“ฉันผิดเองนณ...”
เรื่องทั้งหมดเพราะเธอคิดโง่ๆ สรุปแล้วก็กลายเป็นภาระของทุกคนดังเดิม
“แกหลับเถอะ ฉันจะอยู่ตรงนี้กับแกเสมอ” เขาจะไม่ทิ้งเพื่อนรักไปไหนและอยากให้จิณณาได้พักผ่อนต่ออีกสักหน่อย ก่อนจะต้องตื่นขึ้นมารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง
“ขอบใจนะ”
หญิงสาวยิ้มขอบคุณ แล้วค่อยๆ ขยับตัวไปนอนลงบนเตียงเล็กๆ ขอชาร์ตพลังอีกสักนิดแล้วจะตื่นขึ้นมาเผชิญกับปัญหาที่เธอก่อไว้ หวังว่าความอบอุ่นจะไม่จางหายจนไม่เหลือสักเศษเสี้ยว ซึ่งเธอแสนจะกลัวจับใจจริงๆ
ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน คนคนหนึ่งที่จะอยู่เคียงข้างจิณณายังคงเป็นอนณเสมอและใครอีกคนด้วยที่ไม่เคยปล่อยมือจากยัยตัวเล็ก แต่ทุกอย่างถูกเก็บซ่อนไว้ ถึงอย่างนั้นบางทีในวันนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ก่อนที่ชายตัวโตจะส่งยิ้มให้คนที่ขยับตัวขึ้นจากเตียง
“แกเดินไหวไหม มากินข้าวสิ”
ระหว่างที่เพื่อนหลับอนณได้ออกไปซื้อข้าวต้มร้อนๆ มาเตรียมไว้ เพราะคิดว่าจิณณาคงต้องหิวแน่ ด้านคนที่เนื้อตัวร้อนผ่าวพยักหน้าแล้วฝืนขยับกาย เพียงเมื่อทิ้งก้นลงนั่งก็มีเสียงเศร้าๆ ของเพื่อนส่งมา
“ฉันขอโทษแทนป๋าที่...” เขาขอโทษที่ป๋าไม่ได้เบามือเลย แล้วอกก็ปวดร้าว หรือว่าความคิดของเขาอาจจะคลาดเคลื่อนไป
“ไม่เป็นไร”
เธอส่ายหน้า อนณไม่สมควรจะพูดคำนั้น เป็นตนต่างหากและถึงแม้อธิษฐ์จะหนักมือไปบ้าง แต่เธอรู้ว่าป๋านั้นพยายามจะนุ่มนวลที่สุดแล้ว
“ฉันผิดเองแกก็รู้”
“ทำไมแกถึงไม่ปรึกษาฉันวะ” ในหนนี้น้ำเสียงดุดันขึ้นแล้วจ้องมองอย่างคาดโทษผสมไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ฉันไม่อยากเป็นภาระให้แก” จิณณาเศร้าลงถนัดตา เพราะไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไรเธอก็ยังทำให้อนณกับอธิษฐ์เดือดร้อนได้เสมอพลันสะอึกในความจริง รวมถึงยิ้มไม่ออก
“แกไม่เคย...” อนณส่ายหน้า เพราะไม่เคยคิดเช่นนั้น
“แกต้องคอยช่วยเหลือฉันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วนะนณ” เธอส่ายหน้าขัดแย้ง ความจริงนั้นเด่นชัดเสมอ
“แต่เราเป็นเพื่อนกัน”
“ฉันเป็นปลิงคอยดูดเงินแกเหมือนที่คนพวกนั้นพูดต่างหาก” เพื่อนกำลังปกป้องเธอ แต่รู้ตัวเสมอมาจึงไม่อยากให้เป็นเหมือนก่อน พลางยิ้มเศร้าเพราะเหมือนเธอจะทำให้เรื่องยิ่งแย่ลง ด้านอนณที่ได้ฟังใจร้อนราวถูกสุมด้วยไฟ
“ใครพูดแบบนี้!!” อนณส่งสายตาคาดคั้น อยากจะรู้นักเพื่อนคนไหนมันกล้าพูดเช่นนั้น พลางบอกถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้นอย่างหงุดหงิด “ถ้าฉันไม่ไปได้ยินเรื่องแกจากยัยบ้านั่นเข้า แกจะเป็นยังไง แกคิดบ้างไหม”
จิณณานิ่งเงียบไป เธอเสียใจที่คิดโง่ๆ แต่มันจนปัญญา ทั้งที่สมควรจะหาทางต่อสู้ต่ออีกกลับเลือกวิธีโง่ๆ ด้วยการขายเรือนร่างเพื่อหาเงินไปใช้หนี้สิ้นการพนันของมารดา พลางเหยียดยิ้มหยันที่เธอไม่หลุดพ้นเสียที ความรักที่เธอมีถูกแปรผันเป็นบุญคุณที่ต้องชดใช้
“พรุ่งนี้ฉันจะเอาเงินมาให้” เขาบอกเสียงเข้ม หากวันนั้นไม่ไปได้ยินอดีตรุ่นพี่คนหนึ่งพูดเกี่ยวกับจิณณาเข้า ป่านนี้เจ้าของร่างเล็กจะเป็นอย่างไร
“ฉันไม่ต้องการอะไรจากแกอีกแล้ว” หญิงสาวส่ายหน้าและจะไม่ยอมรับเงิน
“ของป๋าป๋าบอกว่าอยากเรียกร้องอะไร ป๋าจะให้” ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกดีหรอกกับประโยคนี้ แต่มันจะสามารถช่วยเพื่อนรักได้
“แต่ฉันไม่อยากได้ ฉันเป็นคนผิด ป๋าไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเลย”
อย่างไรเธอก็จะไม่รับเงินของอธิษฐ์ ไม่อยากละอายมากไปกว่านี้ แล้วพยายามจะส่งยิ้มให้กับเพื่อน
“ไว้ฉันหาย ฉันจะเข้าไปขอโทษป๋า”
หญิงสาวบอกเสียงเบา และเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดโดยก้อนเนื้อในอกถึงกับสั่น ยามหวนคิดถึงคนที่ให้ความเมตตาเสมอมา ตาคู่ใสวูบไหวเพราะกลัวเหลือคณาว่าจะไม่เหมือนเดิม เธอจะไม่ได้รับไออุ่นจากบุรุษตัวโตที่เคยแอบมองอยู่เสมอ เพียงยามเห็นสายตาของเพื่อนก็แน่ใจได้หนึ่งอย่าง
“ป๋าโกรธใช่ไหม”
อีบุคราคาเบาๆ 129 บาท
-เกี้ยวเกล้า-
เมีย (ห้ามใจ) รัก
เกี้ยวเกล้า
www.mebmarket.com
-------------------------------------------------------- สัมพันธ์สวาทที่เกิดขึ้นในคืนนั้น มิอาจผูกรั้งเขาไว้กับเธอ แต่ยิ่งห่างออกไป ทั้งที่หัวใจอยู...
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว