พ่อเลี้ยงหนูเป็นมาเฟีย
ตอน ร้ายเพราะรัก
ตลอดเวลาที่มาเฟียหนุ่มเจ็บป่วยหนูพริ๊งได้คอยดูแลเค้าเสมอมาชนิดที่เรียกได้ว่าตัวติดกัน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ท้องฟ้าบนบ้านหรูหลายสิบไร่ฟ้ามืดสลัว ชายฉกรรจ์นับร้อยๆยืนแถวตอนเรียงสองอยู่หน้าประตูบ้าน
ในห้องทำงานมีชายหนุ่มร่างสูงยาวกว่าใครๆกำลังยืนเช็ดปืนสั้นยี่ห้อดีเสิร์ทอีเกิ้ลสีเงินวับ
บนโต๊ะตรงหน้ามีแมกกาซีนบรรจุกระสุนขนาด.50AE เรียงอยู่เป็นตับ
กางเกงสูทดำถูกสวมไว้เพียงห่อหุ้มช่วงล่าง ท่อนบนเปลีอยกล้ามเนื้อแน่นๆซ่อนไว้ใต้เสื้อเกราะกันกระสุนสีดำ
มวลมัดกล้ามที่แขนพองใหญ่เมื่อมาเฟียหนุ่มขยับมือไปมา รอยแผลเป็นที่หน้าท้องและหัวไหล่เผยให้เห็นถึงประสบการณ์แสนโชกโชน
"คุณพ่อไปไหนนะ" เด็กสาวตื่นขึ้นบนเตียงผู้ป่วยในห้องนอนชั้นบน
เท้าเปล่าที่เล็กขาวย่างย่ำลงบันใดวนลายมังกรด้วยความร้อนใจ ดวงตากลมแป๋วเบิกกว้างเมื่อต้องพยายามมองฝ่าความมืด
แสงไฟสลัวในห้องทำงานเรวตะทำให้พริ๊งพันดาววิ่งเข้ามายืนเกาะขอบประตู ใบหน้าเล็กเรียวออกอาการไม่สู้ดี
"จะไปไหนคะ"
หนุ่มใหญ่สะดุ้งและหันใบหน้าอันคมดุมองกลับมา สองมือยังถือปืนสั้นที่สะท้อนแสงโคมไฟระย้าบนเพดานวิบวับ
"ตื่นแล้วเหรอ" มาเฟียหนุ่มถามอย่างเยือกเย็น
"หนูถามว่าจะไปไหนคะ" เด็กสาวตะคอกเสียงดัง
ตุบ! ๆ ๆ เท้าเปล่ากระทืบพื้นหินอ่อนอันหรูหราที่ประดับพื้นบ้าน ร่างเล็กบางอรชรเดินมากอดคุณพ่อจากข้างหลังแน่นหนับ
"ไหนบอกว่าจะแจ้งตำรวจจับพวกมัน รับปากหนูแล้วนี่คะ" เด็กสาวเอ่ยขณะที่แก้มแนบกับเสื้อกันกระสุนจนแดงช้ำ
"คือ ถ้าพวกมันโดนจับก็ต้องถูกปล่อย" น้ำเสียงเย็นชา
"แล้วซักวันมันจะแว้งกลับมาทำพ่อ"
"แต่นั้นไม่ใช่สาเหตุที่จะไปฆ่ามันหรอก"
"ถ้าวันนึงคนพวกนี้ทำอะไรหนู นั่นคือสิ่งที่พ่อรับไม่ได้อย่างที่สุด"
หนุ่มใหญ่วางปืนแล้วแกะมือน้อยที่กอดกุมอยู่ตรงกล้ามท้องซิกแพคที่นูนแน่น
ร่างสูงยาวปราดเปรียวหันมาแล้วแขนท่อนโตก็พาดบนบ่าน้อย ทำเอาเด็กสาวถึงกับยืนคอเอียง
มือใหญ่อีกข้างยกขึ้นมาลูบกระหม่อมน้อยอย่างแผ่วเบา ทว่ากลับรู้สึกอบอุ่นดีเหลือเกิน
"เสียแม่หนูไปแล้ว ถ้าวันใดเสียหนูไปอีกคนพ่อไม่มีทางอยู่ได้"
"แต่หนูไม่อยากให้พ่อติดคุก" เด็กหญิงเงยหน้ามองหนุ่มร่างสูง ดวงตากลมแป๋วนองน้ำใสจนแทบจะปริออกมาอาบแก้ม
"ไม่โดนจับหรอกถ้าไม่มีใครรู้ ทำลายหลักฐานไปเรื่องก็ไม่มีทางถึงตำรวจ"
"อีกอย่างต่อให้พ่อติดคุกอย่างน้อยหนูก็ปลอดภัย"
"ไม่เอา ถ้าออกไปจากบ้านหลังนี้หนูจะฆ่าตัวตาย" เด็กหญิงเอ่ยจบแล้วสะบัดมือใหญ่ออกจากหัว ก้าวเท้ามายืนข้างโต๊ะแล้วยกปืนที่หนักอึ้งมาถือไว้ด้วยสองมือที่สั่นเทา
ฟู่วส์! มาเฟียหนุ่มถอยหายใจแรง ลมร้อนพ่นลงบนเส้นผมสีทองยาวสลวยปลิวไหว
"ให้หนูจัดการเอง"
"ได้ไหมคะ" เด็กหญิงวัยสิบแปดเงยหน้าบอกพ่อเลี้ยงหน้าดุ เค้าถึงกับตกใจหน้าสั่นนิดๆเมื่อได้ยินเรื่องที่คาดไม่ถึง
"มีเงินในบัญชีเยอะไหมคะ โอนมาให้หนู" เด็กหญิงเอ่ยและล้วงมือถือในกางเกงผ้าขาสั้นสีชมพูออกมากด
ปืนสั้นถูกเหน็บที่เอวด้านหลังจนขอบกางเกงยืดร่นลงต่ำ เห็นเนินตูดขาวๆและบั้นเอวที่ขาวโบ๊ะ
"เอ่อ" มาเฟียหนุ่มอ้ำอึ้งด้วยความรู้สึกขัดใจปนกับงงงวย
"ไม่โอนก็เอามือถือมาให้หนูค่ะ" หนูพริ๊งแบมือรอรับมือถือคุณพ่อ
"นายท่านคะ" สองสาวเดินปรี่มายืนหน้าประตูห้องที่เปิดอ้า คนถึงถือปืนกลM4อีกคนถือปืนยาวไรเฟิ้ล
"พวกมันกำลังจะหนีไปขึ้นเรือแล้วค่ะ" หญิงสาวอีกคนเอ่ย
"เอาไว้ก่อน" หนุ่มใหญ่เอ่ยแล้วล้วงมือถือวางบนมือน้อย จากนั้นทรุดกายลงมานั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ทำงาน
แปะ! ๆ ๆ เด็กหญิงก้มกดมือถือสองอันด้วยสองมือ เท้าเปล่าย่างออกไปจากห้องในสภาพที่กางเกงด้านหลังยืดจนเห็นแก้มก้นขาวๆ
"เกิดอะไรขึ้นคะนายท่าน"
"ถ้าไม่ไปตอนนี้จะไม่ทันแล้วนะคะ"
สองสาวเรียกสติหัวหน้ามาเฟียที่กำลังนั่งแทะเล็บมือตัวเอง
ตั้งแต่เกิดมาเรวตะเด็ดขาดกับทุกเรื่องโดยไม่เคยลังเลมาโดยตลอด ทว่าวันนี้เค้ากลับนั่งกัดเล็บมือตัวเองด้วยความสับสน
หนึ่งชั่วโมงต่อมารถตู้หลายคันมาจอดหน้าบ้าน ทนายความและอาจารย์จากมหาลัยชั้นนำของประเทศวิ่งกรูขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบนของเด็กหญิง
แก๊งมาเฟียหน้าบ้านต้องเก็บปืนซ่อนและพากันไปยืนตีกอล์ฟอยู่ที่ทุ่งหญ้าริมทะเลสาบส่วนตัวในบ้านที่กว้างเท่ามหาลัย
เรวตะเดินขึ้นไปยืนฟังอยู่หน้าประตูห้องถึงได้รู้ว่าหนูพริ๊งกำลังจัดตั้งทีมกฎหมายเพื่อเอาผิดคนที่ลอบยิงเค้า
บอดี้การ์ดที่ขับรถและอีกคนติดตามไปท่าเรือในวันก่อนถูกหนูพริ๊งเรียกตัวขึ้นมาฝึกซ้อมให้ปากคำโดยให้โกหกว่าไม่มีคุณพ่ออยู่ในเหตุการณ์ลอบยิง
เรวตะยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ราวบันใดลายมังกรหน้าห้องลูกสาวอยู่นานสองนาน เค้าได้ยินแม้กระทั่งการสอนลูกน้องให้โกหกเครื่องจับความเท็จจากอาจารย์มหาลัย
เสียงเล็กแจ๋วที่ทะลุออกมาจากห้องนอนทำหนุ่มใหญ่สับสนในหัวไปหมด
วันก่อนเด็กหญิงที่ยังเรียนไม่จบม.6ลุกขึ้นมาเป็นแม่ครัวทำอาหารฝรั่ง
อาทิตย์ถัดมาเธอคนเดียวกันจัดตั้งทีมกฎหมาย
เรื่องแบบนี้ทำเอาหัวใจที่แกร่งเป็นหินและเย็นดั่งน้ำทะเลหวั่นไหว ขณะสูดควันร้อนเข้าปอดนั้นมาเฟียหนุ่มรู้สึกราวกับกำลังยืนอยู่บนเส้นเชือกท่ามกลางหุบเหว
เสียงการวางแผนในห้องนอนช่างยาวนานจนเค้าต้องออกไปตีกอล์ฟกับลูกน้องที่สนามหญ้ากว้าง
ไม่มีใครคนใดกล้าถามถึงเหตุผลที่หัวหน้ามาเฟียยอมหยุดการล้างเค้น ทุกคนเก็บปากสงบคำขณะที่ตีกอล์ฟอย่างสนุกสนาน
บรืนน! ๆ ๆ ช่วงบ่ายรถตู้สองคันขับออกไปจากบ้านพร้อมกับลูกน้องทั้งสองคนที่รถตกเหวในวันก่อน
ช่วงบ่ายวแก่ๆข่าวการลอบยิงก็ดังไปทุกช่องทีวีและโลกออนไลน์ พร้อมกับพาดหัวข่าวดังกระฉ่อน
ระทึก! แก๊งขนยาไล่ยิงคู่รักชายใจบุญที่เหมาสนามเด็กเล่น
ด่วน ขี้ยาตามปล้นคู่รักLGBT รถตกเขา
ตอนเย็นสี่หนุ่มมาที่ลอบยิงเรวตะก็โดนรวบตัวอยู่ที่ชายฝั่งอีกประเทศเพื่อนบ้าน
รุ่งเช้ามีข่าวฆ่าตัวตายในห้องขังพร้อมกันสี่คน
"เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดเหตุแก๊งยาคลั่งซดยาพิษหนีความผิดค่ะ ในคดีไล่ยิงคู่รักชาย" เสียงข่าวดังในมือถือหนุ่มใหญ่ที่กำลังวิ่งขึ้นบันใดวน
ก๊อก! ๆ ๆ กำปั้นใหญ่รัวทุบประตูห้องนอนเด็กสาว
"หนูพริ๊ง ๆ"
อืออ! สาวน้อยนอนบิดตัวและครางตอบอยู่บนที่นอนอันอ่อนนุ่ม
"เรื่องเมื่อคืนน่ะ หนูทำรึเปล่า" เสียงดุๆสั่นเครือชนิดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
"เรื่องอะไรคะ"
"หนูจ้างใคร เอ้ยหนูทำยังไงให้พวกมันยอมกินยาพิษ"
"เรื่องอะไรเนี่ยพ่อ" เสียงเล็กแหลมดังทะลุประตูห้องนอน
"ถ้าหนูไม่รู้ก็คงหมายความว่าหนูคงไม่ได้ทำแหละมั๊งค่ะ"
ตุ๊บ! หนุ่มใหญ่พลิกตัวยืนพิงหลังกับประตูห้อง มือล้วงซิการ์ในเสื้อสูทออกมาคาบไว้ที่ริมฝีปากทรงครุฑ คิ้วมังกรขมวดชนกัน
หนุ่มใหญ่ค่อยๆทรุดลงนั่งพิงประตู มือใหญ่ถือไฟแช็คจุดซิการ์สูบ
ฟู่วส์! ควันขาวฟุ้งกลบใบหน้าคมคายดุดันจนมองไม่เห็น
หัวใจที่แกร่งกร้าวสั่นระรัว เลือดสูบฉีดขึ้นหัวแรงขณะที่สมองครุ่นคิดสุดกำลัง
ตลอดเวลาที่ผ่านมาชายหนุ่มเข้าใจอะไรบางอย่างผิดเพี้ยนมาโดยตลอด
เด็กหญิงที่อ่อนแอคนเดียวกันสามารถแสดงความร้ายกาจได้อย่างที่สุด
กลับกันความอ่อนโยนของเธอก็สามารถฆ่าคนได้โดยไม่ต้องใช้กำลังใด
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว