่คนข้างนอกจะแตกตื่น โชคดีที่ทางร้านมีทางฉุกเฉิน เขาจึงพาเธอออกมาได้อย่างปลอดภัย และห่างไกลจากแสงแฟลช

ผู้จัดการร้านคิดว่าเธอแพ้อาหารบางชนิดหรือไม่แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกค้า ทางร้านก็ยินดีรับผิด เขาก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่เขามั่นใจว่าอาหารที่เธอชอบ ไม่เคยทำอันตรายต่อเธอแน่นอน พอมาถึงโรงพยาบาล คุณหมอรีบตรวจดูอาการทันที

หมอตรวจดูอาการแล้ว ไม่พบปฏิกิริยาการแพ้อาหาร หมอสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ผู้ป่วยเกิดภาวะหมดสติหรือเกือบหมดสติ ที่อาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือเป็นเวลานานก็ได้ ในทางการแพทย์จะเรียกว่า อาการลมวูบหมดสติ (Syncope)ซึ่งอาจเกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในระดับรุนแรง

อาจเป็นโรคเบาหวานกำเริบ เป็นเนื้องอกบางชนิด หรืออาจเกิดจากความผิดปกติของสมองหรือระบบประสาท เช่น โรคลมชัก (อาจไม่มีการชักให้เห็น) หรืออาจเกิดจากเสียเลือดเลี้ยงสมองเอง เช่น ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว เลือดออกในสมอง หลอดเลือดสมองตีบ หรืออาจได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะ ทำให้สมองกระทบกระเทือน

หมออธิบายไปเสียยาวเหยียด เขาเองก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เธอเป็นลม จนถึงขั้นหมดสติมันเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือเรื่องที่เธอพยายามบอกเขา เป็นเรื่องจริง แต่ตอนนั้นเขากับเธอมีซัมติงที่มากกว่าการจับมือ หรือการจูบปลอมๆ นี่ อาการแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว