พันธนาการรักยัยตัวร้าย

1. ความชอบโง่ๆ

กลิ่นสาบที่คละคลุ้งไปด้วยสิ่งหมักหมม อับชื้นด้วยสารพัดของเก่าเก็บแรมสิบปีที่สิ่งสกปรกทั้งหลายจะมีโยนกองไม่แยแสทิ้งไว้ในห้องนี้ ยามเปิดประตูแม้จะมีลมด้านนอกโชยเข้าไป แต่กลับเจอแรงลมปะทะอัดแน่นไปด้วยกลิ่นสาบภายในห้องตีกลับมาใส่ผู้ที่เปิดประตู ปัง....

"อี๊...... พี่หญิงใหญ่ น้องจำเป็นต้องเข้าไปดูหน้ามันด้วยหรอ ให้มันตายๆไปซะก็จบ ทำไมจะต้องเข้ามาด้วย ข้ารังเกียจ อี๊..... " มือเรียว ผิวขาวของเฟินเยว่พยายามยกมาปิดจมูก รังเกียจกลิ่นเหม็นสาบ อีกมือก็พยายามยกชายกระโปรงผ้าเนื้อดีสีชมพูอ่อนเชิงชายปักลายดอกหลันฮวา สีขาวแกมม่วง เฟินเยว่จำใจต้องมากับหมิงลู่แบบขัดไม่ได้

"ครานี้ ข้าจำต้องเห็นกับตาว่ามันตายจริงๆ อินังขี้ข้านั่น กล้าหลอกข้า เก็บนายมันไว้ ฮึ แต่สภาพเยี่ยงคนก็ไม่ใช่ หมูก็ไม่เชิง เก็บชีวิตนายมันไว้ก็เหมือนทรมานนายมันทั้งเป็น ฮึๆ โง่ทั้งนายและบ่าวไม่มีผิด" หมิงลู่ที่ยามนี้จำใจต้องมาดูหน้า น้องสาวร่วมบิดาตนเองให้กระจ่างชัดไม่ผิดตัว เป็นเพราะก่อนหน้านี้ หลิงเอ๋อบ่าวในเรือนแอบช่วยหนิงเซียนจากการทรมาน หมิงลู่สั่งให้บ่าวพาหนิงเซียนที่โดนตัดมือทั้งสองข้างแล้วไปส่งขายให้ซ่องชั้นต่ำ กะให้ชายที่ท่าเรือท้ายตลาดรุมโทรม นางหวังให้หนิงเซียนจบชีวิตเยี่ยงที่แม้แต่ศักดิ์ศรีความเป็นคนก็ไม่เหลือ

หลิงเอ๋อ สาวใช้ขั้นสาม แอบสงสารหนิงเซียน คุณหนูของจวน ถึงแม้จะมิใช้นายโดยตรงของตน แต่อดีตหนิงเซียนมีเมตตากรุณา​ต่อบ่าวไพร่ในจวน ยามลำบากขัดสนเบี้ยหรือเจ็บป่วย หนิงเซียนไม่เคยมีจิตคิดตระหนี่แม้แต่กับบ่าวในจวน ซ้ำยังช่วยอนุเคราะห์​ยามพวกมันลำบาก แต่บรรดาบ่าวคนอื่นๆ เวลาเห็นหนิงเซียนโดนบรรดาพี่น้องเอาเปรียบ จงใจกลั่นแกล้ง พวกมันกลับช่วยเหลือแทบไม่ได้ ด้วยถูกสั่งสอนว่ามิใช่เรื่องที่บ่าวไพร่จะต้องสอดเรื่องของนาย

แต่ครั้นนี้หลิงเอ๋อสงสารคุณหนูผู้อาภัพจับใจ มันคิดว่านี่เกินกว่าการกลั่นแกล้งด้วยความอิจฉา​ริษยาของพวกเหล่าคุณ​หนูเสียแล้ว ถึงขั้นลงมือฆ่าแบบตายทั้งเป็น อัปยศอดสู​ยิ่ง เมื่อตอนยามจื่อ[1] มันและสาวใช้อีกคน ถูกคุณหนูใหญ่เรียกให้หาผ้าหรือเสื่อ ผืนใหญ่เท่าเตียงตั่งมาให้ที่เรือนหมิงฮวา ครั้นพอเอาของไปให้ถึงเรือน ก็ถูกพี่ซูหลัน สาวใช้คนสนิทของคุณหนูทำหน้าดุ ไล่ให้มันไปเสียพ้นๆจากเรือน หลิงเอ๋อ ก้มหน้างุดๆเดินออกมาแต่หูพลันได้ยินเสียง อู้อี้ ฟังไม่ได้ศัพท์​ ปนกับเสียงสะอึกสะอื้นราวคนพูดไม่ถนัดปากนัก "อือออ ฮือ อึกๆ อือออออ"

หลิงเอ๋อ ทำเป็นเดินออกจากเรือนแต่สักพักมันก็เดินลัดเลาะไปด้านหลังเรือน มันทำเป็นแสร้งเดินหาของหล่น แต่หูพยายามฟังคนพูดคุยในเรือน

"พี่หญิงใหญ่ มันน่าจะสลบไปแล้ว ข้าว่าเอาไปโยนทิ้งในป่า แสร้งทำว่ามันลอบไปเจอชายชู้แล้วพลาดท่าเจอโจรป่าดีไหมพี่หญิง"

หมิงลู่ คิดตัดสินใจจะทำเช่นไรกับร่างน้องสาวร่วมบิดาคนนี้ ด้วยเพราะเฟินเยว่มีอารมณ์​และจิตใจริษยาเกินไปจึงทำให้แผนของนางผิดพลาด​ไป "ให้ข้าคิดสักครู่ อยู่ๆจะให้มันไปอยู่ในป่าแล้วเจอโจรทำร้ายได้เยี่ยงไรเฟินเยว่ เป็นเพราะเจ้า... หัดเก็บอารมณ์​เสียบ้าง ยังไงมันก็ไม่ได้ตายดี แทนที่จะให้เป็นท่านแม่จัดการ อย่างไรเสียมันก็จะถูกส่งไปอยู่สำนักบำเพ็ญบนเขานอกเมืองอยู่แล้ว เวลานั้นท่านแม่ได้วางแผนรอจัดการมันไว้แล้ว เพราะเจ้าเอาแต่หึงหวงไม่เข้าเรื่อง องค์ชายรองเห็นแค่ใช้จะประโยชน์​จากมันเท่านั้น กลายเป็นว่าข้าจะต้องมาลงมือเสียเอง หึ... "

"ซูหลัน ได้เสื่อมาหรือไม่"

"อยู่นี่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนู" ซูหลัน เบี่ยงกายให้คุณ​หนูใหญ่เห็นเสื่อกว้างยาวประมาณเกือบจะ10 ฉื่อ[2]ได้

" เอาเสื่อห่อร่างมันแล้วจับโยนไปท้ายตลาดที่ท่าเรือ โล่วจูน่าจะคอยอยู่ที่นั้นแล้ว" หนิงเซียนที่ขณะนี้สลบไปด้วยเพราะเสียเลือดมาก ด้วยแขนทั้งสองข้างที่เคยขาวเนียนงดงาม ไร้ข้อต่อดุจลำเทียน กลับไร้มือทั้งสองข้าง เศษ​เนื้อจากมือยังมีติดห้อยร่องแร่งที่ปลายแขน เหตุเพราะผู้ทำไม่ชำนาญการในการใช้อาวุธ ทำประหนึ่งเหมือนหั่นแล่เนื้อสัตว์

เวลาผ่านไปประมาณ ​1 เค่อ [3] ซูหลันก็เอาเสื่อม้วนห่อหนิงเซียนได้สำเร็จ ซูหลันทำหน้าพยักพเยิดให้บ่าวชายที่เตรียมมาสองคนช่วยกันหอบร่างที่อยู่ในเสื่อเก่าๆ สีน้ำตาลหม่น ออกจากเรือน เดินลัดเลาะไปทางด้านหลัง แล้วออกทางประตูหลังจวนที่เป็นทางสำหรับบ่าวขนข้าวของเข้าจวน แต่ในเวลายามจื่อ ที่เกือบจะเข้ายามโฉว่ ย่อมไม่มีผู้คนอยู่ในบริเวณหลังจวน เจ้านายและบ่าวไพร่ของเรือนอื่นๆในจวนต่างก็พักผ่อนหลับกันหมด

ผ่านพ้นประตูจวนด้านหลัง ซูหลันสั่งกำชับให้บ่าวชายนำไปส่งให้โล่วจู ก่อนที่ตัวเองจะรีบกลับไปทำความสะอาดคราบเลือดต่างๆที่เรือนหมิงฮวา โล่วจูเป็นหัวหน้าและเป็นนายหน้ารับซื้อทาสให้กับซ่องชั้นต่ำเป็นสถานที่ กุลี ทาส นิยมใช้บริการเพราะราคาถูก เทียบไม่ได้กับพวกหอนางโลมชั้นสูงที่ราคาแพงลิบลิ่ว แต่ไม่ทันจะไปถึงที่นัดหมาย หลิงเอ๋อที่แอบสะกดตามมาพอเห็นจังหวะที่ซูหลัน หายเข้าประตูจวนไม้ไปแล้ว ทำทีวิ่งกระหืดกระหอบไปดึงเรียกบ่าวชายคนหลัง

"พี่หูฉาง ๆ รอก่อน คุณหนูสั่งให้ข้ารีบมาบอกกับพวกพี่ว่าเปลี่ยนแผนๆ ป้าโล่วมาไม่ได้เสียแล้ววันนี้ ให้พวกพี่ย้ายเสื่อนี้ไปเก็บไว้ที่โรงเก็บของเก่าสกุลจูเสียก่อน พรุ่งนี้ป้าโลว่จะมารับเอาคนไปเอง" หลิงเอ๋อ พูดไปทำท่ากระซิบกระซาบราวกับเรื่องนี้เสียงดังมากไม่ได้

บ่าวชายสองคนเมื่อได้ฟังก็ไม่สังหรณ์​ใจแต่อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นหลิงเอ๋อที่หอบเสื่อเก่าๆผืนนี้มาส่งที่เรือนคุณหนู มันจึงคิดว่าที่หลิงเอ๋อบอกนั้นเป็นเรื่องจริง พวกมันจึงเปลี่ยนทิศทางหอบหิ้วม้วนเสื่อเก่าๆนี้ไป โรงเก็บของเก่าสกุลจู โรงเก็บของที่ว่านี้ตั้งอยู่นอกจวน เป็นสถานที่เก็บพวกข้าวของที่เก็บเกี่ยวได้จากหมู่บ้านชนบทที่อยู่ในการครอบครองของสกุลจู เนื่องด้วยบิดาของหนิงเซียน จูฮุ่ย กินตำแหน่งต้าฟู เป็นขุนนางขั้นกลางของราชสำนักมีหน้าที่ดูแลการเก็บภาษีจากประชาชนเข้าวังหลวง ฐานะสกุลจูจึงค่อนข้างสบายและมีเงินทองให้ใช้สอยสบายมือ รวมทั้งมีอิทธิพล​เล็กน้อย จึงไม่แปลกที่จะมีโรงเก็บข้าวของและที่นาครอบครองอยู่มากโข

เวลาผ่านไปจะสองก้านธูป[4]ได้ บ่าวชายก็นำร่างหนิงเซียนที่อยู่ในม้วนเสื่อเก่ามาวางไว้ในห้องเก็บของเก่าๆห้องหนึ่งที่โรงเก็บของสกุลจู ระหว่างนั้นซูหลันที่ทำความสะอาดที่เรือนเสร็จดีแล้ว แต่ลืมนำถุงเงินที่คุณหนูใหญ่ฝากไว้ให้กับป้าโล่ว ส่งให้หูฉาง พอนึกได้ก็รีบวิ่งกลับไปที่ท้ายตลาดท่าเรือ พอไปถึงเห็นป้าโล่วยืนแอบๆข้างเพิง ก็รีบจะส่งเงินให้ จึงทำให้รู้ว่า บ่าวชายสองคนยังไม่ส่งคนให้กับป้าโล่ว

คิดได้ดังนั้นก็สังหรณ์​ใจกลัวแผนคุณหนูจะผิดผลาดแล้วจะแย่กันทั้งหมด มันจึงรีบวิ่งกลับเรือนแจ้งคุณหนูใหญ่ทันที

"ว่าอย่างไรนะ คนหาย แล้วบ่าวชายชั้นต่ำมันอยู่ไหน ไปเรียกมันมาเดี๋ยวนี้" หมิงลู่ที่ตอนนี้ลุกนั่งไม่ติดเก้าอี้ ร้อนใจราวกับเก้าอี้มีไฟลุกท่วม เฟินเย่วพอทราบเรื่องก็กระวนกระวายใจวิตกจริตเสียยิ่งกว่าคนพี่นัก

"พี่หมิงลู่ เราจะทำอย่างไรดี คนมันจะหายไปได้อย่างไร คนที่รู้ก็คนของเราทั้งนั้น หรือว่า..... บ่าวสองคนนั้นมันทรยศ​เราพี่หญิง มันแอบช่วยนังแพศยา​นั้นแน่ๆ พี่หญิงคราวนี้เรื่องมันจะถึงทางการหรือไม่ พี่หญิงอย่าเงียบสิ... พี่"

"พอได้แล้ว หุบปาก แล้วนั่งรอ เงียบเสียงของเจ้าด้วย นี่มันยามโฉว่[5]แล้ว หากท่านพ่อตื่นขึ้นมาเราจะเสียกันหมด" สักพัก หูฉางวิ่งเข้ามาในเรือน ก็คุกเข่าก้มหัวของมันแทบพื้น พลางโยกหัวว่ามันไม่ได้รู้เรื่อง มันทำตามที่คุณหนูสั่ง มันเล่าทุกคำพูดที่หลิงเอ๋อมาบอก รวมทั้งตอนนี้ร่างหนิงเซียนอยู่ที่โรงเก็บของเก่าสกุลจู ท้ายเมือง

" ซูหลัน ตบปากมันแล้วเอาน้ำแกงให้มันกินทั้งสองคน เสร็จแล้วเจ้ารีบตามข้าไปที่โรงเก็บของเก่า" หมิงลู่ หลี่ตามองบ่าวชายสองคนเบื้องหน้าแล้วส่งสายตาที่ซูหลันทราบดีว่าควรทำอย่างไรกับบ่าวชายสองคนนี้ ให้เรื่องนี้ปิดปากแบบสนิทไม่มีลมหายใจ

หมิงลู่ เดินไปจับจูงกึ่งลากเฟิ่นเย่วให้เดินตามมาด้วย เฟิ่นเย่วที่แสดงสีหน้าชัดเจนว่าไม่อยากไปแล้ว นางไม่อยากทำหรือยุ่งเกี่ยวแล้ว ปากก็พร่ำบอกให้พี่หญิงใหญ่จัดการเสียเองเถิดหรือไม่ก็ไปบอกท่านแม่พรุ่งนี้เช้า ท่านแม่รองต้องจัดการเรื่องได้เรียบร้อยแน่ แต่ต่อให้ปากพูดไม่หยุดแต่เท้าก็หยุดเดินไม่ได้ จากจวนสกุลจูไปยังโรงเก็บของเก่าของสกุล ไม่ได้ไกลมากนัก ยามนี้ถนนทางเดินเงียบเชียบราวกับเมืองร้างทั้งๆที่นี่คือ ลั่วหยาง เมืองหลวงของแคว้นจ้าว

หลิงเอ๋อพยายามฉุดกระชากหนิงเซียนออกจากห้องเก็บของอย่างยากลำบาก ตอนคิดจะช่วยมันก็คิดทันทีแต่ไม่รอบคอบเสียเลยว่าด้วยลำพังตัวมัน อายุแค่13 ร่างกายยังเล็กไม่ต่างจากคุณหนูที่มันพยายามจะช่วยชีวิต สองร่างเล็ก หนึ่งฉุดกระชากยื้อดึงลากร่างไร้สติให้ออกจากห้อง หนึ่งก็ไร้ซึ่งสติสลบไปด้วยเพราะบาดแผลเสียเลือดมาก ด้วยแรงกระชากที่บ่อยครั้งเข้า หนิงเซียนจึงลืมตามองไปยังแขนที่ไร้มือที่ตอนนี้มีอีกหนึ่งมือจับแขนของนาง และกำลังออกแรงดึงให้พ้นประตู

"คุณหนูสาม คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ รีบลุกหนีออกจากที่นี่กันเถอะค่ะ อีกไม่นาน บ่าวว่าคุณหนูใหญ่ต้องทราบเรื่องแล้วแน่ๆ คุณหนูรีบลุกเถิด" หลิงเอ๋อพูดอย่างร้อนใจกลัวว่าป่านนี้คนในเรือนนั้นคงรู้เรื่องแล้ว ก่อนหน้านี้พอหูฉางกลับไป มันก็พยายามปลุกคุณหนูสามให้ตื่น แต่เรียกเขย่าเท่าไหร่ คุณหนูก็นอนนิ่งไม่ไหวติ่งใดๆ ครั้นผ่านไปนานเข้ามันคิดว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว ขืนรอให้คุณหนูตื่น มันคงได้ตายไปพร้อมคุณหนูสามแน่ คุณหนูใหญ่โหดเหี้ยมเหลือเกิน ตอนนี้ให้มันกลับไปอยู่ที่จวนก็ไม่ได้ มันต้องพาคุณหนูสามออกจากโรงเก็บของเก่าเสียก่อนแล้วไปแอบกับพวกขอทานที่ทางตะวันตกของเมือง ตอนเช้าค่อยหนีออกจากเมืองลั่วหยาง

แต่ไม่ทันที่จะได้บอกกล่าวกับคุณหนูสาม หลิงเอ๋อก็ถูกดึงกระชาก มือที่จับหนิงเซียนจึงหลุด 'เพี้ยะ เพี้ยะ'​ เลือดซึมออกจากมุมปากมันทันที

"อีขี้ข้า แกกล้าหลอกข้างั้นรึ" เพี้ยะ... "ซูหลัน เฆี่ยนโบยมันให้มันตาย โทษของมันคือแอบขโมยของจากเรือนคุณหนูของจวน"

หนิงเซียนที่ตอนนี้ถูกบ่าวของเฟิ่นเยว่ ลากกลับเข้าไปในห้องเก็บของ น้ำตาของหนิงเซียงไหลไม่หยุด ความเจ็บปวดที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดมากมายเพียงไหนทำไมสุดท้ายจะต้องมาตายเยี่ยงนี้ ทั้งคนที่นางรักดั่งพี่น้องร่วมมารดากลับเกลียดชัง​นาง ราวกับศัตรู​คู่แค้นจ้องจะฆ่านางให้ตายอย่างทรมาน

ซูหลันจัดการส่งหลิงเอ๋อไปจากโลกนี้แล้ว หมิงลู่จึงหันหลังดึงจูงเฟิ่นเยว่เข้าไปในห้องเก็บของ ทันทีที่ประตูเปิดออก สองคุณหนูก็ทำหน้าเบ้ย่นจมูก ด้วยกลิ่นสาบในห้องแรงตลบอบไปทั่ว

หมิงลู่สั่งให้เจียวฉือ จับปากหนิงเซียนให้อ้าออก แล้วโยนห่อยาหนึ่งห่อ สั่งให้ซูหลัน กรอกยาพิษไร้สีไร้กลิ่นของฮูหยินรองใส่ปากหนิงเซียน ยานี้หมิงลู่แอบหยิบแบ่งออกมาเก็บไว้นานแล้ว ครานี้เรื่องสำคัญมันจะต้องไม่ยืดเยื้อ วันนี้หนิงเซียนมันต้องตาย หมิงลู่มองดูหน้าที่สภาพนี้ไม่เหลือเค้าโครงคราบคุณหนูมีสกุล ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงพันกันสะเปะสะปะ ​แก้มที่บวมแดงจนจะปิดตาข้างหนึ่ง ปากที่เคยจิ้มลิ้มสีแดงสวยเต็มไปด้วยรอยแตกมีเลือดซึม แต่ดวงตาข้างหนึ่งกลับจ้องมองกลับมาที่หมิงลู่พลางสลับมองเฟิ่นเยว่ สายตาที่ดูทั้งเวทนา ร้องขอวิงวอง สลับกันสายตาที่โกรธแค้นไม่เข้าใจและอาฆาต เฟิ่นเยว่ที่โดนจ้องเยี่ยงนั้นถึงกลับผงะ เบี่ยงหลบสายตานั้นทันที

เพราะเชื่อฟังตามสกุล ปฏิบัติตามผู้อาวุโส ครอบครัวและวงศ์ตระกูล แล้วทำไมสุดท้ายเธอต้องจบชีวิตเยี่ยงกว่าที่เดรัจฉานจะได้รับการตายเฉกเช่นนี้ "จูหนิงเซียน" รู้สึกเจ็บที่หัวใจร้อยเท่าพันทวี แม้ร่างกายยามนี้จะเจ็บปวดรวดร้าว แขนทั้งสองข้างของนางไร้มือที่เคยขาวเนียนดุจลำเทียน ผิวกายที่เคยงดงามผุดผ่องดั่งหญิงในห้องหอ กลับเต็มไปด้วยรอยแส้ที่ผิวหนังหลุดลอก ทิ้งไว้เพียงคราบเลือดเกรอะกรังทั้งรอยเก่าและแผลใหม่มีเลือดที่ยังคงไหลอาบแผ่นหลัง แต่กระนั้น หนิงเซียน ก็ยังไม่รู้สึกเท่ากับตอนนี้ที่เจ็บปวดหัวใจราวกับถูกกรีดเฉือน เมื่อรอยยิ้มอย่างเยาะหยันถูกส่งมาจากเจี่ยเจีย ทั้งสองที่นางเคยรักและเชื่อฟัง ไว้ใจปฏิบัติตามคำสอนเสมอ เพราะเขลานัก นึกว่าทุกคนในครอบครัวจะรักและหวังดีกับนาง

"หนิงเซียนเอ๋ย หนิงเซียน ยามนี้เจ้าจะโกรธแค้นข้าก็หาได้แก้ไขชีวิตของเจ้าได้ ต้องโทษที่เจ้ามันไม่เจียมตัว และเขลานัก" จูหมิงลู่ พี่หญิงใหญ่ พี่สาวต่างมารดา หญิงงามที่เพียบพร้อม ดั่งดรุณีงามล้ำ แต่จิตใจอำมหิตนัก

"เหม่ยเหม่ย เห็นแก่ที่เจ้าเทียวเอาใจข้า ฟังข้านะหนิงเซียน รีบๆจบชีวิตลงเสียเถิด เห็นสภาพเจ้ายามนี้แล้ว ข้าละเวทนาในวาสนาชีวิตเจ้าเสียจริง ฮึ..ฮึ" จูเฟินเยว่ พี่หญิงรอง พี่สาวต่างมารดาอีกคน ที่หนิงเซียนเคยเชื่อฟังนางตลอด

เลือกเดินผิดผลาด ก็สมควรแล้วที่ข้าจะลงเอยด้วยโชคชะตาเช่นนี้ โง่เขลา หูเบา เพ้อฝัน และไม่เจียมตัว..."ไม่สิ ทำไมข้าต้องโทษแต่ตัวเอง พวกเจ้า ทำให้ข้าต้องจบชีวิตเช่นนี้" คนดี ตายเสียแล้ว..จะเป็นทำไมคนดี ได้ตาสว่างก่อนตาย หนิงเซียน ยิ้มให้เจี่ยเจียทั้งสอง ยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมน่าสะพรึงกลัว ไฟโทสะในกายร้อนแรงจนไม่อยากตาย นางไม่อยากจะตายด้วยชะตาเยี่ยงนี้ อากาศเฮือกสุดท้ายที่เข้าไปในกายนางอัดแน่นไปแรงแค้น นางพยายามทำดวงตาเบิกกว้างจ้องมองเขม็งที่ร่างงามทั้งสอง แต่ภาพที่เห็นกลับพร่ามัวไม่ชัดและมืดสนิท

'สวรรค์ ข้ายังไม่อยากตาย ข้าแค้นเหลือเกิน ให้ข้าเกิดใหม่ข้าก็จะลืมเรื่องราวชีวิตอันอัปยศนี้ ขอให้ข้าจำทุกการกระทำที่พวกมันทำกับข้าเช่นนี้เถิด สวรรค์มีตาหรือไม่'​

เฮือก....................

"คุณหนู..... คุณหนูตื่นเถิดเจ้าค่ะ เช้าแล้วเจ้าค่ะ อีกสักพักฮูหยินรองจะเข้ามาในห้องบรรพชนแล้ว"

เปลือกตาของหนิงเซียนที่ยังสลึมสลือ สภาพที่กายฟุ้บหน้าก้มลงพื้น ตัวคู้ ได้ยินเสียงสาวใช้คนสนิท สาวใช้ส่วนตัวของนางที่ท่านแม่ฝากไว้ให้ก่อนสิ้นลม 'ซินเจียง'​

'พี่ซินเจียง พี่ตายแล้วนี่ หรือว่าข้าก็ตายแล้วจึงได้ยินเสียงพี่'​ หนิงเซียนคิดในใจ นางถูกจับกรอกยาพิษ นางคงไม่รอดแล้ว และนี่คงเป็นดินแดนหลังความตายเสียกระมัง จึงได้มาพบเจอกับคนตายแล้วเหมือนกัน

"พี่ซินเจียง นี่เราอยู่ที่ไหนกัน"

"คุณหนู เราก็อยู่ในห้องบรรพชนของตระกูล​ยังไงเล่าเจ้าค่ะ หรือคุณหนูเป็นไข้รึเจ้าค่ะ ถึงลืมจวนไปเสียแล้ว เร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะ รีบลุกนั่งสวดมนต์​ให้บรรพชนก่อน ฮูหยินรองน่าจะมาถึงหน้าเรือนแล้ว"

หนิงเซียนที่ถูกซินเจียงประคองตัวให้ลุกนั่งคุกเข่าบนเบาะ ต่อหน้าป้ายบรรพบุรุษ​ตระกูล​ 'อืม... เหตุการณ์​นี้มันคุ้นๆอยู่น่ะ นี่เหมือนตอนข้าเมื่อสักปีที่แล้ว โดนลงโทษให้สำนึกผิดสวดมนต์​ให้บรรพชน จะว่าไปชุดที่ใส่ ใช่รึเปล่าน่ะ' หนิงเซียนพลางคิดในใจ แต่ก็งุนงง สับสนไม่ใช่ว่าตัวเองตายแล้วหรอกรึ ทำไมมาอยู่นี่ได้ พลางมองหน้าซินเจียงไม่หยุด สำรวจหน้าซินเจียงที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ใบหน้าคนตาย หน้าขาวเจือชมพูเล็กน้อย ตาใสสะกราว มันไม่ใช่ใบหน้าคนตายแล้ว หรือหน้าของดวงวิญญาณ​จะเหมือนตอนเป็นมนุษย์​ ว่าแล้วหนิงเซียนสงสัยจึงหยิกแก้มซินเจียงไปทีหนึ่ง

"โอ้ย... คุณหนูเจ้าค่ะ เล่นไรเวลายามนี้เจ้าค่ะ"

"พี่ซินเจียงรู้สึกเจ็บจริงๆหรอ"

"คุณหนู...... ยังจะเล่นอยู่อีก"

"งั้นพี่ซินเจียง หยิกแก้มข้ากลับก็ได้" หนิงเซียนที่ตกใจตัวเองจับสัมผัสใบหน้าอีกฝ่ายได้ พลันนึกอยากลองดูว่าความรู้สึก​นี้เป็นของจริงหรือไม่ นางยังไม่ตาย

" โถ่ คุณหนูหนิงเซียนไยแกล้งบ่าวเช่นนี้เล่า บ่าวหรือจะกล้าทำร้ายคุณหนู แต่ถ้าคุณหนูยังไม่รีบสวดมนต์​ ฮูหยินรองเข้ามาจะลงโทษไม่ให้ออกจากเรือนเป็นแน่เจ้าค่ะ อย่าทำเป็นเล่นอีกเลยนะเจ้าคะ" ซินเจียงกล่าวพลางลูบหัวคุณหนูของมัน คุณหนูสาม คนที่มันรักและห่วงใยที่สุดในชีวิต ฮูหยินใหญ่ที่เก็บมารดาของมันมาเลี้ยงจากบ้านสกุลเฉิน สกุลเดิมของฮูหยินใหญ่ ให้ตามมารับใช้หลังจากแต่งเข้าจวนสกุลจู ซึ่งตอนนั้นมารดาซินเจียงกำลังตังครรภ์​อ่อนๆ ซินเจียงจึงเกิดในจวนสกุลจู และได้ตามรับใช้ฮูหยินใหญ่มาตลอดจนกระทั่ง ฮูหยินคลอดคุณหนูสาม ซินเจียงก็ดูแลประหนึ่งตัวเองเป็นแม่ของคุณหนูอีกคน ทั้งที่ตอนนั้นตนเองอายุ6ย่าง7ขวบปี

หนิงเซียนในเวลานี้เริ่มจะคิดว่าหากตัวนางได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ก่อนเวลาที่นางจะตายในอีกหนึ่งปีข้างหน้าแล้วจริงๆ เหตุการณ์ที่จะเกิดต่อจากนี้ ฮูหยินรองจะต้องเข้ามาพูดราวกับว่าที่ลงโทษหนิงเซียนทำไปนั้นก็เพื่อตัวหนิงเซียนเอง ในสมัยที่หลักคำสอนสำหรับหญิง หลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตาม แพร่หลายและถูกนำมาใช้ปฏิบัติเรียกได้ว่าเป็นกฏหลักตายตัวของหญิงสาวทันทีที่ลืมตา ขงจื้อ เป็นปราชน์ที่มีอิทธิพลอย่างกว้างขวางไปหลายแคว้น ในดินแดนจงหยวน เพราะเหตุนี้หลายครั้งหนิงเซียนมักถูกฮูหยินรองใช้กฏข้อนี้มาลงโทษนางเสียบ่อยครั้ง ถ้าหนิงเซียนจำไม่ผิด เหตุที่นางต้องถูกขังมานั่งสวดมนต์ในห้องบรรพชนของตระกูลเนื่องด้วย ฮูหยินรองฟางซิน มารดาแท้ของหมิงลู่ กล่าวหาว่านางแอบออกไปนอกจวนในเวลาค่ำมืด หากมีคนพบเห็นก็จะถูกครหาเป็นหญิงไม่รักนวลสงวนตนเทียวออกนอกเรือนดึกดื่น เป็นกริยามิงาม เสี่ยงต่อคำติฉินนินทา ให้เสื่อมเสียถึงวงศ์ตระกูลได้ จึงลงโทษให้นางมาสำนึกผิดที่ห้องบรรพชนของตระกูล สามวันสามคืน มิให้ออกจากห้อง แต่ชาติที่แล้วนั้นหนิงเซียนเชื่อเช่นนั้นว่าฮูหยินรองทำไปเพราะหวังดีกับนาง

แต่ความจริงแล้ว ในช่วงเวลาสามวันที่นางถูกขังในห้องบรรพชน ฮูหยินรองได้จัดงานชมสวนสกุลจู โดยส่งเทียบเชิญให้คุณหนูและคุณชายตระกูลสูงมาร่วมงาน ด้วยเหตุนี้ พวกมันไม่อยากให้หนิงเซียนเข้าร่วม จึงออกอุบายให้หนิงเซียนออกไปนอกจวนช่วงเวลาดึกก่อนวันงานหนึ่งวัน หมิงลู่ทำทีร้องขอให้หนิงเซียนช่วยออกไปส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้กับเทียนอี้ฉาง ชายหนุ่มที่หลุมหลงหมิงลู่ แต่พี่หญิงใหญ่มิได้มีใจรักและไม่อยากให้อี้ฉางรอนางอีก นางจึงขอร้องให้หนิงเซียนช่วยส่งจดหมายตัดสัมพันธ์ และเรื่องนี้หมิงลู่ไม่ไว้ใจใคร บอกเพียงแต่เชื่อใจน้องสามเท่านั้น หนิงเซียนที่ชาตินั้นเชื่อพี่หญิงใหญ่ของนางจนหมดใจ ถึงแม้อยู่ๆจะมีบ่าวมาฟ้องฮูหยินรองว่าเห็นคุณหนูสามแอบออกนอกเรือนเวลาดึก จนนางต้องถูกลงโทษ หนิงเซียนที่เป็นคนดีเกินไป ยังไม่แม้จะปริปากบอกว่าออกไปเพราะเหตุใด นึกทบทวนเหตุการณ์แล้วหนิงเซียนก็ได้แต่ยิ้มหยันในความเขลาของตน ส่งเสียง ฮึ ออกมาครั้งหนึ่ง

"พี่ซินเจียง... เดี๋ยวเรามารอชมงิ้วกันเสียหน่อย สองแม่ลูกนั่นคงจะมากันแล้วล่ะ"

"คุณหนูใหญ่ก็จะเข้ามาด้วยหรือเจ้าคะ?" ซินเจียงทำตาสงสัย ทำไมคุณหนูของมันจึงมั่นใจว่าคุณหนูใหญ่จะเข้ามาพร้อมกับฮูหยินรอง

"ข้าแค่เดาเอานะ" หนิงเซียนกำลังจะหลับตาทำทีสวดมนต์ พลันหางตาเหลือบไปเห็น จู๋เจี่ยน[1] ม้วนหนึ่งวางข้างๆใต้เบาะที่นางกำลังนั่งทับ หนิงเซียนหยิบมาคลี่เปิดดู นางอ่านอักษรเหล่านี้ได้เนื่องจากตอนนางยังเล็กจำความได้ มารดาของนางพยายามสอนให้หนิงเซียนเขียนอ่าน หนิงเซียนอ่านได้สักพักจึงทราบว่า บันทึกตำราม้วนนี้ไม่ใช่บทสวดมนต์ แต่ออกจะคล้ายเป็นตำราการฝึกจิตสงบใจ หนิงเซียนรู้สึกคุ้นกับคำนี้อย่างประหลาด จึงสั่งให้ซินเจียงเก็บจู๋เจี่ยนม้วนนี้ไว้ให้ดี

"หนิงเอ๋อ เจ้าลุกขึ้นไปพักที่เรือนเถิด สามวันมานี้ลำบากลูกหนิงเอ๋อแล้ว" เสียงฮูหยินรองฟางซิน ลอยมาก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวข้ามบานประตูเสียอีก น้ำเสียงฟังดูห่วงใยบุตรนอกครรภ์ยิ่ง มิทันที่หนิงเซียนจะลุกขึ้น มือบางขาวเนียน นิ้วกลมดุจลำเทียนไร้ข้อต่อ ก็เข้าเกาะกุมข้อมือและต้นแขนหนิงเซียน

"ดูเจ้าสิ เหม่ยเหม่ย [1]ของพี่ ลำบากเจ้าแล้ว เป็นเพราะเจียเจี่ย[2]ไม่ดีเอง ไม่สามารถช่วยเจ้าคลายเจ็บปวดได้ สามวันมานี้พี่มิได้มาเยี่ยมเจ้าเกรงเพราะกฏบ้านนั้นมิอาจละหลวมได้ เหม่ยเหม่ยเจ้าอย่าได้เคืองเจียเจี่ยเลย" หมิงลู่ที่เข้ามาพยุงนางให้ลุกขึ้น

นางกล่าวปลอบประโลมและแก้ตัวที่ช่วยหนิงเซียนโดนลงโทษมิได้ น้ำเสียงราวเจ็บปวดยิ่งหนัก แต่หนิงเซียนกลับรู้สึกคลื่นเหียนกับวาจาสองแม่ลูกลวงโลก วาจาหวานล้ำแต่จิตใจเหี้ยมเกียมนัก นางได้แต่พยักหน้าทำท่าว่าเข้าใจแล้วอยากจะลุกให้พ้นๆจากการเกาะกุมมือของหมิงลู่ นางรังเกียจมือนี้เหลือเกิน วูบหนึ่งในแววตาหนิงเซียนจ้องมองกลับใส่หมิงลู่ จนหมิงลู่ชะงักงันสักพักแววตาของหนิงเซียนก็ไหวหลุบทำทีเหนื่อยเพลีย

"นี่จะยามอู่[3]แล้ว ซินเจียงเจ้าก็ยกสำรับอาหารให้คุณหนูสามไปทานที่เรือนเสีย ข้าให้บ่าวในเรือนครัวเตรียมอาหารฟื้นฟูร่างกายให้คุณหนูของเจ้าไว้แล้ว"

"ขอบคุณนายหญิงใหญ่ ที่ช่วยดูแลคุณหนูเจ้าค่ะ" ซินเจียงยอบตัว เวลาต่อหน้าจะเรียกฮูหยินรองว่าฮูหยินรองไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตั้งแต่ฮูหยินใหญ่ มารดาคุณหนูสามเสียชีวิตไปแล้ว ฮูหยินรองก็ขึ้นมาเป็นนายหญิงใหญ่ประจำจวนสกุลจู ถึงแม้นางจะแต่งเข้ามาเป็นอนุ แต่ฟางซินได้ให้กำเนิดบุตรชายคนโตของจวน นางจึงเป็นนายหญิงใหญ่ สิทธิ์ขาดการดูแลจัดการจวนยามนี้ตกอยู่ในมือของนาง เบี้ยหวัดต่างๆรวมถึงข้าวของที่จัดส่งให้แต่ละเรือนก็ขึ้นอยู่กับฮูหยินรองเป็นผู้ดูแลจัดการทั้งสิ้น

"ขอบคุณท่านแม่ที่ห่วงบุตรเจ้าค่ะ" หนิงเซียนยอบตัวทำราวตนเองซาบซึ้งใจยิ่ง หนิงเซียนคิดในใจ เหตุการณ์เมื่อสักครู่ช่างเหมือนกับเกิดขึ้นมาแล้วไม่มีผิด เหมือนกับราวไม่ใช่ความฝัน ทั้งคำพูดและการกระทำของสองแม่ลูกนั้น นางจำได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วแต่แตกต่างตรงที่จิตใจของหนิงเซียนยามนี้ไม่เหมือนชาตินั้นที่ยังคงซาบซึ้งกับสองแม่ลูกอำมหิตนั่น ชั่วยามนี้หนิงเซียนตาสว่างมองทะลุจิตใจสองแม่ลูกนั่นเสียแล้ว








เชิงอรรถ

  1. ^ แผ่นไม้ไผ่ เป็นวัสดุหลักในการเขียนหนังสือหรือตำราบันทึกม้วนไม้ไผ่นี้ของคนจีนได้รับความนิยมมาในช่วงราชวงศ์โจวตะวันออก เรื่อยมาจนถึงยุคสมัยเว่ยจิ้น

    เชิงอรรถ

    1. ^ ยามจื่อ ชื่อเวลาของจีน เท่ากับช่วงเวลา 23:00น.-24:59น.
    2. ^ ฉื่อ หน่วยวัดความยาวของจีนโบราณ 1ฉื่อ = 10ชุ่น1ชุ่น= 1 นิ้ว
    3. ^ 1เค่อ = 15 นาที
    4. ^ 1ก้านธูป = 15 นาที
    5. ^ ยาวโฉ่ว =เวลา 01:00น.-02:59น.

      เชิงอรรถ

      1. ^ เหม่ยเหม่ย คำเรียกว่า น้องสาว
      2. ^ เจียเจี่ย คำเรียก พี่สาว
      3. ^ ยามอู่ เท่ากับ 11:00น.-12:59น.
รีวิวจากผู้อ่าน 4 รีวิว
  • Sirisupa
    เมื่อ 6 ปี 7 เดือนที่แล้ว
    ขอบคุณนะจ้า
    • อ่านถึง : 1. ความชอบโง่ๆ
  • Sirisupa
    เมื่อ 6 ปี 7 เดือนที่แล้ว
    ขอบคุณนะจ้า
    • อ่านถึง : 1. ความชอบโง่ๆ
  • Sirisupa
    เมื่อ 6 ปี 7 เดือนที่แล้ว
    ขอบคุณนะจ้า
    • อ่านถึง : 1. ความชอบโง่ๆ
  • Sirisupa
    เมื่อ 6 ปี 7 เดือนที่แล้ว
    ขอบคุณนะจ้า
    • อ่านถึง : 1. ความชอบโง่ๆ

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว