“นักพรตไป่จู๋ซวยหรือไม่ซวยข้าไม่แน่ใจ”
ขณะนี้เซียวจิ่งหยวนพูดโดยสีหน้าเรียบเฉย “อย่างไรเส้าไป๋ก็ซวยที่สุด เพิ่งถูกพิษมาไม่นาน ยังไม่ทันข้ามวันก็ถูกเพลิงพิษพลังงานลบอีก เคราะห์ซ้ำกรรมซัด...อีกทั้งเรื่องทั้งสองนี้ล้วนเกี่ยวพันกับเนินพยัคฆ์ทั้งสิ้น อาจารย์ตงหลีขอรับ ท่านบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าสรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
เซียวจิ่งหยวนสงสัยสุดหัวใจ อยากรู้คำตอบ
“ดูท่าเจ้าก็รู้มาไม่น้อยนะ” ตู้หนานซานดูแปลกใจเล็กน้อย เขายิ้มและพูดว่า “เห็นแก่เจ้าที่สร้างรากฐานและเข้าสู่เต๋าได้รวดเร็ว ชัดว่าเจ้าก็มีเคราะห์กรรมที่ทำให้พบเจอกับเรื่องแปลกประหลาดเหล่านี้ ถือว่าเจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้าคนหนึ่ง ไม่เสียหายถ้าจะบอกเจ้า”
“ขออาจารย์ตงหลีโปรดชี้แนะ!” ท่าทีของเซียวจิ่งหยวนแน่วแน่
ตู้หนานซานพอใจมาก เขาสอนและให้ความรู้แก่ผู้คนมามากมาย เป็นครูที่ไม่ตระหนี่กับการให้คำแนะนำ
“ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องอยู่บ้างแล้ว ดังนั้นก็คงคาดเดาได้ว่าสระกระบี่เนินพยัคฆ์กับสุสานกษัตริย์อู๋แห่งยุคชุนชิวที่เราพูดถึงเป็นคนละเรื่องกัน แต่ก็มิอาจพูดได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกันทั้งหมด ในนั้นก็มีความลับอยู่เรื่องหนึ่ง”
ตู้หนานซานคิดย้อนกลับไป แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เมื่อพันกว่าปีก่อน มีผู้อาวุโสมากฝีมือท่านหนึ่ง ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงได้ถูกตาต้องใจกับดินแดนเนินพยัคฆ์ จึงสร้างถ้ำเทพสถิตที่เนินนั่นแล้วเรียกตนว่าเป็นนักพรตแห่งเนินพยัคฆ์”
“ท่านเซียนเนินพยัคฆ์ผู้นี้ หลังจากฝึกบำเพ็ญอยู่ที่เนินพยัคฆ์มากกว่าร้อยปีก็สามารถผ่านทัณฑ์สวรรค์ภายในวันเดียว เขาโบกกระบี่ในมือเพียงหนึ่งครั้งก็ฟันเมฆาทัณฑ์สวรรค์ออกเป็นชั้นๆ อาศัยกายเนื้อกลายเป็นเมธีแล้วเหาะจากไปยามกลางวันแสกๆ ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย”
น้ำเสียงของตู้หนานซานเต็มไปด้วยความชื่นชม “เพียงสิ่งนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าท่านเซียนเนินพยัคฆ์เป็นผู้มีความสามารถมากเกินกว่าผู้คนจะจินตนาการได้”
“ยามนั้นนักพรตผู้โชคดีที่ได้ชมฉากการเหาะขึ้นสู่สวรรค์ของท่านเซียนเนินพยัคฆ์ก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผู้คนที่เดินทางมายังเนินพยัคฆ์ก็ล้วนแต่เป็นผู้แสวงหาพลังแห่งเซียน และค้นพบถ้ำเทพสถิตที่นักพรตแห่งเนินพยัคฆ์ได้หลงเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ และได้ของล้ำค่าจากถ้ำเทพสถิตนั้น...”
“โลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่สามารถต้านทานลมได้ตลอดไป[1] กระดาษย่อมไม่อาจห่อไฟ หลังจากข่าวนี้รั่วไหลออกไปก็ดึงดูดผู้บำเพ็ญจำนวนมากให้มาแสวงหาโอกาส จึงยากที่จะไม่เกิดความขัดแย้ง การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นและนองเลือดพัดผ่านราวกับพายุ ในไม่ช้าก็มีคนพบค้นพบถ้ำเทพสถิตของท่านเซียนเนินพยัคฆ์ ด้านในเต็มไปด้วยกับดักมากมาย การป้องกันหนาแน่น ยิ่งไปกว่านั้นขนาดเซียนดินที่มีพลังแกร่งกล้ายังไม่อาจเปิดถ้ำเทพสถิตนั้นได้ นอกเสียจากมีแผ่นป้ายของท่านเซียนเนินพยัคฆ์เท่านั้น ถึงสามารถเข้าไป”
ตู้หนานซานหัวเราะ “ป้ายนี้ก็คือป้ายคำสั่งเนินพยัคฆ์นั่นเอง”
“เป็นเช่นนี้เองหรือนี่!”
เซียวจิ่งหยวนสูดหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี
“ใช่แล้ว ถ้ำเทพสถิตนั่นดูเหมือนท่านเซียนเนินพยัคฆ์จงใจทิ้งร้างเอาไว้ ในนั้นไม่เพียงแต่มีกับดักเท่านั้น แต่ยังมีกลไกที่ถูกตั้งเอาไว้อย่างเข้มงวดอีกต่างหาก ถ้ำนั้นจะเปิดออกทุกๆ สามร้อยหกสิบปี ต้องถึงเวลาเปิดเท่านั้นถึงจะสามารถใช้ป้ายเข้าไปได้ มิเช่นนั้นแล้วหากถ้ำเทพสถิตไม่เปิด มีป้ายไปก็เท่านั้น”
ตู้หนานซานกล่าวด้วยเสียงเบา “ผ่านไปแรมพันปี ถ้ำเทพสถิตเนินพยัคฆ์เปิดมาแล้วสามครั้ง อีกไม่กี่วันก็จะเปิดครั้งที่สี่ ไม่รู้เช่นกันว่านักพรตไป่จู๋ผู้นั้นรู้มาจากที่ใดว่าข้ามีป้ายคำสั่งเนินพยัคฆ์อยู่ในครอบครอง จึงแอบลักลอบเข้ามา”
ตู้หนานซานถอนหายใจ “เอาเถอะ เขาถูกข้าพบร่องรอยเข้าเสียก่อน เมื่อขโมยไปไม่ได้จึงต้องต่อสู้กัน...”
ท่านเซียนเนินพยัคฆ์ ถ้ำเทพสถิต สามร้อยหกสิบปีเปิดหนึ่งครั้ง!
ขณะที่เซียวจิ่งหยวนกำลังตกตะลึง ก็สรุปข่าวเหล่านี้ในหัวจนเสร็จแล้วเงยหน้าถามว่า “ท่านอาจารย์ตงหลี ท่านคงไม่ได้อยากจะบอกว่าบัวขาวจิตกระจ่างเกิดอยู่ในถ้ำเทพสถิตนั้นใช่หรือไม่”
“ใช่...” ทันใดนั้นตู้หนานซานก็ยิ้ม “ตามที่นักพรตคนที่เข้าไปในถ้ำเทพสถิตของท่านเซียนเนินพยัคฆ์บอกมา ในถ้ำเทพสถิตไม่ได้มีเพียงกระบี่บินวิเศษหรือของวิเศษมากมาย แต่ยังมีสระขนาดใหญ่อีกด้วย ดังนั้นชื่อสระกระบี่เนินพยัคฆ์จึงเป็นที่แพร่หลาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนทั่วไปไปฟังเรื่องเข้าใจผิดนี้มาจากที่ใด ว่าสุสานกษัตริย์อู๋ฝังดาบล้ำค่าไว้ จิตใจถูกครอบงำด้วยลาภยศจนหน้ามืดตามัว ขุดสุสานจากภูเขาจนกลายเป็นสระน้ำเสียได้...”
ตู้หนานซานส่ายศีรษะ กล่าวอย่างเหยียดหยาม “ช่างน่ารังเกียจและน่าขันสิ้นดี”
เซียวจิ่งหยวนยักไหล่ ไม่สนใจว่ากษัตรย์อู๋จะบริสุทธิ์หรืออะไร แต่สิ่งที่เป็นภาระอันเร่งด่วนยามนี้คืออาการป่วยของฟางเส้าไป๋ เขาจึงวกกลับมาที่หัวข้อเดิมอีกครั้ง
“อาจารย์ตงหลีขอรับ หากสระกระบี่เนินพยัคฆ์มีบัวขาวจิตกระจ่างจริงๆ เช่นนั้นแล้วท่านสามารถ...”
“ไม่ได้” ไม่รอให้เซียวจิ่งหยวนพูดจบ ตู้หนานซานก็ส่ายศีรษะแล้วพูดแกมถอนหายใจว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดอะไร อย่าได้คิดให้ข้าเข้าไปที่สระกระบี่เนินพยัคฆ์และเอาบัวขาวจิตกระจ่างมาเลยนะ ข้าจะบอกอะไรให้ ว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้...”
“เพราะเหตุใดขอรับ” เซียวจิ่งหยวนใจหายวาบและกล่าวอย่างเร่งรีบ “ท่านอาจารย์ตงหลี เส้าไป๋ติดตามท่านมาตั้งกี่ปี รักและเคารพท่านมากเพียงใด แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยละเลยท่าน อีกอย่างการที่เขาถูกเพลิงพิษพลังงานลบเข้าก็เพื่อจะช่วยท่านนะขอรับ...แม้จะช่วยไม่สำเร็จ แต่ใจที่ภักดีนั้นไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด”
น้ำเสียงของเซียวจิ่งหยวนต่ำลง “เขาไม่มีความดีความชอบ แต่ก็มีความพยายามให้เห็น ท่านจะมองเขาเป็นอะไรไปเฉยๆ เช่นนั้นหรือ”
“เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป ฟังข้าพูดก่อน” ตู้หนานซานยิ้มแหย กล่าวอย่างจำใจ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วย แต่เรื่องนี้ข้าช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะกับดักของสระกระบี่เนินพยัคฆ์นั้นแปลกประหลาดอัศจรรย์ แม้ข้าจะมีป้ายคำสั่งเนินพยัคฆ์ก็ไม่อาจเข้าไปได้”
“ท่านก็เข้าไปไม่ได้หรือ” เซียวจิ่งหยวนมุ่นคิ้วสงสัย
“นักพรตนับไม่ถ้วนเข้าไปสืบเสาะเป็นเวลากว่าพันปี จึงเข้าใจสระกระบี่เนินพยัคฆ์ชัดเจน อย่างน้อยๆ ก็มั่นใจว่าก่อนที่นักพรตแห่งเนินพยัคฆ์จะบินจากไป ท่านจงใจเหลือถ้ำเทพสถิตนี้เอาไว้เป็นมรดก จึงมีกับดักมากมายอยู่ในนั้น”
ตู้หนานซานค่อยๆ อธิบายอย่างฉะฉาน
“หลังจากบินจากไปแล้ว สมบัติล้ำค่าทั้งหลายก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นการที่ท่านเซียนเนินพยัคฆ์เอาของเหล่านี้มาเก็บไว้ยังถ้ำเทพสถิตทั้งหมดก็เพื่อรอผู้มีวาสนามาพบพาน” ตู้หนานซานหน้าเศร้า “เพียงแต่ผู้มีวาสนาในความคิดของท่านเซียนเนินพยัคฆ์นั้นไม่ได้หมายถึงผู้ที่เป็นเซียน”
“หมายความว่าอย่างไรหรือ” เซียวจิ่งหยวนงง
“หมายความว่า มีเพียงผู้บำเพ็ญเพียรเท่านั้นที่เข้าไปได้ เซียนเทียม เซียนดิน หรือผู้ที่ผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้วล้วนไม่อาจเข้าสระกระบี่เนินพยัคฆ์” ตู้หนานซานฝืนยิ้ม “ไม่ว่าจะเป็นเซียนเทียมหรือเซียนดิน หากเข้าไปในสระนั้นแม้ก้าวเดียวจะโดนกับดักอันแสนรุนแรงของสระกระบี่เนินพยัคฆ์เข้าจู่โจม หลังจากที่ท่านเซียนเนินพยัคฆ์กลายเป็นเซียนสวรรค์แล้ว ก็บูรณะกับดักของถ้ำเทพสถิตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และกับดักนั้นมีพลังทำลายล้างสูงมาก ต่อให้เป็นเซียนดินก็ไม่อาจต้านทานได้
ตู้หนานซานมีสีหน้าจริงจัง “เท่าที่ข้ารู้ พันปีมานี้มีเซียนเทียมและเซียนดินจากหลายสำนักพยายามที่จะเข้าไปขโมยสมบัติล้ำค่าในสระกระบี่เนินพยัคฆ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้ที่อยากได้สระกระบี่เนินพยัคฆ์ไว้ในครอบครองอีกด้วย ทว่าพวกเขาล้วนทำไม่สำเร็จ”
ตู้หนานซานหัวเราะเบาๆ “แต่ละคนสภาพดูไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเซียนเทียมที่ไม่ได้มีพลังมากอะไรยังตายอยู่ในสระกระบี่นั้น ไม่ได้กลับออกมาอีก เมื่อกาลเวลาผ่านไปก็ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายสระกระบี่เนินพยัคฆ์อีก มีเพียงรอวันที่สระกระบี่เนินพยัคฆ์เปิด ถึงจะส่งลูกศิษย์ชั้นยอดมาแย่งป้ายคำสั่งเนินพยัคฆ์ แล้วเข้าไปตายเอาดาบหน้าในสระกระบี่”
ตู้หนานซานกล่าวช้าๆ “นักพรตไป่จู๋ผู้นั้นต้องการขโมยป้ายคำสั่งเนินพยัคฆ์ที่อยู่ในการดูแลของข้า ไม่ได้ทำเพื่อตนเองหรอก เขาจะเอาไปให้ลูกศิษย์มากกว่า”
“สำนักซานจู๋ตั้งอยู่ทางเทือกเขาเซียงซี มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นแสนคน มีหัวกะทิหลายหมื่นคน ลูกศิษย์สำคัญๆ กว่าพันคน และผู้อาวุโสนับร้อย...สำนักใหญ่ขนาดนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่สามารถแบ่งทรัพยากรได้ทั่วถึง”
ตู้หนานซานวิเคราะห์ “แม้นักพรตไป่จู๋จะเป็นผู้อาวุโสในสำนัก แต่ก็ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นการที่จะบุกเข้าสระกระบี่เนินพยัคฆ์ก็ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และไม่ใช่แค่นักพรตไป่จู๋เท่านั้น อาจมีฝ่ายอื่นๆ อีก...”
ตู้หนานซานส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจ “ยามนี้เมืองซูโจวที่ดูเหมือนจะสงบ เกรงว่าจะเป็นเหมือนดั่งคลื่นใต้น้ำเสียมากกว่า พวกลัทธิประหลาดมารวมตัวกัน ไม่รู้ว่าจะมีคนไม่ดีแฝงตัวอยู่เท่าใด”
หลังเซียวจิ่งหยวนฟังจบ ใจก็รู้สึกไม่สงบ ใบหน้าหม่นหมอง คิ้วกระตุกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นมือออกมาพลางกล่าวว่า “อาจารย์ตงหลี ให้ข้าเถอะ”
“หือ” ตู้หนานซานกระพริบตาถาม “ให้อะไรเจ้า”
“ป้ายคำสั่งเนินพยัคฆ์ขอรับ” เซียวจิ่งหยวนกล่าวอย่างใจเย็น “ท่านพูดกับข้ามากมาย ไม่ใช่ว่ากำลังบอกข้าเป็นนัยๆ ว่าให้ข้าเข้าสระกระบี่เนินพยัคฆ์ไปเอาบัวขาวจิตกระจ่างมาให้เส้าไป๋หรอกหรือ”
“ฮ่าๆ” ตู้หนานซานหัวเราะร่าด้วยสายตาชื่นชม แต่ก็ปฏิเสธ “เจ้าอย่าเพิ่งคิดเพ้อเจ้อ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น จำไว้ว่าคนที่จะเข้าไปล่าสมบัติที่สระกระบี่เนินพยัคฆ์น่ะไม่ใช่เพียงหลักพันคน แต่เป็นหมื่นคนขึ้นไปต่างหาก ทว่าเพราะป้ายคำสั่งเนินพยัคฆ์นั้นมีเพียงสามสิบหกชิ้นเท่านั้น หนึ่งครั้งจึงสามารถเข้าได้เพียงสามสิบหกคน ดังขนมไม่พอแบ่ง ไม่วุ่นวายสิแปลก”
“อีกอย่าง อย่าคิดว่ามีป้ายเนินพยัคฆ์และได้เข้าสู่สระกระบี่แล้วจะราบรื่นไปเสียหมด จะบอกให้นะ ในบรรดาคนที่เข้าไปทั้งหมดสามสิบหกคนน่ะ มีทั้งสายขาวสายดำ แบ่งเป็นแต่ละสำนักนิกายต่างกัน บอกไม่ได้หรอกว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู”
“ภายในสระกระบี่นั้นมีสมบัติล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วน จึงทำให้คนเกิดความโลภ เพื่อสมบัติแล้วล่ะก็ไม่ว่าจะเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องหรือผู้ใด ล้วนตีหลายหน้ากันได้ทั้งนั้น มีแต่ปัญหาวุ่นวาย การที่เจ้าเข้าไปก็ไม่รู้ได้ว่าจะดีหรือร้าย”
ตู้หนานซานถอนหายใจ “เกรงว่าเจ้าได้เข้าไปแล้วจะไม่ได้กลับออกมาน่ะสิ”
เซียวจิ่งหยวนสีหน้าสับสน ใช้ความคิดอย่างหนัก แต่ครู่เดียวเขาก็ตัดสินใจได้ “ท่านอาจารย์ตงหลี สถานการณ์ของเส้าไป๋ หากไม่มีบัวขาวจิตกระจ่างไม่ได้ใช่หรือไม่ขอรับ”
“ก็ไม่แน่” ตู้หนานซานส่ายศีรษะ “หากมียาอายุวัฒนะอื่นก็สามารถใช้ได้เช่นกัน อย่างเห็ดหลินจือพันปี หญ้าจือหม่าหรือหลิงทู่ หินคงชิงพันปี ยาอายุวัฒนะหินน้ำนมเซียน เหล่านี้ล้วนสามารถช่วยเขาได้”
เมื่อได้ยินชื่อต่างๆ เซียวจิ่งหยวนก็รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติหายากที่ไม่อาจหามาได้โดยง่าย
อย่าว่าแต่จะหาจากที่ใด ถึงเขาจะรู้ว่าที่ใดมีก็ไม่แน่ว่าจะหามันมาได้ เมื่อเทียบกับบัวขาวจิตกระจ่างที่อยู่ในสระกระบี่เนินพยัคฆ์นั้น ฟังดูแล้วยังจะเป็นไปได้มากกว่าอีก...
[1] โลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่สามารถต้านทานลมได้ตลอดไป หมายถึง ไม่มีความลับใดที่จะเป็นความลับได้ตลอดไป
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว