บอสจอมกระแทก!เลขา-โปรย

โดย  pk baanhorsil

บอสจอมกระแทก!เลขา

โปรย

“เฮๆๆๆๆๆๆๆๆ ”

เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของ องครักษ์และทหารฝ่ายเดียวกับหนานหลง

กระบี่ในมือเงื้อง่าขึ้นตั้งใจจะตัดรากถอนโคน

“ร่างเล็กซุกหน้าลงกับอกของอี้เย่านางกำนัลและพี่เลี้ยงที่ดูแลมาตั้งแต่เกิด

“พอแล้วพาซูลี่ (พลังอำนาจอันงดงาม) กลับไปที่ตำหนักหงส์ฟ้าเสีย”

ร่างสูงขยับกายออกจากตรงนั้น ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึกใดใด

“หนานหลง (มังกรแห่งความสงบเสงี่ยม) ฮ่องเต้ทรงพระเจริญ ฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”

องครักษ์ที่เดิมปกป้องซูหานอดีตฮ่องเต้ที่บัดนี้นอนจมกองเลือด ต่างพากัน คุกเข่าลงกับพื้นกล่าวคำแซ่ซ้องแก่หนานหลงผู้ชนะ

“ฝ่าบาท จือเยี่ยนยินดีด้วยอย่างยิ่ง ครั้งนี้ทำการสำเร็จบัลลังก์มังกรจึง เป็นของฝ่าบาทและเหมาะจะเป็นของฝ่าบาทโดยแท้”

ร่างอ้อนแอ้นของชายาหนานหลงอ๋องซึ่งบัดนี้กลับกลายเป็นว่าที่ฮองเฮาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ย่อกายลงงดงามตรงหน้า หนานหลงเอื้อมมือจับไหล่บางให้ลุกขึ้นช้าๆ

“มีวันนี้ได้เพราะเจ้าเช่นกัน ชายาข้า”

“ฝ่าบาททำไมไม่ฆ่านางเสีย”ชี้มือยัง ร่างเล็กกระจ้อยของ ซูลี่ที่เดินสวนทางจากไป

“ฮองเฮานางเกิดมาในยามที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ทรงกลดส่องสว่างทั้งกลางวันกลางคืน ซึ่งในรอบหลายร้อยปีไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนโหรหลวงจึงทำนายว่า องค์หญิงซูลี่เป็นยอดหญิงที่หากใครได้นางไว้ในครอบครองก็ดั่งมีเครื่องรางปกป้องคุ้มครอง ดั่งมังกรมีแก้วมังกร คอยปกป้อง”

กงตี้พูดแทนหนานหลงที่เอาแต่นิ่งงัน

จื่อเยี่ยนยิ้มหยัน

“บิดามารดานางต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเรา ยังคิดว่าเรื่องเล่าเกินจริงนั้นเชื่อถือได้อีกหรือ”

กงตี้ ประสานมือตรงหน้า

“เช่นนั้นข้าน้อยจะสังหาร องค์หญิงซูลี่เสียตอนนี้ตามบัญชาของฝ่าบาท เท่านั้น”

“ไม่ …ส่งนางไปให้อาจารย์ หุบเขาคุณธรรมให้อาจารย์หญิงขัดเกลานาง”

ตำหนักหงส์ฟ้า

“กรี๊ดดดดดดดดดเสด็จพ่อ อืออออเสด็จแม่”นางกำนัลโอบกอดร่างเล็กกระจ้อยในอ้อมแขนน้ำตาปริ่มขอบตา

“องค์หญิงเจ้าขา อย่าร้องเจ้าค่ะพอแล้วเจ้าค่ะ”ร่างเล็กสั่นสะท้านในอ้อมแขนสะอื้นอย่างหนัก นางกำนัลนามอี้เย่าลูบหลังลูบไหล่ให้อย่างปลอบโยน

“เสด็จพ่อกับเสด็จแม่จากซูลี่ไปแล้วใช่ไหม”อี้เย่ากระซิบที่หูเบาๆ

“องค์หญิงจะต้องเข้มแข็ง”

“เขาไม่ฆ่าซูลี่เสียเล่า”ตัดพ้อเบาๆ

“องค์หญิงเกิดมาพร้อมโชค คำทำนายเรื่องการถือกำเนิดขององค์หญิงส่งผลให้ หนานหลงฮ่องเต้ไม่กล้าประหารองค์หญิงตัดรากถอนโคนอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก”

“ทำไมต้องฆ่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ด้วยในเมื่อเขาได้ในสิ่งที่อยากได้แล้วอย่างไรเสียก็ไม่มีใครกล้าต่อกรกับเขา”

“องค์หญิง บางทีความขัดแย้งก็มากพอที่จะทำให้เราเกลียดชังใครสักคนถึงกับต้องฆ่าแกง หรือบางครั้งแม้จะไม่ได้เกลียดชังก็เพื่อคงไว้ซึ่งอำนาจทำลายอำนาจเก่าเพื่อให้อำนาจใหม่ครอบครองคนที่ต้องการครอบครอง”

ซูลี่เบ้ปากส่ายหน้าไปมาซบหน้าลงบนอกของอี้เย่าสะอื้นอย่างแรง

แปดปีผ่านไปทุกอย่างผันผ่านเหมือนสายลมหาได้มีสิ่งใดที่จับต้องได้เพียงแค่พัดผ่านไปกับกาลเวลา

“อาจารย์หญิงเจ้าขาซูลี่จะต้องกลับไปที่วังหลวงจริงๆ หรือ”น้ำเสียงออดอ้อน

อาจารย์หญิงหยุนซีลูบศีรษะให้ซูลี่เบาๆ

“เจ้าสำเร็จวิชาด้านต่างๆ จนสิ้นแล้ว องค์หญิงจะต้องกลับไปใช้ชีวิตที่วังหลวง เหมือนดังที่องค์หญิงควรกระทำแต่แรก”

“ซูลี่หาใช่องค์หญิงอีกต่อไปแล้ว”

“องค์หญิงแค่เพียง อยู่ในฐานะที่สูงส่งกว่านั้น หากแคว้นเป่ยเหลียงขาดองค์หญิงไปย่อมไม่เป็นแคว้นเป่ยเหลียงในวันนี้”

“แต่ ซูลี่อยากอยู่ที่นี่รับใช้อาจารย์”

“แคว้นเป่ยเหลียงต้องการองค์หญิงในครอบครอง ตอนนี้แคว้นฉีส่งกำลังทหารกดดันให้แคว้นเป่ยเหลียงส่งองค์หญิง ยังแคว้นฉีเสียตามความเชื่อและคำทำนาย เช่นนั้นที่นี่จึงไม่ปลอดภัยแล้ว อาจารย์ไร้ซึ่งกำลังปกป้ององค์หญิง”ดวงตาเศร้าสร้อย ซูลี่โผเข้าสู่อ้อมกอดของ หยุนซีซือฝุน้ำตาปริ่มขอบตา

“ฝ่าบาทจะปกป้ององค์หญิงเอง”

“ไม่จำเป็นข้ามีอาจารย์คอยปกป้อง”

“เกี้ยวมาแล้ว ที่เหลือเป็นองค์หญิงที่ต้องเข้มแข็งอาจารย์จะตามไปก็ต่อเมื่อต้องไป”

อี้เย่า ยืนรอที่ด้านหน้าพยุงซูลี่ขึ้นบนเกี้ยว มือบางยกขึ้นโบกลาแทนคำกล่าวลา

วังหลวง

“องค์หญิงตำหนักหงส์ฟ้ายังคงสภาพเดิม มิได้เปลี่ยนแปลงไป”

ซูลี่ยกมือขึ้นลูบไปที่ราวระเบียงที่เป็นไม้แกะสลักรูปหงส์เหิน น้ำตาไหลลงอาบแก้ม

ภาพความทรงจำ เมื่อครั้งที่มารดากับบิดาจูงแขนซูลี่ยังตำหนักหงส์ฟ้า ในวันแรกที่ตำหนัสร้างเสร็จครึกครื้นและสวยงามไม่ได้เงียบเหงาเช่นวันนี้

“มันไม่เหมือนเดิม”ซูลี่สูดลมหายใจลึกๆ หลายปีมานี้อาจารย์สอนหลายเรื่องแล้วยังเป็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะยามร้องไห้หรือยามแย้มยิ้มจะมีอาจารย์คอยเคียงข้าง สิ่งเดียวที่อาจารย์พร่ำสอนมาตลอดแปดปีคือความแค้นมักทำให้เกิดทุกข์

แต่ภายในใจของ ซูลี่ใครเล่าจะหยั่งถึง

“องค์หญิงที่นี่เป็นของเราไม่มีใครมารบกวน แม้แต่เครื่องเสวยอี้เย่ายังเป็นคนทำถวายองค์หญิงด้วยตัวเองมีเพียงนางกำนัลสองคนที่คอยรับใช้ นับว่าดีไม่น้อยองค์หญิงไม่จำเป็นต้อง…ยุ่งเกี่ยวกับคนในวังหลวง หรือในวังหลัง”ซูลี่ยิ้มบางๆ พยามให้รอยยิ้มสดใสที่สุด

“ทำไมข้าต้องไปยุ่งกับวังหลังด้วย ข้ามิใช่นางในหรือสนมของ..หนานหลงเสียหน่อย”อี้เย่าก้มหน้านิ่ง

“องค์หญิงอี้เย่า ทำเครื่องเสวยถวายจะดีกว่าองค์หญิง นั่งรอที่นี่ชมนกชมไม้สักพักดีไหม”

ซูลี่ยิ้มนั่งลงหน้าตำหนักหงส์ฟ้า ที่ยังมีกลิ่นอายเดิมๆ ให้หวนคำนึงแต่ที่ไม่มีทางหวนคืนคือมารดาที่คอยนั่งข้างกาย

อี้เย่าไปแล้ว

เงาตะคุ่มของใครบางคนมาจากทางด้านหลังวาดมือโปะผ้าที่มีกลิ่นฉุนเข้าที่ปากครึ่งจมูกของซูลี่ เพียงชั่วอึดใจร่างบางของซูลี่ทรุดลงไปก่อนจะถึงพื้นร่างของใครบางคน รับไว้ได้ทัน

โคมไฟสลัวบนแท่นบรรทมหนานหลงทิ้งตัวลงบนแท่นบรรทม ร่างหอมกรุ่น ในผ้าห่มที่ห่อคลุม ขันทีใช้ผ้าห่อตัวนางในเข้ามาในห้องบรรทมดั่งเช่นทุกวัน ใบหน้างดงามยามต้องแสงไฟสลัว เขาเผลอยิ้มยังอ่อนเยาว์นางมีอายุเท่าไหร่กันคงจะเพิ่งจะผ่านวัยเด็กมาไม่นาน แต่ทว่ากลิ่นกายหอมกรุ่นกับขนตาเป็นแพรสีดำปิดสนิท

หนานหลงฮ่องเต้ในวัย28ปีหนุ่มแน่นหล่อเหลากำลังอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ เรื่องบนแท่นอนจึงเขาเพียงทำตามหน้าที่ วันนี้นางในใบหน้าต้องตายิ่งนักอีกทั้ง นางยังมีกลิ่นกายหอมหวนจนเขาเผลอยิ้ม คงรอเขาจนกระทั่งหลับ

ก้มลงสูดกลิ่นกายหอม เปิดผ้าห่มออกช้าๆ ปลดอาภรณ์รุ่มร่ามออก ร่างเปลือยเปล่าทิ้งตัวลงทาบทับ ร่างอุ่นในผ้าห่ม เสพสมกับเรือนร่างที่ไร้สติโคมไฟอ่อนแสงลงในทัน หนานหลงอมยิ้ม เช่นไรนางจึงจะตื่นขึ้นมาสุขสมไปพร้อมกับเขา จุมพิตที่หน้าผากเบาๆ

“ข้าต้องการเจ้า”


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว