บ้านของยายเป็นเรือนไทยยกพื้นอย่างสมัยเก่า ที่ได้รับการตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เช่นเดียวกับอีกหลายหลังในบริเวณใกล้เคียงกันนี้ จะทรุดโทรมต่างกันเพียงใด ก็สุดแล้วแต่เจ้าของคนปัจจุบัน จะบำรุงรักษาไว้ได้ตามกำลังทรัพย์ แต่กระนั้นในสายตาของมิ่งมารศรี ปัดพระกาฬ ก็ยังเห็นว่าบ้านของยายนั้นยังคงสภาพดีกว่าใครเพื่อน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงใดก็ตาม รอบเรือนเต็มไปด้วยไม้ยืนต้นนานาชนิดไม่ว่าจะเป็น สาเก มะพร้าว มะม่วง ขนุน มะยม เรื่อยไปจนกระทั่งไม้ดอกอย่าง จำปา จำปี สารภี มหาหงส์ หรือแม้แต่ไม้ดอกเล็กๆอย่าง เยอบีร่า กุหลาบ แก้วแคระ และเบบี้ซันโรสก็มีให้เห็นในกระถางซึ่งวางเรียงรายอยู่
ร่างสูงบางในชุดกางเกงยีนส์สีเข้มสวมเสื้อพิมพ์ลายวินเทจ ค่อยๆก้าวข้ามสะพานไม้ทอดผ่านระหว่างคูน้ำด้านติดถนนใหญ่กับตัวเรือนอย่างไม่รีบเร่ง เพราะเจ้าตัวออกจะชอบบรรยากาศบ้านสวนแบบนี้ มากกว่าในเมืองหลวงฟ้าอมรสถานที่เกิดและเติบโตมากกว่าเป็นไหนๆ
เจ้าหล่อนหยุดยืนตรงกลางสะพานแล้วล้วงเอา กล้อง Semi-Prolevel อันเปรียบเหมือนอาวุธประจำกายของเธอขึ้นมารัวชัตเตอร์ ภาพบัวสายสีม่วงในคูน้ำ ที่อวดดอกชูช่อเหนือน้ำราวกับนางแบบบนปกนิตยสาร กำลังโพสต์ท่าให้กับตากล้องฉันท์นั้น โดยไม่ทันสังเกตว่า มีใครบางคนกำลังยืนกอดอกมองเธออยู่แบบเงียบๆตรงตีนสะพานนานแล้ว กระทั่งแน่ใจว่ามิ่งมารศรีคงจะไม่เห็นเป็นแน่ ผู้อยู่ข้างหลังจึงค่อยกระแอมขึ้นเบาๆ
แม่สาวน้อยสะดุ้งเล็กน้อย แล้วค่อยๆลดกล้องลงพลางหมุนตัวกลับมา พอเห็นว่าเป็นใครก็ร้องออกมาอย่างดีใจ
“น้าอร” ปากว่ามือก็รีบยัดกล้องลงในย่ามที่สะพายอยู่อย่างรวดเร็ว
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ มิ้งค์ไม่เห็นได้ยินเสียงเลย” ยกมือไหว้แล้วก็ตรงเข้าสวมกอดผู้เป็นน้า
“ก็เราสนใจน้าเสียที่ไหนกันล่ะ มัวแต่จ้องดอกบัวอยู่นั่นล่ะ” สตรีวัยสี่สิบต้นๆตัดผมซอยสั้น บุคลิกภาพภายนอกคล้ายกับบุรุษเพศไม่มีผิดเพี้ยน โดยเฉพาะการแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อตแขนยาวและสวมกางเกงยีนส์ หัวเราะน้อยๆอย่างสบอารมณ์
“ก็แหม! ดอกบัวมันกำลังสวยได้ที่เลยนี่คะ มิ้งค์อดใจไม่ไหวขอถ่ายรูปเก็บไว้เสียหน่อย เผื่อว่าจะได้ใช้กับปกนิยายชุดใหม่” มิ่งมารศรีเอ่ยถึงงานอดิเรกที่ทำอยู่นอกเหนือจากการเรียน คือการออกปกนวนิยายให้กับสำนักพิมพ์ และเจ้าของนวนิยายเรื่องนั้นๆที่ติดต่อมา อาทิตย์ละหลายรายเดือนหนึ่งทำเงินให้แก่หล่อนได้ไม่น้อย
“จ้า! แม่คนขยัน” คุณบังอรยีหัวหลานสาวคนโตเบาๆด้วยความเอ็นดู
“แล้วนี่ทำไมถึงมาทีหลังล่ะลูก เห็นพ่อแม่น้องเราเขามากันตั้งแต่มืดแน่ะ” ท่านชวนคุยเรื่อยๆผ่านสวนเข้าสู่เรือน
“วันนี้มิ้งค์มีสอบซ่อมค่ะ”
“อ้าว! แล้วกันไหงเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะ” คุณบังอรทำหน้าพิศวงหากแต่ก็ยังยิ้มกว้างอยู่เช่นเดิม อย่างข้าใจระบบการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยดี เพราะเคยผ่านชีวิตแบบนั้นมาก่อน
“ก็วิชาการตลาดโลกน่ะซีคะ .... ย๊ากยากแถมอาจารย์ที่สอนก็ดุจนไม่กล้าขยับตัว แต่ท่านก็ยังใจดีนะคะพอเห็นว่าเด็กไม่ผ่านกันเกินครึ่ง ก็เรียกมาสอบใหม่ยกห้อง เพราะเทอมหน้าห้องมิ้งค์ต้องฝึกงานแล้ว ท่านไม่อยากให้ติดค้างอะไร”
“ไม่ใช่ว่าทั้งห้องมีเราไม่ผ่านอยู่คนเดียวนะยายมิ้งค์”
“วุ้ย! ไม่ล่ะค่ะน้าอรขามิ้งค์น่ะได้เกือบเต็ม ตั้งแต่ครั้งแรกแล้วค่ะ”
“มิ้งค์ก็เลยให้ทุกคนล่วงหน้ามาก่อน ส่วนตัวเองค่อยนั่งรถตู้ตามมาทีหลัง เอ! ว่าแต่เขาหายไปไหนกันหมดคะนี่ บ้านเงียบเชียวน้าผ่องก็ไม่อยู่ด้วยเหรอ” ผู้พูดกล่าวขึ้นเมื่อเดินมาถึงบริเวณใต้ถุนเรือนไทยฝาปะกน ของนางสีตองผู้เป็นยายซึ่งสูงจากพื้นดินขึ้นมาจรดศีรษะคนทั้งคู่พอดี
“ออกไปสวนกันหมดเลยจ้ะ ยายเราก็ไปกะเขาด้วยนาปีนี้มะม่วงบ้านเราเป็นเร็วมาก เร็วกว่าในสวนแถบนี้ด้วยกันเป็นไหนๆ ของเราขายได้เงินแล้วแต่ของคนอื่นเพิ่งจะติดลูก” ว่าพลางคุณบังอรก็ก้มลงเก็บเครื่องมือเครื่องใช้ สำหรับงานในสวนมะม่วงอกร่องและมะม่วงมหาชนก ที่คนงานวางตั้งทิ้งไว้เอาไปเก็บในเรือนไม้เก่าๆ ห่างจากตัวบ้านไปไม่กี่ก้าว
“ไอ้พวกนี้นี่มันจริงๆเล๊ยไม่รู้จะรีบไปไหน ของมันนักหนาบ้านก็อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง” แม้ว่าทั้งร่างกายและจิตใจของคุณบังอรจะค่อนไปทางผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่วายแอบแฝงนิสัยของสตรี ที่ซ่อนอยู่ลึกๆตามธรรมชาติ
“เขาคงจะเหนื่อยมั้งคะน้าอร เดี๋ยวรอกไปสวนโน้นทีสวนนี้ที” หล่อนเคยเห็นพวกลูกกุลีที่รับจ้างขุดดิน ดายหญ้า ฟันต้นไม้วันละหลายสวนอยู่บ่อยๆ เวลาที่คนงานประจำป่วยหรือมีธุระเดินไปไหนหลายวัน คุณบังอรก็มักจะจ้างคนพวกนี้มาเสมอ เพราะพวกเขาทำงานกันเร็วและไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยกันง่ายๆ
“แล้วนี่มิ้งค์ลงสวนเลยหรือว่า จะแวะไปกินน้ำกินท่าบนเรือนก่อน”
“ลงสวนดีกว่าค่ะ น้ำท่าค่อยไปหาเอาที่โน่น”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปพร้อมกันเถอะ” คนทั้งคู่พากันเดินตรงไปยังสวนมะม่วงซึ่งเป็นรายได้หลักของนางสีตอง ห่างจากตัวเรือนไปห้าสิบเมตร บนเนื้อที่จำนวนเกือบห้าสิบไร่นั้นจะแยกกันปลูกระหว่างอกร่องและมหาชนกอย่างชัดเจน
“โอ้โห! จริงอย่างที่น้าอรว่าเลยค่ะ” ร่างสูงบางนั้นอุทานออกมาด้วยความตื่นตะลึง เมื่อเห็นผลมะม่วงทั้งเปลือกเขียวและเปลือกเหลืองดกระย้าไปทั่วทุกต้น คนงานหลายคนกำลังสอยลงเข่งไม้ใบใหญ่อย่างชำนิชำนาญ รวดเร็วแต่ทว่าเบามือเพื่อมิต้องการให้ผลมะม่วงช้ำ อันจะทำให้เสียราคาได้
“อ้าว! มาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วล่ะยายมิ้งค์” หญิงชราผู้มีผมหงอกขึ้นแซมผมดำประปราย วางมือจากการคัดมะม่วงลงในเข่งอีกใบ โผลุกขึ้นมาหาหลานสาวด้วยความดีใจ แม้จะล่วงเลยเข้าสู่ปัจฉิมวัยมานานแล้ว หากนางสีตองก็ยังคงแข็งแรงพอที่ลงมือจับจอบฟันดินได้อย่างสบาย ไม่ร่วงโรยไปตามสังขารอย่างเช่นผู้อาวุโสคนอื่น เพื่อนร่วมรุ่นล้วนล้มหายตายจากไปก็มาก แต่ทว่ายายของมิ่งมารศรีนั้น ก็ยังคงจะยืนหยัดอยู่บนโลกนี้ต่อไปเรื่อยๆจนกว่ายมบาลจะมาพาตัวไปโน่นแหละ เสียงนั้นพลอยทำให้ มารดา บิดา และน้องชาย รวมไปถึงคุณผ่องพรรณคนรักของคุณบังอร ทิ้งงานที่ทำอยู่ในมือเดินมาร่วมสมทบด้วย
“วันนี้มิ้งค์มีสอบซ่อมน่ะค่ะยาย เลยให้คนอื่นล่วงหน้ามาก่อน” หลังจากทำยกมือเคารพท่านอื่นแล้ว จึงค่อยหันกลับมาตอบผู้เป็นยาย
“ก็วันนี้วันเสาร์นี่นา ยังมีสอบด้วยหรือ”
“แม่! สมัยนี้น่ะจะวันโกนวันพระ อาจารย์เขาจะนัดเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องสอบในวันปกติอย่างเดียวหรอก"
“จะไปรู้เรอะ ก็แม่มันคนสมัยเก่านี่นา” นางสีตองอดที่จะเถียงไม่ได้
“มีอะไรให้มิ้งค์ช่วยทำหรือเปล่าคะนี่” หล่อนกวาดตามองไปรอบๆบริเวณสวน
“พี่มิ้งค์มาคัดมะม่วงลงเข่งก็แล้วกัน เดี๋ยวพุธจะไปสอยเอง อ้อ! แต่ระวังเสื้อหน่อยนะพี่ยางมันเยอะ” ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงผิวคล้ำอันได้มาจากผู้เป็นบิดา ส่วนหน้าตานั้นถอดแบบมาจากคุณจงกลมารดา ราวกับพิมพ์เดียวกันว่าขึ้น
“เอาซี! เดี๋ยวพี่ช่วยแกเองพุธ” หล่อนพับแขนเสื้อขึ้นอย่างว่องไว จัดแจงนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นหญ้าสีเขียว ดุจดั่งผืนพรมขนาดใหญ่ มือนั้นก็ควานลงในเข่งหยิบเอามะม่วงผลแก่จัดไร้ตำหนิใส่ลงในเข่งอีกใบ ส่วนพวกมีตำหนิก็แยกเอาไว้อีกทางหนึ่ง
“แล้วมิ้งค์กินอะไรมาหรือยังล่ะลูก” ผู้เป็นมารดาที่กำลังสอยมะม่วงต้นใกล้ๆถามขึ้น
“ยังเลยค่ะแม่สอบเสร็จก็รีบเปลี่ยนชุดมานี่เลย นังพวกนั้นชวนไปหาอะไรกินแล้วนะ แต่มิ้งค์ขี้เกียจจะไปกลัวติดลม กว่าจะมาถึงนี่ก็คงค่ำพอดี” เธอเอ่ยถึงกลุ่มเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ปวช.ยันปริญญาตรี
“แล้วไม่ชวนเพื่อนมาเที่ยวที่นี่ด้วยกันเลยล่ะลูก” คราวนี้ด.ร.อังคารบิดาของเธอเอ่ยขึ้นมาบ้าง เพราะตัวท่านั้นก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับที่มิ่งมารศรีและพีรพุฒิเรียนอยู่ พี่สาวนั้นอายุมากกว่าน้องชายสองปีหล่อนอยู่ชั้นปีสามสาขาการตลาดที่ดูเหมือนว่าจะเป็นสาขายอดนิยมในปัจจุบัน ส่วนน้องชายของเธอนั้นอยู่ชั้นปีหนึ่งสาขาเทคโนโลยีการยางและพอลิเมอร์
“มันไม่ว่างกันหรอกค่ะพ่อ ... ธุรกิจรัดตัวกันนักแต่ละคน”
****************************************************
“เป็นยังไงบ้างฝีมือน้าผ่อง ยังอร่อยเหมือนเดิมไหมจ๊ะ” คู่รักของคุณบังอรถามหลานทั้งสองขณะที่สำรับมื้อเย็นในวันนั้นกำลังจะสิ้นสุดลง
“อร่อยไม่อร่อยก็ดูจากพุธเถอะค่ะน้าผ่องข้าวหมดไปตั้งสามจาน แถมยังกวาดเอาน้ำแกงในถ้วยไปจนเกลี้ยง” มิ่งมารศรีบุ้ยใบ้ให้ผู้อาวุโสดูในถ้วยกระเบื้องใหญ่กลางวง ที่เคยมีแกงคั่วหอยแครงใบชะพลูอยู่เต็มปรี่ บัดนี้ไม่หลงเหลือทั้งน้ำและเนื้อให้ดูต่างหน้า
“ก็มันอร่อยจริงๆนะครับน้าผ่อง เห็นไหมผมไม่กินอะไรเลยนอกจากแกงหอย”
“จ้า! เชื่อแล้วจ้าว่าอร่อย ประเดี๋ยววันหลังจะแกงให้ทานอีกนะ”
“อย่าไปตามใจพุธมันเลยน้องผ่อง เจ้านี่น่ะมันก้นยุ้งพุงกระสอบของแท้” มารดาเห็นมาพูดกับคุณผ่องพรรณด้วยความระอา เพราะไม่ว่าร้านอร่อยที่ไหนดังและเด็ด ไม่ว่าจะอยู่ไกลสักเท่าใดพีรพุฒิก็มักจะชักชวนบรรดาเพื่อนๆหรือบางทีก็พี่สาวออกไปตระเวนกินบ่อยๆ เมื่อว่างจากการเรียน
“เถอะค่ะพี่กล ก็บ้านเรามีหลานแค่ยายมิ้งค์กับเจ้าพุธเท่านั้นนี่คะ อะไรที่ว่าอร่อยก็ปล่อยให้ทานไปเถะค่ะ ไม่ได้เสียหายอะไรหรอก”
“เออแน่ะ! พุธเอ๊ยประเดี๋ยวอยากจะฟังยายเล่าเรื่องสมัยก่อนให้ฟังอีกหรือเปล่าล่ะ” นางสีตองค่อยวางแก้วน้ำลงบนพื้นไม้ที่ขัดถูจนแววสะอาดเอี่ยมประหนึ่งกระจก แล้วปรารภกับหลานคนรอง ที่ทำท่าจะเดินพ้นประตูออกไปพอดี
“อยากครับ! อยากมากด้วยพี่มิ้งค์เอง ก็คงอยากจะฟังเหมือนกัน” แม้ว่าคนทั้งสองจะได้ชื่อว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ทว่ากลับพอใจที่จะชอบฟังเรื่องราวในสมัยก่อนที่ยังไม่เกิด และนิทานพื้นบ้านปรัมปราหรือมุขปาฐะจากนางสีตองทุกครั้ง ที่มีโอกาสมาเยือนบ้านสวนแห่งนี้ โดยเฉพาะมิ่งมารศรีโปรดปรานเรื่อง ตำนานแห่งลำน้ำบัว ที่ไหลผ่านสองตำบลในจังหวัดมณีบุรีแห่งนี้ แม้ยายจะสรรหาเรื่องราวอื่นๆมาเล่า แต่หล่อนกลับขอให้เล่าเองนี้ด้วยทุกครั้งไป
“อยากจะฟังเรื่องอะไรกันดีล่ะ” นางสีตองว่าขณะเดินนำหลานทั้งสองคนออกมาจากห้องพระ ที่เคยสวดมนต์ทำวัตรเย็นอยู่ทุกวัน อยู่ที่นี่มิ่งมารศรีและพีรพุฒิจะต้องทำตามท่านอย่างเคร่งครัด หญิงชราเคยเปรยให้บรรดาเพื่อนสนิทและคนใกล้ชิดฟังอยู่เสมอว่า
“เด็กบางคนสมัยนี้วัดวาก็ไม่ใคร่จะเข้ากัน ชอบแต่จะไปแหล่งอโคจรกันโน่นแน่ะ เห็นแล้วก็อดที่จะเป็นห่วงเจ้าสองคนนี้ไม่ได้ ก็เลยบังคับให้ทำมาตั้งกะเด็กๆถึงจะไม่ได้เข้าวัด แต่ก็พอจะให้ท่องคาถาต่างๆได้บ้าง และถ้าฉันตายไปยายมิ้งค์กับเจ้าพุธก็คงที่จะกรวดน้ำอิมินาแผ่กุศลไปให้ได้ ไม่ปล่อยให้ยายต้องอดอยากปากแห้งในนรกหรอก”
“มิ้งค์อยากฟังเรื่อง ....” หญิงสาวในชุดนอนแขนสั้น-กางเกงขาสั้นลายตุ๊กตาหมีเข้าชุด ถูกผู้เป็นน้องชายที่สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวไม่มีลาย นุ่งกางกางบอลสีดำราคาถูกที่น้าสาวเหมาโหลมาให้จากตลาดนัดในตัวจังหวัด ขัดขึ้นเพราะรู้ว่าพี่สาวจะพูดอะไรต่อไป
“ตำนานลำน้ำบัวค่ะ” ไม่พูดเปล่าแถมยังดัดเสียงล้อเลียนพี่สาวอีกต่างหาก
“เปลี่ยนเรื่องสักทีเหอะพี่มิ้งค์ ผมเบื่อจะแย่อยู่แล้ว มาทุกทีก็ต้องได้ฟังทุกที”
“ก็แล้วทำไมล่ะ ... พี่อยากจะฟังพุธไม่อยากฟังก็ไปนอนไป๊”
“เอาเถอะๆอย่าเถียงกันเลยว้า ประเดี๋ยวยายจะเล่าเรื่องลำน้ำบัวให้ฟังก่อน ตามด้วยเรื่องสมัยสงครามโลกให้พุธฟังดีไหม” นางสีตองรีบห้ามทัพพลางหย่อนกายนั่งลงบริเวณหอนั่ง อันเปรียบเสมือนห้องรับแขกประจำตัวของผู้อาวุโส ซึ่งมีหมอนอิงวางอยู่ใบหนึ่ง โดยมิเคยไปแตะต้องชุดรับแขกเลยแม้แต่น้อยเพราะท่านไม่ใคร่ชิน
“ดีเลยค่ะยายดีมากๆเลยทีเดียวค่ะ”
“เรื่องมันก็นานมากแล้วนะ ....” นางสีตองมักจะขึ้นต้นรูปประโยคเช่นนี้เสมอ
“เมืองพระบัวบัณฑูรแห่งนั้นเป็นเมืองหน้าด่านของกรุงสุโขทัยเรานี่ล่ะ เจ้าเมืองชื่อเจ้าหลวงจโกระมีชายาสององค์ องค์แรกชื่อพระนางสกุลณาเทวารี แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าทรงมาพระชนม์มายุสั้นนัก ประสูติเจ้าพญาลิ้นไพได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ทรงสิ้นพระชนม์แบบไม่มีสาเหตุ มีแต่เสียงเล่าลือว่าเลือดมันทำบ้าง ผีมาเอาไปบ้างล่ะเพราะพระนางงามเหลือเกิน เจ้าหลวงก็ทรงสถาปนาองค์น้องหรือพระนางรัตติยาเทวีขึ้นเป็นรานีแทน” เล่ามาถึงตรงนี้นางสีตองก็หยิบน้ำขึ้นมาจิบแก้คอแห้ง มิ่งมารศรีสบโอกาสก็ถามต่อไปว่า
“แล้วตอนนี้เราพอที่จะได้เห็นหลักฐานหรือซากอารยะธรรม ของเมืองพระบัวบัณฑูรได้จากไหนบ้างคะ ตามวัดตามวาแถบนี้ก็ไม่เห็น”
“ก็มันล่มจมลงไปใต้น้ำบัวหมดแล้วนี่ จะไปหาดูได้จากไหนกันล่ะลูก นอกจากต้องงมลงไปดูใต้น้ำโน้นแหละ ยายว่าคงพอจะมีอยู่บ้าง” นางสีตองให้ความเห็นตามที่ได้ทราบข่าวมาจาก คนหาปลากละแวกนั้นที่ทอดแหลงไป แล้วได้ข้าวของโบราณติดมาหลายครั้ง
“แล้วมันล่มไปได้ยังไงครับยาย” คราวนี้พีรพุฒิชักจะสนใจเรื่องลำน้ำบัวขึ้นมาบ้าง เพราะเกิดความคิดอยากจะเห็นสมบัติใต้น้ำตามที่ได้รู้มาใหม่
**************************************************************