กอดรักเสี่ยงร้าย

บทที่ 6 : กลับบ้าน [1/1]

เช้าวันต่อมาไมตรีก็ปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้ระดับน้ำลดลงอยู่ในระดับปกติราวกับไม่เคยเกิดเหตุร้าย เจ้าหน้าที่สามารถเข้ามาช่วยบรรเทาทุกข์ได้มากขึ้น แม้บ้านเรือนจะเสียหายไป แต่ก็พอซ่อมแซมให้ชาวบ้านกลับเข้าไปอยู่ใหม่ได้หลายหลัง โชคดีที่บ้านของครอบครัวไมตรีปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้รอบๆ เลยช่วยลดแรงกระแทกจากสิ่งของที่ไหลบ่ามาตามน้ำ สามารถรักษาสภาพบ้านเดิมเอาไว้ได้พอสมควร จัดการเรื่องทางบ้านเสร็จเขาจึงขอตัวออกเดินทางมาหาเจ้านาย

และเที่ยงวันเดียวกันนั่นเอง ในที่สุดพวกนิรุจก็ส่งข่าวดีมา ทุกอย่างเป็นไปตามที่สิรภัทรคิดวางแผนเอาไว้ นั่นทำให้สิรภัทรตัดสินใจกลับเข้ากรุงเทพมหานคร แม้ว่าแผลของเขาจะยังไม่หายขาดก็ตาม

การเดินทางของพวกเขาดูเหมือนจะราบรื่นดี ถ้าหากไมตรีจะไม่บอกขึ้นเสียงเครียด

“มีรถตามมาครับ”

ผู้โดยสารอีกสองคนหันไปมองด้านหลังทันที รถที่ไมตรีพูดถึงหาได้ไม่ยากเลย เพราะมันมีตั้งสามคัน!!

“เหยียบให้มิดเลยไม้” บอสใหญ่สั่งลูกน้องเสียงเข้ม ไม่ลืมหันไปสั่งคนด้านหลัง “ปัดเลื่อนตัวไปนั่งข้างล่างก่อน อย่าให้มันเห็นปัด”

ปัถยาไม่รอให้เขาบอกย้ำ พาแมวลงไปนั่งคุดคู้อยู่ตรงกลางระหว่างเบาะหน้ากับเบาะหลัง

“มันลงมือแล้วครับ”

สิรภัทรรีบหันไปมองด้านหลัง พวกมันเริ่มตีวงล้อมกันรถคันอื่นออกไปแล้วจริงๆ เขาส่งโทรศัพท์เครื่องเก่าให้ปัถยาพร้อมสั่ง “ติดต่อรุจให้ผมที บอกให้เขาไปรอที่บ้านปัด”

ปัง!

เอี๊ยดดดดดด!

“ไอ้บ้าเอ้ย!”

เป็นเสียงไมตรีสบถขึ้นมาหลังพารถเบี่ยงหลบกระสุนได้อย่างฉิวเฉียด เขารีบสับเกียร์เหยียบคันเร่งจมลงอีก เพื่อพารถทิ้งห่างจากรถคันหลังที่ตามาพัวพันไม่เลิก

เอี๊ยดดดดด!

ในที่สุดไมตรีสายซิ่งก็ปาดสะบัดรถพวกมันตกไหล่ถนนไปคัน ตอนนี้เหลืออยู่อีกสอง...

“ติดต่อพี่รุจได้แล้วค่ะ” ปัถยาตะโกนบอกขึ้นมาในตอนนั้น ก่อนจะก้มลงไปคุยกับปลายสาย “พี่รุจ! ตอนนี้เราโดนลอบกัด บอสบอกให้ไปพี่รอที่บ้านปัดนะ”

เอี๊ยดดดดดด!

“ว๊าย!”

สิรภัทรหันมามองทันที “ปัด! เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ปัดไม่เป็นไรค่ะ พี่รุจบอกว่ารับทราบแล้ว” รีบบอกสารสำคัญ

“โอเค” ชายหนุ่มถอนหายใจแรงๆ โล่งไปอีกเปาะ อีกครั้งแล้วที่เขาถูกลอบโจมตี ดวงตาคมกริบมองกระจกข้างด้วยความเครียด ถนนด้านหลังเป็นทางที่จะพาพวกเขากลับเข้ากรุงเทพมหานคร ป้ายบอกเมืองอยู่เหนือสะพายลอยตรงหน้าแล้วแท้ๆ กลับต้องหักออกมาทางนอกเมือง

เอี๊ยดดดด ปึ่งงงงงง

“ไอ้ห่านี่!” ไมตรีสบถอีกครั้งเมื่อรถสองคันที่เหลือเบียดเข้ามาชนท้ายแรงๆ

“เปลี่ยนแผน ไม่ต้องขับหนีแล้ว เบียดมันลงข้างทางไปแล้ววนรถกลับไปทางเดิม ข้างหน้าอาจจะมีพวกมันดักซุ่มรอจัดการเราอยู่”

ไมตรีที่อยากได้ยินคำนี้มานานผุดยิ้มเหี้ยมบนมุมปาก “ไม้จัดให้ครับผม!”

“ฉันควรจะเลี้ยงแกไว้ใช้งานต่อหรือเปล่า”

“...” คนเข้ามารายงานความคืบหน้าของงานก้มหน้าเงียบ

“ไหวตัวทัน คิดทันทันจนย้อนศรไอ้ภัทรได้ แล้วทำไมแกถึงปล่อยให้มันหนีไปได้อีก คนอย่างไอ้ภัทร พลาดครั้งที่หนึ่ง ย่อมไม่มีครั้งที่สอง คราวนี้ก็รอให้มันกลับมาเด็ดหัวฉันได้เลย!!” ตวาดใส่แล้วสินธรก็เดินวนไปวนมาด้วยความเครียด มันถึงกับให้คนปลอมตัวหนีไปเมืองนอกเพื่อตบตาเขา ทั้งที่ความจริงมันหลบไปอยู่ที่เขาใหญ่นี่เอง ดีที่เขาสั่งให้ตามไปเฝ้าทุกหนทุกแห่งที่มันเคยไป เลยรู้มันยังอยู่ในไทย จนส่งคนตามไปดักรอทัน

แต่มันเสือกหนีรอดไปได้อีกครั้ง!

สินธรรู้จักสิรภัทรดี ทุกครั้งที่เผชิญหน้าแย่งของกันในตอนเด็ก มันจะปล่อยให้เขาชนะลอยหน้าลอยตาได้แค่ครั้งเดียว พอมีครั้งที่สองในวันนั้น มันจะไม่ยอมอีกต่อไป ถึงกับลงไม้ลงมือกันก็มี ครั้งนี้สิรภัทรต้องกลับมาเอาคืนเขาแน่ๆ แต่จะถึงชีวิตไหม...

...นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง!

หากบ้านใหญ่รู้ว่าเขาทำอะไรกับหลายชายสุดที่รัก พวกเขาต้องตามมาเด็ดหัวเขาแน่นอน!

“ตอนนี้มันคงเข้ามาในกรุงเทพฯแล้ว สั่งคนของเราให้ระวังตัวมากขึ้น อ่อ ระวังอย่าให้ไมเคิลรู้เรื่องนี้”

“ตอนนี้เขากลับไปที่มาเก๊าพอดีครับ คงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น”

“อย่างนั้นก็ดีไป”

พวกคนที่รอดมาได้อย่างหวุดหวิดกำลังนั่งกินบะหมี่เกี๊ยวอยู่ในบ้านปัถยา พร้อมด้วยนิรุจกับธาวินที่ติดต่อไปก่อนหน้านี้

เจ้าของบ้านปล่อยให้พวกเขาทานไปก่อน ส่วนตัวเองก็เอาแมวขึ้นไปไว้บนห้อง หาเสื้อผ้าพี่ชายที่พอจะมีเหลือไว้ที่บ้าน กับชุดเครื่องนอนลงมาวางไว้ในห้องรับแขก ทั้งที่รู้ดีว่าคืนนี้พวกเขาคงวางแผนเอาคืนสินธรไม่หลับไม่นอน จัดของเสร็จก็เดินไปบอกพวกกินก๋วยเตี๋ยว

“เสื้อผ้ากับที่นอนอยู่ในห้องรับแขกนะคะ ทานเสร็จแล้วก็วางไว้เลย เดี๋ยวปัดลงมาจัดการเอง ตอนนี้ขอตัวไปดูบัวลอยก่อนนะคะ”

“ปัด...”

เธอยิ้มอ่อนๆ ให้คนเรียก “ปัดโอเคค่ะ ถ้าบอสสะดวกให้ปัดอยู่ห่างๆ ปัดก็จะอยู่ แต่บอสกับพี่ๆ ก็ต้องระวังตัวกันด้วยนะคะ อย่าไปเอาแผลมาให้ปัดเห็นอีก”

“ถึงไม่บอก พวกเราก็ไม่อยากได้แผลมาอวดปัดแน่นอน” นิรุจเงยหน้าขึ้นมาบอก

“ให้มันจริงเถอะค่ะ” ว่าแล้วก็หันไปมองบอสใหญ่ “โดยเฉพาะบอส ห้ามมีแผลเพิ่มมาอีกนะคะ”

สิรภัทรพยักหน้ารับยิ้มๆ มองร่างเล็กหมุนตัวเดินขึ้นไปชั้นบนด้วยสายตาอ่อนละมุน ในที่สุดเธอก็เข้าใจเขาสักที

“หวานให้มันน้อยๆ หน่อยครับบอส เพิ่งจะหนีตายมาสดๆ นะครับท่าน” นิรุจเอ่ยแซวคนอินเลิฟ

“อยากตายสดๆ บ้างไหมล่ะ”

“...” นิรุจ

ธาวินเห็นลูกพี่โดนสวนก็รีบวางตะเกียบลุกขึ้นไปหากองถุงดำที่เอามาด้วย ถือมันกลับมายื่นให้เจ้านาย

“นี่เลยครับ ไหนๆ เจ้าของบ้านก็ขึ้นไปนอนแล้ว เราก็มาดูกันดีกว่าครับ ว่าพวกผมได้อะไรมาบ้าง”

สิรภัทรรับถุงนั้นมาเปิดออกดู เป็นเอกสารหลายแผ่นที่ยังไม่ได้ถูกเรียบเรียง เขาหยิบมันออกเปิดดูแผ่นแล้วแผ่นเล่าพร้อมกับส่งมันให้ไมตรีอ่านต่อ

“เป็นอย่างที่พวกเราคิดครับ ไมเคิล เหวิน มันทำธุรกิจมืดแบบครบวงจรอยู่ที่มาเก๊า เริ่มมาลงทุนในไทยเมื่อหลายปีก่อนนี่เอง” นิรุจกลับมารักษาตำแหน่งหัวหน้าเลขาอธิบายงานให้นายฟังด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม เขาต้องแกล้งทำทีว่าพาเจ้านายหนีไปอเมริกา ทั้งที่ความจริงแอบต่อเครื่องกลับมาลงที่มาเก๊าเพื่อสืบเรื่องนี้ “ถึงจะใช้เวลาไม่กี่วัน แต่ผมก็แน่ใจว่ามันอยากได้เกาะเพื่อเอาไปเปิดคาสิโนเถื่อน”

“แล้วสินธรเกี่ยวข้องยังไงกับมัน”

“เขาทำหน้าที่แนะนำบ่อนของมันให้คนใหญ่คนโตในบ้านเรา มีส่งผู้หญิงให้มันบ้างอย่างที่เราสืบมาได้ในตอนแรก ไม่มีนอกเหนือไปมากกว่านี้แล้วครับ เขาเพิ่งเริ่มต้น”

“แค่นี้เองเหรอ ที่ทำให้มันอยากฆ่าฉัน” สิรภัทรเอ่ยเสียงหยันเมื่อนึกถึงญาติผู้พี่

“ถ้าเดาไม่ผิด ไมเคิลคงยุให้เขาแย่งตำแหน่งประธานคนใหม่ไปจากบอส เพื่อที่มันก็ใช้เขาส่งเสริมกิจการมืดๆ ของมันมาแฝงตัวอยู่ในโรงแรมทั่วประเทศของสวราชย์กรุ๊ป”

บอสใหญ่ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “ถ้าสันดานคนมันไม่อยากได้ มีหรือจะถูกจูงจมูกง่ายๆ แบบนี้ แล้วถ้าฉันคนนี้ยังไม่ตาย ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ทำอย่างที่คิด!”

รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว