เพียงแรกพบ-ตอนที่ 1 หลงรักหุบเขาหวยชุน(10)

โดย  Hongsamut

เพียงแรกพบ

ตอนที่ 1 หลงรักหุบเขาหวยชุน(10)

เสิ่นจือหลีคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฟังเจ้าพูดแล้ว ก็เหมือน---”

“ถึงแล้วขอรับคุณชาย” เสียงพูดแผ่วเบาหยุดเสิ่นจือหลีให้ชะงักงัน เด็กรับใช้นำทางจนมาถึง ‘เรือนหลิงหลง’ เขาทำหน้าที่จนเสร็จสิ้นสองมือผลักประตูที่พักให้เปิดออกแล้วผละจากไปอย่างรวดเร็ว

เสียงแอ๊ดดังขึ้นพร้อมกับประตูบานใหญ่ที่ถูกเปิดออก พลันดวงตากลมโตนั้นแทบจะบอดในทันที หากก่อนหน้านี้บุรุษที่ปรากฏกายพร้อมคุณชายเสี่ยวเยว่นั้นเรียกว่าเป็น ‘ชายงามหลังวัง’ แล้ว เหล่าบุรุษที่อยู่ตรงหน้านี้ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็น ‘ชายงามทั่วมหาสมุทร!’

จากการพิจารณาแล้วที่พักแห่งนี้มีหลายสิบชีวิต ไม่สิ นับร้อยชีวิตต่างหากที่อยู่ภายใต้การดูแลของเด็กรับใช้ บ้างดีดพิณ เล่นหมากรุก อ่านหนังสือ หรือแม้แต่ฝึกคัดอักษร หากมองอาภรณ์ที่สวมใส่แล้วสังเกตเพียงเล็กน้อยก็จะรู้ว่าเสื้อผ้าแต่ละชุดดูหรูหรา งดงามจนลายตา! เพราะสีสันที่แต่ละคนเลือกใส่ ส่งให้บุรุษผู้นั้นดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งสีฟ้า แดงเข้ม ม่วงแก่ ม่วงอ่อน แดงอ่อน เขียวอ่อน... และสีอื่นอีกมากมาย นับไม่ถ้วน

นิ้วเรียวกำเข้าหากันแน่นดวงตาเปล่งประกายวาววับด้วยโทสะ

จี้หมิงยวี้ นาง...นางทำไมเลี้ยงไว้มากมาย... เลี้ยงพวกงามแต่เปลือกทำไมกัน...

ซูเฉินเช่อท่าทางเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด เขาจับแขนเสื้อเสิ่นจือหลีไว้แน่น นัยน์ตาสีอำพันมองตรงไปข้างหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็ลากเสิ่นจือหลีให้เดินผ่านชายงามทุกคนออกไปยังประตูอีกบานหนึ่ง

หนุ่มรูปงามทั้งหลายให้ความสนใจเพียงครู่เดียวเท่านั้น เมื่อเห็นว่าเป็นบุรุษสองคนที่ก้าวเข้ามาก็ก้มหน้าทำธุระของตนต่อไปราวกับมองไม่เห็นคนทั้งคู่

เสิ่นจือหลีถูกลากมาจนถึงลานกว้างขนาดใหญ่ของที่พักแห่งนี้ถึงได้เป็นอิสระอีกครั้ง ซูเฉินเช่อปล่อยมือจากหญิงสาวแล้วก็หันกลับมามองนาง ทว่าอีกฝ่ายยังคงเอี้ยวหน้าเอี้ยวหลังไปมองไม่ยอมหยุด ใจลอยไปไกลมิได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย จนชายหนุ่มอดที่จะเอ่ยปากติติงมิได้

“จือหลีพวกเขาน่ามองขนาดนั้นเชียวรึ?”

“ว่าอย่างไรนะ” เสิ่นจือหลีที่เพิ่งตั้งสติได้ถามกลับ

“เจ้าไม่มองข้าเลย” ความน้อยใจแผ่ออกมาเต็มที่

“มองเจ้า...มองทำไมกัน?” คิ้วมนเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ

ซูเฉินเช่อคว้ามือเสิ่นจือหลีมาแนบที่แก้มตนเอง ถูฝ่ามือนิ่มกับแก้มเบาๆ แววตาคู่นั้นมีประกายของความเศร้าเสียใจ แม้แต่ท่าทางที่แสดงออกมานั้นก็ชัดเจน “จือหลี แต่ก่อนเจ้าเคยพูดว่าจะแต่งงานกับข้าอย่างแน่นอน แล้ว...พวกเราก็ทั้งจุมพิต ทั้งสัมผัสเนื้อต้องตัวกันแล้วด้วย”

นางเหลือบมองซูเฉินเช่อไปแวบหนึ่ง สีหน้านั้นยังคงเรียบเฉย “อย่าได้คิดเลียนแบบคำพูดของคุณชายเสี่ยวเยว่เป็นอันขาด อีกอย่างเจ้าความจำสับสนแล้วกระมัง ข้าเคยจูบ เคยจับเนื้อต้องตัวเจ้าตอนไหนกัน”

“เจ้าเคยชัดๆ...” ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันด้วยความไม่พอใจน้ำเสียงนั้นราวสตรีที่คับแค้นใจ

เสิ่นจือหลีรีบเอ่ยแทรก สายตาคมดุตวัดมองมาที่เขา “เจ้ารออยู่ที่นี่แหละ ข้าจะออกไปดูข้างนอกสักหน่อย ไม่ต้องตามมาได้ยินหรือไม่” น้ำเสียงฟังดูคล้ายบุรุษที่ทรยศรัก พูดจบก็เดินออกไปแล้วปิดประตูลงทันที

น้ำพุร้อน... น้ำพุร้อนน่าจะอยู่ที่ใดกันนะ?

เสิ่นจือหลีเดินออกมาได้สักพักแล้วหันกลับไปมอง เมื่อไม่เห็นซูเฉินเช่อตามมาจริงๆ ความรู้สึกโล่งใจก็กระจายไปทั่วร่างอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังมิได้วางใจมากเท่าใดนัก เมื่อครู่ไม่รู้ว่านางดุมากไปหรือไม่ แต่ซูเฉินเช่อคงไม่เก็บตัวอยู่ในมุมมืดแล้วทำเรื่องไร้สาระเช่น ‘ร้องไห้’ หรอกกระมัง ทว่ามุมปากข้างหนึ่งก็กระตุกขึ้นอย่างเหี้ยมหาญ ตัดสินใจเลิกคิดสิ่งใดทั้งสิ้น

ใจกว้างกับข้าศึกก็เท่ากับทำร้ายตนเอง!

คฤหาสน์หมิงยวี้ใหญ่กว่าที่เสิ่นจือหลีคิดไว้มากมายนัก เดินลดเลี้ยวไปมาหลายรอบแล้วก็ยังหาบ่อน้ำพุร้อนไม่พบ สุดท้ายจึงตัดสินใจแอบอ้างเป็นเด็กรับใช้ของคุณชายเสี่ยวเยว่ เข้าไปสืบจากเด็กรับใช้ที่สวมชุดสีเหลืองอ่อนอีกคนหนึ่งถึงได้ความ

มือเรียวเล็กผลักประตูเปิดออก ยังมิทันได้ก้าวผ่านเข้าไปไอหมอกก็ลอยเป็นเกลียวปะทะกับใบหน้าเสียแล้ว ข้างในนี้เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่นางคิดฝันมานานจริงๆ ถึงแม้จะมีพื้นที่เล็กเพียงน้อยนิดแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย

ดวงตากลมโตกวาดมองโดยรอบ ที่แห่งนี้เงียบสงัดปราศจากผู้คนหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ หญิงสาวยื่นมือข้างหนึ่งลงไปลองวัดอุณหภูมิของน้ำ ความอุ่นของน้ำที่ต้องฝ่ามือนางช่างยั่วยวนให้ลงไปเอนกายเสียจริง เสิ่นจือหลีกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สายตานั้นมองโดยรอบอีกหลายครั้ง เมื่อไม่อาจต้านทานความรู้สึกได้จึงถอดชุดออกจนเหลือเพียงเอี๊ยมติดกาย แล้วรีบก้าวลงไปแช่ในบ่อน้ำพุร้อนอย่างอดใจไม่ไหว

ไอความร้อนที่หมุนวนอยู่รอบเรือนกายสร้างความผ่อนคลายให้กับนางได้เป็นอย่างมาก ความสบายทำให้ดวงตากลมโตนั้นหรี่ลงจนเกือบปิด ความรู้สึกเช่นนี้ให้อดหวนนึกถึงบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ในหุบเขาหวยชุนมิได้ ลมหายใจถูกทอดถอนอย่างเหนื่อยล้า เห็นทีคงต้องรีบหาทางหลุดพ้นจากซูเฉินเช่อ จากนั้นจึงค่อยกลับหุบเขาหวยชุนไปคุยกับศิษย์พี่ให้ชัดเจน

นางก็แค่หักหลังเขาเพียงครั้งเดียว ไม่ใช่ความแค้นที่ถึงขั้นต้องเอาชีวิตเสียหน่อย ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวก็ตาม แต่การหลบหนีไม่ใช่ทางแก้ วันหนึ่งนางก็ต้องกลับหุบเขาหวยชุนไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอยู่ดี จริงๆ แล้วแต่ก่อนศิษย์พี่ก็ดีกับนางไม่น้อย ยังจำได้ดีว่าอุณหภูมิในร่างกายศิษย์พี่นั้นสูงมาตั้งแต่กำเนิดทำให้เป็นคนขี้ร้อน แต่นางนั้นอ่อนแอและเป็นคนธาตุเย็น ยามหน้าหนาวจึงต้องคอยเก็บตัวอยู่ข้างๆ น้ำพุร้อนตลอดเวลา อาจารย์เคยห้ามศิษย์พี่ไม่ให้ไปเยี่ยมนางในช่วงนั้นแต่เขาก็ยังคงปีนกำแพงมาเยี่ยมอยู่เสมอ

“ศิษย์น้องโง่ วันนี้ศิษย์พี่ชนะการแข่งขันปาหิมะใส่กันอีกแล้วนะ คราวนี้เป็นหนึ่งต่อสิบเชียวล่ะ”

“อืม” สาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ บ่อน้ำพุร้อนดูจะไม่สนุกสักเท่าไหร่

หนุ่มน้อยโผนกายมานั่งกับนางอย่างรวดเร็ว ทำตัวราวกับไร้กระดูก ขายาวข้างหนึ่งเกือบยื่นลงไปในบ่อน้ำพุร้อน ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “เจ้าจะให้การตอบสนองมากกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไร อย่างเช่นเอ่ยปากชมศิษย์พี่ของเจ้าว่ามีความปรีชาสามารถ เก่งกาจห้าวหาญ หรือไม่ก็ถามว่าข้าเอาชนะได้อย่างไร มิใช่นั่งทื่อตอบรับเพียงคำเดียว พอถึงหน้าหนาวก็ทำท่าราวกับเป็นต้นไม้ที่ตายซากไปแล้วเช่นนี้ ฮึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหิมะข้างนอกตกหนักมากเพียงใด ข้าจะบอกให้รู้นะ...มันสูงถึงหัวเข่าเลยเชียวล่ะ” เขาทำท่าเปรียบเทียบอย่างเกินจริง ท่าทางนั้นดูตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย “น่าสงสารนักที่เจ้าไม่มีโอกาสออกไปเล่นหิมะ ตลอดทางเดินมีผู้คนปั้นเป็นรูปนั่น

รูปนี่เยอะแยะมากมาย ศิษย์พี่เจ้าปั้นได้ตั้งเจ็ดตัว”

“ฮัดเช้ย!” สาวน้อยจามไปครั้งหนึ่ง “ก็เป็นแค่รูปปั้นหิมะมิใช่หรือ ไม่เห็นจะน่าอวดตรงไหน”

“แน่จริงเจ้าก็ปั้นมาสักตัวหนึ่งสิ” เขาส่ายศีรษะอย่างหาเรื่อง

สาวน้อยกำมือแน่นแต่แล้วก็ปล่อยออก พูดอย่างเห็นว่าไม่มีค่าควรแก่การกระทำ “ไร้สาระ!”

เพียงเท่านั้นศิษย์พี่ก็พลิกกายข้ามไปจับร่างของศิษย์น้องลงแล้วทับร่างของนางไว้ ลงมือหยิกแก้มนุ่มนั้นอย่างไม่เกรงใจสักนิดเดียว “หืม... ใครไร้สาระ เมื่อครู่เจ้าว่าใครไร้สาระกัน? นี่แน่ะ นี่แน่ะ”

เมื่อเรี่ยวแรงที่มีอยู่ต่างกันมาก ศิษย์น้องจำต้องร้องออกไปด้วยความฝืนใจ “ข้าไร้สาระ ข้าเองที่ไร้สาระ ข้าไร้สาระที่สุดเลย ฮือฮือ”

“ฮ่าๆๆ น่ารักจริงๆ” ศิษย์พี่หัวเราะดังลั่นด้วยความชอบใจอย่างยิ่ง

สุดท้ายเมื่อนางสามารถหลุดพ้นจากการก่อกวนของศิษย์พี่ได้ ก็เขยิบกายถอยห่างไปไกลกว่าเดิมด้วยความเศร้าใจ หงอยเหงาและเหน็ดเหนื่อย

“เจ้าคงไม่ได้โกรธจริงๆ ใช่หรือไม่?” ปลายนิ้วของเขาจิ้มไปที่นางนิดหนึ่ง

สาวน้อยขยับกายออกไปเล็กน้อยไม่สนใจเขา

เห็นเช่นนี้อีกฝ่ายจึงหยิบของบางอย่างจากข้างหลังชิ้นหนึ่งวางลงตรงหน้านาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง “เอ้า อันนี้ข้าให้เจ้าเล่น นี่ๆ ข้าต้องซ่อนเอาไว้ในอกเสื้อถึงได้แอบเอาเข้ามาได้นะ ไม่ง่ายเลยหนาวแทบตาย เจ้าไม่รู้หรอกว่าปีนป่ายโดยเอาของเล่นเช่นนี้เข้ามาด้วยมันยุ่งยากขนาดไหน เอาล่ะยิ้มหน่อยสิ”

นางส่ายหน้าแล้วหันหน้าหนี ในมือของเขามีลูกบอลหิมะโตราวกำปั้นถึงแม้จะละลายไปบ้างแล้วแต่ก็ยังขาวบริสุทธิ์ดุจท้องฟ้า

ทว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัว... ผลัวะ…ใบหน้าของสาวน้อยก็ปกคลุมไปด้วยหิมะเสียแล้ว

“ฮ่าๆๆ เจ้าโง่จังเลย” หนุ่มน้อยกอดท้องหัวเราะลั่นจากนั้นก็ทิ้งกายลงกับพื้นกลิ้งไปมา

สาวน้อยปัดหิมะบนใบหน้าของตนออกอย่างเฉยเมย เสี้ยวจังหวะต่อมาทั้งสองร่างก็โผเข้าหา ฟัดกันอย่างอุตลุด แต่ถึงจะลงเอยเช่นนี้ การเล่นหิมะรูปแบบนั้นก็ยังคงน่ารักน่าคิดถึงอยู่ดี เฮ้อ…ช่วงนี้ทำไมนางคิดถึงเขาบ่อยจัง... ศิษย์พี่ฮัวจิ่วเยว่

“คุณชายๆ ท่านเดินช้าๆ หน่อยได้ไหมขอรับ”

เสียงที่ดังขึ้นกะทันหัน ส่งผลให้ร่างที่เอนกายทอดถอนอารมณ์แข็งเกร็งขึ้นทันที

“ข้าจะเข้าไปแช่น้ำพุร้อนสักหน่อย เจ้ารออยู่ข้างนอกก็พอ” น้ำเสียงนั้นเหงาหงอยเจือหดหู่

“ขอรับคุณชาย”

นางทันได้แค่คว้าเสื้อติดมือเพียงเท่านั้น เสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามาแล้ว เสิ่นจือหลีถอยหลังทีละนิดจนระดับน้ำนั้นสูงท่วมตัว ดีที่ว่าบ่อน้ำแห่งนี้มีไอน้ำลอยอยู่เต็มไปหมดผู้ที่มาใหม่จึงไม่ได้สังเกตเห็น ไม่นานเสียงสวบสาบจากการถอดเสื้อผ้าก็ดังขึ้น ตามมาด้วยน้ำที่กระเพื่อมเล็กน้อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบุรุษผู้นั้นต้องลงมาแช่แล้วเป็นแน่

เสิ่นจือหลีหอบเสื้อผ้าด้วยความระมัดระวัง ไม่กล้าส่งเสียงดังมากนัก คลำไปข้างๆ อย่างเบามือทำท่าจะปีนขึ้นจากบ่อได้แล้ว พลันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ท่าน...ท่าน... นายข้าอยู่ข้างในนะ ท่านเข้าไปไม่ได้!”

สิ้นเสียงห้ามของเด็กรับใช้ประตูก็ถูกผลักออกอย่างแรง เสิ่นจือหลีต้องกลั้นหายใจไว้ลดร่างกลับไปอย่างทรมาน ท่าทางผู้ที่อยู่ในบ่อจะไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

“นี่เป็นบ่อของข้า เจ้าเข้ามาตอนนี้ด้วยเหตุอันใด?”

“เจ้าออกไปก่อนได้หรือไม่?” ผู้ที่มาใหม่พูดด้วยความกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย

นางต่างหากที่กลุ้มใจยิ่งกว่าเพราะไม่อาจจะกลั้นหายใจได้นานกว่านี้อีกแล้ว

“ทำไมข้าต้องออกไปด้วย ผู้ที่ต้องออกไปน่าจะเป็นเจ้า!” คุณชายที่อยู่ในบ่อพยายามควบคุมความโกรธอย่างสุดความสามารถ “เจ้ามาอยู่ที่นี่นานเท่าใด แล้วข้าอยู่ที่นี่มานานเท่าใด อย่าคิดว่านายหญิงเมตตาแล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรก็ได้นะ”

ทว่าผู้ที่มาใหม่หาได้สนใจสิ่งที่คุณชายพูดไม่ หากแต่กลับกล่าวเตือนด้วยความหวังดี “ขืนเจ้ายังไม่ออกไปอีก ข้าคงจะต้องจับเจ้าโยนออกไปข้างนอกนั่น ทางที่ดีเจ้าน่าจะเดินออกไปเองเสียดีกว่า”

ดูท่าคุณชายจะสิ้นความอดทนเพียงเท่านี้ เสียงที่อ่อนโยนจึงกลายเป็นแข็งกระด้างในพริบตา “ตอนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดีออกไปให้พ้นหน้าข้าซะ!”

“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจดังขึ้น “เช่นนั้นข้าคงต้องลงมือแล้ว”

“เจ้าจะทำอันใด อย่าเข้ามานะ! ไม่เช่นนั้นข้าจะรายงานนายหญิง...”

เสียงคำพูดขาดหายตามมาด้วยเสียงน้ำกระฉอก เสิ่นจือหลีไม่สามารถกลั้นหายใจต่อไปได้อีก จึงโผล่ศีรษะขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วหอบแฮกๆ ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาก็คือซูเฉินเช่อซึ่งยืนอยู่ข้างบ่อน้ำพุร้อนที่ยังคงแต่งกายด้วยชุดสีฉูดฉาดราวนกยูง มือข้างหนึ่งกำลังลากบุรุษผู้หนึ่งอยู่

ดวงตากลมโตของเสิ่นจือหลีพยายามกะพริบอยู่หลายครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าตนเองมิได้เพ้อฝันไป แต่ภาพข้างหน้ายังคงชัดเจนทุกประการในขณะที่คุณชายเสี่ยวเยว่นั้นตกอยู่ในมือของซูเฉินเช่อ เขาก็ยังคง

เปลือยกายอยู่...

“เจ้ากำลังทำอันใด?” นางเอ่ยปากถามด้วยความตกตะลึง

“ไม่ ไม่ได้ทำอันใดเลย!” ซูเฉินเช่อรีบปล่อยมือ หลุบตามองพื้นนิ่ง มือทั้งคู่เปลี่ยนมาไขว้อยู่ข้างหลัง

ด้วยเพราะถูกปล่อยจากการเกาะกุมกะทันหัน ร่างทั้งร่างของคุณชายเสี่ยวเยว่จึงล้มลงกับพื้น เรือนผมสีดำสนิทยาวสยาย ใบหน้างดงามนั้นเต็มไปด้วยความงงงวย เหมือนรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ไม่ทัน

เสิ่นจือหลีเบนสายตาจากกระดูกไหปลาร้าที่ละเอียดอ่อน แผงอกขาวผ่อง เอวสอบเพรียว ท่อนขาที่มีมัดกล้ามงดงามของคุณชายเสี่ยวเยว่ไป กว่าจะหาเสียงของตัวเองได้นั้นช่างยากลำบากยิ่งนัก เมื่อพบแล้วถึงเอ่ยกับซูเฉินเช่อ “เจ้า... เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อ?”

ซูเฉินเช่อคิดเพียงครู่เดียวก็บอกออกมา “ฆ่าปิดปาก!” ดวงตาสีอำพันมองไปรอบๆ พูดขึ้นด้วยความกังวลเล็กน้อย “จือหลี ดาบข้าไม่อยู่แล้ว เราคงต้องใช้ของที่ทื่อๆ หน่อย” พูดจบมือข้างหนึ่งก็หยิบที่คีบถ่าน

ขึ้นมาอันหนึ่ง

ด้วยความตกใจเสิ่นจือหลีรีบคลำทางปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำพุร้อนอย่างรวดเร็ว กางแขนขวางการลงมือของซูเฉินเช่อเอาไว้ “เจ้าใจเย็นๆ ก่อน ไม่ถึงกับต้องลงมือฆ่าคนก็ได้กระมัง”

ซูเฉินเช่อจ้องหญิงสาวด้วยสายตาเคร่งขรึมขึ้นมาวูบหนึ่ง ยังไม่ทันที่เสิ่นจือหลีจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นซูเฉินเช่อก็ถอดเสื้อคลุมออก เอามาห่อร่างนางไว้เรียบร้อยแล้ว แขนทั้งสองข้างอุ้มนางที่เวลานี้ถูกห่อจนเหมือนบ๊ะจ่างลูกหนึ่งไปวางไว้ด้านข้าง

หญิงสาวดิ้นยุกยิกพยายามขยับกาย มีเพียงศีรษะที่โผล่พ้นจากเสื้อคลุมตัวใหญ่ มองไปเห็นซูเฉินเช่อหยิบที่คีบอันเดิมขึ้นมาอีก ราวกับจะลองชั่งน้ำหนักว่าจะเหมาะมือหรือไม่

คุณชายเสี่ยวเยว่เหมือนเพิ่งตั้งสติได้ รีบใช้มือกุมจุดสำคัญของร่างกายอย่างฉับพลัน พร้อมกับก้าวถอยหลังเรื่อยๆ

“เจ้า... เจ้า...จะทำอันใด?”

ชายซึ่งมีที่คีบในมือเดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว “เจ้ายังไม่ใส่เสื้ออีกหรือนี่?” ผู้ที่ใส่เสื้อผ้าจนครบขาดเพียงเสื้อคลุมเท่านั้นยิ้มเย็นบนใบหน้า รอยยิ้มนั้นดูน่ากลัวในสายตาของคุณชายเสี่ยวเยว่ ช่างน่ากลัวยิ่งกว่าเจอผีเสียอีก

คุณชายเสี่ยวเยว่รู้สึกอับอายระคนหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย หยิบเสื้อที่พื้นขึ้นมาบังกายอย่างรวดเร็วแล้วรีบถอยหลังไปอีกสองก้าว พยายามฝืนใจเอ่ยว่า “ไม่ว่าแต่ก่อนหรือตอนนี้พวกเราไม่เคยมีความโกรธแค้นบาดหมางอันใดต่อกัน เหตุใดเจ้าต้องลงมือฆ่าข้าด้วย หากพวกเจ้าจากไปในตอนนี้ เรื่องวันนี้ข้าก็จะทำเป็นว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

ใบหน้าของซูเฉินเช่อนั้นเคร่งขรึม ท่าทางองอาจน่าเกรงขาม “ข้าไม่สามารถทำเป็นว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้”

เจ้ามีอะไรที่ไม่สามารถทำได้กันเล่า คนที่ถูกเห็นจนเกลี้ยงเกลาเป็นข้านะ! คุณชายเสี่ยวเยว่คิดอย่างเจ็บแค้น พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่กรากเข้าไปบีบคอซูเฉินเช่อให้ตาย “เพราะเหตุใดเจ้าถึงทำไม่ได้”

“ฮึ หากมีบุรุษผู้หนึ่ง...เนื้อตัวเปลือยเปล่า ยืนอวดท่อนหยกอยู่ต่อหน้าภรรยาของเจ้า เจ้าจะมีโทสะหรือไม่!”

คุณชายเสี่ยวเยว่ทนไม่ไหวจึงเถียงออกไป “แล้วเกี่ยวอันใดกับข้าด้วยเล่า ข้าก็ไม่ได้อยาก--”

จังหวะนั้นเสียงของเสิ่นจือหลีก็ดังขึ้นเบาๆ จากด้านหลังของซูเฉินเช่อ “ไอ้ท่อนนั่น เอ่อ... ซูเฉินเช่อ จะว่าไปแล้วข้าก็เคยเห็นมามากมาย เพิ่มเขาอีกคนก็คงไม่เป็นไรหรอก หากเจ้าอยากจะฆ่าละก็ คงฆ่าไม่หมดหรอกกระมัง ฮัดเช้ย!”

ที่คีบถ่านในมือถูกโยนทิ้งลงทันที รีบขยับกายไปหานางอย่างรวดเร็ว “จือหลีเจ้าเป็นหวัดแล้วหรือ?”

“นิดหน่อย ฮัดเช้ย! ใส่เสื้อผ้าเปียกทรมานยิ่งนัก ฮัดเช้ย!”

ซูเฉินเช่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงถอดอาภรณ์ท่อนบนทั้งสองชิ้นที่สวมอยู่จนหมดเกลี้ยงแล้วพาดไปบนตัวเสิ่นจือหลี “ห่มนี่ไว้ก่อนนะ ข้าจะไปหยิบเสื้อผ้าให้เจ้าแล้วจะรีบกลับมา!”

เสิ่นจือหลีจามอีกครั้ง มองครึ่งบนเปล่าเปลือยของซูเฉินเช่อ ซึ่งตนเองก็เคยเห็นมาหลายคราเมื่อครั้งที่อยู่หุบเขา ร่างกายถึงไม่ผอมแห้งแต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตและล่ำสันจนเกินไป ไหล่กว้าง เอวแคบ ขายาว รูปร่างดูดีสมส่วน มองแล้วเจริญตายิ่งนัก หญิงสาวส่ายหน้าไปมา สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่

“จริงๆ แล้วไม่ต้องเอามาให้ข้าก็ได้” นางยื่นเสื้อคืนให้เขา “เจ้าสวมเสื้อผ้าก่อนเถิด”

ทว่าซูเฉินเช่อกลับไม่ยอมรับ ย้อนถามเสียงต่ำ “ข้าดูขี้เหร่มากหรือ?”

นางพูดตามความเป็นจริง “ก็ดูแข็งแรงดี ฮัดเช้ย”

“ถ้าเทียบกับไอ้แก่นั่นล่ะ?”

“ปีนี้ข้าเพิ่งอายุยี่สิบสอง!” คุณชายเสี่ยวเยว่เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยความโมโห

ซูเฉินเช่อค่อยๆ หันหน้าไป เสียงพลันเงียบหายในทันที เมื่อคุณชายเสี่ยวเยว่ที่ยืนพิงกับผนังรีบเอาเสื้อปิดปากตนเอง

รีวิวจากผู้อ่าน 4 รีวิว
  • Boomfaliona
    เมื่อ 5 ปี 9 เดือนที่แล้ว
    เป็นหมอเทวดาไม่ใช่หรอ
    • อ่านถึง : ตอนที่ 1 หลงรักหุบเขาหวยชุน(10)
  • AfterNoon L.
    เมื่อ 6 ปี 8 เดือนที่แล้ว
    Thank you ka
    • อ่านถึง : ตอนที่ 1 หลงรักหุบเขาหวยชุน(10)
  • Honeymoon
    เมื่อ 7 ปี 4 เดือนที่แล้ว
    ก็ลุ้นกันไปเนี่ยยย
    • อ่านถึง : ตอนที่ 1 หลงรักหุบเขาหวยชุน(10)
  • Apple
    เมื่อ 7 ปี 5 เดือนที่แล้ว
    ลุ้นๆๆๆ
    • อ่านถึง : ตอนที่ 1 หลงรักหุบเขาหวยชุน(10)

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว