บทที่ 7 ก่อนคืนวิวาห์
“คุณหญิงก้อยขอรับ จับไข้หรือขอรับ เหตุใดจึงหน้าแดง”
หญิงก้อยนั่งเหม่ออยู่ศาลาริมสระบัวนึกถึงเรื่องเมื่อคืน แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจ้าตัวคนที่อยู่ในความคิดกลับโผล่มาอยู่ต่อหน้าตัวเป็นๆ นั่นยิ่งทำให้เลือดสูบฉีดไปที่หน้ามากขึ้นกว่าเดิม หญิงก้อยรีบเบี่ยงหน้าหนี
“มิ...มิได้เป็นอันใดดอกจ้ะ อากาศคงจะร้อนเท่านั้น นายเด่นมาทำอะไรแถวนี้หรือจ๊ะ”
“กระผมก็มานั่งเล่นรับลมขอรับ”
“เพิ่งกลับจากติดตามพี่ชายใหญ่ไปกระทรวงหรือ”
นายเด่นยิ้มรับพยักหน้า ก่อนจะลงไปนั่งที่ขั้นบันไดท่าน้ำ คนทั้งคู่นั่งทอดมองผืนน้ำใบบัวไปเงียบๆ ไม่มีเหตุผลใดอธิบาย แต่หญิงก้อยกลับรู้สึกสงบอย่างประหลาด
“มะรืนนี้คุณหญิงก็จะออกเรือนแล้ว ที่ศาลาแห่งนี้คงเงียบเหงา แล้วคงไม่มีใครมาช่วยรับประทานลูกชุบที่กระผมปั้นอีกแล้วขอรับ”
หญิงก้อยได้ยินแบบนั้นก็คล้ายกับมีอะไรจุกอยู่ที่อก
“แต่ฉันไม่อยากออกเรือนกับพระยาธนบดี”
“กระผมทราบดีขอรับ”
นายเด่นหันหน้าแหงนมองนายหญิงของตน สายตาที่เพ่งจ้องมองเข้ามาในตาของหญิงก้อยมิได้ทะเล้นดังเช่นทุกวัน นั่นทำให้ใจของหญิงก้อยเต้นรัวขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เกิดความเงียบอยู่นาน ในที่สุดหญิงก้อยก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา พอที่จะได้ยินเพียงแค่นายเด่นเท่านั้น
“คืนนี้ ฉันจะลงมารับลม นายเด่นมาเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันได้หรือไม่”
“....กระผมยินดีรับใช้คุณหญิงก้อยขอรับ”
หลังจากดื่มยาจีนหมด หญิงก้อยก็ผลัดผ้านอนเล่นเพื่อรอเวลาให้คนในเรือนเข้านอน กลางดึกสงัดหญิงก้อยก็เดินออกมารับลมเช่นเคย เดินไปจนถึงศาลาริมสระบัวก็พบกับนายเด่นนั่งรออยู่ตรงท่าน้ำ ถัดออกไปมีเรือลำเล็กผูกติดกับเสาอยู่ด้วยหนึ่งลำ
“คุณหญิงก้อยขอรับ เปลี่ยนจากเดินเล่นมาพายเรือเล่นกันดีหรือไม่”
หญิงก้อยยิ้มรับ และยอมให้นายเด่นจับมือเพื่อประคองให้ลงไปนั่งในเรือได้อย่างมั่นคง นายเด่นพายไปเรื่อย ต่างคนต่างไม่พูดโอะไรกันมากนัก
ตั้งแต่เด็กจนโตคุณหญิงของนายเด่นก็เป็นคนร่าเริงแจ่มใส ไม่ถือตัวกับลูกบ่าวอย่างเค้า อีกทั้งเธอยังมีพระคุณช่วยสอนหนังสือให้พอได้อ่านออกเขียนได้บ้าง เลยได้มีโอกาสติดตามคุณชายใหญ่ไปทำงานเล็กๆน้อยๆที่กระทรวง ถือว่ามีภาษีดีกว่าลูกบ่าวคนอื่นมากนัก หากขยันร่ำเรียนให้รู้ความมากกว่านี้ ไม่แน่ว่าอนาคตอาจได้เป็นเสมียนเล็กๆของกรมกองสักแห่งก็เป็นได้
นายเด่นรู้ดีว่าการแต่งงานของหญิงก้อยนั้นเธอมิได้เต็มใจ คนที่ถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นผู้ดีสูงศักดิ์อยู่เสมอ กลับต้องไปเป็นเมียใช้หนี้ของชายแก่คราวพ่อเช่นนั้น แต่บ่าวอย่างนายเด่นจะทำอะไรได้มากไปกว่าทำให้เธอได้หัวเราะผ่อนคลายได้บ้างก็เท่านั้น
“ฉันเคยมาขี่ม้าเล่นที่นี่เมื่อตอนยังเด็ก น่าเสียดายที่ท่านพ่อเลิกเลี้ยงไปแล้ว”
หญิงก้อยเอ่ยเมื่อมาถึงโรงเลี้ยงม้าที่อยู่อีกฝั่งของสระบัว ตอนนี้ที่นี่ไม่มีม้าและถูกปรับเปลี่ยนเป็นโรงเก็บอุปกรณ์ทำสวนแทน หญิงก้อยเดินไปถึงกลางโรงเรือนที่มีช่องให้แสงจันทร์สาดส่องเข้ามา เธอแหงนมองดวงจันทร์ เนิ่นนานกว่าจะเอ่ย
“นายเด่น ฉันจะต้องไปเป็นเมียของคนที่ฉันไม่ได้รัก อีกทั้งมีอายุรุ่นราวคราวพ่อของตัวเอง เพียงเพราะต้องใช้หนี้สินและเพื่อผลิตลูกชายให้เค้าก็เท่านั้น ฉัน...รู้สึกอดสูไร้ค่าเสียเหลือเกิน”
น้ำตาของหญิงก้อยที่เก็บไว้มานานไหลออกมาอย่างเงียบๆ นายเด่นมองหญิงก้อยแล้วรู้สึกปวดใจ พอเธอหันหน้ากลับมา ก็ยิ่งได้เห็นน้ำตาไหลรดใบหน้าแก้มกลมมนที่ปกติจะยิ้มแย้มสดใสชัดเจนขึ้น นั่นทำให้นายเด่นอดใจไม่ได้โผเข้าไปสวมกอดโดยลืมความเป็นนายบ่าวเสียสิ้น
“คุณหญิงก้อยของกระผม ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร คุณหญิงจะยังคงงดงามมีค่าอยู่ในใจกระผมเสมอ”
นายเด่นกระชับกอดแน่น เวลานี้หญิงก้อยมิใช่หญิงที่มีฐานันดร เป็นเพียงหญิงสาวที่น้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ความสูงศักดิ์มีประโยชน์อันใด สู้แม่แช่มบ่าวรับใช้ต่ำต้อยที่ได้สมปรารถนากับชายรักก็ยังมิได้
หญิงก้อยผละออกจากอ้อมกอดของนายเด่น ถอยห่างออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะถอดเสื้อคลุมและค่อยๆปลดกระโปรงชุดนอนออกช้าๆต่อหน้านายเด่น
“นายเด่นจ๊ะ ชีวิตต่อจากนี้ของฉันจะเป็นอย่างไรก็หารู้ไม่ นายเด่นจะช่วยให้ฉันได้มีเรื่องน่าจดจำเก็บไว้ก่อนจะจากกันไป ได้หรือไม่จ๊ะ”
เรือนร่างอวบอิ่มเปลือยเปล่าปรากฏหราต่อหน้านายเด่น คุณหญิงก้อยผู้อวบอัดช่างสวยงามเกินห้ามใจ
“คุณหญิงก้อยของกระผม!”
นายเด่นเดินเข้าไป ก้มลงบรรจงจูบหญิงสาวอย่างอ่อนหวาน แล้วค่อยๆเพิ่มความร้อนแรงโดยการสอดแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ระหว่างนี้ก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกไปจนเกลี้ยง
มือของนายเด่นเอื้อมไปลูบไล้เนื้อสะโพกใหญ่ บีบคลึงนวดขย้ำ เนื้อสะโพกทั้งสองของหญิงก้อยล้นเกินมือ แต่นั่นก็ทำให้เขายิ่งพึงใจอย่างมาก สาวน้อยเจ้าเนื้อผู้อวบอัด เนื้อเนียนน่าลูบไล้เสียเหลือเกิน
นายเด่นเลื่อนมือขึ้นมาที่เต้าเนินอันใหญ่โต ขนาดแทบจะไม่ต่างกับสะโพก ยิ่งยอดปทุมถันเต่งตึงสีแดงตัดกับเนินเต้าขาวๆ ก็ยิ่งทำให้นายเด่นอยากขย้ำเสียเหลือเกิน
นายเด่นจับพาหญิงก้อยนอนลงที่กองฟางบนพื้น ก่อนจะเอาหน้าลงไปซุกฟัดกับสองเต้า ไล้เลียดูดดื่มกับปลายเต่งสีแดงอย่างมิรู้จักเบื่อ
“นะ...นายเด่น ฉัน...ฉันอาย”
“คุณหญิงก้อยงดงามมาก กระผมรู้สึกกระสันเหลือเกิน”
คำว่ากระสันของนายเด่นทำให้หญิงก้อยหน้าแดง แต่สิ่งที่ทำให้หญิงก้อยอายมากกว่า คือการที่นายเด่นเอาหน้าเข้าไปซุกไซร้ที่หว่างขาของเธอ
หญิงก้อยรู้สึกว่ากลีบของเธอถูกนิ้วของนายเด่นแยกออก หน้าของเธอแดงซ่าน ที่ลับของตัวเองถูกนายเด่นมองเห็นใกล้ชิดถึงเพียงนี้ แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อติ่งเกสรถูกเขี่ยระรัวอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ...นายเด่น ฉัน...ฉันทนไม่ไหว พอเถิด”
แผล็บ...แผล็บ...แผล็บ...แผล็บ
การที่นายเด่นเคลื่อนไหวดูดไล้เลียติ่งเกสรภายในกลีบดอกไม้ของหญิงก้อย ทำให้ด้านล่างของเธอเหมือนจะมีระดูใสไหลออกมาตลอดเวลา
นายเด่นซุกหน้าถูไถเนินสวาทของหญิงก้อยอย่างอิ่มเอมเมามัน ลิ้นทำงานระรัวมิรู้จักหยุดหย่อน หญิงสาวรู้สึกเสียวซ่านเกินจะบรรยาย คำว่าเสียวกระสันคือแบบนี้ใช่หรือไม่
นายเด่นยอมละจากที่นาผืนน้อยอวบอิ่ม แล้วยกขาทั้งสองของเธอให้แยกออกจากกันจนเห็นโพรงรูสวาทชัดเจน
“คุณหญิงขอรับ กระสันดีหรือไม่”
“อืม”
“อยากกระสันมากกว่านี้หรือไม่ขอรับ”
“อะ...อืม
“เช่นนั้นกระผมขออนุญาตเสียบเข้าไปนะขอรับ”
“ก็...ก็แล้วแต่นายเด่นสิ”
สิ้นประโยคนายเด่นก็ไสแท่งเสียวของตัวเองเข้าไปในรูหฤหรรษ์ฉ่ำเยิ้มน้ำปริ่มของหญิงก้อย ความอวบอัดของร่างกายทำให้ช่องข้างในบีบรัดแท่งเอ็นของนายเด่นจนเขาต้องร้องครางออกมา
“อื้มมม...คุณหญิง...คุณหญิงก้อยขอรับ ข้างในนี้ของคุณหญิงทำกระผมเสียวจนแทบขาดใจ”
“อ๊า...นายเด่น แน่น...แน่นเหลือเกิน”
นายเด่นดันแท่งเสียวของตัวเองเข้าไปจนสุดความยาว หญิงก้อยสะดุ้งเจ็บ แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยความหวาบหวามซาบซ่านอย่างรวดเร็ว
นายเด่นค่อยๆขยับด้วยเกรงว่าหญิงสาวจะเจ็บปวด ใจของหญิงก้อยคล้ายถูกเหวี่ยง เป็นความรู้สึกที่ไม่ชินอย่างยิ่ง นายเด่นค่อยๆเร่งความเร็ว จากนั้นจึงซอยเอวถี่ยิบ ช่องสวาทคับแน่นเจิ่งชุ่มฉ่ำด้วยฟองฟอดสีขาว ในจังหวะหนึ่ง นายเด่นดึงเอ็นร้อนออก จับหญิงสาวหันหลังแล้วเสียบแท่งเสียวของตัวเองเข้าไปอีกครั้งทันที
“ซี้ดดด...นายเด่น...นายเด่นจ๊ะ ช้า...ช้าหน่อยจ้ะ อ๊า!”
“โอ้...คุณหญิงก้อยของไอ้เด่น! เสียวเหลือเกินขอรับ อ่า...”
“ฉัน...อ๊ะ ฉัน...ก็เสียวเหมือนกันจ้ะ อื้มมม”
เสียงแหบพร่าคอยกระซิบข้างหูหญิงสาว นายเด่นคาดไม่ถึงเลยว่านายหญิงของตนจะเร้าอารมณ์ถึงเพียงนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่เขาเทิดทูนและแอบพึงใจ แต่มิเคยคิดใคร่จินตนาการถึงขั้นนี้มาก่อน
เกิดเสียงเนื้อกระทบกันถี่ เสียงคนร้องครางสลับกับเสียงเหนื่อยหอบดังก้องไปทั่วโรงเรือน นายเด่นอยากให้ช่วงเวลาพิเศษนี้อยู่อีกนานๆ แต่ก็ต้านทานความสุดเสียวได้ยากเต็มที
“คุณหญิงขอรับ กระผม...กระผมไม่ไหวแล้ว”
“??”
“ขอแตกเลยได้หรือไม่ขอรับ”
“ก็...ก็แล้วแต่นายเด่นสิ”
หญิงก้อยเพียงตอบไปเช่นนั้น แต่มิได้เข้าใจคำว่าแตกของนายเด่น ในขณะที่ยังงงงวย นายเด่นก็ถอนแท่งร้อนออกมาจากกลีบแคม แล้วเอาไปจ่อที่สะโพกใหญ่ขาวของหญิงก้อย ชักแท่งเอ็นร้อนอีกสองสามที นายเด่นก็ปลดปล่อยออกมาเปียกสะโพกของเธอ โดยที่ไม่ลืมบดขยี้ติ่งเกสรของหญิงสาวให้เธอเสร็จสุขสมไปตามกัน
อ่า...นี่หรือคือรสชาติของผู้ชาย เพียงแค่เธอทำให้เค้าพึงใจ ตัวเองก็จะพลอยหฤหรรษ์ไปด้วย ความสุขที่หญิงก้อยมิเคยได้สัมผัส ความสุขที่หญิงสาวพึงจะได้รับจากชายหนุ่มมันเป็นเช่นนี้เอง
ประสบการณ์ครั้งนี้จะเป็นดังสมบัติติดตัวไปกับหญิงก้อยเมื่อออกเรือน สามีแก่ของเธอจะเป็นอย่างไร จะช่วยให้หญิงก้อยสุขสมเหมือนกับที่นายเด่นทำได้หรือเปล่าก็หารู้ไม่ เอาเป็นว่าเธอจะจดจำความรู้สึกนี้เอาไว้ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตก็เคยเป็นหญิงสาวที่ได้รับความหฤหรรษ์จากชายหนุ่มที่เธอแอบพึงใจ ชีวิตนี้...นับว่าไม่ขาดทุนแล้ว
- โปรดติดตามตอนต่อไป -
#คืนใจกชกร
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว