ค่ำคืนแรกของการเปลี่ยนขั้วอำนาจช่างเป็นคืนที่ปวดร้าวและหนาวเหน็บไปจนถึงขั้วหัวใจที่บอบช้ำของผู้ที่ต้องสูญเสียทั้งครอบครัวและคนรักไปในคราเดียวกัน ดวงตากลมโตที่บวมเป่งจากการร้องไห้มาอย่างยาวนานมองเหม่อไปยังพระจันทร์ดวงสวยบนท้องนภาด้วยใจหวังว่าน้องชายและคนรักของเขาจะอยู่รอดปลอดภัย บัดนี้เขาได้รับอนุญาตให้มีชีวิตต่อไปได้แล้ว เหลือก็เพียงแต่การทำตามสัญญาที่ว่าจะเฝ้ารอคอยการกลับมาเท่านั้น และไม่ว่ามันจะเนิ่นนานเท่าใดเขาก็จะรอ ตั้งมั่นกับตัวเองด้วยแววตาที่มีความหวังซ่อนอยู่ลึกๆ ภายในก้นบึ้งของดวงใจที่ถูกฉีกจนขาดสะบั้นออกจากกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หัวหน้าองครักษ์ของมาซาชินั้นขอตัวกลับไปยังเอโดะหลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีเซ็ปปุกุได้ไม่นานเพราะเขาไม่อยากทิ้งร่างของมาซาชิเอาไว้ อีกทั้งการเดินทางไปยังเอโดะนั้นใช้เวลานานอยู่พอสมควร มาซาโตะเป็นผู้มาทำการร่ำลาและจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมกับสิ่งของมีค่าฝากไปให้แด่ตระกูลฟุกุชิมะเพื่อเป็นการขอขมาไถ่โทษ
ห้องนอนหลักของฮิโรมาสะและอากาเนะถูกมาซาโตะยึดครองก่อนจะปรับเปลี่ยนสิ่งของบางสิ่งให้กลายเป็นของที่เขาชื่นชอบแทน คิโยชิที่ผล็อยหลับไปสะดุ้งตื่นขึ้นในตอนกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน มือเล็กยกขึ้นมาปาดคราบน้ำตาออกอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินไปยังประตูแล้วเลื่อนมันให้เปิดออกอย่างช้าๆ ทหารนายหนึ่งคุกเข่าอยู่ด้านนอกแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ท่านมาซาโตะเรียกท่านเข้าพบขอรับ" คิโยชิพยักหน้ารับรู้ ถึงแม้จะไม่ทราบว่าโดนเรียกไปเข้าพบเรื่องอะไรแต่เขาก็ตามไปอย่างโดยดีเพราะบัดนี้สถานะและชนชั้นได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์แล้วในค่ำคืนนี้
เท้าเล็กก้าวหยุดลงตรงประตูหน้าห้องนอนที่เคยเป็นของพ่อและแม่ทำให้เขาเผลอกัดฟันกรอดด้วยความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามา จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือที่จะต้องย้ายเข้ามาในห้องนอนหลักในค่ำคืนนี้ที่พ่อแม่ของเขาเพิ่งได้จากไปเมื่อยามสายที่ผ่านมา ความไม่พอใจตีรั้งจนดวงใจปวดหนึบแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ประตูถูกเลื่อนให้เปิดออกอย่างเชื่องช้า คิโยชิก้าวเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาให้เห็น ประตูค่อยๆ ถูกเลื่อนให้ปิดลงตามเดิมพร้อมกับทหารองครักษ์ที่เดินออกไปจากที่ตรงนั้นราวกับถูกสั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้ บัดนี้บริเวณหน้าห้องตลอดทางเดินทั้งชั้นที่กว้างขวางนั้นเงียบสนิทไร้ซึ่งคนรบกวน คิโยชิเอ่ยถามเสียงห้วนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
"มีธุระอันใดหรือมาซาโตะ" มาซาโตะที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักสายตาอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อได้เห็นรอยบวมแดงที่ขอบตาสวย เขาเอ่ยเสียงเรียบแต่มีความห่วงหาแฝงอยู่ในนั้น
"มาใกล้ๆ นี่สิ" คำว่า 'ขอรับ' ที่ปกติควรจะมีได้หายไปเสียแล้ว บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าบัดนี้คนตรงหน้าไม่มีแล้วซึ่งความเคารพยำเกรงและให้เกียรติเขาเหมือนเมื่อก่อน คิโยชิที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ยอมทำตามทำให้มาซาโตะเริ่มฉุนขึ้นมาเล็กน้อย ร่างสูงถือวิสาสะคว้าจับเข้าที่ข้อมือเล็กแล้วออกแรงดึงจนคนตัวเล็กเสียหลัก คิโยชิสะบัดข้อมือออกอย่างแรงพร้อมกับดวงตากลมโตที่สั่นคลอน การต่อต้านที่เด่นชัดทำให้สายตาคมฉายวาบขึ้นด้วยอารมณ์โทสะที่แล่นขึ้นมาราวกับสายฟ้าฟาด เขาใช้กำลังดึงตัวของคิโยชิให้กระแทกเข้ากับร่างอันกำยำของตนเองก่อนจะเอ่ยลอดไรฟัน
"อย่าดื้อให้มันมาก หากไม่ได้ข้า เจ้าก็คงตายไปแล้ว" คิโยชิสายตาสั่นคลอน เขาเงยหน้ามองร่างสูงตรงหน้าที่บัดนี้กลายเป็นคนอื่นที่เขาไม่เคยรู้จัก
"หมายความว่าเช่นไร" เอ่ยเสียงสั่นพร่าเล็กน้อยด้วยความรู้สึกมากมายที่ตีรั้งจนเจ็บวาบไปทั่วทั้งทรวงอก รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏให้เห็นในที่สุด
"ข้าเป็นคนขอท่านโชกุนให้ไว้ชีวิตของเจ้ายังไงล่ะ" คิโยชิกะพริบตาถี่ เขาเบือนหน้าหนีเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อน
"ทำไมกัน" มาซาโตะสายตาสั่นคลอน เขามองใบหน้าสวยที่กำลังสับสนแล้วเอ่ยถามด้วยความรู้สึกมากมายในน้ำเสียง
"ยังไม่รู้อีกเหรอ คิโยชิ" สายตาคมอ่อนลงชั่วขณะ มือแกร่งยกขึ้นไปสัมผัสเส้นผมหอมอย่างแผ่วเบาด้วยแววตาถวิลหา คิโยชิผละตัวหนีเบาๆ ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง เมื่อได้ทราบความในใจของคนตรงหน้าที่สุดท้ายแล้วมันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากสิบกว่าปีก่อน ความรู้สึกรังเกียจขยะแขยงก็ตีรั้งขึ้นมาจนเขาต้องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามรับไม่ได้
"ถ้าเช่นนั้นข้าขอตายยังจะดีกว่า!"
'เผี๊ยะ!' ฝ่ามือใหญ่ตบฉาดเข้าที่แก้มขาวอย่างแรงจนร่างเล็กคะมำลงไปกองอยู่บนพื้นที่เย็นชืด ความชาแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดก่อนจะย้อนกลับลงไปที่ดวงใจอันบอบช้ำอย่างหนัก ไม่รีรอให้คนตัวเล็กได้ตั้งตัว มาซาโตะขึ้นคร่อมก่อนจะบีบแก้มนุ่มอย่างรุนแรง เขาเอ่ยด้วยความเสียใจปนแค้นใจ ดวงตาคมฉายแววโกรธเกรี้ยวแดงก่ำ
"เจ้าสั่งให้มันพาโชหนีใช่หรือไม่! หึ… คิดรึว่าจะหนีข้าได้ ข้าจะจับพวกมันสองคนถลกหนังแล้วเอาไปประจานให้ชาวบ้านดู เคนตะจะต้องตายอย่างทรมานและข้าจะให้เจ้าเป็นคนแรกที่ได้ดูมันตาย" ในที่สุดธาตุแท้ก็เผยออกมาให้เห็นจนหมด คิโยชิเจ็บปวดใจเหลือคณากับคำพูดของคนจิตใจอำมหิต น้ำตาใสไหลพรากลงบนแก้มขาว เขาพยายามผลักร่างสูงออกแต่ก็ไม่เป็นผล เสื้อผ้าชั้นดีถูกกระชากออกอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กหวีดร้องเสียงหลง
"หยุดนะ!!" ริมฝีปากร้อนทาบทับลงมา เขาดิ้นจนสุดแรงเกิดแต่ก็ถูกฝ่ามือแกร่งจับคางให้หันกลับมารับจุมพิตนั้นตามเดิม
[ฉาก NC สามารถอ่านได้ใน E-book ค่ะ]
นิยายอัพเป็นประจำทุกวันพุธ เสาร์ อาทิตย์ค่ะ
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว