บทที่ 38 มองเจ้าแตกต่างออกไป
"คุณหนู นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เป็นของพวกเราแล้วเจ้าค่ะ"
ซู่ซินนำเสื้อผ้าที่นางเปลี่ยนออกมาใส่ถาด รายงานให้เว่ยฉางอันทราบด้วยความดีใจ
หลายปีมานี้ คุณหนูของนางที่ถูกรังแกและถูกบังคับข่มเหง ในที่สุดก็รู้จักต่อต้านแล้ว
"ดีแล้ว เช่นนั้นน้องรอง พวกเราคงต้องกลับก่อน รบกวนเจ้านานแล้ว วันนี้เหนื่อยมากจริง ๆ กลับไปแล้วพักผ่อนให้เยอะ ๆ ล่ะ"
เว่ยฉางอันโบกมือให้เว่ยเจียวอิง แล้วก็พาคนที่เหลือออกจากลานเรือนของนางไป แม้แต่ย่างก้าวก็ยังคล่องแคล่วขึ้นไม่น้อย
มองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างภูมิใจ เว่ยเจียวอิงรู้สึกความโกรธแค้นพุ่งขึ้นมาในใจ "เว่ยฉางอัน เจ้าช่างน่าชังเหลือเกิน วางใจได้เลย รอข้าได้เป็นเซ่อเฟยของไท่จื่อแล้ว ถึงวันนั้นข้าจะเหยียบเจ้าให้จมดินให้ได้"
อีกด้านหนึ่ง ในห้องมืดสลัว มีเงาร่างสองร่าง
คนหนึ่งยกมือขึ้นกราบทูลรายงานอะไรบางอย่างอย่างนอบน้อม ส่วนอีกคนนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างสบาย ๆ พอได้ยินคำพูดของเขา ก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มหยอกล้อ
"ดูท่าคุณหนูใหญ่จวนแม่ทัพนี่ต่างจากข่าวลือจริง ๆ นะ น่าสนใจชะมัด"
เขายกมือลูบคางเกลี้ยงเกลาของตัวเอง ดวงตาเต็มไปด้วยความสนใจ "เจ้าตามนางต่อไปเถอะ อย่าลืมปกป้องความปลอดภัยของนางด้วย"
"ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง"
ผู้รับคำสั่งนี้ก็คือองครักษ์อิ๋ง หลังจากคารวะหรงหลีเซิงอย่างนอบน้อมแล้ว ก็หันหลังหายตัวไปที่ข้างหน้าต่าง
ส่วนหรงหลีเซิงในห้อง ใบหน้าคมคายซ่อนอยู่ในความมืด ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มที่ทำให้คนสงสัยและแววตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ...
หลังจากจัดการเรื่องราวเสร็จ เว่ยฉางอันก็ทิ้งข้าวของกองโตในลานเรือน มอบหมายให้ซู่ซินจัดการทั้งหมด ตัวเองก้มหน้าก้มตาเข้าไปในห้อง ตั้งใจจะนอนแล้ว
วันนี้เรื่องราวต่าง ๆ ทำให้นางเสียพลังงานและจิตใจไปมาก นางต้องการพักผ่อนให้ดีสักหน่อย
แต่เมื่อหลับตาลง ก็หนีฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนไม่พ้นไปได้เลย
นางถูกฝันร้ายรุมเร้าจนมึนงง ดวงอาทิตย์นอกหน้าต่างก็ค่อย ๆ ลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว
ในความฝัน ใบหน้าของเว่ยเจียวอิงที่นางเกลียดชังยิ่งนัก ก้มลงมาประชิดหน้านางพลางกล่าวว่า "วางใจเถิด ทุกสิ่งที่เจ้ามี ข้าจะยึดมันไปทั้งหมด"
"ไม่นะ!!"
พร้อมกับเสียงตะโกนสุดชีวิตของนาง เว่ยฉางอัน ในที่สุดก็สลัดตัวตื่นจากความฝัน
"คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือ?"
ซู่ซินที่เฝ้าอยู่หน้าประตูตลอด ได้ยินเสียงจากด้านใน จึงรีบเอ่ยถามออกไป
เว่ยฉางอันลืมตาขึ้น นางเห็นตนเองยังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง จึงถอนหายใจโล่งอก
นางลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เมื่อยกมือขึ้น ก็สัมผัสได้ถึงเหงื่อที่ชุ่มโชกเต็มศีรษะ เสื้อผ้าบนตัวก็เปียกชื้นเหนียวติดผิว ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอย่างยิ่ง
นึกถึงความฝันเมื่อครู่ นางยังรู้สึกหวาดผวาอยู่บ้าง ในฝันนั้นวุ่นวายสับสน เหมือนฝันว่าชาตินี้ของนางไม่ได้เกิดใหม่จริง ๆ ทุกอย่างเป็นเพียงความฝันของตนเอง ทุกเรื่องราวไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป คนในจวนแม่ทัพก็ยังคงตายกันหมด และนางเองก็หนีไม่พ้นจากการตายอย่างน่าอนาถในท้ายที่สุด
นางยังฝันถึงหรงฉีที่หลังจากนางตายไปแล้ว เขามองศพของนางแล้วกอดกับเว่ยเจียวอิง เขาหัวเราะเสียงดังว่าในที่สุดก็หลุดพ้นจากนางได้แล้ว
นึกย้อนไปถึงฉากในฝัน จนถึงตอนนี้หัวใจของเว่ยฉางอันก็ยังเต้นตึกตักอย่างร้อนรน นางรีบลุกขึ้นเปิดประตูห้อง
จนกระทั่งเห็นซู่ซินที่ถืออ่างน้ำจะมาช่วยนางล้างหน้าอยู่หน้าประตู นางจึงรู้สึกว่าทุกอย่างจริงแท้ขึ้นมาบ้าง
"คุณหนู ท่านฝันร้ายหรือ? ถึงได้หน้าซีด เหงื่อท่วมเช่นนี้"
ซู่ซินเห็นประตูถูกเปิดออก จึงรีบเงยหน้ามองไป สิ่งที่เข้าสายตาคือสภาพอ่อนแรงเพลียใจของคุณหนู นางจึงรีบเอ่ยถามออกไป สายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย
เมื่อเห็นนางดูกังวลเช่นนี้ เว่ยฉางอันก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า "ข้าไม่เป็นไร เพียงแค่เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ วันนี้ก็มีเรื่องมากมาย รู้สึกเหนื่อยมาก ใบหน้าจึงดูไม่ค่อยดี"
นางรู้ว่าซู่ซินเป็นห่วงตนเอง จึงร้อนใจและรีบอธิบาย แต่ปิดบังเรื่องที่ตนเองฝันร้าย
ไม่ว่าซู่ซินจะเป็นอย่างไร เว่ยฉางอันก็มองเห็นหมด แต่ความทุกข์เช่นนี้ ตนเองคนเดียวแบกรับไว้ก็พอ จะให้นางมาวิตกกังวลไปกับตนเองทำไมกัน
เงยหน้ามองคนที่กำลังจัดการข้าวของในห้องให้ตนอย่างวุ่นวาย เว่ยฉางอันคิดในใจเช่นนี้
"คุณหนู เมื่อวานท่านเก่งมากเลย แม้แต่ข้าในฝันก็ไม่เคยคิดว่า วันหนึ่งข้าวของของพวกเราจะได้กลับคืนมา และยังได้ครบทุกชิ้นอีกด้วย"
ซู่ซินพูดอย่างตื่นเต้น ในขณะที่กำลังบิดผ้าขนหนูให้แห้งเพื่อเช็ดหน้าให้นาง ดวงตาเต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ
มองนางที่ดูตื่นเต้นเช่นนี้ ในใจของเว่ยฉางอันก็รู้สึกดีใจไม่น้อย หากชาติก่อนตนแข็งกร้าวขึ้นมา ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหรือไม่
แต่ทั้งหมดนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปความทุกข์ที่เว่ยเจียวอิงนำมาให้นาง นางจะทวงคืนกลับมาทีละก้าว
"จริงสิ ตัวยาเตรียมไว้พร้อมแล้วหรือยัง เดี๋ยวข้าจะไปที่วังชินอ๋อง"
เว่ยฉางอันกลืนโจ๊กคำสุดท้ายลงคอ ก่อนจะหันไปถามซู่ซิน เรื่องตำรับยาที่นางปรับใหม่เมื่อคืนนี้
"ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าเตรียมไว้พร้อมแล้ว"
ได้ยินคำถามของนาง ซู่ซินรีบพยักหน้า พลางสั่งให้สาวใช้คนอื่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ เก็บจานชามอย่างคล่องแคล่ว
วันนี้อากาศดีมาก ลมพัดเอื่อย ๆ ทำให้รู้สึกสบายตัว
นั่งอยู่ในรถม้า เว่ยฉางอันถึงกับยกม่านรถขึ้น หลับตาลง สัมผัสลมที่พัดผ่านใบหน้า ปลิวไปตามปอยผมที่ปลิวไสว จั๊กจี้ใบหน้าเล็กน้อย
"เจ้าเข้มแข็งกว่าที่ข้าคิดไว้มาก แต่เดิมข้ายังคิดว่าวันนี้อารมณ์เจ้าคงแย่ ที่ไหนได้ยังดูดีอยู่"
เมื่อหรงหลีเซิงกำลังฝังเข็มที่ขา เสียงทุ้มไพเราะก็ดังมาข้างหูของเว่ยฉางอัน
แต่ว่าสิ่งที่เขาพูด นางไม่ค่อยอยากฟังเท่าไหร่
นางแทงเข็มเงินเล่มสุดท้ายลงไปอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่หรงหลีเซิง ยื่นมือไปถอดหน้ากากของเขาออก สบตากันสองสามวินาทีแล้วจึงยักยิ้ม พูดว่า "ดูเหมือนว่าในสายตาของชินอ๋อง หม่อมฉันดูมีพละกำลังน้อยนิดมาก"
นางพูดเย้าแหย่ไปด้วย มือก็ไม่หยุดนิ่ง ใช้นิ้วชี้ตักยาจากโถมาก้อนใหญ่ ทาลงบนใบหน้าของหรงหลีเซิงอย่างไม่เร่งรีบ
สำหรับคำพูดของเขา เว่ยฉางอันรู้ว่าหมายถึงอะไร แต่นางก็ไม่แปลกใจ เพราะถึงแม้ตอนนี้อิทธิพลจะอยู่ภายใต้คำสั่งของนาง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหรงหลีเซิงอยู่ดี
"หึ ข้ามองเจ้าว่าแตกต่างออกไปจริง ๆ ข้าพึงพอใจมาก"
ได้ยินคำเย้าแหย่ของเว่ยฉางอัน เขาก็ส่งเสียงในลำคอเบา ๆ ก่อนที่มุมปากจะเผยรอยยิ้มจาง ๆ เงยหน้าขึ้นมองตรงไปที่ดวงตาของเว่ยฉางอัน เขาพบว่ามันสวยงามมาก
"ชินอ๋องมองหม่อมฉันเพราะเหตุใด"
รับรู้ถึงสายตาของเขา ใบหน้าของเว่ยฉางอันก็ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว