โซ่ตรวนหัวใจ

บทที่ 2 กงเกวียนกำเกวียน (100%)

“ปรางค์นึกว่าคุณศรสินกลับบริษัทไปก่อนแล้ว”

นวลปรางค์ผินหน้าไปพูดกับศรสิน เมื่อรถเก๋งคันงามแล่นผ่านถนนเข้าโรงแรมออกสู่ถนนใหญ่

“ผมโทร.เข้าบริษัทให้รองผู้จัดการดำเนินการแทน เขาบอกว่าจัดการทุกอย่างแทนผมได้ รองฯคนนี้ของผมเขาเก่ง ทำงานแทนผมได้ เลยบอกเขาว่าช่วงบ่ายจะเข้าบริษัท ผมลงมาสั่งกาแฟจิบนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ล็อปบี้คอยคุณปรางค์ กินอาหารเที่ยงด้วยกัน แล้วจึงจะพาไปส่งบ้าน...”

หนุ่มหนวดงามมีสีหน้ายิ้มจ้องไปข้างหน้า ยวดยานในถนนคลาคล่ำทำให้เขาขับรถด้วยความระมัดระวัง... กลิ่นน้ำหอมอ่อนจางจากเสื้อผ้าราคาแพงของเขาโชยมาตลอดเวลา เขากับนวลปรางค์หันมาสบตากันแวบหนึ่ง แล้วต่างหันมองเส้นทางข้างหน้า นวลปรางค์เอ่ยขึ้น...

“ปรางค์ขอบคุณที่กรุณารอ...”

“สำหรับปรางค์ ผมรออยู่แล้ว” เขาหันมาจ้องตาหล่อน

นวลปรางค์หลบสายตาคู่คมมองต่ำ หล่อนรู้ทีท่าของศรสินว่าเขา “จีบ”

ซึ่งหล่อนก็พอใจ หน้าที่การงาน ฐานะความเป็นอยู่ร่ำรวย รวมทั้งบุคลิกสง่างามสมชายชาตรีอย่างเขา ไม่มีอิสตรีคนใดจะปฏิเสธไมตรีจิตของเขา..

นวลปรางค์ก็มีความรู้สึกเช่นนั้น แต่หล่อนก็ยังสงวนท่าทีความเป็นกุลสตรีของตน

‘ความเป็นอยู่แม้ฐานะจะยากจน หล่อนไม่ต้องการให้ใครสบประมาท เพียงผู้ชายรวยๆชำเลืองมองก็ให้ท่าเขาซะแล้ว’ หล่อนก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน

“เจ้าพลสัมภาษณ์คุณปรางค์ยากมั้ย”

“ไม่ยากหรอกค่ะ เขาก็ถามพื้นๆอย่างเราคุยกัน”

นวลปรางค์เว้นที่จะเล่า “กติกาสัญญารักของชัยพล” ให้ศรสินฟัง

หญิงสาวรอบถอนหายใจโดยมิให้ศรสินรู้ความในใจ...

หล่อนรู้... ชัยพลมีความรู้สึกกับตนเช่นไร เขาเพียรพยายามที่จะอยู่ใกล้ชิดเพื่อพูดจา ชัยพลแวะไปพูดคุยกับแม่ นับเวลาเป็นปีสองปีหลังฌาปนกิจร่างไร้วิญญาณของพ่อผ่านไปแล้ว เขาแวะเวียนไปบ่อยๆ แต่นวลปรางค์ไม่เคยให้โอกาสเขาเลย...

ชัยพลกล้าสารภาพรัก และขอหล่อนแต่งงานกับแม่ นี่พอจะเป็นสิ่งยืนยันว่าเขารักหล่อนอย่างจริงใจ แม้เขาจะมีหญิงอื่นพะเน้าพะนอเคียงข้างเสมอ สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุให้นวลปรางค์ไม่มีวันจะรักเขา หล่อนรับไม่ได้เลยจริงๆ แม้คนเป็นแม่จะมองว่าเขาเป็นคนที่เหมาะสมแล้ว ที่จะให้ลูกสาวคนเดียวเลือกไว้...

ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ว่างลง ชัยพลเอาโอกาสนั้นดึงหล่อนเข้าใกล้ชิดพร้อมด้วย “กติกาสัญญามัดใจ” หล่อน และขณะเดียวกันนั้น

พรหมลิขิตรักผลักดวงใจหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง ก่อไมตรีผูกพันพร้อมหัวใจหล่อนจะเอนเอียงตอบรับเขาไว้ในซอกหลืบหัวใจ ความยุ่งยากที่เริ่มก่อตัวนั้นต่างหาก เป็นสาเหตุให้นวลปรางค์รอบถอนหายใจผ่อนคลายความหนักอกขณะนี้...

หล่อนกล้าสารภาพ หากจะให้เลือกที่จะรัก

ศรสิน... มีจุดเด่นที่หล่อนควรจะเลือกมากกว่า ชัยพล

ผู้เปิดประตูรัก... ไว้ด้วยรอยบาดแผลที่หล่อนยากจะลืม

แต่ทว่า... คนอย่างชัยพลก็ฉลาดล้ำสร้างข้อผูกมัดด้วย “กติกาสัญญารัก” มาพร้อมกับตำแหน่งหน้าที่งาน หมายรั้งหล่อนไว้เพื่อความใกล้ชิดเขา

ชัยพลช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกิน...

“คุณปรางค์คิดอะไรอยู่ครับ เห็นนั่งเงียบซะนาน”

เขาเอนกายและศีรษะมาทางหล่อนพลางถาม ขณะมือยังเกาะกุมพวงมาลัย

นวลปรางค์รู้สึกอบอุ่นต่อการกระทำของเขา หญิงสาวยิ้มบางๆที่มุมปากสวยได้รูป

“คิดอะไรเพลินไปเรื่อยๆ สมัยเรียนหนังสือ ผ่านโรงเรียนที่เคยเข้าเรียนทำให้คิดถึงเพื่อนๆสมัยเรียนด้วยกัน”

“คุณปรางค์เคยเรียน ม.ปลาย โรงเรียน... ที่เราเพิ่งผ่านมานะหรือ”

“ใช่ค่ะ... เรียบได้แค่ ม.4 เรียน ม.5 ได้ไม่กี่วันพ่อก็เสียชีวิต...” นวลปรางค์ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำอีก เขาไม่อยากรื้อฟื้นความสูญเสียในครอบครัวของหล่อน ความที่วิ่งเต้นช่วยคนเป็นเพื่อนตอนเกิดคดีความ ทำให้ศรสินรู้เรื่องราวความเป็นไปตลอด...

“เราแวะ เดินเที่ยวห้างหาซื้อของกันดีมั้ยครับ”

ศรสินเอ่ยชวนไปเรื่องอื่น เขาไม่อยากให้หล่อนหมกมุ่นอยู่ในเรื่องเดิมๆ

อีกสองสามป้ายรถเมล์จะถึงศูนย์การค้าห้างใหญ่

“เสียเวลาไปทำงานตอนบ่ายของคุณศรสินเปล่าๆ เอาไว้วันหน้าว่างๆเถอะค่ะ” นวลปรางค์บอก

“คุณปรางค์ไม่อยากได้ชุดใหม่ แต่งไปทำงานพรุ่งนี้รึครับ”

“ทางโรงแรมเขาให้แต่งชุดฟอร์ม เขาให้มาสองชุดอยู่ในถุงกระดาษนี่ไงคะ”

นวลปรางค์ยกถุงกระดาษให้เขาดู

“เขาตัดไว้เลยหรือครับ” ศรสินถาม

“ค่ะ... ช่างวัดตัดขนาดต่างๆของผู้หญิงวัยทำงาน ก่อนจะให้เขาก็วัดไซ้เราก่อน แล้วจึงให้ชุดขนาดพอดีกับตัวเรา”

“หือ...ก็ดีเหมือนกัน พอรับเข้าทำงาน ก็มีชุดแต่งเหมือนคนอื่นที่อยู่แผนกเดียวกัน ไม่ต้องเสียเวลาคอยชุด เขามีความคิดดีนะ”

“ปรางค์ก็ว่าดีค่ะ แต่หากอยากมีหลายชุดไว้ผลัดเปลี่ยน สั่งตัดต้องเสียเงินเอง”

ที่ลานจอดรถภายในโรงแรม

ชัยพลเดินลงมาส่งโยธาจนถึงลานจอดรถ

“นายไม่เมา ขับรถได้นะโย”

“เฮ้ย.. ได้.. ได้ กินเบียร์ไม่กี่แก้วพอเมา... แมวที่ไหน”

โยธาพูด ทั้งๆที่หน้าแดงกร่ำ ผู้มาเยือนทำเป็นเรรวน

ชัยพลเปิดประตูรถผลักร่างให้เข้าที่โยธาก็ยังเก้ๆกังๆ

“ไป.. ไป ถึงเวลาทำงานของฉันแล้ว นายขับรถดีๆนะ ตำรวจจับข้อหาเมาแล้วขับ ถูกถอนใบขับขี่ แล้วยังถูกควบคุมความประพฤตินะแก..”

“เฮ้ย... จะไปยังไงวะ ยังไม่มีเงินค่าน้ำมันรถ...”

“พูดยัง...งี้ ต้องการไถเงินอีกนะสิ”

โยธายื่นมือซาวหากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋ากางเกงชัยพล

ชัยพลรู้สึกรำคาญถอยหลังออกมาสองสามก้าว..

“เอามา... สามพันยืมก่อน ฉันรวยเมื่อไรจะคืนให้”

ชัยพลหัวเราะ “นายพูดยังงี้มากี่ครั้งแล้ววะ ของเก่าไม่ทันคืน เห็นหน้าขอยืมใหม่เรื่อย เมื่อไรเอ็งจะรวยซะทีวะ”

“เอ็ง.. ไม่ช่วยเพื่อนยามเดือดร้อน แล้วจะช่วยตอนไหนว่ะ”

โยธาเสียดัง ตอนนี้เขาไม่ต้องออมเสียงเหมือนตอนอยู่ในห้องอาหาร

ชัยพลรู้สึกหงุดหงิดเหมือนกัน เขาคิดแต่แรกเห็นหน้าโยธาแล้ว

เขาต้องเดือดร้อนเงินในกระเป๋าแน่ๆ

“เมื่อไร... นายจะคิดทำงานทำการซะทีวะโย อายุก็สามสิบเข้าแล้ว แถมมีเมีย ลูกอีกสอง เอ็งยังทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมา แล้วเอ็งจะไปตั้งตัวเอาตอนไหน...”

ชัยพลล้วงเอาเงินแบ็งค์พันในกระเป๋า

โยธามองตาเป็นมัน เจ้าเพื่อนคนนี้มีน้ำใจกับเขาเสมอ แต่ทนมันด่าหน่อยเดี๋ยวก็ล้วงเงินยื่นให้..

“นาย... คิดหางานทำได้แล้วนะ มาหาแต่ละครั้งเลี้ยงเหล้า เลี้ยงข้าวยังแถมเดือดร้อนเงินในกระเป๋าอีก...”

“จะให้ก็ให้... อย่ามัวเทศน์เป็นพระอยู่เลยน่า นายอยากให้ทำงานก็หาตำแหน่งให้ทำสิ”

“ทำงานโรงแรมนี่ล่ะหรือ” ชัยพลจ้องหน้า

“ใช่...” โยธาตอบสั้นๆ

“ฉัน... กลัวจะมาทำให้โรงแรม.. ล่มจมมากกว่า”

พูดจบชัยพลก็หัวเราะ เจ้าเพื่อนคนนี้ดีอยู่อย่าง คือ ดุ ด่า ว่ากล่าวมันไม่โกรธ แต่ว่าไปก็เมื่อยปากซะเปล่า มันไม่เอาความ...

โยธา... ใช่จะเป็นคนขี้ริ้วขี้เหล่ เรือนร่างสูงโปร่ง ผิวขาวหน้าตาแม้ไม่หล่อเท่าชัยพล ทว่าก็มีเสน่ห์จนใช้คารมหลอกเด็กสาวในเครื่องแบบนักเรียน ม. ปลายมาเป็นเมียได้โดยไม่ต้องเสียเงินเป็นค่าสินสอดทองหมั้นแม้แต่บาทเดียว พ่อเป็นถึงนายพันตำรวจเอก ฐานะพ่อแม่มีอันจะกิน โยธาเคยเรียนร่วมโรงเรียนกับชัยพลตอนมัธยมต้น ความไม่เอางานเอาการมาแต่ช่วงวัยรุ่น โยธาจึงแยกไปเรียนสายอาชีวะ จบแค่ ปวช.เท่านั้น

“ได้เงินแล้ว นายก็ไปได้ เออ.. ขอบอกไว้หน่อย นายไม่ต้องมาหาฉันที่นี่บ่อยนักนะ”

“ไม่มาหาที่นี่ แกจะให้ไปหาที่ไหน เดี๋ยวนี้แกทำตัวเป็นคนรักการรักงาน ไม่ขับรถพาผู้หญิงเที่ยวตะรอนๆเหมือนแต่ก่อนแล้วนี่...”

“เดี๋ยวนี้ ฉันเปลี่ยนสไตล์ชีวิตใหม่แล้วเว้ย เที่ยวเล่นสนุกไปวันๆ ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร แม่ก็ดุเช้า – เย็น ว่าไม่รู้จักทำการ ทำงาน ผู้หญิงที่มันเที่ยวกะเรา ก็มีแต่พวกสามตะกร้าบาท ชอบสนุกกับเราไปวันๆ ตอนนี้อายุเราก็เข้าสามสิบแล้วนะ”

“เพราะ... แกมีความรักใช่มั้ยล่ะ เลยอยากทำตัวเป็นคนดี”

“ไม่เกี่ยวกันน่า... ฉันต้องการพัฒนาชีวิตตัวเอง ก็แค่...นั้น”

ตอนท้ายชัยพลลากเสียงยาว

“เฮ้ย... พลนายรักยัยปรางค์ ลูกสาวป้าสุทิน แม่ค้าขายกล้วยแขกปากซอยเยื้องๆหน้าบ้านนายหรือวะ”

ชัยพลเอียงหน้ามองคนเป็นเพื่อน แล้วอมยิ้มนิดๆ

เขารับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า...

“ใช่... ฉันรักเธอ”

“นายรักยัยปรางค์ที่รูปร่างความสวยที่พอมีเท่านั้นหรือ..”

“แล้วนายจะให้เธอมีอะไรอีก” ชัยพลถาม

“ฐานะไง ยัยปรางค์ยากจน แม่นายจะรับได้หรือ”

“ฐานะไม่สำคัญหรอก ขอเพียงแต่เธอฉลาด ขยันขันแข็ง และก็สวยเพียงเท่านี้ฉันเลี้ยงเขาได้...”

“ฉันฉุดให้เอามั้ย เธอเป็นเพื่อนกับเมียฉัน ตอนร่วมวงอาหารฉันว่า ยัยปรางค์ไม่ได้สนใจนายเลยนะ ดูสนใจเพื่อนนายที่ชื่อศรสินมากกว่า...”

“ไป..ไป.. นายไปได้แล้ว” ชัยพลออกปากไล่ พลางหันหลังเดินออกจากลานจอดรถทันที

เมื่อศรสินขับรถพานวลปรางค์มาส่งที่บ้าน ทั้งสองลงจากรถเดินเข้ามาที่แผงลอยขายกล้วยแขกของนางสุทิน ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาใช้ตะแกรงลวดด้ามยาวตักกล้วยแขกที่กรอบเหลืองได้ที่เทใส่ตะแกรงสานไม้ไผ่ ให้กล้วยแขกร้อนๆสะเด็ดน้ำมัน...

ครั้นหญิงร่างบอบบางวัยห้าสิบปลายๆเงยหน้าขึ้น เกิดอาการหน้ามืดตาลาย

นวลปรางค์เห็นอาการหน้าซีดเซียวของคนเป็นแม่ หล่อนรีบเขาไปช้อนอุ้มเอาร่างแม่ทุลักทุเลถอยออกห่างกระทะที่น้ำมันกำลังเดือดพล่าน...

“แม่... จะเป็นลม” นางสุทินร้องขึ้นเท่านั้นก็เงียบไป

ศรสินรีบถลาเข้าไปช่วยอุ้มหญิงวัยกลางคนให้นอนเหยียดยาวที่แคร่ไม้ไผ่ ที่ใช้นั่งขายของตรงนั้นเป็นร่มมะขามริมถนน ใบดกครึ้มกลายเป็นร่มเงามีลมพัดผ่านตลอดเวลา...

“คุณปรางค์มียาลมไหม”

ศรสินวางศีรษะหญิงวัยกลางคนไว้บนตักของตนร้องขอยาลมกับนวลปรางค์

“มีค่ะ... มีอยู่ในบ้าน”

นวลปรางค์บอกพลางวิ่งหายเข้าไปในห้องเช่า หล่อนกลับมาพร้อมแก้วน้ำอุ่นๆที่เทออกจากกระติกน้ำร้อน ขวดยาหอม หมอน และยังมียาหม่องสมุนไพรที่เนื้อยาเป็นสีเขียว ซึ่งมีไว้เป็นประจำ...

ศรสินรับแก้วน้ำอุ่นวางลงกับพื้นแคร่ เทยาลงละลายกับน้ำอุ่น แล้วยกศีรษะนางหนุนหมอนในท่าสบาย

ส่วนนวลปรางค์ ทายาหม่องบริเวณเหนือริมฝีปากและตามขมับ มืออีกข้างหญิงสาวหนวดเบาๆตามหัวไล่และลำแขนให้แม่

“แม่... แม่คะ” นวลปรางค์เรียก หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจ ที่เห็นคนเป็นมารดาเงียบไป...

“แม่... ดื่มยาหอมนะครับ”

ชายหนุ่มยกหมอนหนุนศีรษะของนางให้สูงขึ้น เพื่อให้ดื่มยาแก้ลมง่ายขึ้น

นางสุทิน... ครางเบาๆก่อนจะลืมตาขึ้น

“แม่... กินยาหอม” นวลปรางค์พูด

นางสุทินเริ่มได้สติ นางพยักหน้าเบาๆ

ศรสินเอาแก้วจรดริมฝีปากนาง ค่อยเอียงให้น้ำยาในแก้วค่อยๆไหลลงในปากของคนป่วย นวลปรางค์ยังแกว่งยาดมอยู่ใกล้ๆปลายจมูก ให้คนเป็นแม่ได้กลิ่นยาแก้วิงเวียน

“กินยาลม ให้แม่นอนสักครู่ คงดีขึ้น”

ศรสินพูดหลังจากค่อยๆวางศีรษะไว้บนหมอนลายขิดค่อนข้างเก่า ซึ่งเป็นหมอนหนุนแบบชาวอีสาน

“แม่... มีอาการดีขึ้น พาแม่ไปหาหมอดีมั้ย”

ชายหนุ่มเงยหน้าถามพลางปรึกษา

“เท่านี้ก็เสียเวลาคุณศรสินมากแล้ว ปล่อยให้แม่นอนพักสักครู่คงหาย..”

“ไม่เสียเวลาหรอก ผมมีเพื่อนเป็นหมอเขาเปิดคลินิก....”

ศรสินบอกชื่อคลินิกหมอที่เป็นเพื่อน และสถานที่ตั้งคลินิก ซึ่งอยู่ในเขตเดียวกันนี้

“ห้าโมงเย็น... เขาจะมาเปิดคลินิกถึงสองทุ่ม หรือจะพาแม่ไปโรงพยาบาล”

ชายหนุ่มถามเป็นเชิงปรึกษาอีกครั้ง ความรู้สึกเกรงใจเขาทำให้นวลปรางค์ตอบว่า...

“แม่... เคยเป็นลมอย่างนี้บ่อยๆ พอได้กินยาลม นอนพักสักครู่ก็ลุกขึ้นทำงานได้”

“คุณปรางค์ พูดเพราะเกรงใจผม อาการอย่างนี้ควรได้รับการตรวจจากหมอ รักษาแค่กินยาแก้ลมวิงเวียนไม่เพียงพอดอก เอายังงี้ ผมจะโทร.คุยกับเพื่อน บอกเขาว่าห้าโมงเย็นจะพาแม่ไปคลินิกก่อน ให้เขาแนะนำยังไงแล้วค่อยไปโรงพยาบาล... คุณปรางค์ไม่ต้องเกรงใจ ตอนนี้ให้แม่พักก่อน”

ศรสินบอก พลางมองไปยังวงหน้าคนป่วย

หญิงวัยกลางคนค่อยมีสีหน้าดีขึ้น ไม่ซีดเผือดเหมือนตอนแรก

“ถ้าเรามาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น” ศรสินพูดขึ้นมาลอยๆ ขณะหันไปมองน้ำมันในกระทะทอดกล้วยแขกที่กำลังเดือดพล่าน...

นวลปรางค์พูดต่อมาว่า... “แม่เป็นลม ไม่ได้สติอย่างนี้ อาจจะฟุบลงกระทะน้ำมันเดือดๆก็ได้ โชคดีเหลือเกินที่มาทันได้ช่วยแม่ ปรางค์ขอบคุณคุณศรสินมากๆ”

หญิงสาวไหว้ลงที่หัวไหล่กว้างของเขา จ้องเขาด้วยแววตาขอบคุณ

นางสุทิน มีอาการดีขึ้น นางลุกนั่ง และทันทีก็เอ่ยขึ้นว่า...

“ปรางค์เอากล้วยแขกใส่ถุงใส่ตะกร้าปั่นจักรยานไปขายนะลูก เหลือเท่านี้แหละ โชคดีที่มาเป็นลมกระทะสุดท้าย...”

ศรสินได้ยินนางสั่งดังนั้น เขาหันไปพูดกับหญิงสาวว่า

“คุณปรางค์ดูแลแม่เถอะ ไม่ต้องไปขายหรอก ผมจะเหมาทั้งหมด เอาไปฝากพวกพนักงานที่บริษัท จัดการเอาไปใส่ในรถก็พอ...”

นวลปรางค์รีบจัดการตามต้องการของเขา ก่อนศรสินจะผละไปขึ้นรถเขาหันมาบอกหญิงสาวว่า

“ตอนเย็นห้าโมง ผมจะมารับพาแม่ไปหาหมอที่คลินิก”

จากนั้นเขาเอ่ยลานางสุทิน นวลปรางค์เดินมาส่งที่รถ หล่อนยืนรอจนรถเขาแล่นออกไป.

(โปรดอ่านต่อตอนต่อไป)


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว