เป็นงานหมั้นและแต่งที่ค่อนข้างกระอักกระอ่วน แม้พระองค์หญิงนงลักษณ์เสด็จมาร่วมเพราะไม่ต้องการให้เสียกับแขกเหรื่อผู้ใหญ่ แต่กลับตีพระพักตร์เฉย ประทับนิ่งตลอดในช่วงพิธีการนับแต่หมั้นในช่วงเช้า ไม่รับไหว้หลานสะใภ้ ทั้งยังเสด็จกลับตำหนักโดยไม่ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว
แอนนาเบลหน้าเสียบ่อยครั้ง หากในทุกครั้งจะมีหัตถ์หนากุมมือตนพลางยิ้มบางให้กำลังใจ อีกคนที่ไม่ห่างกายเจ้าสาวก็คืออิซาเบล เจ้าตัวสงสารและขัดใจที่เหมือนน้องสาวถูกรังแก หากไม่เพราะอีกฝ่ายรักท่านชายอิซาเบลคงคัดค้านงานนี้
“อย่ายอมให้ใครรังแกได้นะเบล เป็นไปได้เราก็อยากมาอยู่ที่นี่กับตัว”
คนเป็นพี่แอบกระซิบให้ได้ยินกันสองคน ทั้งเมื่อได้ฤกษ์ส่งตัวก็ยังอิดออดกอดน้องสาวจนกระทั่งแอนนาเบลเข้าห้องไปพร้อมกับท่านชาย คุณชายหฤษฎ์กับมัลลิกา รวมทั้งเจ้านายผู้ใหญ่ที่ท่านชายปกรณ์กับพระองค์หญิงนับถือ
แอนนาเบลใจหายเมื่อปล่อยมือจากพี่สาว แต่พยายามสะกดกลั้นน้ำตาตัวเอง ยิ้มให้อีกฝ่าย จนเมื่อมานั่งเคียงข้างท่านชาย รับฟังคำอวยพรเกี่ยวกับชีวิตคู่ก็ต้องกะพริบตาถี่ไล่น้ำตา หลังทุกคนออกไปจากห้องแล้วหยาดน้ำตาก็รินลงอาบแก้ม แม้ว่าจะปาดทิ้งอย่างไรก็ยังไหลไม่หยุด หญิงสาวก้มหน้างุดพยายามเช็ดน้ำตา
ท่านชายปกรณ์เหลือบมองคนข้างตัว เห็นไหล่มนสั่นเบาๆ หัตถ์หนาจึงยื่นไปหา ดวงหน้าสวยถูกเชยปลายคางให้เงยขึ้น ก่อนปลายนิ้วแกร่งจะเช็ดน้ำตาบนแก้มนวลแผ่วเบา
“กลัวหรือ? ไยจึงร้องไห้”
“เบล...”
หญิงสาวตอบไม่ถูก ในตอนแรกจะบอกว่าไม่ได้กลัว ตนน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งใจระคนใจหาย เมื่อก้าวออกมาจากรั้วคุณารักษ์ ออกจากการปกป้องคุ้มครองของคุณอาและอ้อมกอดของพี่สาว ทว่าเมื่อได้สบเนตรท่านชายก็เกิดตกประหม่า ตระหนักได้ว่าตนอยู่ภายในห้องหอเพียงลำพังกับผู้เป็นสามี
ปลายนิ้วแกร่งไล้แผ่วบนแก้มนุ่ม เนตรคมกวาดพลางก่อนมุมโอษฐ์จะขยับยิ้มบาง นึกเอ็นดูภรรยาตน แววตาคู่งามสบสันราวเด็กหลงทาง
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องตอบก็ได้ เธออาบน้ำเสียเถิดจะได้รีบพักผ่อน ฉันได้ยินคุยกับพี่สาวแว่วๆ ว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยนี่”
ดวงหน้าสวยพยักรับเล็กน้อย นึกอายที่ท่านชายรู้ว่าตนตื่นเต้นกับงานแต่งงานจนนอนไม่หลับ ยิ่งได้เห็นมุมโอษฐ์ยกสูงกว่าเดิมแอนนาเบลยิ่มก้มหน้าหลบเลี่ยง หากก็ต้องสะดุ้งนิดๆ เมื่อกรกำยำเคลื่อนโอบไหล่ตน
“ลุกขึ้นเถิด”
เสียงทุ้มเหนือศีรษะทำให้ร่างโปร่งอรชรค่อยขยับลุกตามการประคับประคอง ท่านชายพาแอนนาเบลมายืนหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง
“ขอบใจเธอมาก”
พลางตรัสท่านชายก็ช่วยดึงปิ่นประดับผมและดอกไม้ให้ ขณะ หญิงสาวหน้าร้อนวูบเพราะรับรู้ได้ถึงไออุ่นจากร่างสูงใหญ่ด้านหลังตน แก้มนวลเนียนแดงปลั่งจากการแต่งแต้มยิ่งมีเฉดสีชัดขึ้น
“เรื่องอะไรคะ”
หญิงสาวพยายามพูดคุยให้เป็นธรรมชาติลดอาการเกร็งของตน
“เรื่องของเรา”
คำว่า ‘เรา’ ยิ่งทำให้แอนนาใจวูบวาบ ยิ่งหัตถ์หนาจับไหล่ตนสองข้าง พักตรคมคายขยับลงมาข้างศีรษะสบตาตนในกระจกหัวใจดวงน้อยยิ่งเต้นระส่ำ
“เธอต้องเจอความยุ่งยากใจนับแต่วันแต่งงาน แล้วยังไม่รู้ว่าท่านป้าจะมาไม้ไหนอีก ขอบใจที่แต่งกับฉัน”
แอนนาเบลอยากพูดสิ่งที่อยู่ในใจแต่กลับอายเกินกว่าจะพูดออกไป ได้เพียงส่งยิ้มหวานอย่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้ท่านชายในกระจก แล้วก็ได้เห็นเนตรคมฉายแววหมองลงแวบหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นปกติ
“อาบน้ำเสียให้สบายตัวเถิด”
ตรัสจบร่างสูงใหญ่ก็ผละไป และเปิดประตูระเบียงออกไปยืนด้านนอกราวต้องการให้เวลาส่วนตัวกับเธอ หญิงสาวรู้สึกแปลกๆ หากก็พยายามไม่คิดมาก จะว่าไปก็ดีเหมือนกันที่ได้จัดการธุระส่วนตัวอย่างไม่ต้องคอยกังวลว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย
มือบางค่อยๆ แกะผมที่มวยอยู่ออก และถอดชุดเสื้อแขนกระบอกพอดีตัวสีครีมงาช้างอย่างยากเย็น แต่ก็สบายใจที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
นับว่าแอนนาเบลใช้เวลากับการอาบน้ำค่อนข้างนาน ทว่าท่านชายก็ไม่ได้บ่นใดๆ ร่างโปร่งอรชรในชุดนอนผ้าแพรแขนยาวขายาวยืนนิ่งกลางห้องเมื่อร่างสูงใหญ่กลับเข้ามาด้านในราวได้ยินเสียงตนเปิดประตูห้องน้ำ หญิงสาวอดกลืนน้ำลายไม่ได้เมื่อท่านชายก้าวตรงมาหาขณะจ้องตนนิ่ง และถึงกับต้องกลั้นหายใจเมื่อหัตถ์หนาวางบนไหล่ตน
“ดึกแล้ว รีบพักผ่อนเสีย”
ดวงตาคู่งามกะพริบปริบๆ ในหัวไร้คำพูดใด แอนนาเบลรู้ว่าชายหญิงแต่งงานจะต้องเกิดสิ่งใดขึ้น ทว่าท่านชายกลับให้ตนรีบนอน คิดไปแล้วก็ต้องหลบเนตรคมที่มองมาราวมีคำถาม ดวงหน้าสวยพยักรับเล็กน้อยแล้วก้มหน้าก้มตาเดินเลี่ยงร่างสูงใหญ่ตรงไปยังเตียง แต่แล้วกลับต้องชะงักเท้าเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้น
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันจะไม่แตะต้องเธอ”
คิ้วเรียวงามขมวดด้วยความงุนงงราวตนได้ยินสิ่งใดผิดไป หรือท่านชายหมายถึง ไม่แตะต้องในคืนนี้เพราะอยากให้เธอพักผ่อน
“ฉันจะทะนุถนอมเธอไม่ให้ต้องมีมลทิน และเป็นภรรยาที่มีสิทธิ์ในสมบัติของฉัน สิทธิ์การเป็นเจ้าของวังนี้ไม่ต่างจากฉัน”
ทุกอย่างราวหยุดนิ่งลงฉับพลันแม้แต่กระทั่งเสียงหัวใจตัวเองในความรู้สึกของแอนนาเบล
ท่านชายแต่งงานกับเธอเพียงแค่ในนาม
ทุกคำพูดทุกการกระทำล้วนเป็นการขอหมั้นขอแต่งโดยปราศจากความรู้สึกจากหัวใจ
‘ตัวรักท่านชาย แล้วท่านชายล่ะ รักตัวไหม’
คำถามของพี่สาวย้อนกลับมากระแทกหัวใจแอนนาเบล
เธอไร้เดียงสาไปเองหรือ? เป็นเธอเองที่ตีความแววเนตรนิ่งล้ำลึกนั้นแฝงมากับความหมายลึกซึ้ง คำพูดที่เต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาไม่ใช่มีใจ แต่เป็นเพราะต้องการให้เธอร่วมมือ เธอหลงละเมอเพ้อไปเองว่าท่านชายก็รักตน เหมือนเช่นที่ตนหลงใหลได้ปลื้มผู้ชายแสนใจดีที่ให้ตุ๊กตาคู่รักแก่ตน
แม้ในวัยเยาว์ไม่ได้คิดลึกซึ้ง แต่เมื่อได้พานพบอีกครั้งกลับรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ หลงรักโดยไม่มีข้อแม้ใด
=====
ฮือ…เบล เพิ่งมารู้เอาตอนนี้จะทำยังไง จะอยู่ยังไง แล้วตัวเองยังรักท่านชายเต็มเสียเต็มเปาด้วย T^T
เฟซบุ๊กเพจ รสิตา เพียงพิณ
https://twitter.com/rasitawriter
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว