ดาราสาว พราวสวาท-ตอนที่ 17 ผู้จัดการส่วนตัวของฉัน

โดย  นักเขียนยามราตรี

ดาราสาว พราวสวาท

ตอนที่ 17 ผู้จัดการส่วนตัวของฉัน

บทที่ 20

ร่วมหุ้น

“แม่แป้นทำงานเสร็จแล้วไปซื้อขนมอบให้ฉันหน่อย”

นางแป้นที่กำลังเช็ดถูโต๊ะเครื่องแป้งได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้างตอบรับทันที เธอดีใจเสมอหากนายสาวใช้ให้ไปซื้อของ เพราะนั่นคือโอกาสที่จะได้ไปพบกับลูกๆนั่นเอง หญิงก้อยใช้วิธีนี้ให้นางแป้นได้ออกไปพบลูก สัปดาห์หนึ่งก็ออกไปเสียหลายหน บ้านของนางแป้นก็อยู่ไม่ไกลกับท่าเรือนี้ไม่ไกล จึงสะดวกนัก

ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่หญิงก้อยให้นางแป้นมารับใช้ส่วนตัว พระยาธนบดีไม่ได้มีปฏิกิริยาอันใด เวลาเขามาหาก็ให้นางแป้นไปอยู่ที่อื่นเสีย เขายังคงปฏิบัติเอาอกเอาใจหญิงก้อยเช่นเดิม อีกทั้งช่วงนี้เห็นว่ามีงานราชการมาก สัปดาห์หนึ่งจึงอาจจะค้างอยู่บ้านแค่สามหรือสี่วันเท่านั้น

นางจิกพยายามจะบอกข่าวแก่หญิงก้อยว่าพระยาธนบดีนั้นไปบำรุงบำเรออยู่ข้างนอกอย่างไร หากอารมณ์ดีก็ฟังผ่านหูแล้วไล่นางจิกไปเสีย แต่หากอารมณ์ไม่ดีก็มีดุมีกล่าวกันบ้าง เรื่องเช่นนี้หญิงก้อยขี้เกียจจะฟัง ใช่เพราะร้อนรนหึงหวงแต่เบื่อท่าทางของนางจิกเสียมากกว่า เรื่องอื่นมีตั้งมากเอาแต่จะพูดเรื่องพวกนี้เท่านั้น น่ารำคาญ

“คุณหญิงเจ้าคะ คุณชายกฤตมาเจ้าค่ะ กำลังรับน้ำชาอยู่ห้องรับแขก”

“วันนี้พี่ชายกฤตก็มาหรือ ดีจริง จวง ห้องครัวจะทำขนมจีบมิใช่หรือ ถ้าเสร็จแล้วก็นำไปให้พี่ชายกฤตด้วยนะ”

หญิงก้อยสั่งบ่าวจวง ส่วนตัวเองนั้นก็รีบลุกขึ้นแต่งตัวโดยมีนางแป้นช่วยดูแลก่อนจะลงไปหาพี่ชายกฤต ช่วงนี้ชายกฤตมาที่นี่บ่อยครั้ง เห็นว่ามีเรื่องงานอยากมาปรึกษากับพระยาธนบดี

“พี่ชายกฤตสวัสดีค่ะ”

“น้องหญิงก้อย พี่ก็กลัวว่าเธอจะพักผ่อนอยู่ มิกล้าให้บ่าวไปตาม”

“พี่ชายกฤตรับของว่างนะคะ อีกเดี๋ยวบ่าวคงยกเข้ามาให้”

“ให้บ่าวไปตั้งสำรับที่สนามตรงโน้นได้หรือไม่”

พี่ชายของเธอคล้ายกับอยากมีเรื่องพูดคุยเป็นการส่วนตัว หญิงก้อยจึงสั่งให้บ่าวไปตั้งสำรับของว่างที่ด้านนอก สองพี่น้องจึงได้อยู่กันตามลำพัง

“พี่เพิ่งจะทราบเรื่องเหตุผลที่เธอต้องแต่งงานกับพระยาธนบดีเมื่อวันก่อนนี้เอง”

หญิงก้อยไม่คิดว่าพี่ชายจะพูดเรื่องนี้ ในเมื่อทุกอย่างล่วงเลยมาจนบัดนี้ จนตั้งท้องลูกของเขาแล้ว เธอไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไร

“พี่ไม่ค่อยยินดีนักที่ได้ทราบเรื่อง และพี่แน่ใจว่าเธอก็คงจะไม่ใคร่จะยินดีเช่นกันใช่หรือไม่ หากพี่กลับมาไวกว่านี้คงหาทางออกให้ท่านพ่อได้โดยไม่ต้องให้เธอแต่งงาน แต่ในเมื่อเรื่องล่วงเลยมาจนป่านนี้ อีกทั้งเธอก็อยู่ดีสุขสบาย เช่นนั้นพี่ก็เบาใจ แต่หากน้องหญิงมีเรื่องใดขุ่นข้องใจ น้องก็มิจำเป็นต้องทนดอกนะ พี่จะพูดจากับท่านพ่อและหม่อมแม่เอง”

“พี่ชายหมายความว่า...”

“พี่ทราบมาว่าท่านเจ้าคุณนั้นค่อนข้างที่จะ...เอ่อ...เจ้าชู้ประตูดินและมิได้มียางอายที่จะปิดบัง ขอโทษที่พูดอย่างตรงไปตรงมา พี่กลัวว่าเธอจะเจ็บช้ำน้ำใจ จึงแค่อยากให้รู้เอาไว้ ว่าวันหน้าหากน้องตัดสินใจอันใด พี่จะอยู่ข้างเธอเสมอ”

“ขอบคุณพี่ชายกฤตมากนะคะ หญิงดีใจที่ยังมีพี่ชายกฤตให้กำลังใจเช่นนี้ ตอนนี้หญิงคงจะต้องเห็นแก่ลูกเป็นสำคัญ เรื่องอื่นนั้นหญิงปล่อยวางไปเสียนานแล้ว”

สองพี่น้องยิ้มจับมือให้กำลังใจกัน หญิงก้อยซาบซึ้งต่อน้ำใจที่ชายกฤตแสดงกับเธอมาก ไม่มีพี่น้องคนใดหรือแม้กระทั่งพ่อแม่ของเธอที่แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจต่อเธอเช่นนี้เลยสักคนเดียว มีแต่บอกให้อดทนปล่อยวาง เป็นพี่ชายกฤตเสียอีกที่บอกให้เธอมิต้องอดทน และยังพลอยเจ็บช้ำไปกับเธอด้วย

“เฮ้อ...ถ้าพี่ทราบเรื่องของน้องเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ก็คงจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับพระยาธนบดีเป็นแน่”

“น้องทราบว่าพี่ชายกฤตมาคุยธุระกับท่านเจ้าคุณ แต่ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องใด”

หญิงก้อยได้ฟังชายกฤตก็ได้ความว่า ตัวเขานั้นก่อนจะกลับบ้านเกิดก็ได้วางแผนปูเส้นทางธุรกิจกับเพื่อนเอาไว้ ตั้งใจไว้ว่าจะนำเข้าเครื่องมือช่างจากอเมริกาเข้ามาจำหน่ายในสยาม บริษัทของอเมริกาที่ติดต่อไว้เคยทำงานกับชายกฤตมาก่อนจึงพูดคุยกันง่าย ยอมให้วางมัดจำค่าสินค้าแค่บางส่วน เงินที่เหลือค่อยผ่อนชำระเป็นงวดตามกำหนดอีกที

“ตอนนี้ของค้างอยู่ที่ท่าสิงคโปร์ หากไม่รีบนำเข้ามาเราก็จะเสียค่าที่จอดเรือให้การท่าสิงคโปร์ไปเรื่อยๆ เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา หุ้นส่วนที่เป็นเพื่อนของพี่หาลูกค้าได้ไม่น้อย นี่เขาก็รอของจากเราอยู่เหมือนกัน ถ้าเรือมาถึง เราก็จะขายได้เงินทันที”

“แล้วตอนนี้ติดอะไรอยู่หรือคะ”

“ติดอยู่สองส่วน ส่วนแรกคือพระยาอีกท่านที่เป็นคนดูแลเรื่องเรือที่เข้าจากสิงคโปร์นั้นยังมิยอมลงนามในใบอนุญาติเรือของเราเสียที อ้างว่าเป็นบริษัทเดินเรือที่มิเคยทำสัญญาด้วย เกรงเรื่องความมั่นคงจึงขอตรวจสอบอีกเล็กน้อย แต่ครั้นจะให้เรือมาจอดปากอ่าวก็กระไร ลำบากลูกเรือเคว้งคว้างกลางทะเล อีกทั้งกลัวโจรสลัด จึงจำเป็นต้องให้อยู่ที่ท่าสิงคโปร์จนกว่าจะได้รับการยืนยันดีกว่า

ส่วนที่สอง หากเรือเข้ามาแล้ว พี่จำเป็นเป็นต้องหาโกดังลงของและหาที่ตั้งบริษัทให้เป็นกิจจะลักษณะ จึงจะเจรจาขอเช่าโกดังของท่านเจ้าคุณ แต่ท่านว่าโกดังเต็มทุกแห่ง”

“เช่นนั้นท่านเจ้าคุณน่าจะไปเร่งเจรจากับพระยาท่านที่ออกใบอนุญาตให้ก่อน ส่วนเรื่องโกดังนั้น ท่านเจ้าคุณมีอยู่หลายแห่ง เร็วๆนี้คงจะมีว่างสักแห่งเป็นแน่”

“ที่พี่มารบกวนท่านเจ้าคุณบ่อยๆก็เพราะเรื่องนี้ แต่ก็ยังมิได้คืบหน้า ส่วนโกดังเก็บของ คราแรกเห็นว่าดองกันจึงอยากอุดหนุน แต่หากเต็มเสียแล้วก็คงไม่เป็นไร คงมีที่อีกมากให้เช่าได้ เฮ้อ...แต่พอพี่มารู้เรื่องน้องหญิงเข้า พี่ก็รู้สึกไม่ดีที่ต้องไปขอความช่วยเหลือท่านเจ้าคุณอีกแล้ว”

“พี่ชายกฤตอย่าคิดมากเลยนะคะ ในเมื่อตอนนี้หญิงเป็นภรรยาตกแต่งอย่างถูกต้องแล้ว หากมีเรื่องต้องช่วยเหลือ ท่านเจ้าคุณก็คงเต็มใจ”

พี่ชายกฤตคล้ายทำหน้าว่าอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ไม่ยอมเอ่ย จนหญิงก้อยเลิกคิ้ว ชายกฤตจึงได้ยอมพูดออกมาเสียที

“ช่วงนี้พี่จำเป็นต้องวิ่งเต้นหลายแห่ง ไม่อาจฝากความหวังไว้ที่พระยาธนบดีแต่เพียงผู้เดียวได้ จึงได้ไปรู้เรื่องหลายอย่างเกี่ยวกับท่านเจ้าคุณเข้า”

“เรื่องอะไรหรือคะ”

“พี่ไม่อาจสาธยายให้น้องฟังได้ละเอียด ด้วยเพราะบางอย่างก็ไม่มีหลักฐาน เป็นเพียงการบอกเล่าเท่านั้น แต่จากที่ได้พูดคุยกันมาหลายครา ตามความรู้สึกของพี่นั้น...เอ่อ...”

“พี่ชายพูดมาเถอะค่ะ อย่าได้เกรงใจ”

“พี่คิดว่า พระยาธนบดีออกจะเป็นคนหัวการค้าเกินไป ติดจะเอารัดเอาเปรียบ อีกทั้งค่อนข้างจะเชื่อถือสนิทใจได้ยากนัก เอ่อ...พี่ขอโทษที่ต้องพูดออกไปตรงๆ น้องหญิงอย่าได้โกรธพี่เลย”

หญิงก้อยจะไปโกรธพี่ชายได้อย่างไร ในเมื่อเธอได้กระจ่างชัดแล้วว่าสามีของเธอนั้นหัวการค้าเพียงใด หลักฐานเด่นชัดก็คือตัวของเธอเอง ที่สามีนับว่าเป็นของลงทุนอย่างหนึ่ง ของลงทุนที่คิดบวกลบแล้วได้กำไรคุ้มค่า คืนทุนเร็ว จึงได้เลือกเธอมาเป็นภรรยาอย่างไรเล่า ทุกสิ่งที่เค้าตัดสินใจกระทำ อย่างไรก็คงต้องให้ได้เปรียบไว้ก่อน ไม่ผิดจากคำที่พี่ชายพูดเท่าใดนักดอก

“ที่พี่มาวันนี้ก็เพราะตั้งใจว่าจะมาขอบพระคุณที่ท่านกรุณาให้ความช่วยเหลือแนะนำมาโดยตลอด ถึงแม้ไม่คืบหน้าแต่ก็ถือว่าได้ความรู้เรื่องระบบราชการของสยามพอควร”

“แล้วพี่ชายจะทำอย่างไรต่อไปคะ”

“ในเมื่อไม่คืบหน้าพี่ก็คงต้องไปพึ่งพาผู้อื่น คุณพ่อของเพื่อนพี่ รู้จักกับผู้ใหญ่ในกระทรวงมหาดไท เขาจะไปช่วยเจรจากับพระยาท่านนั้น ท่านพ่อกับพี่ชายใหญ่ก็จะไปช่วยพูดคุยด้วย ถึงแม้งานไม่ค่อยเกี่ยวข้องกัน แต่คงไปช่วยยืนยันว่าเรือสินค้าของเรามิได้มีอันใดน่าสงสัย ทุกอย่างน่าจะง่ายขึ้น”

ถึงพระยาธนบดีจะเป็นสามีของเธอ ครอบครัวทั้งสองเกี่ยวดองกัน แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับค้าขายธุรกิจ เธอเห็นดีที่พี่ชายจะหันไปพึ่งคนอื่นเสียคงจะสบายใจกันมากกว่า อีกทั้งจะได้ไม่ต้องติดค้างหนี้บุญคุณให้มีเรื่องต้องชดใช้กันต่อไปอีกด้วย

พูดคุยกันไปสักพักพระยาธนบดีกับคุณยศก็กลับมาถึง พี่ชายกฤตจึงได้ขอตัวเข้าพูดคุยหารือ ระหว่างนี้หญิงก้อยคิดว่าจะให้บ่าวจัดสำรับเย็นเผื่อพี่ชายด้วยเลย จะได้พูดคุยกันได้ยาวๆ แต่ก่อนที่จะเรียกบ่าวมาถาม เธอก็เจอเข้ากับคนผู้หนึ่ง

“นายเด่น”

“คุณหญิงก้อย สบายดีนะขอรับ”

เป็นนายเด่นนั่นเอง เขายิ้มกว้างให้ ยืนค้อมตัวกุมมืออย่างนอบน้อมเช่นเคย นายเด่นเป็นชายที่หญิงก้อยใกล้ชิดเป็นเพื่อนเล่นมาแต่เด็ก แต่กว่าจะได้รู้ใจตัวว่าแอบพึงใจในฐานะชายหนุ่มก็เมื่อคราวที่ตนจำใจต้องแต่งงาน

ด้วยความที่หญิงก้อยมิได้เต็มใจ จึงอยากจะมอบกายให้ชายคนที่ตัวเองรักก่อนที่จะต้องไปอยู่กับคนที่ตนมิได้เลือก แต่เมื่อผ่านคืนนั้นไปแล้ว ทุกสิ่งล้วนเป็นเพียงความทรงจำ แม้ลึกๆในใจยังคงคิดถึงเขาบ้าง แต่อย่างไรเธอจำเป็นต้องวางตัวให้สมกับฐานะภรรยาพระยาธนบดี และทำหน้าที่ ณ ตอนนี้ของตัวเองให้ดีที่สุดต่อไป

“เหตุใดนายเด่นถึงมากับพี่ชายกฤตได้ล่ะจ๊ะ”

“กระผมมาขับรถให้คุณชายขอรับ”

“อ้าว แล้วไม่ไปช่วยพี่ชายใหญ่แล้วหรือ”

“พอดีคุณชายกฤตท่านเห็นว่ากระผมพอจะอ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็นนิดหน่อย อีกทั้งรู้จักเส้นทางในพระนครดี จึงได้ขอตัวกระผมจากคุณชายใหญ่ให้มาคอยขับรถให้ขอรับ”

“เช่นนั้นฉันคงจะได้เจอกับนายเด่นบ่อยขึ้นกระมัง”

“เอาไว้หากคราวหน้ามีโอกาสได้มาอีก กระผมจะเอาขนมของแม่ติดมือมาฝากคุณหญิงก้อยนะขอรับ”

“ดีจริง ฉันคิดถึงฝีมือแม่แดงจะแย่”

“แล้ว...คิดถึงลูกชุปฝีมือกระผมบ้างหรือไม่ขอรับ”

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ หญิงก้อยเห็นความวูบไหวในสายตาของนายเด่น แม้จะเป็นเพียงแค่แว่บเดียวก็ตาม

เธอเป็นผู้หยิบยื่นความสัมพันธ์ทางกายที่เกินเส้นแบ่งแก่เขาเอง ทั้งที่รู้ว่ามิอาจกลับไปแก้ไขอดีต และอนาคตก็ไม่มีหนทาง จะเป็นการเห็นแก่ตัวหรือไม่ หากจะไม่ตัดรอนความรู้สึกที่เปรียบเสมือนใยบางๆที่ยังเชื่อมเขากับเธอไว้ให้ขาดสะบั้นไปเสีย

“ฉันคิดถึงลูกชุบขี้เหร่ของนายเด่นอยู่เสมอ แม้จะไม่ได้มีโอกาสได้ชิมอีกแล้ว แต่ก็มิอาจลืม”

นายเด่นยิ้มพยักหน้า อย่างไรเธอก็เป็นหญิงสาวที่เขาปรารถนาจะให้มีความสุข แม้คนที่มอบความสุขให้จะมิใช่เขาก็ตาม

หญิงก้อยกำลังจะชวนนายเด่นให้เดินไปที่โรงครัวเป็นเพื่อน ทว่าพี่ชายกฤตก็เดินดุ่มๆออกมาจากห้องหนังสือของท่านพระยาธนบดีเสียก่อน

“คุณชายกฤตขอรับ ท่านเจ้าคุณให้แจ้งว่า ทางเราจะเร่งจัดเตรียมหนังสือให้เรียบร้อยแล้วจะส่งไปที่วังชินภัทรโดยเร็วที่สุด ขอให้คุณชายเตรียมดำเนินการไว้ได้เลยขอรับ”

เป็นคุณยศตามออกมาส่งพี่ชายกฤต หญิงก้อยรอจะชวนรับประทานข้าวเย็นด้วยกัน พอเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหาพี่ชาย ทว่าสีหน้าของชายกฤตมิสู้ดีเท่าใดนัก เขาพูดคุยร่ำลากันได้แค่คำสองคำก็ขอตัวกลับทันที นายเด่นเดินตามแทบไม่ทัน ด้วยท่าทีเช่นนั้น หญิงก้อยจึงอดที่จะหันไปถามความกับคุณยศไม่ได้

“มีปัญหาน่าหนักใจหรือคะคุณยศ”

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกขอรับ ท่านเจ้าคุณกับท่านชายหารือกันเรื่องร่วมหุ้นเท่านั้นขอรับ”

“ร่วมหุ้นหรือคะ”

“ก็กิจการนำเข้าเครื่องมือช่างอย่างไรขอรับ ท่านเจ้าคุณกับคุณชายตกลงจะลงทุน ‘ร่วมหุ้น’ กันขอรับ”


- โปรดติดตามตอนต่อไป -

#คืนใจกชกร

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว