โชคชะตาลิขิตรัก

บทที่๑๓ ห้องใหม่อันใหญ่กว้าง กับใจที่ว้าวุ่น

บทที่๑๓

ห้องใหม่อันใหญ่กว้าง กับใจที่ว้าวุ่น


เมื่อแรกได้เห็นห้องอันโอ่อ่าอันกว้างแห่งนี้แล้ว ก็ทำให้ฉันถึงกับมองดูด้วยความตื่นเต้นผสมกับอึ้งไปกับ การตกแต่งทุกสัดทุกส่วนในห้อง

ในเวลานี้ห้องถูกตกแต่งด้วยความสวยงาม โดยในที่ต่างๆ ก็ถูกจัดเก็บระเบียบเรียบร้อย และยังมีการจัดวางภายในห้องนอน ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและดูสวยงดงาม โดยตามมุมห้องนั้น มีกระถางต้นไม้จัดวางไว้ให้น่าดูรื่นรมย์อีกด้วย แสดงว่าคนที่สั่งให้มาจัดนั้น ท่าจะสั่งให้จัดเป็นอย่างดีเลยน่ะสิ……

พอคิดอย่างนี้แล้ว ฉันก็ได้เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับเรียกให้ฮาบีกับฮาซันเข้ามากันทันที พวกนางจึงได้รีบเข้ามากันข้างใน


“โห้!ดูทว่าแล้ว ฝ่าบาทคงจะเป็นผู้ให้จัดทำเช่นนี้แน่เลยเพคะ!ข้าน้อยว่าเหมาะกับท่านเทพธิดามากเลยนะเพคะ” ฮาบีว่าขึ้นมา พลางมองดูบรรยากาศรอบๆ ตัว ที่ชวนดูน่ามองและดูสดใส แล้วหันกลับมาที่เทพธิดาทันที

“อย่างนั้นเหรอ?เจ้าคิดอย่างนั้นน่ะเหรอ?” ฉันกันไปถามกับฮาบี

“จริงสิเพคะ ท่านเทพธิดา!ท่านดูสิ ภายในห้องนี้ ดูดูไปแล้ว พวกคนที่จัดน่าจะใส่ใจในรายละเอียดทุกซอกทุกมุมเป็นพิเศษเลยล่ะเพคะ!ยิ่งข้าวของเครื่องใช้ด้วยแล้ว ….ยิ่งดูงดงามและเล่อค่า อย่างที่ไม่เป็นมาก่อนเลยล่ะเพคะ!” ฮาซันกล่าวขึ้นมาเสริม ด้วยเช่นกัน นางมองไปทั่วบริเวณจนมาถึงข้าวของเครื่องใช้มากมาย ที่ประดับอยู่ในห้องแห่งนี้ ซึ่งนางไม่เคยเห็นว่ามันเป็นแบบนี้มาก่อน

“อย่างนั้นเลยหรือ!?แล้วที่ผ่านมานี้เป็นอย่างไรหรือ?” ฉันอยากรู้ขึ้นมา จึงหันไปถามกับฮาซัน

“ก็จะเป็นห้องที่ดูเรียบๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลยล่ะเพคะ ยิ่งเตียงนอนที่มีราคามากแล้ว ก็ไม่เคยมีมาก่อนเลยล่ะเพคะ ยิ่งถ้าเป็นข้าวของเครื่องใช้พวกนี้ ที่มีมูลค่ามาก จะไม่มีในห้องนี้เลยเพคะ พวกข้าน้อยจึงได้รู้สึกว่า ฝ่าบาททรงตั้งใจให้คนมาจัดให้กับท่านเทพธิดา โดยเฉพาะอย่างไรเลยล่ะเพคะ” ฮาซันตอบฉันแล้ว ก็มองฉันด้วยสายตาที่ดูมีรอยยิ้มในดวงหน้านั้นแทนที่มีรอยยิ้มแบบเรียบๆ

แสดงว่านางจะต้องคิดอะไรบางอย่างอยู่แน่เลย..ฉันคิด

“นั่นอาจเป็นเพราะว่าข้า คือแขกคนสำคัญสำหรับเขาก็ได้ ฝ่าบาทของพวกเจ้าถึงได้สั่งให้จัดแบบนี้น่ะ…” ฉันว่าแล้ว ก็มองดูไปรอบๆ

มันก็เป็นเช่นที่พวกนางว่าจริงๆ ที่ว่าข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างทุกอย่างมีพร้อมใช้หมดแหละ แต่คงจะไม่มีเป็นพิเศษหรอก ฉันคิดว่า….

ฮาซันกับฮาบีต่างเงียบกัน ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าการที่มองดูเทพธิดาของพวกตน ที่เป็นนายใหม่ของพวกนางนั่นเอง

พวกนางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ท่านเทพธิดานั้นจะมีหน้าตาที่ดูแปลกไปจากพวกของตน และแลดูงดงามดั่งมีมนต์เสน่ห์บางอย่าง มาจากตัวของท่านเทพธิดาเลย เมื่อได้เห็นใบหน้าตัวตนที่แท้จริงของเทพธิดา หลังจากที่ทำความรู้จักกัน เป็นเวลาไม่กี่นาทีก่อนนี้เอง


เมื่อฉันได้สำรวจดูห้องและของเครื่องใช้ภายในห้องของตัวเองจนหมดแล้ว ฉันก็เดินไปนั่งที่แท่นนั่งในทันที แล้ว ก็หันไปบอกกับพวกนางมานั่งด้วยกัน แต่ก็ลืมไปว่า ที่นี่มีการแบ่งชนชั้น จึงทำให้พวกนางส่ายหน้ากันไปมาอย่างเดียว แล้วพากันมานั่งกับพื้นอยู่ใกล้ๆ ฉันเสีย

ฉันที่เห็นดังนั้นแล้ว ก็ได้แต่มองพวกนางและถอนหายใจออกมาแทน

และวินาทีต่อมานั้น ก็มีเสียงของนายทหารคนหนึ่งร้องบอกขึ้น พร้อมกับมีข้าวของเครื่องใช้มากมาย มากองตรงหน้าฉันให้ฉันได้ดูเลยทีเดียว อันได้แก่เครื่องห่ม ที่นอน และรวมไปถึงเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ มากมายเช่น ผืนผ้าต่างๆ ที่มีหลายแบบให้เลือกอีก และเครื่องประดับอันมากมายที่มีให้เลือกหลายต่อหลายหีบเช่นกัน จนฉันที่มองอยู่นั้น ถึงกับต้องตกตะลึงในความมากมาย หลายต่อครั้งมาก

“มีพระบัญชาจากฝ่าบาท ทรงขอมอบข้าวของเครื่องใช้พวกนี้ทั้งหมดแด่ท่านเทพธิดาสวรรค์!” เสียงเปล่งที่ลอยลมของนายทหารคนนั้น ก็ดังเข้ามาให้ฉันได้ยินพอดี ฉันจึงได้รีบลุกขึ้นยืนน้อมรับบัญชานั้นทันที โดยกายลงเล็กน้อย ต่อหน้าข้าวของเครื่องใช้พวกนี้เป็นตัวแทนของฟาโรห์ผู้นั้น

เมื่อพวกนางกำนัลที่ถือข้าวของมากมายมาวางไว้จนหมดและเสร็จสิ้นแล้ว พวกนางกำนัลทั้งหลายและรวมไปถึงเหล่าทหารที่มาคอยช่วยเอาข้าวของพวกนี้ไปเก็บให้แล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็พากันกลับไป ทำหน้าที่ของตนเองกันต่อ


“ฮาซันฮาบี มานี่สิ!ข้ามีอะไรให้พวกเจ้าทำ” เมื่อฉันเห็นว่าพวกนางกำนัลและเหล่าทหารออกไปแล้ว ฉันก็หันไปบอกกับพวกนางทั้งสองคนทันที

ฮาบีฮาซันจึงได้เขยิบเข้ามาใกล้ๆ

ในเมื่อของพวกนี้เป็นของฉันแล้ว ฉันก็อยากจะทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ……


ฉันมองปราดเดียวไปทางที่มีผ้าอันหลายๆ ผืนและเครื่องประดับหลายๆหีบนั้น ก็รู้โดยทันที ว่าจะทำอะไรกับพวกมันดี…..


ในเวลาต่อมาไม่นักนาน ที่ฉันกำลังดัดแปลงกับของใช้เครื่องประดับเหล่านั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอีก ซึ่งเป็นสาวใช้ของในวังฉันก็ได้เข้ามาพร้อมกับบอกว่า จะขอให้ฉันมาวัดตัวเพื่อตัดชุดให้ใหม่ ซึ่งฉันพอได้ยินดังนั้นแล้ว ก็ได้มีความคิดหนึ่งขึ้นมาพอดี

“ถ้างั้น!พวกเจ้าก็วัดตัวข้า และตัดเย็บชุดให้ข้า เอาตามที่ข้าคิดไว้นะ…” พอฉันได้พูดกับพวกนางดังนั้นแล้ว ก็เทำเอาพวกนางงึนงงอยู่สักพัก และต่อมาพวกนางก็พาฉันไปวัดตัวที่ห้องตัดเย็บเสื้อผ้าในทันที โดยไม่รอช้าแม้แต่ก้าวเดียว เพราะมีคำสั่งขององค์ฟาโรห์รามเสสให้มาวัดตัวและตัดเย็บชุดให้กับท่านเทพธิดาสวรรค์ โดยเร็ว พวกนางจึงไม่อยากทำงานล่าช้า จึงได้รีบพาธิดาสวรรค์ไปยังห้องตัดเย็บชุดทันที พร้อมด้วยเหล่าคนที่มีความรู้ในด้านนี้ มาช่วย……


“ท่านเทพธิดาจะเอาเช่นนี้จริงๆ น่ะเพคะ! บะ บ่าวว่า มันจะไม่ร้อนไปหน่อยหรือ?” เมื่อพวกสาวๆ ที่มาช่วยกันวัดตัวฉันและออกแบบชุดให้ฉัน ได้เห็นแบบร่างชุดขึ้นมาแล้ว พวกนางก็ออกความเห็นกันทันที


“ไม่หรอกน่า!มันไม่ร้อนหรอก แค่เจ้าใช้ผ้าไม่หนามากแลดูใส่แล้วสบายตัวมาตัดเย็บเข้าด้วยกันเป็นเสื้อคลุมยาวแล้ว มันจะไม่ร้อนอย่างพวกเจ้ากังวลกันหรอก อีกอย่างมันจะช่วยให้ไม่ต้องโดนแดดจนผิวหนังต้องไหม้เกรียมอีก ผิวหนังเป็นเรื่องสำคัญ ที่สุดที่ข้าต้องจะปกป้องมันด้วย” พอฉันพูดจบ พวกนางก็เข้าใจได้กันในเวลาอันรวดเร็ว

แล้วพยักหน้ากันอย่างเข้าใจ

“งั้นพวกเราจะทำตามที่ท่านเทพธิดาบอกนะเพคะ เพื่อรักษาผิวหนังของท่านให้ดี” เมื่อพวกนางเข้าใจตรงกันแล้ว

ฉันก็คิดอยากมีอะไรเพิ่มเติมอีกสักนิด

“ถ้างั้น ข้ายังมีอะไรต้องที่การอีกสัก เล็กน้อย…..” พอฉันพูดจบ พวกนางก็ทำหน้าตั้งใจฟังฉัน ในคำบอกต่อไปที่ฉันจะพูดขึ้น

ฉันจึงตัดสินใจพูดบอกพวกนางใกล้ๆ จนกระทั่งพวกนางก็หัวเราะยิ้มออกมากันเล็กน้อยทันที ในคำพูดต่อมาที่ฉันได้ไปกระซิบบอกใกล้ๆกับพวกนาง

“ได้สิ!เพคะ พวกเราจะทำตามและชี้แน่ะให้ท่านเทพธิดาได้รู้เอง ถ้ากาลนั้นมาถึง….” แล้วสาวใช้คนที่พูดเมื่อครู่ก็ปิดปากหัวเราะออกมาเล็กน้อย ด้วยสีหน้าที่ดูรื่นเริงกว่าปกติ


ฉันรู้สึกหมั่นไส้สาวเจ้าพูดมากคนนี้ขึ้นมาจริงๆ เมื่อนางได้มีท่าทีหยอกล้อเล่นกับฉันเสียนี่

ฉันจึงถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะบอกงาน ให้กับพวกนางได้รับรู้อีกครั้ง

“ตัดเย็บชุดมาให้ข้าเยอะๆ ด้วยนะ เอาตามแบบร่างที่ได้ร่างขึ้นมานะ ขอแบบมีสีสันสดใส หลายๆสีนะ เพราะข้าไม่อยากใส่ชุดที่มีแต่สีขาวอย่างเดียว” พอฉันพูดจบ พวกนางก็ตกปากรับคำในทันที ก่อนที่พาฉันหันมาวัดตัวอีกครั้ง ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยทีเดียว……..



เมื่อช่วงเวลาแห่งการวัดตัวเพื่อจะเย็บชุดได้ผ่านพ้นได้ด้วยดีแล้ว ฉันที่นั่งเล่นกับสาวใช้คนสองคู่พี่น้องภายในสวนหย่อมอยู่ที่ส่วนของตำหนักฉันอยู่นั้น ก็ได้มีสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับโค้งคำนับให้กับฉัน แล้วบอกว่าให้ฉันไปรับประทานอาหารร่วมกับองค์ฟาโรห์ในมื้อเย็นนี้ด้วย


ฉันได้ยินดังนั้น จึงได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับฮาซันและฮาบี พากันเดินตามสาวใช้คนนั้นไปโดยไม่รอช้า


เขาคงจะรออยู่แล้วสินะ ฉันคิดไปพลางเดินตามหญิงสาวคนนั้นไป

และเมื่อไปถึงห้องอาหารที่ฉันเคยได้ไปเมื่อครั้งแรกแล้วนั้น ก็ได้เห็นร่างใหญ่ของชายหนุ่มนั้นกำลังนั่งตรงหัวมุมโต๊ะอยู่นั่นเอง

ฉันจึงได้ไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปพร้อมกับนั่งลงข้างๆ โต๊ะมุมที่เขานั่งอยู่นี่เอง

ส่วนสองสาวคนรับใช้ของฉัน ก็ยืนอยู่ไม่ห่างๆ กันนัก…..


เมื่อฟาโรห์รามเสสได้เห็นว่าจ้าวซูลี่ได้นั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงได้เริ่มเอ่ยถามนางเรื่องคนรับใช้ที่ส่งไป และเรื่องการวัดตัวกับเรื่องที่เขาได้มอบไว้ทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง พวกนางนั้นได้ปฏิบัติตัวกับเจ้าดีหรือไม่?” ฟาโรห์รามเสสได้เพ่งมองไปทางสองสาวใช้ที่กำลังยืนอยู่ไม่ห่างกับนางนัก พลางพูดถามขึ้น

ฉันจึงได้เงยหน้าขึ้นไปตอบ

“ก็ดีเจ้าค่ะ!พวกนางปฏิบัติตัวดีกับข้ามากๆ เลยล่ะเจ้าค่ะ และข้าก็ต้องขอขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ในสิ่งที่ท่านได้มอบสิ่งของเหล่าไว้ให้ด้วย!” ฉันตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะบอกคุณเขา ด้วยใจจริงที่เขาได้มอบข้าวของมากมาย ไว้ให้ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยไม่ต้องให้เขาพูดขึ้นมาเลย

จึงทำให้เขาได้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพยักหน้าให้

“ก็ดีแล้วล่ะ เพราะต่อไปเจ้าจะต้องปรับตัวให้เข้ากับที่นี่และทุกๆ คน หวังว่าข้าวของเครื่องใช้มากมายที่ข้าได้ให้กับเจ้านั้น จะไม่ขาดตกบกพร่องแต่ประกาดใดนะ”

“อ่อ ไม่เลยๆ!เจ้าค่ะ ท่านให้ข้าไว้ตั้งมากมาย ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องอย่างที่ท่านว่ามาเลย เจ้าค่ะ” พอฉันตอบออกมา ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแล้วนั้น เขาก็มีสีหน้าที่วางไว้ใจได้ในทันที

“แล้วเรื่องที่ข้าได้ให้คนไปวัดตัวเจ้าเพื่อไปตัดเย็บชุดให้ คงไม่มีอะไรติดขัดหรอกนะ?” เขาถามเรื่องตัดเย็บชุด

ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปมองเขาอีกครั้ง

“ไม่มีอะไรติดขัดหรอกเจ้าค่ะ พวกนางกำลังดำเนินการให้อยู่ เห็นบอกว่า อีกไม่นานพวกนางก็จะใกล้ทำเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” ฉันตอบออกมาเช่นนั้น เพราะฉันได้ยินมาว่าพวกนาง ว่าชุดที่ฉันสั่งทำนั้น ทำไม่ยากมากนัก ก็คงไม่นานนัก

“อืมก็ดีแล้วล่ะ ข้าเองอยากจะรู้และเห็นด้วยตาด้วยตัวเอง ว่าพวกนางจะทำออกมาดีแค่ไหน?และข้าเองก็อยากดูด้วยตัวเอง ว่าพอเจ้าได้สวมใส่ชุดพวกนั้นแล้ว จะเป็นเช่นไร…..” พอเขาพูดออกมาเช่นนี้แล้ว

ฉันก็มองหน้าเขาด้วยความพิศวงใจ ขึ้นมาในทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่ฟาโรห์ผู้นั้นได้พูดขึ้น…..

ไม่ต้องอยากดูก็ได้มั้ง…..ฉันคิดแล้ว ก็มองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากให้เขาดู

“ทำไมหรือ?เจ้าไม่อยากให้ข้าดูอย่างนั้นหรือ?!” จู่ๆเขาก็พูดถามขึ้นมาเช่นนั้น เหมือนกับรู้ความคิดของฉันเลย

“ปะ เปล่าหรอก!ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าว่ามันแปลกน่ะ ที่ท่านมาสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้น่ะ….” ฉันว่าแล้ว ก็ยิ้มเจื่อเล็กน้อย

พอฉันพูดเช่นนั้นแล้ว เขาก็มองฉันด้วยความตั้งใจ

“สนสิ!ข้าต้องสนใจแน่นอน!เพราะการอยู่กินของเจ้า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ที่ข้าละเลยมิได้ เพราะเจ้าคือคนสำคัญของที่นี่และสำคัญกับข้าเช่นกัน!....” เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนั้นแล้ว ฉันก็เริ่มที่จะ คิดมากเสียแล้ว!

ไม่นะๆ!อย่าเพิ่งคิดมากเชียว เพราะอย่างไรเขา ก็ต้องคิดว่าสำคัญกับฉันอยู่แล้ว เพราะการมาอยู่ที่นี่ของฉันนั้นเพื่ออยู่ช่วยเหลือเขาโดยเฉพาะ เขาก็ต้องสนใจและใส่ใจอยู่แล้วหนิ….ฉันคิดดังนั้นแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนที่จะทานอาหารไปพร้อมกับเขาทันที…….


ด้านรามเสสนั้นที่นั่งทานอาหารไปพร้อมกับนางสักพักหนึ่งแล้ว เขาก็ได้พานนึกถึงตอนที่เขากับนางนั่งอยู่ด้วยกัน บนเกี้ยวอีกครั้ง เขาอดไม่ได้จะนึกถึงตอนที่นั่งกลับวังด้วยกัน ในตอนที่มีอะไรบางอย่างทำให้รถม้านั้น ต้องสะดุดขึ้นมา จนทำให้นางต้องหันหน้าเข้ามาจับแขนของเขา เอาไว้ด้วยความตกใจนั้น และใบหน้าของเขาก็เข้าใกล้กับใบหน้าของนางพอดีเช่นกัน จนทั้งนางและเขาต้องชะงักกันไป พอนางได้สติจึงรีบปล่อยแขนเขาและหันหน้ากลับไปที่ตนเองทันที

นั่นทำให้เขาได้สติเช่นกัน เขาจึงไม่ได้ว่ากล่าวกับนาง แต่หันกลับต่อว่า คนที่บังคับรถม้าอย่างรวดเร็ว จนทำให้คนบังคับนั้นขออภัยเป็นการใหญ่…..

เขาได้นึกถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำไปซ้ำมา จนเริ่มส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความคิดออกไปนั้นทันที แล้วหันมาตั้งใจทานอาหารตรงหน้าแทน…….



รีวิวจากผู้อ่าน
ยังไม่มีรีวิวสำหรับเรื่องนี้

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว