ขัดดอกพ่อสามี

บทที่ 2

ไม่ไกลจากโต๊ะที่กีรณากับฟ้าใสนั่งอยู่เมื่อครู่ ร่างเล็กๆ ในชุดนักศึกษาที่นั่งหันหลังอยู่นานถึงกับลอบถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ความตื่นเต้นและอึดอัดเมื่อครู่ที่ผ่านมาค่อยคลายลงหลังลับร่างของหญิงสาวทั้งสอง โดยเฉพาะเจ้าของร่างสูงของหนุ่มรุ่นพี่ต่างคณะคนนั้น ปรางวรรษาเหลือบมองไปยังโต๊ะที่ยามนี้ว่างแปล่าแล้วนึกถึงสิ่งที่ได้ยินตั้งแต่ต้นจนจบ

ไม่ต้องถามถึงต้นสายปลายเหตุว่าเพราะอะไรเธอถึงต้องมานั่งตั้งใจฟังในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเธอเลยอยู่แบบนี้เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังหาเหตุผลมาตอบตัวเองไม่ได้ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน รู้เพียงแค่ว่าเธออยากจะรับรู้เรื่องของชายหนุ่มรุ่นพี่คนนั้นบ้างก็เท่านั้น ในโลกใบนี้ นอกจากตัวเธอเองแล้วคงไม่มีใครรู้ว่าหลายๆ สิ่งที่เธอเลือกทำ หนทางที่เธอเลือกเดิน ล้วนมาผลมาจาก ‘เขา’ คนนั้นทั้งสิ้น

นับแต่เมื่อแรกที่ได้เจอ ก็ราวกับจะมีเสียงกระซิบบอกกับเธอว่า ‘เขาคือคนที่เธอเฝ้ารอมาแสนนาน’ และนับจากนั้น ปรางวรรษาก็ไม่เคยละสายตาจากตฤณได้เลยสักครั้ง ทุกๆ วันขอเพียงแค่เธอได้แอบมองเขา แค่นั้นก็เป็นความอุ่นใจและกลายเป็นพลังให้ก้าวเดินต่อไปได้แล้ว แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าในสายตาของเขาไม่เคยมีแม้แต่เงาของเธอ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เสียใจและไม่หวัง เพราะสำหรับเธอแล้ว ตฤณเปรียบเหมือนท้องฟ้าที่เป็นแหล่งกำเนิดและโอบอุ้มสายฝนอย่างเธอ ดังนั้นขอแค่ได้เห็นหน้าหรือเพียงได้แอบมองเขาบ้าง หญิงสาวก็พอใจแล้ว

“เรน!” เสียงเรียกของใครบางคนปลุกคนที่กำลังนั่งเหม่อให้ตื่นจากภวังค์ ปรางวรรษาหันไปตามเสียงเรียกอันคุ้นหู

“ห...หือ?”

“บ่ายโมงแล้วไม่ขึ้นไปเรียนหรือไง ถึงได้มัวมานั่งเหม่ออยู่แบบนี้”

“ไปสิ ไป เผลอแป๊บเดียวถึงเวลาเข้าเรียนแล้วเหรอเนี่ย”

“ก็ใช่น่ะสิ บ่ายกว่าแล้วด้วย รีบเดินเถอะ เดี๋ยวไม่ทันเช็คชื่อ”

มือเล็กๆ จัดแจงรวบเก็บตำรับตำราบนโต๊ะแล้วลุกตามเพื่อน ทว่าสายตาของเธอก็ยังไม่วายแอบชำเลืองมองไปยังร่างบางของรุ่นพี่สาวคนดัง กระทั่งคนทั้งหมดได้ลับร่างหายเข้าไปในตึกเมื่อถึงเวลาเข้าเรียน

---------------------------------

ภาณินกลับเข้ามาที่ห้องทำงานของตนอีกครั้งหลังเสร็จสิ้นการประชุมกับท่านคณบดี โดยหัวข้อของการประชุมคือเรื่องเกี่ยวกับโครงการวิจัยภายใต้การดูแลของเขา ทว่าไหนๆ เขาก็มีโอกาสได้คุยกับคณบดีแล้ว จึงถือโอกาสบอกกล่าวเล่าเรื่องข่าวลือที่พัดกระพืออยู่ทั่วมหาวิทยาลัย และกลายเป็นกระแสวิพากย์วิจารณ์ไปทั่ว

จากวันที่เกิดเรื่องมาจนถึงวันนี้ ข่าวลือที่แพร่กระจายได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับกีรณาที่ฝ่ายหญิงให้ต้องเสื่อมเสีย รวมถึงตัวเขาที่ต้องเผชิญกับสายตาแปลกๆ ของใครๆ ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก และในไม่ช้าเมื่อเรื่องมาถึงหูของบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัย ไม่ช้าเขาก็จะต้องถูกเรียกมาพูดคุยถึงเรื่องนี้อยู่ดี ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายเข้าเข้ามาบอกกล่าวถึงที่มาที่ไปอันแท้จริงด้วยตัวเองเสียก่อน เพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่จะรุกลามในภายหลัง

ร่างสูงทิ้งกายลงบนเก้าอี้แล้วทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะโล่งใจที่สามารถชี้แจงเรื่องราวต้นสายปลายเหตุทั้งหมดทั้งมวลได้อย่างลุล่วง ปฏิกิริยาและคำตอบรับของผู้ใหญ่ทั้งหลายก็บงบอกว่ารับรู้และเข้าใจ ทว่า ‘จิตมนุษย์นั้นไซร้ ยากแท้หยั่งถึงใครเลยจะรู้ว่าลึกๆ แล้วพวกเขาเหล่านั้นนึกคิดกันอย่างไร ภาณินยังอดหวั่นใจไม่ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นแม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับส่งผลไปไกลจนเกินกว่าใครจะควบคุมเสียแล้ว

ภาณินได้แต่พยายามคิดอย่างถี่ถ้วนและทำในสิ่งที่เห็นว่าสมควรและส่งผลกระทบกับกีรณาน้อยที่สุด จากนี้ไปคงได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะสามารถจบลงด้วยดี เขาเองก็ต้องระวังตัวให้มากขึ้น เรื่องราวล่อแหลมใดๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ให้อย่างไรก็ไม่ควรจะเกิดซ้ำขึ้นมาอีก

ร่างสูงถอนหายใจแล้วหลับตานิ่ง ลำพังแค่ความบาดหมางเก่าๆ เมื่อสิบห้าปีก่อน เขาก็แทบจะเคลียร์ไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอกับเรื่องนี้เข้าไปอีกเรื่อง ปัญหาเดิมยิ่งยากจะคลี่คลาย เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดคุยปรับความเข้าใจกับเธออีท่าไหนด้วยซ้ำ

ภาณินมองเอกสารปึกใหญ่ตรงหน้าอย่างใช้ความคิด เมื่อแรกที่วีรวัฒน์แนะนำให้เลือกกีรณามาเข้าร่วมโครงการเขาก็พยากรณ์เอาไว้แล้วว่าคงไม่ง่าย แค่ได้เห็นชื่อโครงการรู้ว่าเป็นงานที่เขารับผิดชอบ คงไม่แคล้วที่หญิงสาวจะปฏิเสธอย่างไม่ลังเล เรื่องจะให้เธอยอมมาทำงานแต่โดยดีเห็นทีจะไม่มีหวัง ยิ่งมาเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ สิ่งที่เขากำลังคิดก็ยิ่งยากเป็นทวีคูณ นิ้วเรียวยาวกรีดไล่ไปตามเอกสารอีกครั้ง ก่อนจะหยิบขึ้นมาพลิกดูอย่างชั่งใจ

ถ้าไม่ลองก็คงไม่รู้ เขาต้องหาทางดึงกีรณามาทำงานในโครงการให้ได้ เวลาของเขามีจำกัด ภายในแปดเดือนเขาจะต้องทำให้กีรณากลับคืนมาเป็นคนเดิม หรือย่างน้อยก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ‘หญิงสาวได้ละทิ้งสัญญาเมื่อวัยเยาว์ไปแล้วจริงๆ’

-------------------------------------------

สองสัปดาห์ต่อมาเรื่องเล่าข่าวลือเพิ่งเริ่มจาง ทว่าเมื่อรายชื่อนักศึกษากลุ่มหนึ่งปรากฎบนบอร์ด เรื่องที่กำลังจะซาก็กลับมาฮือฮาอีกครั้ง เมื่อกีรณาคือหนึ่งรายชื่อตามประกาศเข้าร่วมโครงการวิจัยของภาณิน ฟ้าใสเป็นคนอ่านประกาศแล้วนำความมาบอกกับกีรณาด้วยสีหน้าที่แสดงออกว่าเป็นห่วง เรื่องเก่ายังไม่ทันจะจางหาย กลับมีเรื่องใหม่เข้ามาตอกย้ำเสียอย่างนั้น

“แล้วแกจะเอาไง เรื่องเก่าคนยังไม่ทันลืม ดันมาถูกเลือกเข้าร่วมโครงการแบบนี้ ความวัวยังไม่ทันหายความควายดันเข้ามาแทรกชัดๆ” ฟ้าใสเปรยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

กีรณาเองก็คิดไม่ต่างจากฟ้าใส สงสัยว่าช่วงนี้เธอคงดวงไม่ดีพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกตลอด หญิงสาวนิ่งคิดไปพักใหญ่ ถอนหายใจเฮือกแล้วเอ่ยชัดเจนอย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว “ฉันจะไปถอนตัว”

ฟ้าใสทำหน้าตื่น เมื่อแรกอาจจะไม่ชอบใจ แต่ครั้นกีรณาเอ่ยปากว่าจะถอนตัว เธอก็อดนึกเสียดายแทนเพื่อนขึ้นมาไม่ได้

“เฮ้ย! จะบ้าเหรอ โอกาสดีๆ แบบนี้แกไม่เสียดายหรือไง แล้วอีกอย่างนะประกาศนั่นก็ผ่านการอนุมัติของคณบดีมาแล้ว แกคิดว่าจะถอนกันได้ง่ายๆ เหรอ”

“ก็ต้องลองดู” กีรณายืนยัน สีหน้าไม่บ่งบอกว่ามั่นใจ

“ฉันละปวดหัวจริงๆ คิดว่าเรื่องจะเงียบแล้วเชียวนะ ดันมาเป็นแบบนี้เสียได้”

“ช่างมันเถอะ พอถอนตัวแล้วเรื่องมันก็เงียบไปเองนั่นแหละ”

“แต่ฉันว่าแกน่าจะคุยกับอาจารย์ก่อน ฉันเชื่อว่าต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนี้หรืออย่างน้อยก็น่าจะมีคำตอบหรือทางออกดีๆ ให้กับแก”

“ไม่ล่ะ คุยกันไปก็เท่านั้น ในเมื่อฉันไม่อยากเข้าร่วมโครงการก็แค่ไปถอนตัว” กีรณาตอบแบบไม่ยี่หระเลยสักนิด

“แน่ใจแหรอว่าแกจะเลือกแบบนี้ ฉันได้ยินว่าโครงการนี้มีทุนให้ไปเรียนต่อที่อเมริกาด้วยนะ”

ฟ้าใสพยายามให้ข้อมูล หากแต่คนฟังก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจสักนิด

“พูดอย่างกับว่าพ่อแม่ฉันไม่มีปัญญาส่งฉันไปเรียนเมืองนอกอย่างนั้นแหละ”

“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ไปเองกับได้ทุนไป ความภูมิใจมันต่างกัน แล้วแกเองก็มีโอกาสมากกว่าใคร”

“ภูมิใจแล้วไง กว่าจะได้ภูมิใจฉันต้องอึดอัดใจทำงานกับเขาตั้งหลายเดือน ถ้าเป็นไปได้ก็เลือกความสบายใจไว้ก่อนจะดีกว่า”

“ก็จริง งั้นแกจะไปทำเรื่องเมื่อไหร่”

“หลังเลิกเรียนฉันจะไปยื่นคำร้อง”

“งั้นเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน”

“ไม่ต้องหรอก เรื่องแค่นี้ฉันไปเองได้”

“จะว่าไปก็เสียดายเหมือนกันนะ ยังแอบนึกอยู่เลยว่าจะได้ไปทำงานด้วยกัน” ฟ้าใสทำหน้าเสียดายจริงจัง คงฟังได้แต่ยิ้มและเอ่ยปลอบ

“พูดอย่างกับว่าไปทำงานแล้วจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอย่างนั้นแหละ”

“ก็จริงนี่ แกไม่ไปฉันคงเหงาแย่ แล้วตกลงว่าแกจะไปฝึกงานที่ไหน”

“ก็ที่เราไปยื่นใบสมัครไว้ไง เอาไว้เขาตอบรับมา แล้วฉันจะบอกกับแกละกัน”

“อื้ม อย่างแกคงไม่พลาดหรอก ใครๆ ก็อยากได้ว่าที่เกียรตินิยมไปทำงานด้วยอยู่แล้ว”

“ขอบใจที่ชม แต่ไม่ต้องมายอกันก็ได้นะเพื่อนรัก” สองสาวพูดคุยกอดคอกันหัวเราะ ขณะพากันเดินขึ้นตึกเรียน ไม่ทันได้สังเกตว่าตลอดเวลาที่คุยกัน มีใครอีกคนแอบนั่งฟังอยู่เงียบๆ

ชั่วโมงเรียนคาบสุดท้ายจบลงเมื่อเวลาบ่ายสี่โมงตรง กีรณานัดแนะกับกลุ่มเพื่อนให้ไปรอเธอที่หอสมุด ส่วนตัวเองมุ่งหน้าไปยังห้องฝ่ายธุรการเพื่อยื่นคำร้องขอถอนชื่อออกจากโครงการวิจัย แต่เมื่อไปถึงห้องธุรการกลับไม่พบเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ หญิงสาวหยิบใบคำร้องขึ้นมากรอกแล้วใส่ไว้ในตะแกรงรับคำร้อง คิดว่าค่อยมาตามเรื่องภายหลัง จากนั้นก็กลับออกไปพร้อมกับเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่โทรมาเร่งให้เธอรีบตามไปสมทบ

กีรณาไม่อาจรู้เลยว่าคล้อยหลังจากทีเธอออกไปไม่นาน เอกสารคำร้องของเธอได้ตกไปอยู่มือของใครบางคน ที่หยิบมันขึ้นมาแล้วพับกระดาษใส่กระเป๋า แล้วรีบหลบออกจากห้องไปทันที

-----------------------------------------------------------

จากไรท์ถึง รีด

เอานิยายมาลงให้อ่านใหม่ เพื่อพิสูจน์ว่า นิยายของไรท์ หวานได้โดยไม่ต้องพึ่งเลิฟซีน (มีบ้าง แต่ไม่มาก) ถ้าชอบนิยายภาษาสวยก็เชิญทางนี้ได้เลย

อ่านได้ ติชมได้ แต่อย่าด่า กัลยานมิตร เริ่มต้นจากคำพูดดีๆ ที่มีให้กัน แบ่งปันความสุขให้แก่กันด้วยมิตรจิต มิตรใจอันดี

ปล. นิยายเรื่องนี้อัพฯ จบ และเป็นเล่มไปนานแล้ว แค้ไรท์จะทยอยเอามาลงให้อ่านตามแต่เวลาจะอำนวย ถ้าไม่อยากรอ สั่งซื้อเล่มได้ที่

FB : Booksyourlikeshop, Booksforfun Booksforfun และที่ Writer Gallery หรือที่เพจ Nilwana

E-book ที่ Meb Search ชื่อเรื่องหรือนักเขียน ก็ขึ้นเลย ตอนนี้มี Promotion คืนกำไรให้นักอ่าน ถึงสิ้นปี Pro ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

มีความสุขกันทุกคนนะคะ

รักนักอ่านทุกท่าน

นิลวนา / ฉัตรชณา

พูดคุยกับนิลวนา/ฉัตรชณา ได้ที่ : https://www.facebook.com/Nilwna/

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว