มาเฟียหลงเมียลับ-ทำไมไม่บอก nc

โดย  uno2009

มาเฟียหลงเมียลับ

ทำไมไม่บอก nc

บทที่ 12 ล่อเสือออกจากถ้ำ


อะไรนะ?


เหล่าคนกร่างเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกค่อยไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่

แต่ก็ยังมีหลายคนที่อยากจะร้องไห้เสียให้ได้!


พวกเขาเกือบยี่สิบคนที่ล้วนไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ และในกลุ่มนี้ยังมีปรมาจารย์ยุทธ์ถึงสามคนกับยอดยุทธ์อีกสองคน ไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกเด็กหนุ่มที่อยู่เพียงระดับการขัดเกลากระดูกขั้นสูงข่มขวัญซะจนตัวสั่นงันงกเช่นนี้


หากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป รับรองได้เลยว่าจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกที่ผู้คนจะต้องหัวเราะเยาะพวกเขาเป็นอีกนานแน่!


"น่าโมโหเสียจริง ทั้งที่พวกเราก็มีมากกว่าตั้งขนาดนี้แท้ ๆ! กลับถูกไอ้หนูที่มีฝีมือเพียงระดับการขัดเกลากระดูก ปั่นหัวให้เต้นวุ่นขนาดนี้!"


"เหลือจะเชื่อเลยจริง ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าระดับของเจ้าบ้านี่จะต่ำขนาดนี้!"


"ช่างน่าโมโหเหลือเกิน เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังหยอกเล่นอยู่กับใครกัน!!"


"ชิชะ ฆ่าไอ้เด็กเวรนั่นก่อนเลย!"


บรรดาชายฉกรรจ์ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห อดไม่ได้ที่จะกร่นด่าด้วยความโกรธเกรี้ยว ร่างกายของพวกเขาสั่นระทม ทุกคนต่างก็พร้อมที่จะพุ่งตัวเข้าหาเหลียงเฟยทุกขณะ


ทว่าโหลวอวี้ตี๋กลับรู้สึกขบขันและส่ายหัว เขารู้สึกว่าการต่อสู้ในครั้งนี้เป็นไม่ได้มีคุณค่าให้ลงไม้ลงมือเอาเสียเลย ไม่ว่าอย่างไรเหลียงเฟยก็ต้องตาย และมันจะไม่ใช่ความตายที่สงบสุขด้วย!


ส่วนเซียวหนิงเสวี่ย แน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยนางหนีรอดไปได้อีกแน่นอน!


เมื่อคิดได้ดังนั้นโหลวอวี้ตี๋จึงอดพูดด้วยรอยยิ้มไม่ได้ "ข้าต้องขอบใจเจ้าจริง ๆ เหลียงเฟย หากไม่ได้เจ้าข้าคงตามหาแม่นางเซียวหนิงเสวี่ยคนสวยไม่เจอเป็นแน่แท้ ประหยัดทั้งแรงทั้งเวลาไปเยอะเลย เอาล่ะ! ข้าไม่สันทัดที่จะเห็นภาพเลือดตกยางออกสักเท่าไหร่ พวกเจ้ารีบต่อสู้กันให้จบ ๆ เถอะ อ้อ! แล้วก็ระวัง อย่าปล่อยให้หญิงงามของข้าหนีไปอีกล่ะ!"


พูดจบโหลวอวี้ตี๋ก็จากไปพร้อมกับรอยยิ้มอันแฝงไว้ด้วยความดูถูกเหยียดหยามที่ยังคงปรากฏอยู่บริเวณมุมปาก


"ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นเพียงผู้ฝึกสัตว์อสูร! เหลียงเฟยคนนี้ เป็นเพียงผู้ฝึกสัตว์อสูรที่มีระดับเพียงเกลากระดูกขั้นสูงเท่านั้นเองเหรอ!?" เซียวหนิงเสวี่ย เมื่อได้เผชิญหน้ากับความจริงนี้ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย


ตระหนักได้เช่นนั้นเซียวหนิงเสวี่ยก็หันหน้าไปมองเหลียงเฟย ทว่าท่ามกลางบรรยากาศที่สิ้นหวังเช่นนี้ บนใบหน้าของผู้ฝึกสัตว์อสูรหนุ่มก็ยังคงไร้ซึ่งความกลัวใด ๆ การพบเจอกันโดยบังเอิญท่ามกลางช่วงเวลาอันแสนสั้นมันมากพอสำหรับเขาแล้วหรือที่จะยอมเอาชีวิตมาเสี่ยงสู้เพื่อนางโดยไม่ห่วงตนเองเช่นนี้? ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดและซาบซึ้งอยู่ในใจ นางตัดสินใจกัดฟันและกระโจนเข้าประมือกับยอดยุทธ์ทั้งสองคนทันที


เมื่อเห็นเซียวหนิงเสวี่ยเข้าประมือ ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ก็ดีใจกันมาก!


  เช่นนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่า เซียวหนิงเสวี่ยจะหนีไปได้แล้ว!


  ผู้ฝึกยุทธ์ที่เหลือจึงกรูกันเข้าหาเหลียงเฟยเพื่อหมายจะล้างแค้นที่เจ้าเด็กหนุ่มนี่ทำให้พวกเขาต้องอับอาย


  ครั้นเมื่อตอนเหลียงเฟยมาได้ ยอดยุทธ์ผู้หนึ่งซึ่งถือค้อนสงครามขนาดใหญ่ ก็ได้ก้าวเท้าออกมาด้านหน้าและตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าหลีกทางให้ข้า! หาทางรับมือเซียวหนิงเสวี่ยอย่าให้นังนั่นหนีไปได้อีก ส่วนเจ้านี่ที่เป็นเพียงผู้ฝึกสัตว์อสูรข้าจะจัดการเอง!”


  เหลียงเฟยมองชายร่างใหญ่ผู้ถือค้อนที่ตรงเข้ามา สีหน้าของเขาปราศจากความกลัวใด ๆ!


  เย่ฮวาหรงผู้เป็นราชันยุทธ์ระดับกลางยังพ่ายแพ้ให้เขามาแล้วอย่างหวุดหวิด แล้วไฉนเขาจึงจะกลัวเจ้ายอดยุทธ์ตรงหน้านี้กันเล่า!


  ถึงอย่างนั้นเหลียงเฟยก็ยังไม่ลงมือในทันที อันที่จริงแล้วในใจเขากำลังคิดว่า โอกาสที่จะได้พบเห็นวิชากำลังภายในของตระกูลโหลวเช่นนี้นั้นน้อยนัก ไฉนเลยจะไม่ขโมยมาฝึกฝนเสียหน่อย!


  เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าได้ขโมยวิชาหมัดพันสนร้อยกระเรียนมาจากตระกูลเย่ ซึ่งช่างวิเศษนักหนา!


  ดังนั้นเหลียงเฟยจึงมิเพียงแต่ไม่ลงมือ แต่กลับใช้เล่ห์กลในการหนีแทน!


  เซียวหนิงเสวี่ยเห็นดังนั้นก็ชั่งใจไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี!


  นางคิดว่าเหลียงเฟยจะเหมือนตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม สามหรือห้ากระบวนท่าก็สามารถปราบยอดยุทธ์ผู้ใช้ค้อนสงครามยักษ์นั้นลงได้ ไม่คาดคิดว่าเขาจะหลบหนีไปเสียเฉย ๆ!


  แต่สิ่งที่ทำให้นางพอจะเบาใจลงได้นั้นคือ ทักษะการวิ่งของเหลียงเฟยนั้นดูจะดีไม่ใช่น้อย เขารวดเร็วและคล่องแคล่วราวกับนี่เป็นเพียงภาพลวงตา ไม่นานก็แทบจะหายไปจากจุดนี้แล้ว


  บางทีนี่อาจจะเป็นแผน อะไรบางอย่างที่คลับคล้ายกับการล่อเสือออกจากถ้ำ!


  ชายร่างใหญ่ผู้ถือค้อนเมื่อเห็นเหลียงเฟยที่วิ่งสลับไปมาเช่นนี้ ก็รู้สึกประหนึ่งถูกเหลียงเฟยปั่นหัว ด้วยความเกรี้ยวกราดนี้เอง ยอดยุทธ์ตัวโตจึงรัวกระบวนท่าอย่างรุนแรงโดยเริ่มจากกระบวนท่าวิทยายุทธ์แปดเก้าท่าติดต่อกัน


  แสงสีเขียวเข้มพวยพุ่ง แต่กลับถูกกลเดินวิ่งหนีอันพิสดารของเหลียงเฟยหลบเลี่ยงไปได้ทั้งหมด!


หลังจากการโจมตีระลอกหนึ่งเจ้าชายร่างใหญ่ที่ใช้ค้อนยักษ์ก็ตระหนักว่าเหลียงเฟยนั้นไม่ได้ดูอ่อนแอเหมือนอย่างที่เห็น ผู้นี้อาจแสร้งทำก็เป็นได้!


แต่ด้วยข้อจำกัดที่เหลียงเฟยนั้นมีระดับวรยุทธ์ไม่สูงมาก ดังนั้นพลังกายของเขาย่อมมีจำกัด ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกที่จะไม่ปลดปล่อยกระบวนท่าที่รุนแรงไปในคราเดียว แต่เลือกที่จะปลดปล่อยกระบวนท่าที่สามารถใช้ต่อเนื่องได้แทน


การประมืออย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ยอดยุทธ์ผู้ใช้ค้อนศึกพยายามไล่ต้อนเหลียงเฟย และมันทำให้เขาต้องยกระดับกระบวนท่าโจมตีที่รุนแรงมากขึ้นจนมันนำไปสู่การใช้กระบวนท่าวรยุทธ์ชุดใหญ่ออกไปสองถึงสามชุด


เหลียงเฟย วิ่งมานานเช่นนี้ก็รู้สึกเหนื่อยอ่อนอยู่บ้างจึงได้ถอยห่างออกไปและยืนนิ่งอยู่ที่นั่น โดยใช้ความนิ่งรับมือการเคลื่อนไหว


ชายร่างยักษ์กับค้อนเห็นดังนั้น มุมปากก็มิอาจระงับรอยยิ้มเล็ก ๆ เอาไว้ได้เขากล่าวว่า "เหลียงเฟย! ฝีเท้าของเจ้ามันช่างเยี่ยมยอดจริง ๆ แต่ข้าจะสอนอะไรให้นะ การต่อสู้น่ะ ไม่ได้พึ่งเพียงแค่ฝีเท้าหรอก! ข้าจะดูซิว่าคราวนี้เจ้าจะหนีไปไหนได้อีก!"


เมื่อกล่าวจบ คราวนี้เขาก็พุ่งเข้าใส่เหลียงเฟยอย่างมั่นใจเต็มที่ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหลียงเฟยใช้ลูกไม้ในการวิ่งหลบหลีกจนทำให้ตนสิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไป เขาจึงยังคงใช้กลยุทธ์การต่อสู้ต่อไป


ไม่คาดคิดเลยว่าจู่ ๆ เหลียงเฟยก็เผยรอยยิ้มเล็ก ๆ ขึ้นมาที่มุมปาก ยามที่ชายผู้ใช้ค้อนกำลังจะเข้ามาใกล้ เขาจึงรีบลงมือในทันใด ใช้กลยุทธ์สองสามท่าซึ่งคล้ายคลึงกับกลยุทธ์ก่อนหน้า แต่ก็ดูเหมือนจะมีบางอย่างแตกต่างออกไปเล็กน้อย ดูราวกับว่าเป็นกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โจมตีเข้าใส่คู่ต่อสู้


ทางด้านเซียวหนิงเสวี่ย ด้วยความที่การบ่มเพาะตนของนางนั้นสูงส่ง ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์พร้อมกันทั้งหลาย นางก็ยังสามารถรับมือได้อย่างไม่ยากเย็นนักและบ่อยครั้งก็จะหันไปดูการต่อสู้ระหว่างเหลียงเฟยกับยอดยุทธ์เป็นพัก ๆ ด้วย


นางเห็นได้ชัดว่ากระบวนท่าของเหลียงเฟยในครั้งนี้ เป็นการผสมผสานระหว่างกระบวนท่าของยอดยุทธ์ผู้ใช้ค้อนศึกเข้ากับกระบวนท่าที่เขาเคยใช้ในโรงเตี๊ยมก่อนหน้าก่อเกิดเป็นกระบวนท่าใหม่ที่ทรงพลังและสมบูรณ์แบบ!


ความตื่นเต้น ความเริงร่า ความยินดีปรีดา ความประหลาดใจ และความตกใจผสมปนเปกันไป…


ที่จริงแล้ว เซียวหนิงเสวี่ยนั้นตกใจจนช็อกไปเลยด้วยซ้ำ!


ช่างเป็นความสามารถในการเรียนรู้ที่แข็งแกร่ง ช่างเป็นความสามารถในการสร้างสรรค์ที่แข็งแกร่ง ช่างเป็นปัญญาที่แข็งแกร่ง!


หรือว่านี่คือเหตุผลที่เหลียงเฟย ไม่เกรงกลัวสิ่งใด?


เขานี่มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ!


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว