หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจภายในห้องน้ำของบริษัท แพรรุ้งจัดแจงจัดเสื้อผ้าหน้าผมของตนเองให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยในกระจกว่าไม่มีอะไรที่จะแสดงพิรุธออกมาให้ใครได้เห็น รวมถึงเก็บพฤกษที่บัดนี้กลับกลายเป็นเมล็ดดังเดิมให้เข้าไปอยู่ในกระเป๋าใส่ของใบเล็กของเธอเช่นเดิม
โชคดีที่ไม่มีใครสังเกตว่าแพรรุ้งหายตัวไปไหน เพราะทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายกับการทำงานที่โต๊ะของตนกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด หญิงสาวค่อยๆ ย่องออกจากห้องน้ำ ก่อนจะเดินดุ่มๆ กลับไปยังโต๊ะทำงาน
ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ เสียงของแตงโมก็ดังขึ้นจนคนมีชนักติดหลังต้องสะดุ้งโหยง
“อ้าว ยัยแพร! นี่หายไปไหนมายะ ฉันกับพี่จี๊ดตามหาตัวตั้งนาน”
“ฉันไปถ่ายเอกสารมา พอดีเครื่องมันรวนๆ ก็เลยรอนานไปหน่อย”
แพรรุ้งรีบแก้ตัว พยายามหลบเลี่ยงสายตาที่จ้องเหมือนกับจะจับผิด ก่อนจะทำทีเป็นจัดเอกสารบนโต๊ะและทำตัวให้ดูยุ่งเข้าไว้
พอเห็นว่าแตงโมหันกลับไปทำงานยังโต๊ะของตัวเองแล้ว แพรรุ้งก็หยิบกระเป๋าสตางค์ใบเล็กใส่เข้าไปในลิ้นชักในโต๊ะด้านบน ก่อนจะล็อกมันด้วยกุญแจส่วนตัว เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเธอเก็บอะไรเอาไว้อยู่ข้างในนั้น
วันนั้นทั้งวัน แพรรุ้งวุ่นอยู่กับการจัดการงานที่ถาโถมเข้ามาเยอะตามปกติของวันจันทร์ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น ในตอนแรกเธอตั้งใจจะสอบถามถึงเรื่องของพฤกษกับป้าแมว แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ทั้งวันจะไม่มีใครเห็นป้าแมวเลยสักคน
“ป้าแมวหยุดเหรอคะวันนี้”
แพรรุ้งเอ่ยถามแม่บ้านอีกคนที่ดูเหมือนจะมาทำงานแทนป้าแมวที่ไม่ได้มาในวันนี้
“ค่ะ เห็นป้าแกโทรมาลางานกับฝ่ายบุคคลตอนเช้าว่าไม่สบาย ดิฉันก็เลยมาทำงานแทนน่ะค่ะ”
แม่บ้านคนใหม่ตอบกลับ ก่อนจะขอตัวไปเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อเตรียมตัวเลิกงานเหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ ที่ต่างทยอยกันกลับบ้าน แพรรุ้งเองพอได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่พยักหน้า คิดว่าพรุ่งนี้เธอค่อยมาถามป้าแมวใหม่เมื่อป้าแม่บ้านกลับมาทำงานแล้ว
ทว่า...หญิงสาวที่มัวแต่ยุ่งๆ ก็ลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิทใจ
เมื่อแพรรุ้งกลับถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอก็เพิ่งนึกได้ว่าลืมพฤกษเอาไว้ในลิ้นชักที่โต๊ะทำงาน
“ว้ายยยย ตะ...ตายแล้วววว!”
แพรรุ้งตะครุบปากตัวเองเอาไว้ ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันมุ่น เมื่อเธอเปิดกระเป๋าถือของตนแล้วควานหากระเป๋าใบเล็กไม่พบกระเป๋าใส่ของกระจุกกระจิก แน่นอนว่าเธอลืมมันอย่างไม่ต้องสงสัย
“ทำยังไงดีล่ะเนี่ย”
หญิงสาวรู้สึกสองจิตสองใจ ไม่รู้จะทำเช่นไร ใจหนึ่งเธอก็คิดว่าบางทีอาจจะดีเหมือนกันที่วันนี้เธอจะได้นอนพักอย่างเต็มอิ่ม การอยู่ห่างพฤกษน่าจะจะเป็นการดีเหมือนกัน ทว่าอีกใจหนึ่งเธอก็รู้สึกเป็นห่วงเขาอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าการทิ้งเขาเอาไว้เช่นนั้นจะเป็นอะไรหรือไม่ ก็ในเมื่อเขาดำรงชีวิตอยู่ได้โดยการดื่มกินสารอาหารจากร่างกายเธอ
*******************
ในที่สุดแพรรุ้งก็อดที่จะเป็นกังวลใจไม่ได้ หญิงสาวเลยตัดสินใจเรียกแท็กซี่เพื่อกลับไปยังบริษัท แต่กว่าจะเดินทางไปถึง เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ถึงแม้เธอจะรู้สึกหัวเสียกับความสะเพร่าของตัวเอง แต่ก็ต้องออกอาการหงุดหงิดยิ่งกว่าที่เห็นว่าดึกป่านนี้แล้ว บนท้องถนนยังเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ติดกันเป็นแพยาวเหยียด
เมื่อไปถึง แพรรุ้งก็รีบวิ่งเข้าไปยังตัวตึกด้านใน โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทที่อยู่เวรกะดึกเอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรเหรอครับคุณ?”
รปภ.ของบริษัทจำหน้าแพรรุ้งได้ หญิงสาวที่เตรียมหาข้อตัวเอาไว้อยู่ก่อนหน้าแล้ว เลยบอกว่าเธอลืมเอกสารสำคัญเอาไว้ที่โต๊ะทำงาน และจำเป็นจะต้องตรวจทานมันให้ถูกต้องครบถ้วนก่อนที่จะเข้าประชุมในวันรุ่งขึ้น
“ฉันขอเข้าไปหยิบเอกสารแป๊บเดียวค่ะ”
“เชิญเลยครับ”
รปภ.พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะเปิดทางให้หญิงสาวเข้าไปในตัวบริษัท ซึ่งเธอสามารถใช้บัตรพนักงานแตะยังเครื่องแสกนเพื่อผ่านเข้าไปด้านในด้าน
“โหยยยย...มืดชะมัด”
แพรรุ้งบ่นอุบ เมื่อสองทางเดินปกคลุมไปด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงสว่างจากไฟทางเดินที่ช่วยนำทางหญิงสาวให้เดินไปถึงยังเป้าหมาย
เมื่อไปถึงห้องทำงานของแผนกเธอ แพรรุ้งก็จำเป็นต้องใช้บัตรแนบกับเครื่องแสกนอีกครั้งเพื่อผ่านเข้าไป หญิงสาวรีบตรงดิ่งไปยังโต๊ะทำงานของตน โดยไม่คิดจะเปิดไฟให้สว่างเสียก่อน เธอรีบจัดแจงไขกุญแจลิ้นชัก และหยิบกระเป๋าใบเล็กของเธอออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อพบว่าทุกอย่างยังอยู่ครบเรียบร้อยในสภาพเดิม
“ขอโทษด้วยนะพฤกษที่ฉันดันลืมนายเอาไว้”
แพรรุ้งพูดขณะที่เปิดกระเป๋าออกมาดู ทันทีเธอพูดจบ จู่ๆ แสงวูบวาบก็ปรากฏขึ้นจากภายในกระเป๋าใบเล็ก และค่อยๆ กลายร่างเป็นชายหนุ่มในชุดสูทที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตา เพียงแต่ว่าดูเหมือนสีหน้าของพฤษกจะดูเหนื่อยอ่อนอย่างบอกไม่ถูก
“นะ...นายหญิง”
“พฤกษ...เป็นอะไรไปน่ะ”
ในความมืด...แพรรุ้งเองก็มองเห็นสีหน้าของพฤกษไม่ค่อยถนัดนักว่าเขาเป็นอะไร แต่ฟังจากน้ำเสียง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะดูอิดโรยและมีอาการคล้ายกับคนไม่มีแรงอย่างไรอย่างนั้น
“กระผม...”
พฤกษพูดยังไม่ทันจบคำก็ทรุดลงไปเล็กน้อย แพรรุ้งพอเห็นดังนั้นก็รีบตรงเข้ามาพยุงเขาเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมพฤกษถึงได้เป็นแบบนี้
“นี่นายเป็นอะไรน่ะ บอกฉันสิ”
“อาจจะเป็นเพราะ...” เขาพูดพร้อมกับหายใจหอบออกมาด้วยอาการอ่อนเพลีย
“อย่าบอกนะว่า...หิว”
แพรรุ้งเดาส่งเอาเอง เพราะเธอคิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลนี้ล่ะมั้งที่ทำให้เขาดูหมดเรี่ยวหมดแรงขนาดนี้ เพราะถ้าจะบอกว่าขาดอากาศหายใจเพราะถูกเก็บเอาไว้อยู่ในลิ้นชักก็ไม่น่าจะใช่ พอคิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็พยุงพฤกษไปยังโต๊ะประชุมใหญ่ที่อยู่ตรงกลางห้อง
“นายหญิง...”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะ เอาเป็นว่ามาทางนี่ก่อน เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว