อหังการยอดคนเหนือยุทธ-ทาสกระบี่ผู้ไร้ยางอาย

โดย  Reeeed

อหังการยอดคนเหนือยุทธ

ทาสกระบี่ผู้ไร้ยางอาย

บนแท่นประลอง เสียงคำรามดังของเสือโคร่งยังไม่หายไป


ผมยาวบนใบหน้าหล่อเหลาของหลินอวิ๋น มีเสน่ห์บางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ออกมา


ชั่วขณะหนึ่งผู้ตัดสินมองจนตะลึงงันถึงกับลืมที่จะประกาศชื่อผู้ชนะออกไป


เพียงแค่หมัดพยัคฆ์ ก็โจมตีจนเอาชนะพลังของหมัดเมฆาม่วงขั้นบรรลุและผู้เชี่ยวชาญวิชาผาเหล็กแกร่งอย่าหม่าขุยได้


สำหรับเขาแล้ว เหมือนว่าจะอยู่เหนือความเข้าใจเกินกว่าที่คาดคิดได้


และที่ทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมากก็คือ มีผู้ที่สามารถฝึกฝนหมัดพยัคฆ์ร้ายจนถึงขั้นสุดยอดได้จริง!


เมื่อมองดูทั่วทั้งสำนักชิงอวิ๋นแล้ว ผู้ตัดสินก็มั่นใจได้ว่า ไม่มีผู้ใดที่ฝึกฝนวิชาหมัดขั้นพื้นฐานจนถึงขั้นสุดยอดได้


หรือจะเอ่ยว่า มองไปทั่วทั้งแคว้นเทียนสุ่ยก็ไม่มีผู้ใดแล้ว


ประการแรกคือใช้เวลามากจนเกินไป ทุกคนต่างก็คิดว่า ไม่มีความจำเป็นที่สิ้นเปลืองความพยายามอย่างมากในวิชาหมัดขั้นพื้นฐาน


ประการที่สองคือต้องการความเข้าใจในระดับสูง ว่าวิชายุทธ์ระดับใดที่คู่ควรกับระดับคุณภาพของมัน


ฝึกฝนจนถึงขั้นบรรลุแล้วต่อให้จะไม่ธรรมดา และต่อให้วิชายุทธ์นี้เจ้าจะฝึกฝนจนเชี่ยวชาญแล้ว สามารถเลือกฝึกวิชายุทธ์ที่สูงขึ้นไปอีกได้


และเพราะว่าการฝึกฝนจนถึงขั้นสุดยอดนั้นยากยิ่งนัก ไม่เพียงแต่จะต้องเข้าใจถึงความหมายของผู้คิดค้นอย่างถ่องแท้แล้ว และยังต้องมีโอกาสบางอย่างอีกด้วย


ความเข้าใจและโอกาส ไม่อาจขาดอย่างใดอย่างหนึ่งได้


ใช่แล้ว


และต่อให้ทุกคนจะรู้วิชาหมัดขั้นพื้นฐาน และฝึกฝนจนถึงขั้นสุดยอดจนทรงพลังแล้ว เหนือเกินกว่าระดับของพวกเขา


แต่ว่าเมื่อกระทำลงไปจริง ๆ แล้ว มีเพียงน้อยนิดเท่านั้นไม่มีสักคนที่จะมีความเพียรพยายามที่จะทำให้สำเร็จ


เสียงคำรามยังคงดังก้อง หลินอวิ๋นมองไปยังผู้ตัดสินที่ยังคงตะลึงงันแล้วเอ่ยออกมา “จะประกาศว่าข้าชนะได้แล้วหรือยังกัน?”


“เอ่อ ได้ ได้”


ผู้ตัดสินกลับมามีสติอีกครั้ง แล้วรีบร้อนเอ่ยตอบ จากนั้นก็เอ่ยเสียงสูงออกมา “การประลองครั้งนี้ข้าขอประกาศว่า หลินอวิ๋น......”


“ช้าก่อน!”


และในตอนนี้เอง เสียงดังที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธและไม่พอใจตะโกนดังออกมาจากด้านล่างของแท่นประลอง


ฝูงชนหันหลังกลับไปมอง กลับเป็นหม่าขุยที่พ่ายแพ้ไปเมื่อครู่


ใบหน้าของเขาถึงแม้ว่าจะดูซีดขาว แต่ว่าร่างกายกลับยังดูดีอยู่ เพียงแต่ว่าความกรุ่นโกรธบนใบหน้านั้นยากที่จะจางหายไป


ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังฝึกฝนวิชาผาเหล็กแกร่ง เคล็ดวิชาหนังทองแดงกระดูกเหล็ก ถูกเหมัดพยัคฆ์ร้ายขั้นสุดยอดโจมตีเข้ายังจะมีแรงเหลือเปล่งวาจาออกมาอีก


หลินอวิ๋นขมวดคิดเล็กน้อย ไม่รู้ว่าหม่าขุยผู้นี้กำลังเล่นอะไรกัน


“หม่าขุย เจ้าทำอะไรกัน เจ้าต้องการจะก่อความวุ่นวายในสนามประลองอย่างนั้นหรือ?”


ผู้ตัดสินใบหน้าดูเคร่งขรึมขึ้น มองไปยังหม่าขุย แล้วเอ่ยออกมาเสียงเย็น


หม่าขุยเองรู้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาจากการก่อกวนนามประลองดี มองไปยังหลินอวิ๋นแล้วเอ่ยออกมา “ไม่กล้าขอรับ ข้าเพียงแต่อยากจะรายงานว่า การประลองครั้งนี้มีคนโกง ข้าหม่าขุยแพ้อย่างไม่จำยอม!”


สายตาของเขาแหล่จ้องมองไปยังหลินอวิ๋น เห็นได้ชัดว่าที่เอ่ยออกมานั้นหมายถึงหลินอวิ๋น


“โกง? หมายความว่าอย่างไรกัน?”


“ใช้การโกงระหว่างการประลองไม่ใช่เรื่องธรรมดาหรอกหรือ หม่าขุยจะทำอะไรกัน!”


“ดูแล้วก็ประหลาดอยู่เล็กน้อย เห็นได้ชัดเลยว่าหม่าขุยต้องการที่เอ่ยออกมาให้ได้ คงจะไม่ใช่การโกงแบบปกติแล้ว”


แต่เดิมที่เพียงแต่รอผู้ตัดสินประกาศผู้ชนะออกมา ก็สามารถจบลงได้แล้ว แต่มาตอนกลับเกิดความปั่นป่วนขึ้นมา


“ดูที่มือของข้า พวกเจ้ารู้สึกว่า นี้เป็นสิ่งที่หมัดพยัคฆ์ทำให้เกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?”


หม่าขุยยกมือขวาของตนขึ้นสูงมาในทันที เห็นเพียงบนมือขวาของเขามีรอยบาดแผลราวกับโดนมีดแหลมคม ด้านบนนั้นทิ้งร่องรอยบาดแผลอันน่าสะพรึงกลัวเอาไว้ ลึกจนมองเห็นกระดูกได้!


“นี่......”


“เกิดอะไรขึ้น?”


“นี้ไม่ใช่เกิดจากหมัดพยัคฆ์แน่นอน พลังจากหมัดอย่างมากก็คือทำให้แขนหัก หรือไม่ก็บอบช้ำภายใน แล้วจะเป็นรอยแผลราวกับมีดแหลมคมได้อย่างไรกัน”


“หรือว่าเจ้าทาสกระบี่นี้จะโกงจริง ๆ ละเมิดกฎการแข่งขัน?”


“ข้าว่าไม่แน่ที่จะเป็นไปไม่ได้ ทักษะกระบี่วายุเชี่ยวของเขาที่ว่าบรรลุแล้วนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องโกหกไปด้วย!”


บรรดาศิษย์ที่คอยดูการประลองนี้อยู่ด้านล่าง พากันตื่นตกใจ รวมกับที่แต่เดิมก็ไม่พอใจกับการชนะติดต่อกันของหลินอวิ๋นอยู่แล้ว อาศัยแค่ทาสกระบี่ ยังทำผลคะแนนที่น่าทึ่งเช่นนี้ออกมาได้อีก!


ไม่แน่ว่าสองเดือนก่อนหน้านี้ ในหมู่พวกเขามีคนไม่น้อยที่เรียกใช้หลินอวิ๋นให้บำรุงรักษากระบี่ของพวกเขา


ก็ค่อยพากันพ่นคำไม่น่าฟังออกมา


ผู้ตดสินบนแท่นประลองนั้นค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา เดินเข้ามาดูบาดแผลของหม่าขุย


เมื่อมองดูแล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึก บาดแผลเหล่านั้นล้วนแต่ลึกจนึงกระดูกข้อมือ น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง


แต่ก็ยังคงเอ่ยออกไปอย่างสงบนิ่ง “หม่าขุย ต่อให้หลินอวิ๋นจะใช้วิธีการอื่น แต่ตามกฎของสำนักแล้วเจ้าเองก็ควรจะรู้ว่า มันไม่ทำให้ผลลัพธ์เปลี่ยนไป”


การต่อสู้แย่งชิงของสำนัก กลวิธีใดก็สามารถใช้ได้ทั้งสิ้น ขอเพียงอาศัยความสามารถของคน ๆ นั้น


เว้นแต่สถานการณ์ร้ายแรงสุดขีด เช่นว่าวางยาพิษคู่ต่อสู้ก่อนการแข่งขัน ไม่เช่นนั้นล้วนแต่นับว่าเป็นกลวิธีธรรมดาทั่วไป


หม่าขุยมองไปยังหลินอวิ๋น ส่งเสียงเคร่งขรึมกรุ่นโกรธ “ข้าไม่ได้ขอร้องอื่นใด ข้าเพียงแต่อยากให้เขายอมรับว่า ระหว่างการประลองนั้นแอบใช้อาวุธอื่นมาทำลายวิชาผาเหล็กแกร่งของข้า เป็นทาสกระบี่ไม่ได้น่าอาย ที่น่าอายก็คือวิธีการที่ลงมือนั้น แล้วยังจะแสร้งทำเป็นว่ามีชัยชนะเหนือข้าอย่างยุติธรรม!”


“ทาสกระบี่ไร้ยางอาย โกงจนชนะ รีบออกไปเดี่ยวนี้!”


“อย่าทำให้สำนักชิงอวิ๋นของพวกเราขายหน้า ไสหัวไปเสีย!”


“ไสหัวออกไป!”


“ไสหัวออกไป!”


“ไสหัวออกไป!”


หน้าแท่นประลองด้านล่างนั้นมีเหล่าศิษย์ที่หลินอวิ๋นเอาชนะมาได้ คนเหล่านี้ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าสามารถฉวยโอกาสจากสถานการณ์เช่นนี้ของทุกคนได้ก็รีบร่วมผสมโรง


เหล่าศิษย์ฝ่ายนอกพากันวิจารณ์ถึงสถานะของหลินอวิ๋น เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็พากันส่งเสียงร้องตะโกนดังออกมา


ชั่วขณะนั้น เสียงร้องขับไล่ไสหัวออกไปเสียดหูก็ดังขึ้นพร้อมกันจนทำให้เกิดอารมณ์ขึ้นมา


หลินอวิ๋นมองไปบาดแผลบนมือของหม่าขุย ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นได้อย่างรวดเร็ว


เขารู้มานานแล้วว่า หมัดพยัคฆ์ของตนเองนั้นมีพลังกระบี่ผสมอยู่ด้วย สามารถใช้เป็นหมัดและกระบี่ในหนึ่งเดียวกัน


หลังจากที่หมัดพยัคฆ์มาจนถึงขั้นสุดยอดแล้วนั้น พลังของหมัดและกระบี่ที่รวมกันก็ย่อมที่จะมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น


แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่อาจอธิบายออกไปได้


หม่าขุยที่อยู่ในสถาการณ์ที่ไม่มีหลักฐานใด จึงได้เอ่ยออกมาว่าเขาแอบใช้อาวุธออกมาทำร้ายคน อีกทั้งยังเอ่ยว่าเขาไร้ยางอาย


ศิษย์นับร้อยด้านล่างที่คอยมองดูทาสกระบี่ที่ไร้ยาง ใช้คำพูดมาลงโทษเขาว่าโกงจนได้รับชัยชนะ ยิ่งทำให้ใจของเขาเย็นชา


“หลินอวิ๋น เจ้าเพียงแต่ยอมรับต่อหน้าทุกคนว่าแอบใช้อาวุธลับ วันนี้ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”


หม่าขุยเมื่อเห็นว่าคนส่วนใหญ่จะยืนอยู่ข้างตนเอง ความเย่อหยิ่งก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น บีบคั้นเขาเข้าไปอีก


“เรื่องที่ไม่ได้กระทำ ต่อให้จะมีผู้คนเอ่ยว่านับล้าน ข้าก็ไม่มีทางที่จะยอมรับ หากว่าเจ้าไม่เชื่อแล้ว ก็มาค้นตัวของข้าได้!”


ท่าทางของหลินอวิ๋นยังคงดูสงบ กางแขนออกแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ


ความรู้สึกในตอนนี้เป็นไปตามเสียงร้องตะโกนด้านล่างยิ่งอึกทึกก็ยิ่งมีอารมณ์มากขึ้น


และแม้แต่เหนือแท่นประลอง เหล่าศิษย์ในสำนักและผู้อาวุโสของสำนักที่กำลังมองดูอยู่ ก็พุ่งความสนใจเข้ามา


“ตามเหตุผลแล้ว ต่อให้หมัดพยัคฆ์จะฝึกฝนจนถึงขั้นสุดยอดแล้ว ก็ไม่น่าจะเอาชนะหมัดเมฆาม่วงได้ถึงจะถูก”


“ใช่จริง ๆ ด้วย อีกทั้งหม่าขุยยังมีวิชาผาเหล็กแกร่งอยู่ด้วย”


ศิษย์ฝ่ายในอย่างหวังหนิงเอ่ยเยาะเย้ยออกมา “ข้าว่าเจ้าทาสกระบี่ผู้นี้ ก่อนหน้านั้นคงถูกคนรังแกเสียจนน่าอนาถ จิตใจบิดเบี้ยวไปเสียนานแล้ว ไม่รู้ว่าจะมืดบอดสักเพียงใดกัน คนประเภทนี้เมื่อโผล่หัวออกมาแล้ว เพื่อที่จะเอาชนะไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถทำได้ทั้งนั้น”


หลังจากที่เอ่ยออกมาจนจบแล้ว ยังตั้งใจเหลือบมองไปยังซูจื่อเหยา แต่น่าเสียดายที่ใบหน้าเย็นไม่สนใจโลกของอีกฝ่ายไม่ได้เกิดความเคลื่อนไหวใดออกมา ทำให้เขาผิดหวังขึ้นมา


“ใช่ ใช่ ใช่ ศิษย์พี่หวังเอ่ยออกมามีเหตุผล”


ศิษย์ในสำนักคนอื่น ก็ส่งเสียงเห็นด้วยออกมา


นายน้อยเจ้าสำนักไป๋อวี่ฝาน เห็นว่าศิษย์ในสำนักเหล่านี้ มีอคติต่อหลินอวิ๋นที่แต่เดิมนั้นเป็นทาสกระบี่เป็นอย่างมากก็ค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้น เอ่ยแย้งออกมาอย่างเคร่งขรึม “หมัดพยัคฆ์ร้ายก่อนหน้าหลินอวิ๋นแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถฝึกฝนจนบรรลุ หากจะพูดว่าไม่มีทางร้ายกาจไปกว่าหมัดเมฆาม่วงได้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสอดคล้องกับเหตุผลสักเท่าไหร่ อีกอย่าง หลินอวิ๋นผู้นี้ก็ยินยอมที่จะให้ค้นตัวแล้วไม่ใช่หรือ สุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร ค้นตัวดูก็รู้แล้ว”


เมื่อเห็นว่าไป๋อวี่ฝานเอ่ยปากออกมา ศิษย์ในสำนักคนอื่นก็พากันหุบปากไม่เอ่ยอะไรออกมากให้มากความอีก


หวังหนิงในใจรู้สึกฮึดฮัดขึ้นมา เหลือบมองไปทางไป๋อวี่ฝานด้วยความไม่พอใจ


เมื่อเห็นว่าหลินอวิ๋นบนแท่นประลองมีท่าทีเปิดเผย ให้ตนเองไปค้นกายกลับทำให้หม่าขุยตกตะลึงขึ้นมา


“ศิษย์พี่หม่า ค้นร่างกายเขาเลย ทำให้เจ้าทาสกระบี่นี้ไสหัวกลับไปยังโรงชะล้างกระบี่เสีย”


“ศิษย์ไร้ยางอายเยี่ยงนี้ ก็ให้กลับไปอยู่ยังที่โรงชะล้างกระบี่อย่างว่าง่าย กลับเป็นทาสกระบี่ต่อไปเสีย”


“สำนักชิงอวิ๋นของพวกเรา ไม่ต้องการศิษย์ไร้ยางอายเช่นนี้!”


กลุ่มคนด้านล่างพากันโกรธจัด พากันเรียกร้องให้หม่าขุยค้นกายเขา ทำให้เขาที่ขี่หลังเสือแล้วยากจะลงมาได้


สีหน้าของหม่าขุยดูมืดมนลง เอ่ยเสียเย็นออกมา “ค้นก็ค้น ถ้าหากว่าสามารถค้นเจออาวุธบนกายของเจ้า เจ้าทาสกระบี่จะต้องคุกเข่าให้ข้าหม่าขุย แล้วโขกศีรษะเอ่ยขอขมาออกมา!”


“ตกลง!”


ในใจของหลินอวิ๋นไม่มีความรู้สึกใด ก้มหน้าลงกัดริมฝีปากเอ่ยตอบรับออกมา


-โปรดติดตามตอนต่อไป-

ติดตามตอนต่อไป ได้ที่ : CLICK

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว