จอมราชันสังหารปีศาจ-บทที่ 79 เขาต้องการกินข้า?

โดย  nonameNovel

จอมราชันสังหารปีศาจ

บทที่ 79 เขาต้องการกินข้า?

“มีสิ”


โจวโจวเปิดห่อผ้าออก แล้วหยิบเอายันต์ปลอดภัยออกมา “สิ่งนี้หนูให้พี่สาวแล้วกัน มันจะช่วยคุ้มครองให้พี่รอดพ้นจากวิกฤตได้”


“ขอบคุณนะจ๊ะ ! ” หญิงสาวรับยันต์มา แล้วหยิบเงิน 200 หยวนยื่นให้หนูน้อย ก่อนจะยิ้มให้เธออีกครั้ง “ขอบคุณอาจารย์และอาจารย์น้อยมากนะ”


พูดจบ หญิงสาวก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี


หมิงทงมองไปยังธนบัตรสีแดงสองใบในมือของเธอจนตาของเขาแทบจะถลนออกมา เขากัดฟันแน่นแล้วกล่าวว่า: “ใช้ได้เลยนี่ ที่แท้ก็คู่แข่งที่แย่งกันทำธุรกิจนี่เอง ! ”


โจวโจวกำลังมองสิ่งที่อยู่ในมือด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าพี่สาวให้กระดาษสองแผ่นแก่เธอทำไม และเมื่อได้ยินคำพูดของหมิงทง เธอก็หันไปหาเขา ซึ่งเป็นจังหวะที่เขากำลังมองเธอด้วยสีหน้าถมึงทึงราวกับเธอทำเรื่องเลวร้ายมาอย่างนั้น


เธอหดคอตัวเอง จากนั้นก็ฉีกยิ้มแป้นแล้วเรียกเขาอย่างประจบ “อาจารย์ลุงหมิงทง”


“อย่าทำตัวสนิทกันนะ ใครเป็นอาจารย์ลุงของเธอ” หมิงทงโบกมือปัดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่แล้วเขาก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ จึงกล่าวถามไปว่า “ว่าแต่เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันชื่อหมิงทง ? ”


ชิชะ เจ้าหนูคนนี้เตรียมตัวมาก่อนด้วยรึ ?


โจวโจวเอามือบีบหน้าตัวเองแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “หนูเอง โจวโจว อาจารย์ลุงจำหนูไม่ได้หรือ ? ”


“โจวโจว ? ” หมิงทงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเขาไปตกอยู่ที่หน้าผากโล้นใสของเธอ ในที่สุดเขาก็นึกออกแล้ว “เธอคือลูกศิษย์น้อยที่ศิษย์น้องหยวนหมิงไปชิงตัวมาจากวัดที่อยู่ถัดไปใช่ไหม ? ”


“ใช่แล้ว หนูเอง” เมื่อเห็นว่าเขานึกออกแล้ว โจวโจวจึงหันไปยิ้มกว้างให้เขา พวงแก้มที่อวบอ้วนของหนูน้อยรวมเข้ากับคิ้วทรงกิ่งเหมยและดวงตาที่เหมือนพระจันทร์เสี้ยว ช่างเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก ทำเอาอารมณ์โมโหของหมิงทงสลายหายไปในทันที


คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นหนูน้อย


หมิงทงกวาดตามองเธอ เห็นแก่ที่เป็นคนร่วมสำนักเดียวกัน เขาจึงไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องที่หนูน้อยเพิ่งจะแย่งลูกค้าเขาไปเมื่อครู่นี้ “อาจารย์ของเธอได้ติดต่อมาแล้ว เขาต้องการให้ฉันดูแลเธอไปสักระยะ ไม่ต้องกังวล มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย”


มันก็แค่เลี้ยงเด็กน้อยคนนึงไม่ใช่หรือ ให้หนูน้อยกินข้าวมื้อละชามก็อิ่มแล้ว ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย ไม่รู้ทำไมหลี่หยวนหมิงถึงได้ส่งหนูน้อยลงจากภูเขาออกมาหาประสบการณ์ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กเท่านี้


“ขอบคุณอาจารย์ลุง ! ” โจวโจวพูดด้วยความตื่นเต้นขณะมองไปที่เขา


“ไม่เป็นไร” ในระหว่างที่พูด เขาก็ชำเลืองมองไปยังเงินที่อยู่ในมือของหนูน้อย


โจวโจวเข้าใจความคิดของเขาในทันที หนูน้อยรีบยื่นเงินให้เขาแล้วพูดว่า “นี่คือค่าอาหารของหนู ช่วงนี้คงต้องรบกวนให้อาจารย์ลุงดูแลหนูแล้ว”


“พูดได้ดี ๆ ” หมิงทงเองก็รับเงินมาอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน เขามองเธอด้วยความชื่นชม หนูน้อยยังเด็กนัก แต่กลับกล้าหาญเดินทางลงเขามาคนเดียว


เขามองหนูน้อยอีกครั้ง พลางเอ่ยขึ้นลอย ๆ ว่า “ได้ยินอาจารย์ของเธอบอกว่าเธอเคยเรียนดูดวงมาด้วยใช่ไหม ? ”


โจวโจวพยักหน้ารับ “อาจารย์เคยสอน”


ดูฝีมือของหนูน้อยเมื่อครู่นี้ก็พอจะรู้แล้ว


หมิงทงกระแอมไอ “ฉะนั้นประเดี๋ยวมีคนมาดูดวง เธอก็รับหน้าที่ดูดวงให้แล้วกัน เธออยู่แต่บนภูเขา ไม่มีโอกาสได้ฝึกฝน ถือซะว่าเป็นโอกาสดีในการฝึกฝนแล้วกัน เพราะสิ่งที่อยู่ในตำราควรได้ใช้ในสถานการณ์จริงถึงจะเป็นประโยชน์”


เจ้าหนูคนนี้หน้าตาน่ารักน่าชัง น่าจะเรียกลูกค้าได้ดี อีกทั้งยังดูเหมือนมีความสามารถไม่น้อย เขาจะได้พักผ่อนสักครู่ เพราะการทำนายดวงชะตามันเหนื่อยไม่ใช่น้อย


โจวโจวไม่รู้แผนการในใจของเขา หนูน้อยจึงตอบรับไป เธอเลียนแบบท่าทางของเขาโดยนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น เอามือลูบคางขณะมองไปยังผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ผ่านไปสักประเดี๋ยวก็ถามขึ้นว่า “อาจารย์ลุง ที่อาจารย์ให้หนูทำนาย คงไม่ใช่เป็นเพราะอาจารย์ทำนายไม่ได้ใช่ไหม”


“เหลวไหล” หมิงทงทำหน้าจริงจังขึ้นมา “ฉันเป็นถึงอาจารย์ลุงของเธอเชียวนะ จะดูดวงไม่ได้อย่างไร”


โจวโจวทำแก้มป่อง ก็เห็นกันอยู่ว่าเมื่อครู่เขาทำนายดวงไม่ได้จริง ๆ นี่นา


เมื่อเดาความคิดหนูน้อยได้ หมิงทงก็กระแอมแล้วชำเลืองมองเธอ “เธอนึกว่าการลงมาใช้ชีวิตด้านล่างภูเขามันง่ายดายนักหรือไง ? ไม่ว่าจะเรื่องกิน เรื่องนอน เรื่องเครื่องนุ่งห่มล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น หากไม่พูดให้ดูเลวร้ายหน่อย จะทำให้พวกเขายอมควักเงินจ่ายได้อย่างไร การหาเงินมีช่องทางอีกมากมายที่เจ้าต้องเรียนรู้อีกเยอะ”


อาจารย์ของเธอก็พูดแบบนี้เหมือนกัน เขามักจะพร่ำบอกเธอเสมอว่าเหล่าศิษย์พี่ของเธอหาเงินมาได้อย่างยากลำบาก


แต่เธอก็ยังคงไม่เห็นด้วยที่เขาหลอกลวงคนอื่น


ช่างเถอะ เธอเป็นคนดูดวงแม่น ขอแค่ไม่ทำให้เหล่าผู้มีพระคุณต้องเดือดร้อนก็พอ


เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด พอมีหนูน้อย ไม่นานก็สามารถดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาดูดวงได้เป็นจำนวนมาก ตอนแรกพวกลูกค้าต่างเข้ามาหาเพราะเห็นหนูน้อยน่ารัก จึงอยากจะหยอกล้อเล่น แต่พอเห็นว่าหนูน้อยทำนายดวงแม่นจริง ๆ พวกเขาต่างก็ยอมควักเงินจ่ายด้วยความเต็มใจ


โจวโจวเขย่ากระดองเต่าเสี่ยงทายในมืออย่างรวดเร็ว พลางทำนายดวงให้ลูกค้าจนปากแห้งคอแห้ง อีกด้านหนึ่ง หมิงทงนั่งนับเงินอย่างมีความสุข เขายิ้มจนโชว์ฟันขาวออกมาแล้ว


850 หยวน


900 หยวน


1,000 หยวน !


วันนี้หาเงินได้ตั้ง 1,092 หยวน ! นี่เป็นรายได้ที่มากที่สุดตั้งแต่เขาเปิดแผงดูดวงมาเชียวนะ !


ด้วยความตกใจ เขาถึงขั้นนับอย่างละเอียดอีกครั้ง


โจวโจวกลืนน้ำลายลงคอ แล้วหันไปดึงชายเสื้อของหมิงทง “อาจารย์ลุง หนูอยากดื่มน้ำ”


หนูน้อยดูดวงให้ลูกค้ามาตลอดช่วงเย็น ปากแห้งคอแห้ง ดูน่าสงสารเหลือเกิน


เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นหนูน้อยนำโชค หมิงทงจึงไม่ได้เหนื่อยอะไร เขารีบพูดขึ้นว่า: “ไปกันเถอะ อาจารย์ลุงจะพาเธอไปดื่มน้ำ หิวไหม ? ”


“หิวสิ ! ” โจวโจวพยักหน้ารับ เธอไม่ได้กินข้าวมาหลายชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เธอจะกินให้พุงกางไปเลย !


“ไปกันเถอะ อาจารย์ลุงจะพาเธอไปกินบะหมี่ แถวนี้มีร้านบะหมี่อร่อยอยู่ร้านหนึ่ง หน้าตาน่ากิน น้ำซุปหอมเข้มข้น จะได้กินให้อิ่มท้องและพักผ่อนก่อน” หมิงทงพูดไปด้วยพลางเก็บร้านแผงลอยของตนเองไปด้วย จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปตั้งใจจะช่วยหนูน้อยถือสัมภาระ ผลปรากฏว่าตอนเขาจะยกมันขึ้นมานั้น มันกลับไม่ขยับเขยื้อนเลย


ตอนแรกเขาไม่เชื่อความรู้สึกตัวเอง จึงลองยกมันขึ้นมาอีกครั้ง แต่พอเพิ่งจะยกขึ้นมาได้เพียงครู่เดียว ห่อผ้านั้นก็หลุดมือกระแทกพื้นเข้าแล้ว “หนักมาก ในนี้มีอะไรบ้างเนี่ย ? ”


“ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย” โจวโจวยกนิ้วขึ้นมานับทีละชิ้น “หนูเอามาแค่ยาที่กลั่นเสร็จแล้ว รวมถึงกระดองเต่าเสี่ยงทาย เข็มทิศหลัวผาน ยันต์แปดทิศ กระจก กระถางธูป กระบี่ไม้ท้อ……. อ้อ จริงสิ แล้วก็มีบาตรทองเหลืองที่ศิษย์พี่จิ้งคงให้หนูมา”


ระหว่างที่พูด เธอก็หยิบเอาบาตรทองเหลืองออกมา “ศิษย์พี่จิ้งคงบอกว่าใช้สำหรับบิณฑบาต เขาให้หนูมา เขาบอกว่ามันใช้ขอข้าวกินได้ เวลาที่หนูไม่มีอาหารกินก็ให้เอาสิ่งนี้ไปขอข้าวจากชาวบ้าน เขาบอกว่าหากหนูถือสิ่งนี้ไว้ หนูจะมีข้าวกินอย่างแน่นอน ! ”


ระหว่างที่พูด เธอก็ลูบบาตรทองเหลืองอย่างรักใคร่ราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่า พลางจ้องตาแป๋วมายังหมิงทง


หมิงทงกระตุกมุมปากเล็กน้อย ดูหนูน้อยที่มีท่าทีเหมือนคนหิวโหยมานานหลายร้อยปี สวมใส่เสื้อผ้ามอซอซอมซ่อ แต่กลับมีหน้าตาน่ารักน่าชัง อีกทั้งหนูน้อยยังใช้ดวงตากลมโตที่ใสแป๋วจ้องมองมาที่เขา แบบนี้จะให้เขาปฏิเสธได้อย่างไร


แต่เอ๊ะ ! มันไม่ถูกสิ ทำไมจิ้งคงอะไรนั่นถึงไม่อวยพรให้เธอมีชีวิตเป็นอยู่ที่สุขสบาย กล้าพูดได้อย่างไรว่าหนูน้อยจะไม่มีข้าวกิน มีอาจารย์อยู่ทั้งคน ใครจะปล่อยให้หนูน้อยอย่างเธอต้องหิ้วท้องหิวกัน ?


ดูถูกใคร !


ไม่ใช่สักหน่อย


โจวโจวลูบหัวตัวเอง ขณะกำลังจะบอกว่าเธอนั้นมีชะตากรรมล้างผลาญเงินทอง อาจารย์บอกเธอว่าเรื่องที่เหมาะกับเธอที่สุดคือการเป็นขอทานน้อยขอข้าวคนอื่นกิน


ไม่รอให้เธอได้พูดอะไร หมิงทงก็โบกมือใหญ่หยาบกร้านของเขา แล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ไปกันเถอะ ! อาจารย์ลุงจะพาเธอไปกินข้าว กินได้เต็มที่เลยนะ ! ”


ระหว่างที่พูดพร้อมเสียงหัวเราะ เขาก็คิดในใจว่าวัดซานชิงของพวกเขาเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ไหวได้อย่างไร ? มีหวังพูดออกไป คนรอบข้างได้หัวเราะจนฟันหลุดแน่


คิก ๆ


เมื่อได้ยินคำพูดของเขา โจวโจวก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “จริงหรือ ? ”


“จริงสิ” หมิงทงย้ำคำเดิม “ที่อาจารย์ลุงของเธอไม่เคยขาดแคลนคือ เงิน ! ”


ระหว่างที่พูด เขาก็เดินนำหน้าไป โจวโจวรีบอุ้มห่อผ้าขึ้นพาดบ่า แล้วเดินตามหลังเขาต้อย ๆ ปากก็ปะเหลาะเขาไม่หยุดว่า “อาจารย์ลุงช่างดีต่อข้าจริง ๆ ” ทำเอาหมิงทงยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูแล้ว


เมื่อทั้งสองเดินมาถึงร้านบะหมี่ เขานำเมนูออกมาอ่านและสั่งผัดผักสองสามอย่างที่ปกติเขาไม่ค่อยจะกิน และหันไปถามหนูน้อยว่าจะกินอะไรอีก


โจวโจวส่ายหน้าพลางพูดว่า “หนูกินแค่บะหมี่ก็พอแล้ว”


“ได้เลย” หมิงทงส่งเมนูอาหารคืนพนักงานไป แล้วพูดว่า “เอาบะหมี่มา 3 ชาม”


เขากินสองชาม หนูน้อยหนึ่งชาม ลงตัวอย่างพอดี !


ร้านนี้เสิร์ฟอาหารเร็วมาก ผ่านไปไม่นาน อาหารและบะหมี่ก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ขณะที่หมิงทงกำลังจะกิน ทันใดนั้นเขาก็บังเอิญเจอคนคุ้นเคยเข้า จึงกล่าวว่า “หนูน้อย เธอกินก่อนเถอะ ฉันจะออกไปนอกร้านสักหน่อย เดี๋ยวก็มา ไม่ต้องเกรงใจ อยากกินอะไรก็สั่งได้เลย กินให้เต็มที่ หากอยากกินอะไรก็เรียกให้ร้านทำให้ รับประกันเลยว่าถ้าอยู่กับอาจารย์ลุง เธอจะต้องอิ่มท้องอย่างแน่นอน”


โจวโจวจ้องเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย


นานแล้วที่ไม่มีใครบอกเธอว่าให้กินอย่างเต็มที่ !


อาจารย์ลุงใจดีจังเลย !


เมื่อเห็นสายตานับถือและเลื่อมใสของเธอ หมิงทงก็แกล้งทำเป็นลุกเดินออกไปอย่างไม่รู้ไม่ชี้ เพื่อไปสนทนากับเพื่อนเก่า


โจวโจวหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบบะหมี่กินอย่างรวดเร็ว เมื่อกลืนบะหมี่ลงคอ หนูน้อยก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข


อร่อยจังเลย !


หนูน้อยดูดเส้นกินอย่างรวดเร็ว หัวของเธอแทบจะฝังลงไปในชามบะหมี่อยู่แล้ว เธอซดน้ำซุปจนหมดเกลี้ยง มันอร่อยมากจริง ๆ


หลังจากกินหมด เธอก็เหลือบไปเห็นว่าบนโต๊ะยังมีชามบะหมี่อยู่ จึงเริ่มกินบะหมี่ชามนั้นอย่างไม่ลังเล เพราะตอนอยู่บนภูเขา อาจารย์และศิษย์พี่ของเธอมักจะอนุญาตให้เธอกินแค่สองชามเท่านั้น


แต่ครั้งนี้ต่างออกไป อาจารย์ลุงบอกแล้วว่าเธอสามารถกินได้เต็มที่ หากไม่อิ่มก็สามารถสั่งมากินใหม่ได้ทุกเมื่อ ! ?

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว