‘ยอดเขาโลหิตอัคนี’ ยิ่งสูงมากขึ้นเท่าไร ความร้อนยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ว่ากันว่าแม้แต่ปรมาจารย์นักหลอมซึ่งเป็นถึงจ้าวปรมาจารย์ยุทธระดับเก้า ก็ไม่สามารถไปถึงยอดสูงสุดของเขาโลหิตอัคนีได้
ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากที่มาค้นหาอยู่ในพื้นที่โดยรอบยอดเขาโลหิตอัคนีเป็นเวลาสองสามวันก็คว้าน้ำเหลว หลายคนสงสัยว่า 'ราชาวิหคเพลิง' ที่ได้รับบาดเจ็บอาจซ่อนตัวอยู่ที่ความสูงซึ่งยากที่พวกตนจะเข้าถึง ทุกคนได้แต่ถอนหายใจแล้วเลือกที่จะถอยออกมา
จำนวนคนในเขาโลหิตอัคนีลดลงเรื่อย ๆ แต่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ก็กำลังมารวมตัวกันนอกหุบเขาเฟิงหลิงมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะ ‘การประลองจิตวิญญาณฟีนิกซ์’ กำลังจะเริ่มขึ้น
เช้าตรู่ด้านนอกเขาเฟิงหลิง มีคลื่นมวลชนมหาศาลทำให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนกันไปทั่ว
"ให้ตายเถอะ ผ่านไปหลายวันในที่สุดมันก็เริ่มขึ้น!"
"เดิมข้าได้ยินมาว่าหอซิงไห่พบ 'ไขกระดูกฟีนิกซ์' ก็เตรียมจะเก็บมันไว้เป็นความลับและผูกขาดเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรฝ่ายตรงข้ามถึงรู้เข้า ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามกระทำการไม่ดี จึงกระจายข่าวออกมาเอง โชคดีที่หอซิงไห่ทำเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นใครจะรู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ด้านนอกหุบเขาเฟิงหลิงสักกี่มากน้อยที่จะต้องทิ้งชีวิตไปเพื่อครอบครอง 'ไขกระดูกฟีนิกซ์' นั่น”
“เจ้ารู้ได้ยังไง?”
"เพราะพี่ชายของข้าทำงานในหอซิงไห่ เขาได้ยินเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวจากตู๋ฉี ผู้ดูแลหอซิงไห่น่ะสิ"
"เกรงว่าจะมีผู้ฝึกยุทธระดับห้าหลายพันคนเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ข้าล่ะสงสัยจังว่าใครจะสามารถเข้าสู่สามอันดับแรกและได้รับ ‘ไขกระดูกฟีนิกซ์’ กัน?”
“ในบรรดาผู้ฝึกยุทธระดับห้าเหล่านี้มีผู้อยู่ที่ในระดับสูงมากมาย การจะอยู่ให้ได้จนจบนั้นเป็นเรื่องยากมาก”
"ถังหลง, ลู่เว่ยรุ่ย, เกาหลิง, กงซุ่ย, โม่ชาง, กู้หยิง, เมิ่งซีชวน, หงเทา…พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่นี่และคนเหล่านี้ล้วนเป็นถึงระดับผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์ที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับห้า นี่ใคร ๆ ก็รู้”
“ไม่เลวเลย ครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์จำนวนมากมาเข้าร่วมการแข่งขัน และการแข่งขันในครั้งนี้จำกัดเฉพาะระดับผู้ฝึกยุทธ์ ไม่จำกัดอายุ ไม่กี่วันที่ผ่านมาข้าเห็นผู้ฝึกยุทธระดับห้าอายุสามสิบถึงสี่สิบปียังไปลงสมัครเลย”
“เฮ้อ ตอนแรกข้าก็คิดจะไปสมัคร แต่มาคิดดูอีกที มีทั้งถังหลง กู้หยิง และคนอื่นๆ อยู่ที่นั่น ข้าเลยตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมสนุกครั้งนี้จะดีกว่า”
"เจ้าจะกลัวอะไรกันเล่า แม้ว่าเจ้าอาจจะไม่ติดร้อยอันดับแรก แต่นี่เป็นโอกาสหายากที่จะเรียนรู้นะ"
ในพื้นที่ถูกทำให้ราบเรียบเหมือนเป็นลานกว้าง ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น ด้านหน้าของทางเดินเข้าของหุบเขามีกระท่อมไม้ขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นแล้ว
มีหลายคนนั่งอยู่ในกระท่อมไม้ พวกเขาทั้งหมดล้วนได้รับเชิญเป็นพิเศษจากหอซิงไห่ให้มาเฝ้าระวังการประลองนี้ แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่แข็งแกร่งมากมาย แต่ก็เป็นคนที่รับผิดชอบซึ่งประจำการอยู่ในเมือง ซึ่งผู้รับผิดชอบในที่นี้ก็สามารถใช้เป็นพยานในการแข่งขันได้อีกด้วย
ด้านหน้ากระท่อมไม้มีคนมากกว่าร้อยคนรวมตัวกันอยู่ ทั้งหมดล้วนมาจากหอซิงไห่ ส่วนเหลยหมิง และตู๋ฉีนั่งอยู่ด้านใน
พวกเขาชะเง้อมองพร้อมกับเอียงศีรษะ ราวกับว่ากำลังรอใครบางคนอยู่
เมื่อเห็นพวกเขามีท่าทางเช่นนั้น คนรอบ ๆ ก็พากันคาดเดาไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกยุทธ์ที่ได้รับเชิญจากหอซิงไห่ที่อยู่ในกระท่อมไม้
ทันใดนั้นความวุ่นวายเล็กน้อยก็เกิดขึ้นในฝูงชน ผู้คนแหวกออกเป็นทางเดินกว้างสองสามเมตร ร่างสง่างามก็เดินผ่านไปอย่างเฉิดฉาย ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่นอกกระท่อมไม้ทันที
เป็นสตรีที่สูงและมีรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้าของนางคลุมด้วยผ้าบาง ๆ ผมสีดำด้านหลังปล่อยพริ้วไสวลงมาถึงเอวราวกับน้ำตก ภายใต้ชุดสีม่วงเห็นรูปร่างที่มีสัดส่วนโค้งเว้ามองเห็นได้ชัดเจน โดยสรุปแล้วเป็นรูปร่างที่เย้ายวนและร้อนแรง
แม้ว่าใบหน้าของสตรีนางนี้จะถูกปิดบังไว้ แต่เมื่อพิจารณาจากรูปร่างของนางและผิวที่บอบบางจากมือและคอ นางน่าจะอายุประมาณยี่สิบปี ทุกการเคลื่อนไหวดูคล้ายกำลังร่ายมนตร์ที่น่าหลงใหล นั่นทำให้นางกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจทันทีที่ปรากฏตัว
ท่ามกลางฝูงชนที่ส่งเสียงร้องอุทานดังขึ้นทีละคน หลายคนมองด้วยสายตาประหลาดใจ
อย่างไรก็ตามจากนั้นไม่นานทุกคนก็ได้สติ เบื้องหลังหญิงสาวที่สวมชุดสีม่วงนนั้นมีชายลึกลับศีรษะโล้นสองคน
เห็นได้ชัดว่าเป็นฝาแฝดคู่หนึ่ง ไม่เพียงแต่มีหน้าตาเหมือนกันทุกประการ แต่พวกเขายังสูงและแข็งแรงดูไม่ธรรมดา ด้วยความสูงอย่างน้อยสองเมตรครึ่ง ทั้งคู่ดูเหมือนภูเขาที่มีเนื้อหนังสองลูกที่เคลื่อนที่ได้ และเกือบทุกครั้งที่พวกเขายกเท้าขึ้นลงจะได้ยินเสียงดังตุ๊บ ตุ๊บ สะเทือนทุกย่างก้าว
บนไหล่ของพวกเขามีดาบยาวขนาดใหญ่ยาวสองเมตร บนใบมีดที่กว้างและหนักส่องแสงสีแดงพราวเปล่งประกายออกมา รังสีรุนแรงที่แผ่ล้นออกมาจากร่างของทั้งสองคนขณะที่พวกเขายกมือและยกเท้า ด้วยความเร็วที่น่าทึ่งไปทุกทิศทาง
สำหรับผู้ที่พบเห็น ดูแล้วเหมือนกับมีภูเขาไฟที่รุนแรงกำลังพลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างของชายทั้งสองที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ แรงกดดันรุนแรงและมหาศาลเช่นนี้ ทำให้ทุกคนกลั้นหายใจราวกับว่าพวกเขาเกรงจะไปปลุกเอาสัตว์ร้ายในกายชายร่างยักษ์คู่นี้ขึ้นมา
ความสับสนวุ่นวายดึงดูดสายตาจากระยะไกลมากขึ้นทันที ทุกคนที่อยู่ห่างออกไปดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายนี้ พวกเขาต่างปิดปากสนิท
ทันใดนั้นพื้นที่บริเวณที่มีเสียงดังผิดปกติเมื่อครู่ ก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างพิลึก
เมื่อทุกคนกลับมาได้สติอีกครั้ง สตรีในชุดสีม่วงก็ได้รับการต้อนรับจากเหลยหมิงและคนอื่น ๆ ด้วยความเคารพ ขณะที่พวกเขาเข้าไปในกระท่อมไม้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้
"ซุบซิบๆ!"
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังอึกทึกทำลายความเงียบอีกครั้ง มันพุ่งออกมาจากหมู่คนและรวมตัวกันเป็นคลื่นเสียงขนาดใหญ่ อึกทึกกึกก้องเมื่อมันดังอยู่ในอากาศ
ในเวลานี้เมื่อเห็นลักษณะท่าทางที่เคารพนอบน้อมของเหลยหมิงและตู๋ฉี ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนตระหนักได้ว่าตัวตนของผู้หญิงชุดสีม่วงนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน
ตู๋ฉีเป็นเพียงผู้ดูแลเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่เหลยหมิงเป็นถึงผู้อำนวยการของหอซิงไห่ ซึ่งควบคุมกิจการทั้งหมดของสมาคมการค้าในเมืองฟีนิกซ์ แม้ว่ารูปลักษณ์ของเขาจะดูหยาบกร้าน แต่เขาก็เป็นคนพิถีพิถันอย่างมาก ชื่อเสียงของเขาในเมืองฟีนิกซ์ก็โด่งดังมิใช่น้อย
สำหรับคุณสมบัติดังกล่าว การถูกกำหนดให้มาที่เมืองฟีนิกซ์ ตำแหน่งของเขาในหอซิงไห่ นับว่าไม่ต่ำต้อย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหญิงสาวในชุดเสื้อคลุมสีม่วง เขากลับให้ความเคารพยำเกรงเป็นอย่างมาก
มีเพียงคำอธิบายเดียวสำหรับเรื่องนี้ นั่นก็คือสถานะของผู้หญิงชุดสีม่วงนั้นเหนือกว่าเขามาก
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นมากขึ้นคือ ชายแข็งแกร่งสองคนที่ปรากฏตัวพร้อมกับหญิงสาวที่สวมชุดสีม่วง ทั้งสองดูเหมือนจะอายุประมาณสามสิบปี แต่ประกายรังสีน่ากลัวที่พวกเขาปล่อยออกมาทำให้จิตใจของผู้คนสั่นสะท้าน จะทำได้ถึงขนาดนี้เกรงว่ามีเพียงปรมาจารยุทธระดับแปดเท่านั้น
ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้จะเป็นเพียงผู้ติดตามได้อย่างไร? ภูมิหลังของผู้หญิงเสื้อคลุมสีม่วงนั้นมีที่มาอย่างไรกันแน่?
-โปรดติดตามบทต่อไป-
เพื่อทำให้ประสบการณ์การใช้เว็บของคุณดียิ่งขึ้น และเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณอย่างได้อย่างส่วนตัว ท่านสามารถอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติมได้ที่นี่
กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว