“บอกแล้วอย่างไรว่าผู้มิมีพื้นฐานการฝึกฝนก็ยากนักที่จะฝึกวิชาการใช้อาวุธเหล่านี้ได้”
เขาก้มลงเก็บดาบขึ้นมา ทว่าท่าทีนั้นมิได้แสดงออกถึงความรำคาญใจแต่ฟางซินก็ยังไม่ได้เห็นรอยยิ้มกว้างของเขาอยู่ดี จิ้นเหอมองดาบในมืออย่างพินิจก่อนจะกล่าวกับนางว่า
“จริง ๆ แล้วดาบเล่มนี้เป็นดาบที่ฮ่องเต้มอบให้ข้า”
“มันเป็นดาบอาญาสิทธิ์เช่นนั้นหรือ”
“จะว่าเช่นนั้นก็คงได้ แต่ข้ามิได้ใช้มันฆ่าใครตามความพอใจดอกนะ มันควรต้องเป็นการลงโทษผู้ที่มีความผิดร้ายแรงเท่านั้น”
“ท่านจิ้นเหอ...แล้วถ้าหากว่า...ท่านได้พบกับนางมารหมื่นบุปผาผู้นั้นเล่า...”
ฟางซินวางมือเรียวบางของนางบนคมดาบที่แม่ทัพหนุ่มยกมันขึ้นพินิจดูอย่างครุ่นคิดและจับจ้องใบหน้าราวรูปสลักเสลาของจิ้นเหอ
“ท่านจะใช้ดาบเล่มนี้ลงอาญานางหรือไม่”
เขาเงียบไปชั่วขณะแต่สายตาคมวับจับจ้องบนเงาสะท้อนของดาบคมกริบ
“หากข้ามิพลาดพลั้งหรือตายเสียก่อนเมื่อต้องพบนางมารผู้นั้น ข้าก็จะปลิดชีพนางด้วยดาบเล่มนี้มิปล่อยให้นางมีชีวิตรอดไปสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวยุทธภพได้อีก!”
ฟางซินแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่และความอัดอั้นทำให้นางเผลอปลดปล่อยพลังภายในออกมาเกิดลมไหวพัดทำให้ฝูงนกบนปลายไม้แตกตื่นบินกรูเกรียวขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกัน จิ้นเหอเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เขาเงยหน้ามองฝูงนกที่จู่ ๆ ก็บินเหมือนแตกรัง
“อากาศวันนี้ก็ดูปกติดี ใยนกเหล่านั้นจึงบินหนีไปกันมิรู้ทิศ...หรือว่าจะเป็นลางบอกเหตุอันใด เจ้าว่าอย่างไรฟางซิน”
หญิงสาวไม่ทันตอบคำถามนั้นก็ได้ยินเสียงของใครอีกคนดังขึ้น
“สองพี่น้องมาอยู่กันที่นี่เอง นี่ข้ามาขัดจังหวะการฝึกวรยุทธ์ของพวกท่านหรือไม่”
หลวนคุนนั่นเอง เขาเดินเข้ามาและแสดงความเคารพต่อแม่ทัพหนุ่มด้วยรอยยิ้ม จิ้นเหิเก็บดาบลงฝักและกล่าวว่า
“มิได้ หลวนคุน...ข้าแค่กำลังสอนเพลงดาบให้น้องสาวแต่นางยังทำมิได้แม้แต่จะกุมดาบหนักอึ้ง”
“เช่นนั้นหรือท่าน...เอ้อ...ท่านแม่ทัพเฉิง...ต้องขออภัยอีกครั้งที่เข้ามาขัดจังหวะ เมื่อครู่นี้ข้าไปที่บ้านดอกท้อและพบหวังซื่อ เขาบอกว่าพวกท่านอยู่แถวนี้ข้าจึงตามมา”
“ไม่ทราบว่าท่านมีอะไรเร่งด่วนหรือไม่ถึงได้มาหาพวกข้าแต่เช้า”
“ท่านลุงให้ข้ามาเชิญท่านไปพบตอนนี้ เห็นว่ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษาท่านแม่ทัพ”
“เรื่องสำคัญที่ว่าคือเรื่องนางมารหมื่นบุปผาเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่แล้วท่านแม่ทัพ เห็นว่าท่านลุงจะเกณฑ์คนในสำนักเดินทางไปที่วังบุปผาสวรรค์ซึ่งอยู่บนยอดเขาสูงที่สุดของหวงซาน ท่านลุงต้องการพบท่านเพื่อวางแผนการเดินทางไปพรรคมารครั้งนี้เพราะเส้นทางนั้นทั้งลำบากและอันตรายยิ่ง”
คำตอบของหลานชายเจ้าสำนักทำให้จิ้นเหอมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาตื่นเต้นและราวกับมีความหวังขึ้นมาในทันใด
“ข้าคิดมิผิดจริง ๆ ที่เดินทางมาพบท่านไป๋เจี้ยน มิเช่นนั้นแล้วก็คงยังมืดแปดด้านมิรู้ว่าจะสืบเสาะหาตัวนางมารใจอำมหิตได้ที่ไหน ขอบคุณท่านมากหลวนคุน เช่นนั้นแล้วข้าคงต้องรีบไปพบท่านลุงของท่านเสียตอนนี้...ฟางซิน”
จิ้นเหอหันกลับไปยังหญิงสาวที่ยืนฟังคนทั้งสองคุยกันด้วยความสงบนิ่ง
“คะ...ท่าน...เอ้อ...ท่านพี่”
“เจ้ากลับไปรอข้าที่บ้านดอกท้อกับหวังซื่อ ข้าจะไปพบเจ้าสำนักเฟิงอี้ แล้วข้าจะรีบกลับหากเสร็จธุระแล้ว”
“เชิญท่านพี่ตามสบายเถิดนะคะ เดี๋ยวน้องจะกลับไปรอท่านกลับมากินอาหารพร้อมกัน”
นางรับคำก่อนที่จิ้นเหอจะเดินจ้ำออกไป หลวนคุรมองตามเบื้องหลังแม่ทัพหนุ่มแล้วหันมายิ้มกับหญิงสาว
“ดูทีรึพี่ชายของแม่นางฟางซินช่างเป็นชายหนุ่มผู้สง่างามสมกับที่เป็นแม่ทัพแห่งกองทัพหลวงขององค์จักรพรรดิ ท่าทางเขาเป็นคนเก่งมากทีเดียว”
“พี่ชายของข้าเป็นคนเก่งมากค่ะท่านหลวนคุน เขามิเคยเกรงกลัวใคร ห้าวหาญและสง่างาม...เอ้อ...ว่าแต่ จริงหรือคะที่ท่านลุงของท่านจะพาคนไปที่วังบุปผาสวรรค์”
“ใช่ แม่นาง...ลุงของข้าจะนำคนของสำนักที่มีนับร้อยไปพรรคมารในอีกไม่เกินสามวันนับจากนี้เพื่อที่จะท้าสับประยุทธกับประมุขพรรคบุปผาสวรรค์ นางมารหมื่นบุปผา”
“ท้าสับประยุทธ์กับนางเช่นนั้นหรือ...และจะเดินทางในอีกไม่เกินสามวันนับจากนี้!”
ฟางซินทำหน้าตกใจแต่หลวนคุนกลับคิดว่าการต้องเดินทางไปในที่เต็มไปด้วยภยันตรายอาจทำให้นางเป็นห่วงพี่ชายของนางเสียมากกว่า
“มิต้องเป็นห่วงดอกนะแม่นาง การเดินทางในครั้งนี้แม้ยากลำบากและต้องเผชิญหน้ากับนางมารผู้ซึ่งได้ชื่อว่ามีวรยุทธ์สูงในยุทธภพแต่ข้าได้ยินมาว่าประมุขพรรคบุปผาสวรรค์นั้นยังมิได้บรรลุถึงขั้นสูงสุดในการฝึกวรยุทธ์จากคัมภีร์ฟ้าคำรามอันเป็นคัมภีร์ยุทธที่น่าเกรงกลัวอย่างมาก”
หากก็สามารถฆ่าคนทีเดียวนับร้อยได้อย่างมิยากเย็นเลย...คนของพรรคเฟิงอี้ให้มีมากแค่ไหนนางก็ไม่กลัวเกรง แต่ก็ไม่เคยไว้วางใจในตัวไป๋เจี้ยนได้เพราะการประลองยุทธ์ของนางกับเจ้าสำนักใจชั่วผู้นั้นเกิดขึ้นเมื่อกว่าปีมาแล้ว ถึงตอนนี้วรยุทธ์ของเขาอาจก้าวหน้าไปมากแม้อายุจะอยู่ในมัจฉิมวัยแล้วทว่าไป๋เจี้ยนก็ยังดูแข็งแรงมิได้โรยราตามวันเวลาที่ผันผ่าน ฟางซินเก็บความคิดไว้ลึกล้ำแต่ตอนนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลอย่างมากคือหนึ่งในผู้ที่ติดตามไป๋เจี้ยนไปยังพรรคมารคือแม่ทัพเฉิงจิ้นเหอ
“หากมองมิผิด ดูเหมือนแม่นางเฉิงจะเป็นกังวลมากทีเดียวนะ”
หลวนคุนล่าวราวกับเขาล่วงรู้ความคิดของหญิงสาว ฟางซินแสร้งยิ้มกลบเกลื่อน
“ข้าย่อมเป็นกังวลด้วยมีพี่ชายเพียงคนเดียว กลัวเหลือเกินว่าเขาจะพบอันตรายเมื่อเดินทางไปถึงที่นั่น เหตุใดลุงของท่านจึงรีบร้อนนักเล่า ข้าได้ยินเขาพูดว่าไม่อยากเผชิญหน้ากับนางมารหมื่นบุปผาโดยตรงมิใช่หรือ”
“เท่าที่รู้มาท่านลุงบอกกับข้าว่าตอนนี้ประมุขพรรคบุปผาสวรรค์มิได้อยู่ที่นั่น และมันจะเป็นโอกาสอันดีหากเข้าไปตอนนี้จะได้จัดการกับคนของพรรคมารให้สิ้นซาก”
“เขารู้ได้อย่างไร?”
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว