ใต้พัลลภ EBOOK-บทที่๘│หมดมาด (๑) NC

โดย  BVMEOW

ใต้พัลลภ EBOOK

บทที่๘│หมดมาด (๑) NC

พัลลภเลือกที่จะเดินออกไปสมทบกับลูกศิษย์ทั้งสองก่อน เมื่อคีรีขอตัวจัดการธุระส่วนตัวก่อน

เมื่อวานที่พ่อครูออกไปทำธุระกับมรุตนั้นไม่ได้แค่ไปซื้อถุงยางอนามัย แต่ยังไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวให้สมาชิกใหม่อย่างคีรีอีกด้วย เขาจึงไม่ต้องใส่เสื้อผ้าคนแก่ของพัลลภ

ก็ไม่ได้อคติอะไรหรอกนา แต่ตอนนุ่งเกงเลเขาไม่ต่างอะไรกับคนรุ่นลุงเลย

ทำให้วันนี้คีรีมีชุดใหม่ใส่ ซึ่งดีเหลือเกินที่เขาไม่ต้องใส่เสื้อยืดเพราะมันคงปิดอะไรไม่มิด จึงเลือกใส่เสื้อแขนยาวเข้าคู่กับกางเกงขายาว ถึงกระนั้นมันก็ปกปิดร่องรอยที่ลำคอระหงไม่ได้

ขาเรียวก้าวออกจากห้องแล้วตรงไปยังห้องครัวซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับห้องนอนของลูกศิษย์ทั้งสอง โดยที่ทั้งสามก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

คนมาใหม่ยิ้มเจื่อนก่อนทรุดตัวนั่งลงข้างๆ เจ้าของบ้าน คีรีก้มหน้างุดเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของสมาและมรุต ที่แม้จะจับคลื่นการล้อเลียนไม่ได้ แต่คนที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองมัวแต่ทำอะไรอยู่จนมื้อเช้ากลายเป็นมื้อสายโด่งก็กระดากอายอยู่พอสมควร พอเหลือบมองตัวต้นเหตุก็เห็นว่าพัลลภยังคงลอยหน้าลอยตาตักข้าวเข้าปากอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

หมอนี่มันพ่อครูหน้าไม่อาย!

“วันนี้เดี๋ยวข้ากับไอ้แมะจะออกไปดูอาการสาวนั่นหน่อย เอ็งอยู่บ้านกับไอ้แสนแล้วกัน อ้อ ยังมีไอ้เปี๊ยกอีก ไว้ข้าจะรีบกลับ”

“ไปด้วยได้ไหมครับ”

นัยน์ตาเข้มตวัดมองร่างแน่งน้อยข้างกายทันที “ไม่ได้ ไม่ใช่สถานที่ที่เอ็งควรไป”

เพราะพัลลภค่อนข้างมั่นใจว่าหญิงสาวคนนั้นคงเป็นปอบอย่างที่ชาวบ้านลือกัน ในมุมคนเมืองอาจจะกังขากับเรื่องเช่นนี้ แต่สำหรับคนที่เกิดและเติบโตมากับเรื่องเหลือเชื่อเช่นพัลลภย่อมคิดไปอีกอย่าง ทุกอย่างเป็นไปได้ เรื่องเหนือธรรมชาติที่วิทยาศาสตร์ให้คำตอบไม่ได้มีอยู่จริง

และการที่หมอธรรมอย่างเขากับมรุตจะไปยังที่แห่งนั้นเพื่อทำพิธีรักษาให้กับคนที่ถูกวิญญาณร้ายสิงสู่ จะให้หนีบคีรีไปด้วยได้อย่างไร

“หรือเอ็งหึงที่ข้าบอกว่าจะไปบ้านสาวนั่น สาวนั่นมันเป็นปอบ อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงด้วยจะหึง-”

“พ่อ-ครู” คีรีค้านเสียงแข็ง “อย่าคิดเองเออเองครับ ใครหึง ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยสักนิด รู้อยู่แล้วต่างหากว่าพ่อครูจะไปบ้านของผีปอบ”

คนอายุมากสุดในวงอาหารเกิดอาการหน้าม้านที่ไปตู่ว่าเจ้าตัวจะหึงหวงกัน แต่ก็ยังตีสีหน้าเรียบสนิทแม้ว่าจะไม่กล้าลุกเดินออกจากห้องครัว ด้วยกลัวจะเผลอเหยียบเข้ากับเศษหน้าของตัวเอง ก่อนจะทำทีเป็นหรี่ตาแคบหวังเปลี่ยนเรื่อง “ข้าไม่เคยบอกเอ็งเรื่องปอบนะ ไปรู้มาจากไหน”

“เปี๊ยกไง”

“อ้อ เดี๋ยวนี้มีสายข่าว”

คีรีไหวไหล่ “ก็แค่อยากรู้ครับเลยถามน้องไป แล้วที่ขอไปก็เพราะอยากรู้ด้วยเหมือนกันว่าโลกนี้มันมีผีปอบจริงๆ หรือเปล่า เกิดมายังไม่เคยเห็นคนถูกปอบเข้าเลย”

“มันก็ไม่ใช่ภาพที่น่าดูอะไรขนาดนั้น ออกจะหดหู่”

คนตัวเล็กทำหน้าง้ำงอ “เอ้า ก็คนมันไม่เคยเห็นเลยอยากเห็น ใจความสำคัญมันก็แค่นั้นอะครับ แต่ไม่ให้ไปก็ไม่ไป อยู่บ้านกับน้องแสนกับเปี๊ยกก็ได้”

“เอ็งงอนข้า”

“ไม่ได้งอน แค่เข้าใจ”

“นี่ไง งอนแล้วบอกไม่งอน ข้าก็มีเหตุผลที่ไม่อยากให้ไปเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของเอ็ง”

คีรียังคงยืนกรานคำเดิม “ไม่ได้งอนครับ พ่อครูเลิกคิดเองเออเองสักที ถ้าวันไหนงอนขึ้นมาจริงจะบอกว่างอน ไม่อ้อมค้อมเลย”

“แปลว่าวันนี้เอ็งเข้าใจข้าจริงๆ ใช่ไหมว่าทำไมถึงไม่อยากให้ไปด้วย” ใบหน้านวลพยักขึ้นลง “ไม่ได้ประชดกันนะ”

“ไม่ครับ เดี๋ยวอยู่กับเด็กๆ ที่นี่นี่แหละ”

“แบบนั้นข้าก็สบายใจ”

มรุตและสมาหันหน้ามามองกัน ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดทั้งสองก็เข้าใจกันอย่างสุดซึ้ง

พ่อครูในโหมดหัดมีความรักนั้นเหมือนคนอายุสิบสี่ที่เพิ่งมีรักครั้งแรกเลย หมดสิ้นทุกความน่าเกรงขามในมาดหมอธรรมที่เหล่าวิญญาณไม่กล้าหือ หลงเหลือเพียงชายหนุ่มตัวใหญ่แต่หัวใจเท่าเม็ดถั่วเขียวที่กลัวว่าจะถูกคนที่ตัวเองชอบแง่งอน

เจอคีรีไม่กี่วันพ่อครูของพวกเขาถึงกับอาการหนักได้เพียงนี้เชียวหรือ


คล้อยหลังการไปของพัลลภและมรุต อีกสองชีวิตและหนึ่งดวงวิญญาณก็มานั่งๆ นอนๆ อยู่ที่พื้นหน้าตั่งของพ่อครู

คีรีเลือกจะฆ่าเวลาด้วยการหัดถักตะกรุดอย่างที่สมาชอบทำ

การถักลายตะกรุดนั้นมีหลายลาย สมาให้เขาถักลายฟันปลาโดยที่เจ้าตัวก็สอนทุกขั้นตอน เห็นหนุ่มรุ่นน้องทำแล้วคีรียังคิดว่ายาก พอได้มาทำเองก็พบว่ามันยากอย่างที่เข้าใจนั่นแล แต่การที่ไม่ต้องอยู่ว่างๆ ก็หาใช่เรื่องไม่ดี และเขาคิดว่าการที่มีอะไรให้พุ่งความสนใจไปจับก็ดีกว่าการต้องฟุ้งซ่านกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองเป็นไหนๆ

“เปี๊ยก”

‘จ๋า’

ยังไม่ทันที่คีรีจะได้พูด สมาก็โพล่งขึ้นเสียก่อน “พูดกับแม่แล้วพูดเพราะจริงนะไอ้เปี๊ยก”

‘เอ้า ก็แม่เปี๊ยกนิ ว่าแต่แม่มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ’

“แค่อยากรู้ว่าพวกกุมารทองชอบกินน้ำแดงกันจริงๆ หรือเปล่า”

แม้จะรู้ว่าทั้งสองมองไม่เห็น แต่เด็กน้อยก็ส่ายหน้าพัลวัน ‘เปี๊ยกไม่ชอบน้ำแดง กินได้ทุกน้ำที่ไม่ใช่น้ำแดง’

“นึกว่าชอบเสียอีก เห็นใครๆ ก็ถวายแต่น้ำแดง อีกอย่างชุดเปี๊ยกก็แดงแปร๊ด”

เด็กน้อยหัวเราะเบาๆ ‘เปี๊ยกใส่ทุกสีจ้ะ แล้วแต่ว่าพ่อครูจะซื้อสีไหนให้ แต่พูดแล้วก็นะ แม่ขอชุดใหม่ให้เปี๊ยกหน่อยได้ไหมจ๊ะ อยากได้สีเขียว’

“ได้สิ เดี๋ยวขอให้ แต่พ่อครูเขาจะให้ไหมก็อีกเรื่องนะ ไม่ขอรับประกัน”

‘ระดับแม่เอ่ยปากขออะไรพ่อครูก็ให้หมดแหละ’

“ว่าไปนั่น” สิ้นประโยคนั้นคีรีก็จามออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “โทษๆ”

“เป็นอะไรหรือเปล่าพี่คีน”

เจ้าของชื่อสั่นหน้ากลับไป “ไม่เป็นอะไรหรอก แค่จามเอง” แม้ว่าจะมีน้ำมูกไหลออกมานิดหนึ่งก็ตาม “แต่ยังไงพี่วานเราเอายาแก้ไข้ให้กินดักไว้หน่อยได้-ฮะ...ฮัดชิ่ว!”

แท้จริงแล้วคีรีรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวตั้งแต่ตอนตื่นนอน แต่ก็มัวแต่ร่วมรักกับพัลลภจนไม่ได้สนใจ พอได้ล้างหน้าล้างตาก็สร่างไปบ้าง แต่ตอนนี้เหมือนว่าตัวเขาจะรุมๆ คล้ายอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น

สมาตั้งข้อสันนิษฐานตามความเข้าใจของตน “พี่คีน ผมว่าพี่ต้องไม่สบายแน่ๆ” ว่าพลางยื่นมือมาอังหน้าผากก็พบว่าร้อนกว่าปกติ “ตัวร้อนแฮะ เข้าไปนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปเตรียมผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ ถ้ามันไม่ดีขึ้นเดี๋ยวผมจะโทร. บอกพ่อครู”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นอนพักสักตื่นน่าจะดี พ่อครูเขาติดงาน พี่ก็ไม่อยากจะไปรบกวนอะไร”

“เอางั้นก็ได้ งั้นพี่เข้าห้องไปก่อนแล้วกัน ผมไปเตรียมผ้าให้ เปี๊ยกเอ็งก็ไปอยู่เฝ้าไข้แม่เอ็งด้วย”

‘ได้จ้ะ เดี๋ยวเปี๊ยกอยู่เฝ้าแม่เอง’

คีรีจึงหอบสังขารเดินเข้าห้องนอนด้วยความสงสัยว่าฝนก็ไม่ได้ตาก ไข้จะขึ้นได้อย่างไรกัน ไม่มีเหตุผลที่เขาจะเป็นไข้เลย

ไม่ใช่ว่าโดนพัลลภเล่นงานจนไข้ขึ้นหรอกหนา...?

ตาแก่นั่นไหนว่าไม่มีเรี่ยวมีแรงไง! ไยจึงทำเขาซมได้

˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧˚

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว