พิศวาสรอรัก

บทที่ 2 - แอบหวงแต่ขอกวนไว้ก่อน

บทที่ 33 องค์หญิงเก้า


“ท่านพ่อ เจียงผิงอันกลับแล้วหรือยังเจ้าคะ?”


เมิ่งจิงเดินไปวนมาในห้อง โดยยังคงสวมรองเท้าหนังสีแดงเรียวเล็กติดกระดุมผ้า ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางฉายแววกระวนกระวายอย่างไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ที่ไหนดี


เมิ่งโค่วซึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานพลางจัดการกับธุระของทางการ จำต้องถูขมับแล้วเอ่ยว่า "เจ้าถามข้าเรื่องนี้สามสิบรอบแล้ว"


“แต่เขาหายตัวไปหนึ่งวันแล้วนะเจ้าคะ เจ้าสารเลวคนนั้นสวีเทานั่นก็เพิ่งหนีไป เกิดอีกฝ่ายไปแอบแก้แค้นเจียงผิงอันขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ?”


หัวคิ้วของเมิ่งจิงมุ่นเข้าหากันอย่างเต็มไปด้วยความกังวล


เมิ่งโค่วมองลูกสาวของตนด้วยใบหน้าติดขำ "เจ้ากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขางั้นหรือ?"


“ผู้ใดเป็นห่วงเขากัน!”


เมิ่งจิงสะดุ้งเป็นลูกแมวถูกเหยียบหาง นางโวยวายขึ้นทันใด "ข้าเพียงอยากจะเอาชนะเขา หากเขาตายไปแบบนี้ แล้วข้าจะชนะเขาอย่างไรเล่า?"


ในเวลานี้ ทหารคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา เขาประสานหมัดแล้วรายงานว่า "ท่านแม่ทัพ นายกองเจียงกลับมาแล้วขอรับ"


"เขากลับมาแล้ว!"


เมิ่งจิงดีใจมาก นางเริ่มออกตัววิ่ง แต่จู่ ๆ ก็นึกถึงบางอย่างขึ้นได้ จึงหยุดเท้า หุบยิ้มทันควัน ก่อนจะนั่งลงกินขนมอบ ราวกับไม่ได้สนใจอะไรกับข่าวดังกล่าวเลย


ทางเมิ่งโค่วยืนขึ้นและเดินออกไปรับเจียงผิงอัน แต่เจียงผิงอันบังเอิญเดินเข้ามาพอดี


ครั้นเห็นเด็กหนุ่ม ใบหน้าของเมิ่งโค่วก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี "มาแล้วหรือ นั่งก่อน ๆ"


ต้องบอกว่าชัยชนะครั้งนี้ รวมทั้งการที่สงครามสิ้นสุดก่อนเวลานั้นล้วนเป็นผลงานของเจียงผิงอันทั้งสิ้น


อีกฝ่ายได้บีบให้สวีเทาลงมือโจมตีเร็วกว่ากำหนด จากนั้นจึงทำลายขบวนทัพแล้วช่วยเหลือเขากับบรรดาทหารไว้


หากไม่ใช่เพราะเจียงผิงอัน แม้ว่าเขาจะบุกโจมตีในฤดูหนาวตามกำหนดเดิม เขาก็อาจคว้าชัยไม่สำเร็จ


ยิ่งไปกว่านั้น เจียงผิงอันยังมีพลังต่อสู้ที่สามารถสังหารผู้คนในระดับของหม่าหลินได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ความสำเร็จในอนาคตของเขาจึงไร้ขีดจำกัด!


“ท่านแม่ทัพ ข้าขออภัยที่ทำให้คุณหนูต้องเสี่ยงอันตราย” เจียงผิงอันกล่าวขอโทษอย่างเคร่งขรึม


ครั้งนี้เป็นเขาที่พาเมิ่งจิงเข้าสู่อำเภอผิงสุ่ย จนถูกปิดล้อมและเกือบจะเกิดเรื่องขึ้น


“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า มันเป็นเพราะว่ายัยหนูนี่ซุกซนและยืนกรานที่จะติดตามเจ้าไปเอง”


เมิ่งโค่วรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเหตุใดทั้งสองจึงไปที่อำเภอผิงสุ่ยได้ จึงไม่ได้ตำหนิเจียงผิงอัน


เมิ่งจิงเม้มปากด้วยความไม่พอใจ ท่านพ่อเปลี่ยนไป เขาไม่เคยตำหนินางมาก่อนเลย


เมิ่งโค่วไร้ความกดดันก่อนหน้านี้ โดยพูดด้วยรอยยิ้ม


“ข้าใช้ยันต์สื่อสารรายงานข่าวไปยังทางเจ้าเมืองแล้ว ด้วยผลงานชิ้นใหญ่ของเจ้า ฝ่ายเจ้าเมืองจะออกรางวัลให้ในไม่ช้า”


“หากไม่มีอะไรผิดพลาด เจ้าเมืองจะต้องเชิญเจ้าเข้าร่วมการแข่งขันประลองร้อยเมืองอย่างแน่นอน ยิ่งเจ้าได้รับอันดับสูง รางวัลที่ได้ก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นตามไปด้วย”


เจียงผิงอันตกใจเล็กน้อย "การแข่งขันประลองร้อยเมือง? นี่สิ่งใดงั้นหรือ?"


เมิ่งจิงที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ แกว่งขาไปมาพลางอธิบายว่า "มันเป็นการต่อสู้ของอัจฉริยะจากหลายร้อยเมือง โดยทุกคนจะต้องมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี"


ขณะที่พูดนั้น นางก็เชิดหน้าขึ้น "การแข่งขันคัดเลือกอัจฉริยะระดับท้องถิ่นที่ข้าเข้าร่วมก่อนหน้านี้ที่เมืองเฮยเฟิงก็คือการเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันประลองร้อยเมืองนี้"


“ข้าบังเอิญติดอันดับที่สิบ ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมอย่างฉิวเฉียด ทั้งนี้มันเป็นเพียงการเลือกเบื้องต้นเท่านั้น…”


“องค์หญิงเก้าเสด็จ!”


ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากข้างนอก


ฉับพลัน การแสดงออกของเมิ่งโค่ว หลี่อวิ๋นเทียน และคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไป พวกเขารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนคุกเข่าข้างหนึ่ง พลางประสานหมัดรอ


แม้แต่เมิ่งจิงผู้ซุกซนก็ยังเชื่อฟังและคุกเข่าข้างหนึ่ง


แม้เจียงผิงอันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ยังคุกเข่าคำนับตาม


องค์หญิงเก้า? องค์หญิงแห่งราชวงศ์ต้าเซี่ยหรือ?


ไม่นานก็มีสตรีผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้อง


สตรีผู้นั้นสวมชุดกระโปรงผ้าโปร่งบางปักลายต้นหลิวเขียวและนกขมิ้นเหลือง รูปร่างของนางสง่างามยิ่ง


ผมยาวถูกมัดรวบ ปิ่นที่ห้อยผลึกโปร่งใสหลายอันปักอยู่ เครื่องประดับอันวิจิตรงดงามจะแกว่งไหวไปมาตามจังหวะการก้าวเดิน


กิริยาของนางทั้งอ่อนโยนและสง่างาม ทุกย่างก้าวดุจการเต้นระบำอันงดงามอ่อนช้อย


ทั้งสง่างาม และมีเสน่ห์ ดวงตาลึกล้ำราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ทำให้ผู้คนมัวเมาไปกับพวกมันโดยไม่รู้ตัว


นางคือเซี่ยชิง องค์หญิงแห่งราชวงศ์ต้าเซี่ย


“ท่านเจ้าเมือง!”


คนทั้งกลุ่มพากันทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง


"ลุกขึ้นได้" เสียงของสตรีผู้นั้นเต็มไปด้วยพลังดึงดูดซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกยินดีอย่างไม่รู้ตัว


“ท่านเจ้าเมือง เหตุใดท่านจึงไม่แจ้งให้ข้าทราบล่วงหน้าล่ะขอรับ ทางข้าจะได้เตรียมตัวต้อนรับท่านได้” เมิ่งโค่วที่ยืนขึ้น เอ่ยด้วยท่าทางเคารพยิ่ง


เพราะอีกฝ่ายไม่เพียงแต่เป็นเจ้าเมืองเฮยเฟิงเท่านั้น แต่ยังเป็นองค์หญิงเก้าของราชวงศ์ต้าเซี่ยด้วย!


“เจ้าไม่จำเป็นต้องเตรียมการต้อนรับอะไร ข้าแค่มาดู ไว้พูดจบข้าก็จะออกไปแล้ว”


องค์หญิงเก้า หรือเซี่ยชิงเดินไปหาเมิ่งจิง ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพลางลูบหัวของนาง "เสี่ยวชิงเก่งกาจขึ้นอีกแล้ว"


“ฮิ ๆ ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ข้าฝึกฝนอย่างหนักมากเพคะ” เมิ่งจิงหัวเราะคิกคักด้วยท่าทางน่ารักเหมือนลูกแมว


เมิ่งโค่วมีความสุขมากที่ได้เห็นลูกสาวและเซี่ยชิงใกล้ชิดกันมาก เป็นโชคดีนักที่บุตรสาวมีความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์หญิงเก้า


“เจ้าจงฝึกฝนให้หนัก ในครึ่งปีนี้จงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาครั้งใหญ่เสีย”


เซี่ยชิงไม่มีนิสัยวางท่าอันใด นางกลับดูเหมือนพี่สาวข้างบ้านเสียมากกว่า


“ข้าจะทำอย่างแน่นอนเพคะ และข้าจะต้องเอาชนะชายผู้นั้นให้ได้!” เมิ่งจิงมองไปที่เจียงผิงอันด้วยท่าทางไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้


ดวงตาของเซี่ยชิงมองตามไปและพบกับเจียงผิงอัน


แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะยังดูเด็กอยู่มาก แต่ความมุมานะและความสงบตรงหว่างคิ้วนั้นช่างหาได้ยากสำหรับคนวัยนี้


“เจ้าคือเจียงผิงอันสินะ”


“เรียนท่านเจ้าเมือง ข้าคือเจียงผิงอันขอรับ” เจียงผิงอันประสานหมัดตอบ


องค์หญิงเก้าเป็นเจ้าเมืองเฮยเฟิงนี่เอง


“ไม่จำเป็นต้องทางการมากนักหรอก เหตุผลหลักที่วันนี้ข้ามาที่นี่ก็เพราะเจ้า”


เซี่ยชิงเดินไปจับหัวของเจียงผิงอัน


“พรสวรรค์ทางจิตวิญญาณอยู่ในระดับปานกลาง”


นิ้วเรียวกดบนหน้าผากของอีกฝ่าย ก่อนมีเลือดหยดหนึ่งไหลออกมาจากอากาศ


เซี่ยชิงพินิจมองมันอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า "พรสวรรค์ทางการฝึกกายาดีมาก หากในอนาคตเจ้ามุ่งเน้นไปที่การฝึกกายา เจ้าจะมีความสำเร็จบางอย่างแน่นอน เพียงแค่ยอมแพ้ในการฝึกวิญญาณเสีย เพราะมันจะทำการพัฒนาของเจ้าช้าลง"


ในช่วงเวลาสั้น ๆ นางก็ค้นพบพรสวรรค์ของเจียงผิงอันแล้ว


แต่ดูนางจะไม่แปลกใจใด ๆ เลย ราวกับว่านางคุ้นเคยกับพรสวรรค์ประเภทนี้อยู่แล้ว


“เจียงผิงอัน ข้าอยากเชิญเจ้าเข้าร่วมการแข่งขันประลองร้อยเมือง เจ้ายินดีเข้าร่วมหรือไม่?”


หลี่อวิ๋นเทียนลอบเตะเจียงผิงอันอย่างรวดเร็ว นี่เป็นโอกาสดี ซึ่งอีกฝ่ายไม่ควรพลาด


เจียงผิงอันพยักหน้ารับ "ข้ายินดีจะเข้าร่วมขอรับ เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่านี่เป็นการแข่งขันประเภทใด"


“นี่เป็นเพียงสิทธิ์เท่านั้น แต่เจ้าอาจไม่สามารถเข้าร่วมได้ มันขึ้นอยู่กับว่าในอีกหกเดือนข้างหน้าเจ้าจะเติบโตได้มากเพียงใด”


“ตอนนี้เรามาพูดถึงความสำเร็จทางทหารกันดีกว่า เจ้าทำได้ดี เจ้าต้องการรางวัลอะไร?”


เซี่ยชิงดูเหมือนจะรีบร้อน นางจึงไม่ได้พูดอะไรให้มากความอีก


เจียงผิงอันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ข้าต้องการวิชาลับของราชวงศ์แคว้นต้าเซี่ย"


เขาต้องการที่จะเป็นเซียนและค้นหาวิธีที่จะชุบชีวิตคนตาย


ผู้เฒ่าหลี่เคยกล่าวก่อนหน้านั้นว่าคงมีเพียงการเรียนรู้วิชาลับของราชวงศ์แคว้นต้าเซี่ยเท่านั้นที่สามารถกลายเป็นเซียนได้


เขาจึงต้องการวิชาลับนี้


ทันทีที่สิ้นคำ บรรยากาศในห้องก็แข็งค้างทันควัน ทุกคนมองไปที่เจียงผิงอันด้วยสายตาว่างเปล่า เกือบจะคิดว่าตนหูฝาดไป


นี่เทียบเท่ากับการช่วยคนพอได้รับเหรียญทองแดง แต่เมื่อขอรางวัล กลับบอกว่าเจ้าต้องการทองคำหนักหนึ่งเกวียน


นี่เป็นเรื่องตลกหรือ?


"ฮะ ๆ!"


หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เซี่ยชิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา รอยยิ้มของนางงดงามมากจนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าอับแสง


“หนุ่มน้อยเอ๋ย วิชาลับนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถเรียนรู้ได้ หากเจ้าสามารถติดสิบอันดับแรกในการแข่งขันประลองร้อยเมืองได้ ข้าจะสอนวิชานี้แก่เจ้า”


"ตกลง!"


ยามเจียงผิงอันเอ่ยเรียกร้อง จริง ๆ เขาก็ไม่แน่ใจ แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไร ทั้งยังให้คำมั่นเช่นนั้น เขาพลันรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก


ทางเมิ่งจิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทนดูไม่ไหวอีกต่อไป นางจึงเตะอีกฝ่ายเบา ๆ "นี่ เจ้ารู้บ้างหรือไม่ว่าการติดสิบอันดับแรกในการแข่งขันประลองร้อยเมืองหมายความว่าอย่างไร"


เจียงผิงอันส่ายหัวจนผมสะบัด


เมิ่งจิงพูดไม่ออก นางจึงอธิบาย "ในงานนี้ หลายร้อยเมืองจะเลือกอัจฉริยะสิบอันดับแรกเพื่อเข้าร่วมการการแข่งขันประลองร้อยเมือง"


“กล่าวคือ บรรดาอัจฉริยะนับหมื่นจะเข้าร่วมการแข่งขันประลองร้อยเมืองนี้ ซึ่งถ้าความแข็งแกร่งของเจ้าไม่สามารถไปถึงระดับยอดยุทธ์หรือขอบเขตสร้างรากฐานได้ เจ้าจะไม่สามารถติดในห้าพันอันดับแรกได้ด้วยซ้ำ!”


“ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีผู้ฝึกตนจำนวนมากที่อยู่ในช่วงปลายของขอบเขตสร้างรากฐาน สายเลือดกายาเทวะอันทรงพลังมากมาย อัจฉริยะที่เชี่ยวชาญด้านวิชาลับต่าง ๆ... พวกคนธรรมดาสามัญอย่างเรา ถ้าสามารถติดพันอันดับแรกได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว!"


ในใจเจียงผิงอันรู้สึกสั่นสะท้าน


เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าการแข่งขันที่ว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ถึงกับมีบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานและเหล่ายอดยุทธ์อยู่ด้วย


เขาคิดว่าความแข็งแกร่งของตนถือว่าทรงพลังมากในระดับเดียวกันแล้ว แต่ยามนี้ดูเหมือนว่าตัวเขาจะจะยังเล็กจ้อยนัก


ยุทธภพนั้นกว้างใหญ่เกินไป อำเภอเหลียนซานจึงเล็กจนแทบมองไม่เห็น


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว