กุศลอนันต์

ไม่นอนที่นี่แล้วจะนอนที่ไหน?

“ข้าไม่มีอะไรทั้งสิ้น ท่านน่าจะรู้ดี” เสิ่นอวิ๋นโยวมองตรงไปยังเงามืดภายใต้ความมืดมิด แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ ด้วยเสียงแผ่วเบา “แต่ข้ารู้สึกว่าท่านน่าจะยินดีหากได้เห็นข้าในสภาพที่ไม่เหลือสิ่งใดเลย ดังนั้น ข้าเอาตัวข้าเองมาเดิมพันกับท่านก็แล้วกัน”

“ตัวของเจ้า” เงามืดยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะหยัน “เจ้าคิดว่าข้าขาดสตรี หรือคิดว่าข้าขาดคู่นอนไว้อุ่นเตียงเล่า”

“ท่านไม่ขาดสิ่งใดทั้งสิ้น แต่เพราะเหตุใดท่านถึงถูกใจข้า ท่านน่าจะรู้ดี ท่านอยากเข้าถึงตัวรุ่ยอ๋อง ก็จำต้องใช้อิทธิพลของจวนเสนาบดี ส่วนข้าก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่สามารถช่วยท่านได้”

เสิ่นอวิ๋นโยวพยายามทำใจกล้า หลับตาสงบนิ่งและเริ่มเจรจาเงื่อนไขกับเงามืด นางไม่อาจให้ตนเองอยู่ในสถานะผู้ถูกกระทำไปตลอดได้ ไม่อาจปล่อยให้ชายผู้นี้ตักตวงร่างกายนางเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ได้

“เอาสิ ข้ารับปากเจ้า” เงามืดหรี่ตาลงพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วถามว่า “เช่นนั้นเจ้าอยากพนันกับข้าเรื่องอะไรเล่า”

“ท่านเลือกมา”

พอได้ฟังคำตอบของเสิ่นอวิ๋นโยว นัยน์ตาเงามืดพลันมีประกายวาบผ่าน เขาหลุบตาลงพักหนึ่งแล้วอมยิ้มเอ่ยเบาๆ ว่า “ได้ พนันเรื่องเยี่ยจื่อเซวียนนั่นเป็นไร”

เงามืดออกแรงดึงแขนหญิงสาวเล็กน้อยให้พวกเขาเขยิบเข้าใกล้กันมากขึ้น เขายื่นหน้าเข้าไปข้างหูร่างบางก่อนเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ความไม่ได้เรื่องของเยี่ยจื่อเซวียนเจ้าคงได้เห็นแล้ว หากเจ้าเปลี่ยนเขาได้จะถือว่าเจ้าชนะ และต่อไปข้าจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าอีก แต่หากเจ้าแพ้...”

มือของเงามืดค่อยๆ เคลื่อนไล้ไปตามลำตัวของเสิ่นอวิ๋นโยว จนสุดท้ายหยุดลงที่บั้นเอวของนางเขาถึงเอ่ยต่อว่า “หากแพ้ เจ้าจะต้องติดตามอยู่ข้างกายข้า ไม่ให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว”

“ตกลง!” เสิ่นอวิ๋นโยวพยักหน้าตอบรับเงื่อนไขของเงามืดอย่างเด็ดเดี่ยว แต่คิดไม่ถึงว่าเงามืดจะพูดเสริมอีกประโยคหนึ่ง

“ยังมีอีกข้อหนึ่ง เจ้าต้องระวังเรื่องระยะห่างระหว่างเจ้ากับเขาให้ดี หากข้ารู้ว่าเจ้ากับเขามีอะไรไม่ชอบมาพากลต่อกัน ก็อย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจเจ้าก็แล้วกัน”

เงามืดเอ่ยอีกประโยคด้วยน้ำเสียงบึ้งตึง แล้วจึงปล่อยหญิงสาวก่อนหายไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เสิ่นอวิ๋นโยวนอนหมดอาลัยอยู่บนเตียง นางสูดหายใจเข้าออกแรงๆ ผ่านไปพักใหญ่ ถึงค่อยๆ ลุกขึ้นจุดเทียน แล้วกลับลงไปในถังน้ำที่เย็นหมดแล้วอีกครั้งเพื่อชำระร่างกายตนเอง

เสิ่นอวิ๋นโยวออกแรงขัดถูผิวกายตนเอง ในหัวมีแต่สิ่งที่เงามืดเพิ่งพูดกับนางเมื่อครู่

เปลี่ยนเยี่ยจื่อเซวียน นางควรทำอย่างไร เงามืดไม่ได้ให้กำหนดเวลากับนาง แต่เสิ่นอวิ๋นโยวรู้ว่าเงามืดไม่ใช่คนที่จะใจกว้างกับตน เรื่องมาถึงตรงนี้นางมีแต่จะต้องรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็นเท่านั้น นางต้องค่อยๆ เข้าใกล้เยี่ยจื่อเซวียนทีละนิด จากนั้นค่อยใส่ยาลงที่แผล...

เมื่อออกจากห้องของเสิ่นอวิ๋นโยวแล้ว เงามืดยืนเอาหลังพิงกำแพงแล้วเงยหน้ามองฟ้า

เมื่อครู่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาอยู่บนกายสตรีนางนี้

เงามืดกำหมัดแน่น เขายืดตัวตรงแล้วถีบตัวลอยหายไปจากบริเวณเรือนนั้น เงามืดออกมายืนนอกจวนเสนาบดี พอเห็นลูกน้องที่ยืนรออยู่ตรงนี้นานแล้วก็เอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงเย็นว่า “พรุ่งนี้จัดการหักขาข้างหนึ่งของเสิ่นจิ่นอวี๋เสีย”

“ข้าน้อยรับบัญชาขอรับ”

...

ฟ้าสว่างจ้า เสิ่นอวิ๋นโยวลืมตาขึ้นด้วยความง่วงงุน เอี้ยวตัวมองเสื้อผ้าบนเตียงของตนที่ถูกดึงทึ้งจนฉีกขาด นึกย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วปวดหัวจนถึงกับต้องขมวดคิ้ว

เสิ่นอวิ๋นโยวลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้า ในขณะที่กำลังเก็บเสื้อขาดๆ บนเตียงนั้น ก็พบเข้ากับของสิ่งหนึ่ง

หน้ากากของเงามืด

นางยื่นมือไปหยิบหน้ากากขึ้นมา พินิจมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนโยนของสิ่งนั้นเข้าไปในตู้เสื้อผ้า

หลังจากเสิ่นอวิ๋นโยวเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่แล้ว นางก็นั่งรอให้สาวใช้คนสนิทเข้ามาปลุกนางตื่น หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ จึงได้พาซิ่วเอ๋อร์ออกจากจวนเสนาบดีไปสืบเรื่องราวเกี่ยวกับหลิวซงต่อ และสถานที่แรกที่นางเลือกไปก็คือจวนที่พักของเยี่ยจื่อเซวียน

เสิ่นอวิ๋นโยวนั่งลงตรงหน้าเยี่ยจื่อเซวียน สายตามองลึกเข้าไปในใบหน้าที่เจือรอยยิ้มอยู่เล็กน้อย นางทำปากยื่นก่อนเอ่ยถามออกไปตรงๆ ว่า “เรื่องเกี่ยวกับหลิวซงผู้นั้น ท่านรู้มากน้อยเพียงใด”

“เจ้าต้องการสืบเรื่องเขาหรือ” เยี่ยจื่อเซวียนมองนางด้วยความสงสัย หลังจากได้รับคำตอบที่มั่นใจของหญิงสาวแล้ว เขานิ่งคิดเล็กน้อยก่อนเอ่ยเบาๆ ว่า “เขาเป็นคนของจวนเสนาบดีของเจ้า เจ้าน่าจะรู้เรื่องเขามากกว่าข้า”

“ไม่ต้องมาบ่ายเบี่ยงกับข้า ข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาเลย” เสิ่นอวิ๋นโยวกรอกตาขึ้นฟ้าแล้วเอ่ยว่า “ยามนี้ท่านกับข้าล้วนเป็นตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน เรื่องที่ท่านรู้ก็ควรนำมาบอกกล่าวต่อกัน ท่านทำงานให้เงามืดมานานเพียงนั้น แต่ท่านบอกว่าตัวท่านไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับจวนเสนาบดีเลย ใครเขาจะเชื่อ! อีกทั้งเจ้าคนที่ชื่อหลิวซงนั่นมาหาเรื่องท่านไม่เว้นแต่ละวัน ต่อให้ท่านไม่มีใจกล้าสวนกลับ ก็ควรจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง มิใช่หรือ”

คำพูดอย่างไม่เกรงใจของเสิ่นอวิ่นโยวทำให้เยี่ยจื่อเซวียนถึงกับมุมปากกระตุก เขามองท่าทางจริงจังของนางอย่างนึกสนุก เขาไม่พูดเรื่องอื่นให้มากความอีก เพียงบอกเรื่องที่นางอยากรู้ให้ฟัง

“หลิวซงมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ที่ถนนอวิ๋นหลิ่ว ที่ตรงนั้นไม่ใช่ถูกๆ ได้ยินว่าแค่บ้านหนึ่งหลังก็ราคาเป็นพันตำลึงแล้ว คนที่เป็นหลงจู๊อย่างเขา ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีทางซื้อไหว อีกอย่าง...”

เยี่ยจื่อเซวียนนิ่งไปเล็กน้อย เขาส่งยิ้มให้นางอย่างมีเลศนัยแล้วเอ่ยสิ่งที่ทำให้เสิ่นอวิ๋นโยวต้องตกใจ “อีกอย่าง เขากับฮูหยินรองจวนเสนาบดีของเจ้า ก็มีความสัมพันธ์ต่อกันที่ไม่ธรรมดา”

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว