แค่เหงา

ข้อตกลง

ดารินยืนมองบ้านหลังสวยตรงหน้าด้วยสายตาว้าเหว่ เธอเรียนจบมัธยมหกแล้วแต่ไม่มีใครไปรับเธอสักคน

คนนอกสายตาก็ยังเป็นคนนอกสายตาอยู่วันยังค่ำ เธอกลับมากับเพื่อน ติดรถมาลงตรงทางเข้าไร่

โยธินบ่นไม่หยุดว่าเธอไม่ยอมรอให้พายุไปรับ ทั้ง ๆ ที่พายุก็เอาแต่ยุ่งกับงาน แทบลืมสิ่งที่โยธินสั่งไปเสียด้วยซ้ำ

ดารินได้เจอกับพี่สาวอีกครั้ง มิรินก็ยังคงเป็นมิริน นั่นก็คือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่ถึงแม้บิดามารดาจะเสียชีวิตหมดแล้วแต่ก็ยังมีเฮีย ๆ ทั้งสามคอยดูแลอย่างดีตั้งแต่เด็ก

เธอยอมรับว่ามิรินคือพี่สาวที่ดี อีกฝ่ายดีกับเธอมาก นั่นยิ่งทำให้เธออยากถอยหนี ไม่อยากให้มิรินดีกับเธอแบบนี้ เธออยากให้มิรินเป็นคนร้ายกาจ ทำไม่ดีกับเธอเผื่อคนอื่นจะได้เห็นว่าเธอมีดีกับเขาบ้าง

ดารินเดาได้ไม่ยากว่าโยธินต้องต่อว่าเธอเรื่องเรียนต่อเป็นแน่ ซึ่งมันก็จริง เพราะว่าเธอมีผลการเรียนที่ย่ำแย่ จบมาด้วยเกรดเฉลี่ยที่สอบเข้าเรียนต่อที่ไหนไม่ได้เลย

ดารินไม่อยากไปเรียน แต่อยากป่วนเฮียทั้งสาม เธอขอไปทำงานที่ไร่ บิดาของเธอนั้นปลูกผักปลอดสารพิษส่งขาย ธุรกิจพวกนั้นเป็นของเธอครึ่งหนึ่ง แต่ทุกคนทำเหมือนลืม ให้มิรินเข้าไปดูแลกับอัสนีโดยไม่มีเธออยู่ด้วย

โยธินบอกว่าอยากได้ที่ดินก็ต้องไปบุกเบิกเอาเอง โดยให้เธอเข้าไปอยู่ในไร่ที่รกไปด้วยต้นไม้ โดยมีพายุตามไปด้วย

ในค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เพราะเธอเอาแต่อยากเอาชนะ เลยทำให้เธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพายุ และเธอก็ล้มป่วย ออกมาจากไร่เธอจึงไม่ได้เจอเขาอีก

จนกระทั่งเธอคิดว่าการไปเรียนต่อคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ เธอไม่อยากให้พายุมารับผิดชอบเพราะมันเป็นแค่อุบัติเหตุ เธอยั่วโมโหเขาเอง เขาเลยขาดสติ

เธออยากหลบหน้าพายุ ดารินรู้อยู่แก่ใจ แต่โยธินก็ยังส่งเขามาดูแลเธอ

“ความจริงเฮียไม่เห็นต้องลำบากมาดูรินตามคำสั่งของเฮียโยก็ได้” ดารินพูดขึ้นในวันหนึ่งเมื่อเห็นพายุมารอเธออยู่หน้ามหาวิทยาลัย

“ก็ไม่ได้ลำบากอะไร พอดีเฮียเข้าเมืองพอดี” เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ร่างสูงยืนพิงไปกับรถคันโตด้วยท่าทีสบาย ๆ

“อย่างนั้นเหรอคะ” ดารินเอ่ยถามออกไปอย่างน้อยใจ แต่คิดว่าเขาคงไม่รู้ เธอยอมรับว่าคิดถึงเขา แต่เขาแค่ผ่านมาเลยแวะมาดูให้จบ ๆ ไป เวลาโยธินถามจะได้ตอบได้ว่ามาแล้ว

“เรียนเป็นยังไงบ้าง” พายุเอ่ยถาม มองหญิงสาวที่ยังไม่ยอมขึ้นรถมากับเขานิ่ง

ดารินอยู่ในชุดนักศึกษาเช่นนี้ดูโตขึ้นมาก เธอเป็นสาวสวยคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

“ก็ดีค่ะ เฮียเจอรินแล้ว งั้นเราแยกกันตรงนี้นะคะ” เธอเดินหนี น้อยใจและไม่อยากเห็นหน้า แต่พายุรีบคว้าข้อมือเล็กเอาไว้

“เดี๋ยวก่อนสิ”

“เฮียมีอะไรคะ” ดารินพยายามดึงข้อมือออกจากการเกาะกุม เขาจึงยอมปล่อย

“ทำไมต้องทำท่ารังเกียจเฮียขนาดนั้นด้วย เดินหนีทำไม”

“รินเปล่านะคะ แต่เฮียก็เห็นแล้วว่ารินโอเค ไม่เจ็บป่วยอะไร ก็กลับไปบอกเฮียโยได้แล้ว รินก็ว่าเราควรแยกย้าย”

“ยังเหมือนเดิม”

“อะไรที่บอกว่ายังเหมือนเดิมคะ”

“ยังกวนโมโหเหมือนเดิม ไหน ๆ เฮียมาแล้วเราไปกินข้าวกันหน่อยไหม” พายุเอ่ยถาม

“เฮียอยากกินข้าวกับรินเหรอคะ”

“เฮียหิว และอยากหาคนกินข้าวเป็นเพื่อน”

“แค่นั้นเองเหรอคะ”

“ตกลงจะไปไหม”

“รินจะกลับหอพักค่ะ” เธออยู่หอพักราคาประหยัด ไม่อยากอยู่คอนโดฯ หรูใกล้มหาวิทยาลัยที่ถูกจัดให้แต่แรก เพราะไม่อยากสร้างภาระให้โยธินหรือใครอีก

“เดี๋ยวก่อน” พายุรั้งข้อมือของดารินเอาไว้อีกครั้ง

“มีอะไรอีกคะ รินบอกว่าอยากกลับหอ”

“ถ้ายังขืนเรื่องมาก เฮียจะอุ้มรินยัดเข้าไปในรถ ก็เอาสิ คนหน้ามหาลัยจะได้มามุงดูเรา”

“อย่าค่ะ”

“งั้นก็ขึ้นรถไปกินข้าวกับเฮียดีๆ” พายุเปิดประตูรถให้หญิงสาว เธอจึงจำต้องขึ้นไปนั่งบนรถอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พายุขับรถพาดารินไปรับประทานอาหารร้านประจำของเขา เข้าเมืองทีไรเขาก็มักจะมากินอาหารร้านนี้

ร้านนี้เป็นอาหารใต้รสชาติเผ็ดร้อนถึงพริกถึงขิง เครื่องแกงหอมกรุ่นไปทั่วร้าน เพียงแค่เดินเข้ามาก็ได้กลิ่นพริกไทยและพริกแกงใต้

“กินเผ็ดได้ไหม” พายุเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า

“พอกินได้ค่ะ”

“ร้านนี้อร่อยแล้วก็สะอาดด้วย รสชาติถึงพริกถึงขิง”

“น่าจะอร่อยเพราะเครื่องแกงหอมเชียว” เธอได้กลิ่นพริกแกงและเครื่องเทศ รวมถึงพริกไทยอบอวลไปทั่วร้าน

เครื่องแกงใต้มีจุดเด่นคือความเผ็ดร้อน และที่สำคัญก็คือรสชาติที่จัดจ้าน

“อยากกินอะไรสั่งเลย อร่อยทุกอย่าง”

“ร้านประจำของเฮียเหรอคะ” ดารินแอบลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของพายุ

พี่ชายทั้งสามของเธอ หรือเฮียทั้งสามนั่นแหละ มีใบหน้าหล่อเหลา เดินไปไหนสาว ๆ มองเหลียวหลัง พายุกับอัสนีไม่ได้เป็นพี่ชายกันโดยสายเลือด แต่โยธินพอจะมีสายเลือดอยู่บ้าง แต่กับมิรินนะไม่ใช่กับเธอ

ดารินนึกถึงก่อนมาเรียนหนังสือที่นี่ เธอแอบได้ยินเฮียทั้งสามคุยกัน และนั่นทำให้เธอได้รับรู้ว่าเธอไม่ใช่น้องสาวของมิรินเป็นแค่ลูกติดท้องที่มารดาของเธอมาแอบอ้างเพื่อที่จะจับบิดาของมิรินเท่านั้น

จากที่เธอเคยทวงสิทธิ์ในสมบัติครึ่งหนึ่งของทรงสิทธิ์ เธอจึงไม่กล้าทวงสิทธิ์อะไรอีก เพราะแท้ที่จริงเธอเป็นเพียงแค่กาฝากเท่านั้นเอง

“แกงส้มกุ้งชะอมไข่ดีไหม” ประโยคของพายุทำให้ดารินหลุดจากภวังค์ความคิด

“แล้วแต่เฮียเลยค่ะ”

“แกงเผ็ดเป็ดย่าง คั่วกลิ้งหมูป่า ไข่เจียวกุ้งสับ ปลาทอดขมิ้น ยำมะม่วงกุ้งสด แล้วก็ต้มใบเหลียงกุ้งสดอีกอย่างนึง” ที่นี่มีทั้งอาหารป่า ทั้งอาหารทะเล รสชาติอาหารที่พายุสั่งมาครบรส ทั้งเผ็ด เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เธอเลยไม่ได้สั่งอะไรเพิ่ม

“เอาต้มยำเพิ่มอีกอย่างไหม ชอบกินไม่ใช่เหรอ” ประโยคของเขาทำให้เธอต้องเงยหน้ามอง ก่อนจะหลบสายตา ดวงตาของพายุทำให้หัวใจของเธอสั่นสะท้าน

ดารินใจสั่นก้มมองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ไม่อยากให้ตัวเองประหม่าและมีอาการแบบนี้เลยจริงๆ

“แล้วแต่เฮียค่ะ” พูดแล้วกัดปากตัวเองแบบไม่ได้ตั้งใจ

“งั้นเอาต้มยำทะเลอีกอย่างด้วยครับ”

“สั่งอาหารมาเยอะขนาดนี้ กินหมดเหรอคะ”

“เฮียหิว” คำว่าหิวของเขาทำให้เธอรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนโดยไม่ทราบสาเหตุ

“เฮียรู้ด้วยเหรอคะว่ารินชอบกินต้มยำ”

“มิรินเคยบอก”

“อ้อ... เหรอคะ” เธอใจแป้ว คิดว่าเขาช่างสังเกตเสียอีก ที่ไหนได้มิรินบอกนี่เอง ถ้ามิรินไม่บอกเขาเองก็คงไม่รู้สินะ

“สวัสดีค่ะพัน มาแล้วทำไมไม่บอกล่ะคะ จะได้ออกมาต้อนรับ” ทิพย์สุดาเจ้าของร้านแสนสวยตรงเข้ามาทักทายพายุอย่างสนิทสนม พลางนั่งลงใกล้ๆ โดยไม่ต้องให้ชวน ภาพนั้นทำให้ดารินรู้สึกขัดสายตาเหลือเกิน

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว