เพื่อนรักปรารถนา LGBTQ-Chapter 19 Young and beautiful

โดย  ไตรติมา

เพื่อนรักปรารถนา LGBTQ

Chapter 19 Young and beautiful

..........ชยาให้เหนื่อยใจกับการรอคอยตำรวจที่แจ้งความไปเมื่อตอนสาย

แต่ตำรวจท้องที่เพิ่งมาถึงบ้านนี้ในตอนก่อนเวลาอาหารเย็น

“สวัสดีครับคุณชยา แหม... หน้าตาสวยอย่างนี้นี่เองเมียคุณจีรา”

ผู้กำกับกล่าวทักทายโดยรวมและยิ้มหัวให้จีราซึ่งอยู่ในฐานะประมุขของบ้าน

“ฉันไม่ใช่เมียเขานะคะคุณตำรวจ เขาโกหกค่ะ เขาหน่วงเหนี่ยวกักขังฉัน ไม่ปล่อยให้ฉันออกจากบ้านนี้ ฉันต้องการกลับบ้านฉันค่ะ”

โจทย์ในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้แจ้งความรีบแสดงตัวพร้อมกับปฏิเสธความสัมพันธ์กับผู้ตกเป็นจำเลย

“ที่นี่ล่ะบ้านใหม่ของเธอ”

“คุณหญิงแม่ของเมียผมรวยเป็นเศรษฐีที่ดินมีบ้านหลายหลังครับ เธอเป็นลูกสาวเลยจำไม่ได้ว่าบ้านไหนเป็นบ้านเธอบ้าง”

จีราพูดกับเธอก่อนจะพูดกับตำรวจสองนายที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วยกัน

จากนั้นได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้ตำรวจดู เช่น โฉนดที่ดินของบ้านหลังนี้มีชื่อคุณหญิงจันทร์เจ้ามารดาเธอมีชื่อร่วมเป็นเจ้าของกับจีรา

ทะเบียนบ้านฉบับจริงมีชื่อเธอและแม่แสดงความเป็นแม่ลูกกัน

“เหลือเวลาอีกไม่ถึงปี ปีหน้าเราจะจัดพิธีแต่งงานกันพร้อมกับทำบุญบ้านใหม่ที่นี่ แม่เธอจะโอนเปลี่ยนชื่อให้เธอเป็นเจ้าของบ้านและที่ดินที่นี่ร่วมกันกับผม ที่นี่เป็นที่ดินเก่าของทางคุณหญิงแม่ยายผมมีเนื้อที่ประมาณห้าไร่กว่า ทางบ้านผมออกค่าก่อสร้างแปดสิบกว่าล้าน ส่วนคุณหญิงแม่ของเธอออกเงินร่วมด้วยอีกสี่สิบล้าน”

“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าคุณชยาเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่ง มาแจ้งความข้อหาว่าถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังอยู่ในบ้านของตัวเองนี่มันออกจะตลก แถมจำบ้านของตัวเองไม่ได้นี่ยิ่งตลกใหญ่”

ผู้กำกับพูดกลั้วหัวเราะกับตำรวจผู้ช่วยและจีรา

มันทำให้เธอรู้สึกว่าได้กลายเป็นตัวตลกน่าขายหน้า

บอดี้การ์ดของจีราถูกใช้ไปตามตัวคนรับใช้ของบ้านมารวมตัวกันทั้งหมดเกือบยี่สิบคน รวมทั้งบอดี้การ์ดของจีราทั้งสี่คนเข้าไปด้วย

“พยานมาแล้วครับ ทุกคนบอกว่าคุณชยาไม่ได้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง คุณชยาเป็นคู่หมั้นของคุณจีราและปีหน้าจะแต่งงานกันแน่นอน ที่นี่เป็นเรือนหอต่อไปคุณจีรากับคุณชยาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่นี่ครับ”

“มีทั้งหลักฐาน มีทั้งพยานเป็นสิบๆ คนขนาดนี้ ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังที่คุณชยากล่าวหาคงจะไม่มีผลแล้วล่ะครับคุณจีรา”

เหมือนเป็นคำตัดสินจากผู้กำกับ

ซึ่งนายตำรวจพยักหน้ายอมรับเช่นกัน

“ยังมีอีกข้อหาหนึ่งที่เธออยากจะกล่าวหาผมคือ ข้อหาข่มขืนจิตใจเธอ”

พร้อมกันคำกล่าวนั้นสายตาคมวาวของเขาหันมามอง ยิ้มกรุ้มกริ่มน่าหมั่นไส้ให้เธอ

“ความจริงผมให้อิสระกับเธอเห็นว่ายังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน ถึงเราจะอยู่กินด้วยกันก่อนแต่งและเธอเป็นเมียผมแล้ว ผมอนุญาตให้เธอแยกห้องนอนกันได้ ผมไม่เคยทำร้ายร่างกายเธอเลย แค่กอดนิดหอมหน่อยตามประสาคนรักกัน แต่เธอขี้งอนไม่ค่อยยอมผมเลยพาลหาเรื่องจะแจ้งความ ปล้ำก็ไม่เคยปล้ำผมรอเธอเต็มใจ อันนี้ผู้หมวดต้องเห็นใจผมนะครับ ผมมีเมียขี้งอนเอะอะไม่พอใจอะไรก็ขู่ผมจะแจ้งตำรวจจับผัวตัวเอง”

ถึงตอนนี้ชยาอายก้มหน้า ไม่กล้าพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาแม้เขาจะโกหกถึงเพียงไหน ร่องรอยจางๆ บริเวณลำคอเธอที่โดนเขาปล้นจูบยังคงหลงเหลืออยู่เป็นหลักฐานแต่เธอไม่กล้าแม้แต่จะอ้างเอ่ยถึงมัน

“คุณหนูเคยบอกฉันเสมอว่ารักนับถือคุณจีราเหมือนเป็นพี่ชายคนหนึ่ง แต่เห็นมาเยอะที่พูดว่านับถือเป็นพี่น้องกันแต่งงานมีลูกมีหลานกันไปหลายคู่แล้ว คุณหญิงกับคุณจีราเคยพาคุณชยาไปดูดวงกับอาจารย์ที่นั่งทางในดูได้ตอนนั้นฉันได้ติดตามไปด้วย เขาบอกว่าเป็นเนื้อคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน เป็นคู่สร้างคู่สมคู่บุญบารมีที่เคยทำบุญร่วมกันมา ชาตินี้ถึงได้มาเจอกันและร่วมสร้างบุญทานการกุศลช่วยเหลือสังคมทำประโยชน์ช่วยเหลืองานมูลนิธิของคุณหญิงด้วยกันมาตลอด ฉันเอาใจช่วยคุณจีรานะคะอยากให้ได้แต่งงานกับคุณหนูชยา”

คนเคยเป็นแม่นมของคุณหญิงจันทร์เจ้าปัจจุบันอายุหกสิบกว่าแล้วเป็นคนกล่าวให้ทุกคนได้ฟังกัน

“ผมรักชยามากนะครับผู้กำกับ ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหนผมคิดถึงเธอเสมอ ของฝากจากอังกฤษตอนที่ผมไปเรียนต่อปริญญาโทมีส่งให้เธอตลอด แบบบ้านหลังนี้ผมได้ให้สถาปนิกคนไทยที่ไปเรียนต่อโทที่อังกฤษออกแบบให้ ผมคิดจริงจังหวังแต่งงานกับเธอถึงได้คิดสร้างเรือนหอหลังนี้ พอนำแบบมาให้คุณหญิงแม่ยายดูเป็นที่พอใจถึงได้เริ่มก่อสร้าง ทุกอย่างได้เตรียมดำเนินการมานานเป็นปีแล้วเพื่อเธอที่ผมรัก ผมทำโดยไม่ได้บอกเธอ เธอเลยไม่รู้ว่าผมรักเธอมากแค่ไหน”

ปฏิเสธไม่ได้ว่าวูบหนึ่งชยาให้รู้สึกซึ้งใจในตัวเขา

นายตำรวจที่มารับแจ้งความจากเธอกลายเป็นเหมือนมาเป็นพยานรักรับฟังคำสารภาพรักจากปากจีราพร่ำพรรณนาว่าเขารักเธอมากเพียงใด

จีราไม่เคยพูดบอกรักเธอตรงๆ ไม่เคยคุกเข่าขอแต่งงานอย่างโรแมนติค ไม่เคยมาสวมแหวนหมั้นใส่นิ้วนางข้างซ้ายมือเธอ แต่ทุกอย่างเขาได้คิดและกระทำล้ำหน้าไปยิ่งล้นเกินกว่าคำพูดมากมาย

“น่าดีใจแทนคุณชยาที่ได้มีคนดีที่รักจริงอย่างคุณจีราเป็นคู่ครอง เขารักคุณมากขนาดนี้มีเรื่องอะไรก็อย่างอนกันเลยครับ แต่ว่าคู่ที่งอนกันบ่อยถ้าได้แต่งงานกันไปเขาว่าจะได้ลูกดกนะครับ ขนาดมีลูกหัวปีท้ายปีกันเลยทีเดียว”

ผู้กำกับหันไปหัวเราะแบบรู้ใจกันกับนายตำรวจที่นั่งอยู่ด้วย

“คุณชยากับคุณจีราเหมาะสมกันทุกอย่าง ทั้งสวยทั้งหล่อถ้ามีลูกคงออกมาสวยงามน่ารักน่าเอ็นดู อยากให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกันเร็วๆ จังเลยค่ะ”

พี่เลี้ยงของชยาเป็นคนพูดคำนี้ออกมากับเพื่อนคนใช้ด้วยกัน

“ตอนคุณชยาเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งคุณจีราคอยขับรถตามรับตามส่งทุกเช้าเย็น ผมเห็นคุณจีรามองคุณชยาแล้วคิดว่าถ้าเป็นเนื้อคู่แล้วคงไม่แคล้วคลาดกันไปได้ เวลาคุณจีรามองคุณชยามันหวานมาก ดูออกเลยว่ารักคุณชยาครับผมขอรับรอง”

เมื่อก่อนชยาไม่ชอบมองสบตาของจีราและไม่ชอบสังเกตอะไรในแววตาเขา เพราะไม่เคยนึกคิดพิศวาสอะไรในเพศชาย เธอจึงไม่เคยเห็นอย่างที่คนขับรถบอก

แต่ไม่ใช่ในทุกวันนี้ที่เธอเริ่มได้เห็นความหมายในแววตาหวานชวนหวามใจของเขา และมันกำลังสั่นคลอนในหัวใจเธอได้ไม่น้อย

คาคบมองดูรู้ว่าคนรับใช้ของชยาทุกคนต่างยอมรับจีราในฐานะคู่หมั้นของเจ้านายสาวคนสวยของพวกตน จนบางคนเอาใจช่วยเชียร์กันอย่างออกนอกหน้า

นับดูด้วยสายตาจำนวนคนรับใช้ของชยามีทั้งหมดสิบสี่คน เฉพาะเงินเดือนคนรับใช้ในแต่ละเดือนเรือนแสนเกือบสองแสนบาท ถ้าไม่ใช่คนรวยจริงคงไม่มีปัญญาจ่ายเงินเดือนมากเท่านั้นได้

ลำพังตัวเองมีเงินเดือนเพียงหยิบมือเดียวไม่ถึงเสี้ยวเงินแสนคงไม่มีบุญวาสนาจะจ้างคนรับใช้มากมายเท่านี้ได้

มองดูจีราลูกนักการเมืองผู้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีปักษ์ใต้แล้วคิดได้คำเดียวว่าเขาเหมาะสมกับชยาลูกสาวคุณหญิงผู้ดีเก่า

รักของเราไม่มีทางสมหวังได้ เราควรสนับสนุนคนที่เขารักเธอจริงและเหมาะสมคู่ควรกัน’

คาคบคิดเช่นนั้น ขณะมองหน้าหญิงสาวที่เขารักอย่างทอดอาลัยก่อนจะกล่าวคำใดออกไป

“จริงครับ จีรารักชยามาก เขายอมทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้เธอรัก อยากทำให้เธอยิ้มอย่างมีความสุข เขาเคยขอให้ผมช่วยดูช่วยแนะนำเวลาเขาซ้อมเต้นและร้องเพลงรักเพื่อเธอ”

ชยาไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากคาคบ

น้ำตาร่วง...

มันมากกว่าความซึ้งใจ

ความรู้สึกอะไรแบบนี้? คนที่เธอรักเป็นคนบอกเองว่าผู้ชายอีกคนรักและทุ่มเททุกอย่างเพื่อเธอ ทั้งที่ตัวเขาเองบอกเสมอรักเธอเท่าชีวิตของเขา ...เจ็บปวด

ใจของชยาเหมือนเจ็บปวดแทนคนที่เธอรัก รู้ในใจเขาคงเศร้าที่ยังมีผู้ชายอีกคนรักเธอมากไม่แพ้ตัวเขา

“ร้องไห้ทำไม ...ชยา”

จีราหันมาถามน้ำเสียงแผ่วราวกับเขาใจหายที่ได้เห็นน้ำตาเธอ

“มันซึ้งอ่ะพี่จีรา”

ไม่มีคำกล่าวใดจะเอ่ยออกจากเรียวปากรูปกระจับ วงแขนแข็งแกร่งแห่งชายกอดกระชับกับร่างบอบบางของสาวคู่หมั้น และจุมพิตแผ่วเบาดูดซับเปลือกตาบางๆ ที่ฉ่ำคลอน้ำตาอย่างทะนุถนอมเหลือประมาณ

ทุกคนที่ดูอยู่ในที่นี้ได้เห็นฉากรักซาบซึ้งตรึงใจของชายหนุ่มผู้ทุ่มเทในรักได้สัมฤทธิ์ผล ทุกคนแจ้งประจักษ์รักแท้จริงจากใจของเขาที่เฝ้าสร้างทำมาตลอดระยะเวลายาวนาน

แต่ไม่มีใครสักคนจะสนใจหรือเห็นแววตาเศร้าในใบหน้าหม่นเหงาของคาคบเหมือนชยา

สงสารพี่คบจับใจ แต่จะทำอย่างไรได้ท่ามกลางวงล้อมของผู้คนรอบกาย’

ชยาได้เพียงแต่นึกอยู่ในใจ

ลึกๆ ในใจเริ่มรู้ซึ้งถึงความระทม รักไม่สมหวังไปเสียทั้งหมดเมื่อมีรักสองครองความเศร้า...

ชายหนึ่งบอกทั้งชีวิตจิตใจเกิดมาเพื่อรักเธอ ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อเธอ

กับอีกชายหนึ่งบอกรักเธอมากมายทั้งชีวิตของเขายอมตายแทนเธอได้ และเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ทั้งตัวและหัวใจรักจากเธอ

‘จีรากับคาคบ’

สองชื่อนี้ที่ทำให้ในใจเธอทรมาน

.

..........พราวพรรณราย บุตรสาวคนเดียวของคชาทอง วิจิตรจักรา เมื่อบิดาแต่งงานใหม่กับคุณหญิงจันทร์เจ้า ถึงได้ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันกับ ชยา รัตติมานนท์ ซึ่งใช้นามสกุลของบิดาที่เป็นอดีตสามีเก่าของคุณหญิง และได้มีน้องชายเล็กๆ วัยสี่ขวบเศษร่วมกัน

“สองทุ่มกว่า... มาทำไมพี่พราว พี่จีราเรียกมาหรือ”

ชยามองนาฬิกาฝาผนัง ก่อนเอ่ยถามคนในครอบครัวแต่อยู่ต่างบ้านและหันมาถามจีราด้วย

“เปล่า”

จีราปฏิเสธ เขาเพิ่งโทรคุยด้วยเฉยๆ ไม่ได้ชักชวนอันใด

ดังนั้นพราวพรรณรายจึงกลายเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญของบ้าน

“พวกเราครอบครัวเดียวกัน ว่าจะมานอนค้างด้วยสักคืนสองคืนเป็นไรไป ไม่เห็นต้องรอเจ้าของบ้านเชิญชวน”

เจ้าของริมฝีปากอิ่มยิ้มแย้มแก้มแตก ตรงรี่เข้ามากอดคอจีราอย่างสนิทสนม แถมยื่นหน้าทำท่าจะจุมพิตแก้มหนุ่มหล่อสะอางองค์

จีรารู้ทันท่วงทีรีบเบือนหน้าทำคอยืดคอยาวหลีกลี้หนีริมฝีปากสาวแดงเถือกที่เคลือบทาลิปติกอย่างหนาแต่งหน้าเข้มจัด คนรักความสะอาดไม่อยากโดนจูบด้วยเกรงว่าเดี๋ยวแก้มจะเปื้อนสีลิปสติก

“ไปนอนห้องนอนใหญ่ชั้นสามโน่น แต่ห้ามนอนห้องริมสุดสองห้องทั้งซ้ายขวานะ เพราะเป็นห้องเตรียมไว้ให้พ่อแม่ฉันกับพ่อแม่ชยา”

เจ้าของบ้านสั่งการเพื่อผลักเธอให้พ้นภาระไป

“แล้วคนใช้ฉันสี่คนให้นอนไหน ห้องนอนชั้นสองได้ไหม”

พราวพรรณรายไม่วายห่วงใยผู้ติดตามของเธอหรือก็คือบรรดาผัวๆ นั่นเอง

“ผัวเธอทั้งสี่คนห้ามนอนบนตึก ไปโน่นเรือนพักคนงานที่เป็นบ้านชั้นเดียวห้องแถวรอบตึกใหญ่โน่น ให้เลือกเอาจะนอนห้องไหนก็ได้ว่างอยู่หลายห้อง”

ชยาไม่นึกหึงหวงผู้ที่เหมือนพี่สาวอย่างพราวพรรณราย ไม่กลัวว่าจะมามีความสัมพันธ์อะไรกับจีรา

เพราะรู้ว่าในอดีตที่เนิ่นนานผ่านจีราเคยมีอะไรด้วยแล้วเบื่อหน่ายเลิกร้างจืดจางพิศวาสในตัวพี่สาวคนนี้ไปแล้วโดยไม่เหลือเยื่อใยอันใด จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดถ่านไฟเก่าปะทุขึ้นมาใหม่ เนื่องจากความสัมพันธ์นั้นได้กลายขี้เถ้าผงธุลีไม่มีดีแล้ว

.

..........สามทุ่ม พราวพรรณรายอยู่ในชุดนอนเดินเยื้องกรายเข้ามาในห้องของชยาอย่างง่ายดายเมื่อประตูไม่ได้ล็อค

“ว้าว... เซ็กซี่จริงชยา บราเซียร์สีพีชหวานกับอันเดอร์แวร์บิกินี่เตรียมจะไปอาบน้ำรึไง”

ชยาอยู่ในชุดดังกล่าว ความจริงเธออาบน้ำมาแล้วตั้งแต่ตอนเย็น นี่ตั้งใจว่าจะไปนั่งแช่ในอ่างน้ำวนจากุชชี่บนชั้นดาดฟ้า กินลมชมวิวดาวเดือนในท้องฟ้าราตรี ประสาสาวอาร์ติสผู้มีอารมณ์สุนทรี

“พี่พราวชุดนี้...”

ชยาอ้าปากค้างกับชุดที่พี่สาวสวมใส่

“ไงจ๊ะถึงกับตะลึง ชุดนอนสุดยั่วยวนนี่มันกระแทกใจใช่ไหมน้องสาว”

พราวพรรณรายมักหลงคิดไปเองว่าตัวเองสวยเลิศเลอเพอร์เฟ็ก ทั้งที่จริงชุดนอนนั้นมันโป๊เกินไปจนดูไม่งามเอาเสียเลย

ชยามองกราดทั่วเรือนร่างพราวพรรณรายในชุดนอนคอป้ายแบบญี่ปุ่นหลวมๆ ตัวกระโปรงยาวผ่าด้านข้างผ่านสะโพกขึ้นมาถึงเอว ลำพังตัวเสื้อนั้นโปร่งบางจนเห็นเนื้อหนังแม้กระทั่งเม็ดนมปุ่มปมชัดเจน ยามเดินด้านข้างเปิดโชว์ให้เห็นแม้กระทั่งอันเดอร์แวร์จีสตริงซ้ำร้ายที่มันเล็กเสียเหลือเกินจนเห็นมีขนแพลมหลอมแหลมรอดออกมาสีดำรำไรดูคล้ายสาหร่ายพันธุ์ดกรกรุงรังไม่งามสักนิด

แต่พราวพรรณรายกลับคิดว่าการไว้ขนดกทั้งเบื้องล่างรวมทั้งขนรักแร้นั้นเป็นความเซ็กซี่

ชยาส่ายหน้าให้กับความอุจาดนัยน์ตา แสร้งถามประชดและคาดเดาว่าเป้าหมายของพราวพรรณรายคือจีรา

“จะแต่งตัวไปยั่วผู้ชายที่ไหน พี่จีรา?”

“ทั้งสองหนุ่มหล่อนั่นล่ะ ...จีรากับคาคบ”

ตอบแบบมั่นใจในตัวเอง แต่เดินตรงเข้ามารวบกอดรอบเอวของชยา

ชยาออกจะคิดผิดไปเล็กน้อยไม่คาดหมายว่าจะมีรายชื่อคาคบรวมอยู่ด้วย

ถ้าคิดจะยั่วจีรา ...ดูจากปฏิกิริยาเมื่อสักครู่ตอนจะจูบเขายังเมินหน้า แล้วยิ่งมายั่วในสภาพแบบนี้ไม่มีทางเลยที่จีราจะปลื้ม ถ้าไม่ถูกเขาผลักไสไล่ออกจากห้องนอนภายในห้านาทีให้มาไล่ตบหน้าเธอได้

ชยานึกพนันในใจ แล้วคิดไปถึงคาคบว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับชุดนอนที่พราวพรรณรายสวมใส่...

“พี่พราวไม่แก้ผ้าไปเลยล่ะถ้าจะยั่วพี่คบ หนุ่มรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอาจจะชอบก็ได้นา แล้วถ้ามีผีหื่นผีห่าเข้าสิงใจพี่คบอาจจะจับปล้ำเอาพี่พราวทำเมียก็ได้”

ชยายุส่ง แต่เบื้องหลังถ้อยคำคือพูดประชดแดกดัน

“ฮ้า... ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีซี่ นั่นล่ะปรารถนาที่สุด”

แล้วชยาให้นึกแปลกใจที่พราวพรรณรายกลับกระชับอ้อมกอดตัวเธอให้แน่นยิ่งขึ้น ...ทำไม?

“ผู้ชายสองคนนั้นเห็นเธอครั้งแรกพร้อมกันตอนเธอแช่น้ำในอ่างกลางแจ้งชั้นบนของตึกเล็ก ฉันรู้ว่าพวกเขาชอบมาค้างคืนที่ตึกของฉันเพื่อจะได้แอบดูเธอลงแช่ในอ่างน้ำและตอนขึ้นจากน้ำร่างกายเปล่าเปลือย”

ชยายังไม่รู้จุดประสงค์ในการรำลึกถึงความหลังของพราวพรรณรายจะพูดขึ้นมาเพื่อหวังอะไร ยืนฟังไปนึกสงสัยในใจไป...

“พวกผู้ชายอยากรู้จักเธอ บอกฉันให้ช่วยแนะนำให้รู้จักเธอฉันเลยทำตามใจพวกเขา พอพวกเขาได้เจอตัวเธอใกล้ๆ ฉันอ่านสายตาออกเลยว่าพวกเขาชอบเธอมากๆ โดยที่เธอไม่เคยนึกสนใจพวกเขาด้วยซ้ำ ในวันนั้นเธอแค่ยิ้มให้พวกเขาไปตามมารยาทผู้ดีเท่านั้น”

“พี่พราวจะพูดถึงความหลังนั่นเพื่ออะไร”

“คนหนึ่งเป็นเพื่อนรัก อีกคนหนึ่งกำลังจะเป็นสามีที่รัก ฉันในฐานะเสมือนพี่สาวของเธอเลยมาแสดงความยินดีกับเธอนะชยา อย่าลืมเรื่องราวของเราอย่างน้อยก็เคยคบกันถึงเธอจะหันไปชอบลีนิน แต่หลังจากเธอหมั้นกับจีรา ลีนินคงจะตัดใจจากเธอแน่ แต่ฉันจะยังคงอยู่รอคอยเธอ ให้ฉันเป็นชู้เป็นรักสำรองของเธอก็ได้ถ้าเธอยังรู้สึกชอบผู้หญิงอยู่”

จำได้ถึงความหลังครั้งเก่าเคยคบเคยควงกันไปเดทกับพราวพรรณราย แต่วันนี้ในใจเธอไม่หลงเหลือความรู้สึกพิศวาสเก่าๆ เหมือนเธอไม่ได้ชอบผู้หญิงด้วยกันอย่างแต่ก่อน

นับตั้งแต่ชยาจับได้ว่าพราวพรรณรายมีความสัมพันธ์สวาทกับจีราทั้งที่เคยบอกเธอเสมอว่าเป็นแค่เพียงเพื่อนกัน

และนั่นเป็นความแค้นใจทำให้เธอจงเกลียดจงชังจีราที่แย่งแฟนเธอไป สาเหตุมาจากความหึงหวงพราวพรรณราย

นี่คงอีกสาเหตุที่ทำให้เธอไม่เคยมีใจให้จีรา เมื่อเขาเข้ามาจีบเธอในช่วงที่เขามีความสัมพันธ์ซ้ำซ้อนซ่อนรักลับอยู่กับพราวพรรณราย

ช่วงเวลาผ่านไปไม่นานเลย ความรู้สึกในหัวใจกลับเปลี่ยนแปลงแปรผันไปอย่างไม่น่าเชื่อตัวเองว่าจะเป็นไปได้

ใจลอยไปนึกถึงใบหน้าสวยงามของเขาผู้เป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลกของเธอ ...คาคบ

เขาคือผู้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกในใจเธอไปโดยสิ้นเชิงเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา

“นี่ถ้าเธอได้แต่งงานกับจีราแล้วขอแบ่งให้กันมั่งนะ ขอฉันเป็นเมียน้อยเมียเก็บลับๆ ก็ได้”

พราวพรรณรายกอดรัดซบหน้าแบบแก้มแนบแก้มกับชยาอย่างประจบ

ขณะชยาทำหน้าไม่แยแสเพราะจีราคนนี้ไม่ใช่คนที่เธอหวงหึงเป็นหนึ่งในใจเหมือนอีกคน

“ยกให้เลยไม่หวง แต่ถ้าจะให้ดีทำไมพี่พราวไม่แต่งงานกับพี่จีราซะเองเลยล่ะ ฉันจะได้ไปแต่งงานกับคนอื่น”

“ฉันแต่งงานกับจีราไม่ได้หรอก เพราะจีราไม่เอาฉัน แต่ที่สำคัญที่สุดฉันมีคนที่ฉันคิดรักจริงหวังแต่งแล้วล่ะ”

“หะ... ใครเหรอ อ้าว... แล้วบรรดาผัวๆ มากมายล้นเมืองของพี่พราวพวกเขาอนุญาต?”

เรื่องอย่างนี้มันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ กับผู้หญิงมากมายสามีโดยพฤตินัยอย่างพราวพรรณราย ชยาถึงต้องเอ่ยถาม

“คาคบเพื่อนรักของชยาไง คนนี้ฉันรักจริงหวังแต่ง...”

“อ๊าย! ไม่ได้นะพี่พราว ห้ามยุ่งกับพี่คบเด็ดขาด”

เพราะเสียงอุทานลั่นอึงมี่ของชยาที่มาพร้อมกับคำห้ามปรามเป็นเครื่องแสดงความหึงหวงอย่างถึงที่สุดได้ดีทีเดียว

เป็นอะไรที่พราวพรรณรายรู้ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ยังพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ

“อุ๊ย... เสียงดังจริงชยา เล่นเอาตกใจหมด สงสัยเพื่อนเธอคนนี้สุดหวงใช่ไหมเนี่ย พวกผัวๆ ของฉันไม่มีปัญหาหรอก บอกไปหลายหนแล้วว่าสักวันฉันคงต้องแต่งงานไปกับใครสักคนที่เหมาะสมคู่ควร แต่จะไม่ทอดทิ้งผัวเก่าทั้งหลาย ยังคงเป็นผัวลับผัวเก็บไว้ไม่เลิกรา”

“เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นผู้หญิงคนไหนผัวเยอะแยะแบบที่พราว”

มันไม่ได้เป็นคำชมอีกฝ่าย ชยาส่ายหน้าแบบว่าเหนื่อยแทน

“ว่าแต่ชยานี่หวงคาคบขนาด... หรือว่าคิดจะแต่งงานกับพี่จีรา แล้วเก็บคาคบไว้เป็นกิ๊ก เลี้ยงไว้เป็นผัวเก็บก็ได้นาฐานะอย่างเราสามารถ”

ท้ายประโยคจากปากคำของพราวพรรณรายคล้ายจะเป็นคำแนะนำ

แต่ไม่น่านำมาปฏิบัติเป็นอย่างยิ่งเพราะนั่นจะสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาสู่วงศ์ตระกูล กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์เป็นที่อับอายในวงสังคมชั้นสูง

เจ้าตัวผู้ถูกกล่าวหาให้ตาเหลือกตาโต นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะคิดไปได้ไกลขนาดนั้น

“โอ๊ยตายแล้ว ใครเขาจะไปคิดเหมือนพี่พราว มันเป็นเรื่องบัดสีผู้หญิงมีหลายผัว”

พราวพรรณรายไม่กระเทือนใครจะว่าอย่างไร ทำอารมณ์ดีร้องเพลงเอ่ยเอื้อน พร้อมกับโอบกอดและโยกย้ายไปตามจังหวะเพลง ทำท่าเหมือนเต้นรำกับชยา

“อาจเป็นเพราะเราคู่กันมาแต่ชาติไหน...”

“ร้องเพลงนี้ขึ้นมาทำไมพี่พราว”

“เพลงในงานหมั้นของเธอกับจีราไง”

“บอกพี่จีราไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าฉันจะไม่หมั้นไม่แต่งงานกับพี่จีรา”

“แต่จีราโทรเชิญคนรู้จักสนิทสนมกับพวกญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือไปหลายคนแล้วนะ พ่อเธอกับแม่เลี้ยงและน้องสาวเธอก็จะมางานหมั้นของเธอกับจีราด้วย”

“งานหมั้นฉันกับพี่จีรา? ที่ไหนเมื่อไหร่ ...ไม่มี”

ขึ้นเสียงแหลมสูงปฏิเสธทันควัน เจ้าตัวผู้โดนข้อกล่าวหาว่าเป็นคู่หมั้นจีราให้งงมาก ไม่เคยมีการบอกกล่าวให้รู้ล่วงหน้ามาก่อน เธอเลยไม่เคยคิดว่าจะมีพิธีอะไรแบบนั้นสักน้อย

“จะไม่มีได้ไง อีกสามวันจะจัดงานพิธีหมั้นที่นี่ล่ะ”

“เฮ้ย! ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ”

ชยาตกใจเป็นโดนผีหลอก

.

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว