BAD BOYFRIEND รักร้ายนายแฟนเลว-BAD BOYFRIEND 5 เหตุผล

โดย  Tichastar

BAD BOYFRIEND รักร้ายนายแฟนเลว

BAD BOYFRIEND 5 เหตุผล

ตอนที่หยางเฉินกระโดดออกมาจากลานประลองนั้น จนทำให้ทั้งสนามประลองก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมา


“เด็กนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ แม้แต่ฮั่นจางก็ยังถูกเขาหลอก!”


“ฮึ่ม หากเจ้ามีความสามารถพอ ก็ลองไปสู้กับคนขอบเขตราชาดูสิว่าจะทำได้เหมือนเขาหรือไม่!”


“ถูกแล้ว เจ้าเองก็อยู่ขอบเขตธุลี หากเจ้าเผชิญหน้ากับคนขอบเขตราชา ข้าคิดว่าเจ้าคงกลัวจนพูดไม่ออกเป็นแน่ แล้วเจ้ายังมีหน้ามาว่าคนอื่นโกงอีก”


ในตอนที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมา “การแข่งขันในวันนี้ สิ้นสุดแค่เพียงเท่านี้ การแข่งขันที่เหลือถูกยกเลิก...”


เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็พากันอึ้งไป


“เจ้าสำนักยกเลิกการแข่งขันงั้นรึ”


“คนที่พูดนั้นไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือเจ้าสำนัก!”


“เจ้าสำนักรึ?” เมื่อได้ยินคำพูดของคนโดยรอบ หยางเฉินก็พึมพำออกมา ‘ทำไมเสียงของเขาฟังดูคุ้นๆ? เหมือนข้าเคยได้ยินจากที่ไหนสักที?’


ในตอนที่หยางเฉินคิดอยู่นั้น ซงเทียนเอ๋อก็ได้โผล่มาที่ด้านหลังและเข้ามากอดเอวของเขาเอาไว้ “ท่านพี่ เมื่อครู่ข้ากลัวแทบตาย”


“เทียนเอ๋อ ข้าน่ะเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว เจ้าสบายใจได้ ” หยางเฉินพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมกับลูบหัวของซงเทียนเอ๋อไปด้วย แต่ใบหน้าของเขากลับซีดเซียว


“พี่เฉิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เว่ยหยานหลานที่เห็นใบหน้าซีดเซียวของหยางเฉิน ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงขึ้นมา


เมื่อได้ยินแบบนั้น ซงเทียนเอ๋อก็รีบเงยหน้าขึ้นมองหยางเฉิน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล “ท่านพี่ เจ้าเป็นอะไร เจ้าบาดเจ็บมารึไม่?”


“ปราณในตัวของเขาถูกใช้ไปหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงอยู่ในสภาพนี้ พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป” กั้วซงหยางที่อยู่ไม่ไกลนักมองมาที่หยางเฉินแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “หากพวกเจ้าอยากให้เขาฟื้นฟูพลังกลับมา ก็รีบปล่อยเขากลับไปพักฟื้นก่อนเถอะ”


เมื่อได้ยินคำพูดของกั้วซงหยาง เว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกนางก็ไม่อยากยื้อหยางเฉินอีกต่อไป และพาหยางเฉินไปที่ห้องพัก


ชางกวนหยานเห็นเว่ยหยานหลานประคองหยางเฉินก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ทว่าชายแก่ที่อยู่ด้านหลังกลับสายตาสั่นไหว ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


เด็กหลายคนระหว่างทางจำหยางเฉินได้ เมื่อพวกเขาเห็นสองสาวข้างกายของหยางเฉิน ก็พากันมองด้วยสายตาไม่พอใจ


‘เขาหลอกได้แม้กระทั่งฮั่นจาง บางที...สองคนนี้อาจจะถูกเขาหลอกด้วย’


หยางเฉินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยิ้มให้กับทุกคน


เมื่อมาถึงประตูห้องพัก สตรีไม่อาจจะเข้าไปในห้องพักของบุรุษได้ ดังนั้นหญิงสาวทั้งสองจึงได้แต่มองดูหยางเฉินเดินเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าเป็นห่วง เมื่อหยางเฉินเข้าไปในห้องแล้ว พวกนางถึงได้กลับไป


“หัวหน้า เหรียญทองนั้นคือสิ่งที่เจ้าเก็บได้ที่ถนน แต่พวกเขากลับไม่เชื่อเจ้าเอง!” เมื่อเข้ามาในห้องพัก กั้วติงก็มองไปที่หยางเฉินแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคียดแค้น


“กั้วติง ไม่ต้องสนใจพวกนั้น เราควรล้างมลทินจะดีกว่า” หยางเฉินพูดขึ้นแล้วไปนั่งขัดสมาธิที่เตียง


เมื่อเห็นว่าหยางเฉินจะเริ่มทำสมาธิ กั้วติงก็ยิ้มและพูดขึ้น “หัวหน้า ข้าจะคอยระวังให้เอง” พูดจบเขาก็เปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องไป


“เสี่ยวหยาง ครั้งนี้ต้องขอบคุณวิธีของเจ้า ไม่อย่างนั้นแล้วตัวตนของข้าคงถูกเปิดเผย” หลังจากที่กั้วติงออกไปแล้ว เสียงของเถาเถาก็ดังออกมาจากพู่กัน


“ข้าเองก็แทบหมดหนทางแล้วเช่นกัน” หยางเฉินถอนหายใจออกมา “ ข้าไม่คิดว่าฮั่นจางจะปล่อยข้าไปง่ายๆ แม้ว่าจะไม่ใช่เพื่อน้องเก้าของเขา แต่เขาก็ยังต้องหาทางเอาคืนข้าที่ทำให้เขาเสียหน้าในวันนี้”


“ทำไมเราต้องกลัวเขาด้วย ตราบใดที่เราออกจากจักรวรรดิฮั่นไป เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรเราได้!” เถาเถาฮึดฮัดออกมา “หากความแข็งแกร่งของข้าฟื้นฟูกลับมา จักรวรรดินี้ข้าก็ทำลายได้โดยง่าย”


หยางเฉินกลอกตาใส่ ‘เด็กนี่เอาแต่ฝันเฟื่องเรื่องพลังที่มีในอดีต เขาไม่คิดถึงความเป็นจริงเอาเสียเลย’


‘ดูเหมือนว่าหากอยากมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะป้องกันตัวเองแล้ว ข้าต้องรีบพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองก่อน’


หยางเฉินถอนหายใจออกมา ตอนนี้เขาตระหนักได้ว่าเขาพึ่งพลังของพู่กันมากเกินไป เขาต้องใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะ นี่คือทางออกที่ดีที่สุด


เมื่อคิดแบบนั้น หยางเฉินก็ได้แผ่การรับรู้เข้าไปในแหวนมิติ และตั้งใจจะเอายาหยินออกมา แต่เมื่อการรับรู้ของเขาเข้าไปในแหวนมิติ สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไป “นี่มันอะไร?”


ในแหวนมิตินั้นมีหยกขนาดเท่ากับนิ้วโป้งส่องแสงสีทองออกมา จนทำให้ข้างในแหวนมิติเต็มไปด้วยแสงสีทอง


“เสี่ยวหยาง เกิดอะไรขึ้น?” เถาเถาเห็นสีหน้าของหยางเฉินก็รีบถามขึ้นมา


หยางเฉินเอาหยกทองออกมาจากแหวนมิติแล้วพูดขึ้น “เถาเถา เจ้าดูสิ มันคืออะไรกัน?”


“อัฐิ!” สีหน้าของเถาเถาเปลี่ยนไป “เสี่ยวหยาง เจ้าได้มันมาจากไหนกัน?”


“ข้าไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในแหวนมิติของข้าได้อย่างไร?” หยางเฉินแสดงสีหน้าสับสนออกมา


“มีแค่คนของพุทธองค์เท่านั้นที่จะมีอัฐิได้ พวกมัน...”เถาเถาพูดขึ้น


“เสี่ยวหยาง หรืออัฐินี้ตั้วโฟคงจะใส่เข้ามาในแหวนมิติของเจ้า” เถาเถาได้สติทันที


“ในหมู่คนที่ข้าพบมา มีแค่ตั้งโฟคงเท่านั้นที่เหมือนจะเป็นพระ ดังนั้นอัฐตินี้น่าจะเป็นของที่เขายัดมาใส่ในแหวนมิติของข้า” หยางเฉินครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นมา


ตอนนั้นอัฐิในมือของหยางเฉินก็สั่นไหว แสงสีทองนั้นสว่างจ้ากว่าเดิม และแผ่ไปทั่วทั้งห้อง


ในเวลาเดียวกันเถาเถาก็ได้ตะโกนออกมา “เสี่ยวหยาง รีบโยนมันทิ้ง!”


แต่ตอนที่หยางเฉินได้สตินั้น มันก็สายเกินไปแล้ว อัฐิได้ลอยจากมือของหยางเฉินพุ่งเข้าไปที่หว่างคิ้วของเขา ก่อนจะหายไป!


“บัดซบ..เจ้าคง เจ้าบัดซบ!” หยางเฉินเบิกตากว้างก่อนจะสลบไป


หยางเฉินที่สลบอยู่นั้นได้ยินเสียงหัวเราะของตั้วโฟคง


“สหาย เจ้าน่ะเกี่ยวข้องกับพุทธองค์ ตอนนี้ข้าจะสอน 1 ใน 9 กฎสวรรค์กับเจ้า กฎสวรรค์ตั้วโฟ กฎอื่นๆนั้นเจ้าต้องหาด้วยตัวเอง ไม่ว่าเจ้าจะบ่มเพาะมันได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับชะตาของเจ้าเอง...”


หลังจากที่เสียงของตั้วโฟคงสิ้นสุดลง เนื้อหาของกฎสวรรค์ตั้วโฟก็ได้เข้าไปในหัวของหยางเฉิน....ในเวลาเดียวกันอัฐิก็ได้ละลายและก่อตัวเป็นพลังงานสีทอง ซึ่งช่วยเปิดตันเถียนแห่งที่สองขึ้นมา ด้านในนั้นเป็นมิติสีเทา


คนทั่วไปมีตันเถียนแค่แห่งเดียว มันมีจุดชีพจรอยู่ด้านใน แต่หยางเฉินกลับมีถึงสองอัน


ไม่รู้ว่าผ่านไปนาแค่ไหนเมื่อหยางเฉินตื่นขึ้น เขาก็พบว่าปราณที่หายไปนั้นฟื้นฟูกลับมาแล้ว อีกทั้งมันยังหนาแน่นกว่าแต่ก่อน เขารู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป


เถาเถาในพู่กันเห็นหยางเฉินตื่นขึ้นมา จากท่าทีกังวลก็โล่งอกขึ้นมาทันที เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วถามขึ้น “เสี่ยวหยาง เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


หยางเฉินนึกย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและบอกกับเถาเถาโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย


หลังจากที่เถาเถาได้ยินเรื่องทั้งหมด เขาก็ต้องอึ้งไปแล้วพึมพำออกมา “ ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเก้ากฎสวรรค์ สำหรับมิติที่โผล่มาในหัวของเจ้าแล้ว ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นตันเถียน”


“ตันเถียนอันที่สองรึ?” หยางเฉินอึ้ง การบ่มเพาะกฎสวรรค์นี้ประทับในหัวของเขา ตามวิธีการบ่มเพาะแล้ว การบ่มเพาะกฎสวรรค์นี้ต้องเปิดตันเถียนแห่งที่สองออกมา


‘ไม่คิดเลยว่าข้าจะเปิดตันเถียนแห่งที่สองออกมาได้ ไม่ใช่ว่าข้าเริ่มบ่มเพาะกฎสวรรค์ตั้วโฟแล้วรึ’


เพราะขั้นตอนสำคัญในการบ่มเพาะกฎสวรรค์ตั้วโฟนั้น คือการเปิดที่สอง เมื่อตันเถียนที่สองเปิดออก มันต้องทำการดูดซับแก่นการต่อสู้เข้าไปเก็บในตันเถียนที่สอง


เมื่อมีแก่นต่อสู้เพียงพอ ก็สามารถแสดง ‘ผนึกต่อสู้’ ออกมาได้!


ตามกฎสวรรค์ตั้วโฟแล้ว ยิ่งมีแก่นต่อสู้มาเท่าไหร่ พลังของผนึกต่อสู้ก็จะมากขึ้นเท่านั้น


“เสี่ยวหยาง เจ้ามีตันเถียนแห่งที่สองได้อย่างไรกัน?” เถาเถาแสดงสีหน้ากังวลออกมาและพูดขึ้น “ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นลิงที่สู้กับพุทธองค์รึ?”


“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร..” หยางเฉินยักคิ้วและแสดงสีหน้าสับสนออกมา ตั้วโฟคงคิดจะทำอะไร ทำไมถึงได้สอนกฎนี้ให้กับข้า? หากบอกว่าเขาเกี่ยวข้องกับพุทธองค์ เขาก็ไม่อาจจะทำใจเชื่อได้!


ตอนที่หยางเฉินและเถาเถาต่างก็พากันสงสัยนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากนอกห้อง “ข้าฮั่นซวน เจ้าเป็นใครกัน? เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าหยางเฉินอยู่ในห้องหรือไม่?”


“ข้ากั้วติง หัวหน้าอยู่ในห้อง เจ้ามาหาเขาทำไม?” กั้วติงถามขึ้นมา


“มีคนมาหาข้าอย่างนั้นรึ?” หยางเฉินกระโดดลงจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตู ก็พบกับคนที่มาหาเขา


ชายผู้นี้สวมชุดเขียวอายุพอๆกับหยางเฉิน คิ้วคมกริบ ปากแดง ฟันขาวดูโดดเด่น เขามีผมสั้นดูมีชีวิตชีวา เขาทำให้ทุกคนรู้สึกอยากใกล้ชิดด้วย และที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขามีแซ่ฮั่น หากเขาเป็นคนของตระกูลฮั่น เขาคงเป็นคนที่ดูเป็นมิตรที่สุด เท่าที่หยางเฉินเคยพบมาจากบรรดาคนในตระกูลฮั่น


“ข้าฮั่นซวน เจ้าคงจะเป็นน้องหยางสินะ?” ฮั่นซวนมองไปที่หยางเฉินด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร


“ใช่ ข้าหยางเฉิน” หยางเฉินอึ้งไปชั่วครู่ แล้วถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามาหาข้าทำไมกัน ? ข้าคิดว่าเราไม่ได้รู้จักกันนะ”


“เจ้าคิดผิดแล้ว เรารู้จักกันแล้ว เพราะเจ้ารู้ว่าข้าชื่อฮั่นซวน ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าชื่อหยางเฉิน” ฮั่นซวนยิ้มแล้วพูดต่อ

“ข้ามาหาเจ้าตามคำสั่งของพี่สอง”


“พี่สองอย่างนั้นรึ?” สีหน้าหยางเฉินเปลี่ยนไป เขาคิดกับตัวเอง ‘ พี่สองเป็นใครกัน ? ทำไมเขาถึงต้องตามหาข้า? หรือว่าเพราะการตายของน้องเก้านั่นอีก?’










รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว