เสน่หาซ้อนซ่อนรักร้าย [NC+ซาบซ่าน]

ตอนที่ 6 หลบลี้หนีหน้า

เมื่อครบกำหนด 3 วันตามที่ได้ตกลงกันไว้ นาวินเดินทางมาที่อาคารสีหราชเมธี ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่แห่งสายการบินสกายเมธีแอร์ไลน์ด้วยรถมอเตอร์ไซค์คันหรูคู่ใจตั้งแต่เช้าตรู่

หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้วร่างสูงก็ตรงดิ่งไปที่ประตูทางเข้าของอาคารทันที โดยไม่รู้ตัวเลยว่าร่างสูงใหญ่และความหล่อเหลาคมเข้มของเขานั้นตกเป็นเป้าสายตาให้ใครต่อใครต่างหันมองกันจนเหลียวหลัง

ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์และสวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำดูเก๋ไก๋ตามสไตล์นักบิดตัวยง แม้จะไม่ค่อยเรียบร้อยนักแต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าดูดีเหมาะกับเขามากทีเดียว นาวินก้าวฉับๆ อย่างคล่องแคล่วเข้าไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อบอกกล่าวตามขั้นตอน แต่ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างพากันออกมาต้อนรับและยกมือไหว้ทำความเคารพเขาเป็นการใหญ่ ก่อนที่สาวสวยคนหนึ่งจะพาเขาไปยังลิฟต์ของผู้บริหารแล้วนำเขามาที่ห้องซึ่งมีป้ายติดตรงหน้าประตูว่ารองประธาน ส่วนฝั่งตรงข้ามนั้นติดป้ายว่าท่านประธาน... นั่นคงเป็นห้องของภานุพี่ชายของเขา

นาวินเข้ามาหยุดยืนตรงกลางห้องที่มีการตกแต่งอย่างหรูหรามีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งอยู่ด้านในสุด และมีชุดโซฟารับแขกอยู่อีกมุมหนึ่งดูเป็นระเบียบเหมาะเจาะ ร่างสูงกวาดตามองไปรอบๆ ห้องอย่างสนใจ

“อีกสักครู่คุณทนายจะมาพบค่ะ” สาวสวยที่พาชายหนุ่มขึ้นมาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงไพเราะ

“ครับ” นาวินตอบรับสั้นๆ โดยไม่ได้หันมามองคนที่พูดอยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อย

หลังจากได้ยินเสียงประตูปิดลงแล้ว เจ้าของห้องก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่อย่างคนคิดหนัก การกระทำของทุกคนที่นี่ดูเหมือนไม่ได้แตกตื่นหรือแปลกใจอะไรกับการปรากฏตัวของเขาเลยสักนิด แสดงว่าผู้บริหารสูงสุดซึ่งก็คือพี่ชายของเขาคงจะเตรียมการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้วสินะ ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนจะมีใครบางคนเปิดเข้ามาอย่างเบามือ

“สวัสดีค่ะท่านรอง” สาวสวยเลขาท่านประธานใหญ่กล่าวสวัสดีผู้ที่เป็นเจ้านายอีกคนอย่างนอบน้อม

“สวัสดีครับ” นาวินตอบรับคำทักทายแม้จะรู้สึกมึนงงและไม่พอใจอยู่บ้างกับคำเรียกขานที่ไม่คุ้นหู

“ดิฉันชื่อ ยุพาค่ะ เป็นเลขาของท่านประธาน และตอนนี้ก็มีหน้าที่ดูแลท่านรองด้วย” เลขาสาวกล่าวแนะนำตัวเองพร้อมทั้งบอกหน้าที่ความรับผิดชอบไปเสร็จสรรพ

“อะ เอ่อ... ครับๆ ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วกรุณาอย่าเรียกผมว่าท่านรองอะไรนั่นอีกนะ ฟังแล้วขนลุก แค่เรียกชื่อผมก็พอ” นาวินอึกอักในตอนแรกก่อนจะบอกกับหญิงสาวตรงหน้าให้เปลี่ยนสรรพนามของเขาซะ เพราะรู้สึกไม่ชอบใจกับคำเรียกขานแบบนั้น ฟังดูเหมือนเขาเป็นคนแก่อย่างไรก็ไม่รู้

“ค่ะคุณนาวิน” ยุพาตอบรับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรพร้อมทั้งนึกชื่นชมชายหนุ่มไปด้วย ‘ทั้งหล่อ ทั้งเท่ แถมยังเป็นนักบินและยังไม่ถือตัวอีกด้วย ช่างแตกต่างจากคุณภานุอย่างสิ้นเชิงเลยจริงๆ รายนั้นน่ะทั้งดุ ทั้งตึง เจ้าระเบียบและถือตัวเป็นที่สุด’

“แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง” เสียงเข้มถามออกไปเรียบๆ

“คุณทนายจะเป็นคนชี้แจงในเรื่องนี้กับคุณนาวินเองค่ะ”

“แล้วนี่ท่านประธานของคุณยังไม่มาอีกเหรอ” นาวินถามต่อไปเรื่อยๆ เหมือนจะชวนหญิงสาวคุยมากกว่าอยากจะรู้คำตอบ แม้น้ำเสียงของการพูดคุยดูจะห้วนๆ แต่ก็ทำให้คนฟังอยู่รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากทีเดียว

“ยังค่ะ... แต่เดี๋ยวก็คงมาถึงแล้วน่ะค่ะเพราะท่านไม่เคยมาสาย” ยุพาบอกยิ้มๆ รู้สึกสบายใจที่ชายหนุ่มทำตัวไม่เรื่องมากและดูไม่น่ากลัวเหมือนที่ใครๆ ร่ำลือกัน... ‘แต่การแต่งตัวนี่สิ ท่านประธานต้องไม่พอใจแน่’ เลขาสาวแอบบ่นในใจเล็กน้อย ด้วยรู้ดีว่าภานุเจ้านายของเธอนั้น ทั้งเรื่องมากและเจ้าระเบียบขนาดไหน

นาวินพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แล้วหันไปสนใจกับแล็ปท็อปบนโต๊ะตรงหน้า โดยไม่คิดจะพูดคุยหรือซักถามอะไรออกมาอีก เพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องรอทนายสมภพกับคนเป็นพี่ชายมาชี้แจงให้ฟังอยู่ดี ก่อนที่เลขาสาวจะขอตัวออกไปเพื่อเตรียมเอกสารสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวกับการประชุมใหญ่ในวันนี้


ไม่นานทนายสมภพก็เข้ามาในห้องทำงานของนาวินพร้อมทั้งชี้แจงบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของชายหนุ่มที่เพิ่งได้รับตำแหน่งรองประธานมาอย่างสดๆ ร้อนๆ แบบไม่ทันตั้งตัว

“คุณนาวินมีสิทธิ์ในการตัดสินใจทุกเรื่องของสกายเมธีแอร์ไลน์ตามที่เห็นสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความคิดเห็นใดๆ จะต้องสอดคล้องหรือเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับคุณภานุซึ่งเป็นประธานสูงสุดด้วย” ทนายอาวุโสกล่าวสรุปประเด็นสำคัญหลังจากที่ได้พูดคุยตกลงกันมาหลายเรื่องแล้ว

“ฮึ ไม่ชอบก็ตรงที่มีแต่นี่แหละ... เอาง่ายๆ ก็คือทุกเรื่องจะต้องผ่านพี่นุว่างั้นเถอะ” นาวินประชดประชันเล็กน้อยเมื่อเจอคำชี้แจงที่ไม่ตรงใจ

“ยังไงคุณนาวินกับคุณภานุก็ไม่ควรมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งหรือแตกแยกกันนะครับ มีอะไรที่ต้องตัดสินใจก็ช่วยกันคิดช่วยกันแก้ปัญหา” ผู้มีหน้าที่ชี้แจงพยายามตักเตือนด้วยเหตุผลของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เขาเชื่อว่าหากพ่อของสองหนุ่มพี่น้องยังอยู่ก็ต้องพูดแบบนี้เหมือนกัน

“ครับ... เอาเป็นว่าผมจะพยายามไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ กับเขาก็แล้วกัน” อีกครั้งที่นาวินเอ่ยประชดประชันถึงคนเป็นพี่อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก และนั่นทำให้คนฟังถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ

“โธ่ คุณนาวิน อย่าประชดกันสิครับ”

“ผมก็เป็นแบบนี้แหละ คุณลุงก็ทราบดีอยู่แล้วนี่ครับ... อ่อ แล้วเรื่องเพื่อนๆ ของผมล่ะ คุณลุงจัดการให้หรือยังครับ” นาวินเสมองไปทางอื่นเมื่อต้องถกเถียงกับผู้ใหญ่ที่เขาเคารพ ก่อนจะหันกลับมาถามถึงเรื่องของเพื่อนรักที่เขาขอให้อีกฝ่ายช่วยจัดการให้

“เรียบร้อยแล้วครับ คุณคริสโตเฟอร์พร้อมเมื่อไรให้เข้ามารายงานตัวได้เลย ส่วนคุณนิลณีย์ต้องรอจัดตารางเวรอีก 1 สัปดาห์ แต่ยังไงก็ต้องให้คุณภานุเซ็นรับทราบก่อนครับ”

“เฮ้อ... ก็แล้วแต่คุณลุงจะจัดการเถอะ ผมขอแค่คริสโตเฟอร์คนเดียวเท่านั้น ส่วนนีล่าผมไม่ซีเรียส” นาวินพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างนึกเบื่อหน่ายที่ต้องเจอกับอะไรที่มันวุ่นวายหลายขั้นตอนจนดูซับซ้อนไปหมด

“ครับ... อ่อ แล้วนี่กุญแจรถครับ”

ทนายสมภพพูดพร้อมทั้งหยิบกุญแจรถยี่ห้อหรูแบรนด์นำเข้าร้อยเปอร์เซ็นต์ขึ้นมาวางบนโต๊ะตรงหน้าชายหนุ่ม

“หือ!? เอามาให้ผมทำไม” คนถามขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ

“เป็นคำสั่งของคุณภานุครับ”

“ผมก็มีรถใช้อยู่แล้วนี่” นาวินปฏิเสธกลายๆ รู้สึกไม่พอใจคนเป็นพี่ขึ้นมาตงิดๆ ที่อีกฝ่ายเริ่มวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเขา

“คุณภานุคงเห็นว่ามันไม่ปลอดภัยน่ะครับ คุณนาวินรับไว้เถอะจะใช้หรือไม่ใช้ค่อยว่ากันอีกที” ผู้อาวุโสพยายามแบ่งรับแบ่งสู้อย่างใจเย็น ด้วยรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ชอบให้ใครบังคับ ส่วนคนสั่งก็ไม่ชอบให้ใครขัดใจอีกเหมือนกัน ผลกรรมเลยตกที่เขาคนเดียวเพราะเป็นคนกลาง

“ฮึ เป็นห่วงผม หรือว่าเป็นห่วงภาพพจน์กันแน่... ไม่รู้จะวุ่นวายกับผมไปถึงไหน น่าเบื่อจริง” นาวินเหน็บแนมออกมาอย่างนึกหมั่นไส้คนเจ้ากี้เจ้าการ ก่อนจะคว้ากุญแจรถที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วเปิดลิ้นชักข้างๆ ตัวหย่อนมันลงไปอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก และเขาก็ไม่คิดจะใช้มันด้วย


ทางด้านคนที่มาทำงานสายเป็นวันแรกในรอบหลายปีของการดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดนั้น ร่างสูงอยู่ในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานยืนกระสับกระส่ายทำหน้าบึ้งตึงอยู่ในลิฟต์พร้อมกับสองนักศึกษาสาวที่วันนี้เป็นการฝึกงานวันแรกของพวกเธอ

“พี่นุ โกรธพวกเราหรือเปล่าคะ” สายป่านถามออกมาเบาๆ อย่างนึกหวาดหวั่น

“พี่ไม่ได้โกรธน้องป่านหรอกครับ... คนที่ทำให้พี่มาสายไม่ใช่น้องป่านสักหน่อย” คนตอบเหลือบตาไปมองสาวสวยหน้าตาน่ารักอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอมากกว่า และนั่นทำให้คนถูกว่าร้อนตัวขึ้นมาทันที

“นี่คุณ! พูดอย่างนี้คุณจะหมายถึงฉันใช่ไหม” แก้วตาเชิดหน้าใส่พี่ชายของเพื่อนรักอย่างไม่เกรงกลัว เธอกับเขามักจะมีปากเสียงกันอยู่บ่อยๆ จนถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

“ก็แล้วมันจริงหรือเปล่าล่ะ ฉันไม่เคยมาสายเลยสักครั้งตั้งแต่เข้ามาบริหารงานที่นี่ แล้วดูสิ... วันนี้ปาเข้าไปจะสิบโมงแล้ว” ภานุย้อนกลับอย่างนึกฉุนพลางยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาไปด้วย... ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นเพื่อนรักของสายป่านละก็ เขาคงไม่ไปรับที่หอพักแล้วพามาด้วยกันหรอก ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ทั้งปากจัด วุ่นวาย เรื่องมาก แถมเมื่อเช้ายังลืมให้อาหารแมวจนต้องวกรถกลับไปอีก

“ฉันก็ขอโทษแล้วไง... อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะลืมด้วย” คนตัวเล็กกว่าแหงนหน้าเถียงกับชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ และดูเหมือนว่าคนตัวโตกว่าก็ไม่ยอมลงให้เช่นกัน

“กับอีแค่แมวตัวเดียว อดข้าวสักวันคงไม่ตายหรอกมั้ง” ภานุพูดลอยๆ อย่างไม่ใส่ใจ

“ใครจะใจดำเหมือนคุณกันล่ะ” แก้วตาเบ้ปากให้กับคำพูดที่ฟังดูน่าเกลียดและแล้งน้ำใจของเขา แม้ว่าแมวตัวนี้จะไม่ใช่ของเธอแต่เธอก็รับปากกับคนข้างห้องเอาไว้แล้วว่าจะดูแลให้อย่างดีในระหว่างที่เขาไปทำธุระที่ต่างจังหวัดสองสามวัน และวันนี้ก็เป็นวันแรกเธอจึงยังไม่ชิน

“เธอกล้าว่าฉันเหรอยัยแก้วแตก” เสียงเข้มกระชากถามจริงจังแล้วหันมาเผชิญหน้ากับคนตัวเล็กอย่างเอาเรื่อง

“ใช่! ก็มันจริงนี่ และฉันชื่อแก้วตาย่ะ ไม่ใช่แก้วแตก”

สิ้นคำพูดนั้นของแก้วตาส่งผลให้ผู้บริหารหนุ่มเลือดร้อนถึงกับหน้ามืดคว้าต้นแขนเรียวของเธอมาบีบไว้แน่นหมายจะเขย่าให้หายแค้นใจที่บังอาจมาว่าเขาใจดำ

“หน็อย... ยัยเด็กนี่...”

สายป่านที่กำลังมึนงงและตกใจกับอารมณ์ฉุนเฉียวของภานุซึ่งเธอไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก ก่อนจะรีบเอ่ยปากห้ามคนทั้งคู่เอาไว้ได้ทันก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องวิวาทใหญ่โตไปมากกว่านี้ และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี

“เอ่อ พี่นุคะพอเถอะค่ะ ป่านขอนะคะ ยัยแก้วก็หยุดเถียงพี่นุได้แล้ว... ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ เลย... ไปกันเถอะค่ะ”

สายป่านรีบดึงมือเพื่อนสาวให้ออกไปจากลิฟต์พร้อมกันกับเธอเพื่อจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับชายหนุ่มอีก

“ครับน้องป่าน” ภานุรับคำเสียงอ่อนลงทันทีเมื่อพูดกับหญิงสาวที่เขารัก

“ชิ!” แก้วตาไม่วายแลบลิ้นยียวนส่งท้ายให้ชายหนุ่มขณะกำลังก้าวเท้าตามเพื่อนรักออกไปจากลิฟต์

“ฮึ้ย... ฝากไว้ก่อนเถอะยัยแก้วแตก” ภานุกัดฟันข่มเสียงต่ำคาดโทษหญิงสาวเอาไว้ก่อนจะรีบสาวเท้านำคนทั้งคู่ไปที่ห้องทำงานของตัวเอง


เมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงที่หน้าห้องทำงานของชายหนุ่มก็พบยุพาเลขาคนสวยยืนรออยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงของภานุจึงตรงดิ่งเข้าไปหาทันทีด้วยความรวดเร็ว เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงมีธุระสำคัญจะรายงานเขาแน่นอน

“สวัสดีค่ะท่านประธาน... คุณนาวินมาถึงแล้วค่ะ” ยุพาทักทายและรายงานเจ้านายทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ พลางเหลือบมองสองสาวในชุดนักศึกษาที่เดินมาพร้อมกับชายหนุ่มด้วยแววตาเป็นมิตร

“ครับ งั้นเชิญที่ห้องผมเลย... อ่อ แล้วนี่น้องสาวของผมเธอจะมาฝึกงานที่นี่ เดี๋ยวเราค่อยเข้าไปคุยรายละเอียดกันข้างใน” ภานุบอกเรียบๆ แล้วคว้ามือของสายป่านให้ก้าวเข้ามายืนกับเขาขณะที่แนะนำตัว

“สวัสดีค่ะ / สวัสดีค่ะ” สายป่านและแก้วตายกมือไหว้เลขาคนสวยของชายหนุ่มอย่างนอบน้อม

“สวัสดีค่ะ” ยุพายิ้มรับอย่างเอ็นดู พร้อมทั้งนึกชื่นชมสาวน้อยทั้งสองไปด้วย อีกคนก็สวยอ่อนหวาน อีกคนก็น่ารักจิ้มลิ้ม คราวนี้ออฟฟิศของเราคงมีสีสันขึ้นเป็นกองเชียว

เมื่อสาวๆ ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ภานุก็เปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเองพร้อมกับสองสาวที่เดินตามเข้าไปด้วย ส่วนยุพาก็รีบไปทำหน้าที่ตามคำสั่งของท่านประธานทันที

“น้องป่านนั่งรอพี่ตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ขอคุยธุระของนายวินก่อน แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องฝึกงานกัน” ชายหนุ่มเจ้าของห้องบอกด้วยรอยยิ้มขณะพาหญิงสาวเข้ามาหยุดที่โซฟารับแขกตรงกลางห้อง

“ค่ะพี่นุ ขอบคุณค่ะ” สายป่านยิ้มหวานแล้วหย่อนตัวลงนั่งตามคำสั่งของเขา แต่หญิงสาวอีกคนกลับเดินไปเดินมาสำรวจนั่นนี่ไปทั่วไม่อยู่สุกจนเจ้าของห้องรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาจำต้องเอ่ยปากย้ำ

“นี่ยัยจุ้นจ้าน ฉันบอกให้มานั่งตรงนี้ เธอจะเดินเพ่นพ่านไปไหน”

“อ้าว ก็คุณบอกยัยป่านคนเดียวนี่ ไม่ได้บอกฉันสักหน่อย” คนถูกต่อว่าหันมายอกย้อนอย่างไม่จริงจังนักแต่ก็ดูกวนประสาทจนน่าหยิก

สายป่านเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกขึ้นไปดึงเพื่อนสาวมานั่งพร้อมทั้งเอ่ยปากห้ามปรามเบาๆ

“ยัยแก้ว... พอแล้ว เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีกหรอก”

“ชิ! ขอเดินดูหน่อยก็ไม่ได้ขี้งกชะมัดเลยพี่ชายเธอเนี่ย” แก้วตาพึมพำออกมาด้วยอาการหงุดหงิดเล็กๆ แล้วมองชายหนุ่มคู่อริตาขวาง

ภานุทำเพียงส่ายหน้าน้อยๆ แล้วพยายามไม่สนใจในสิ่งที่หญิงสาวกำลังป่วนประสาทเขา ร่างสูงรีบหันหลังแล้วสาวเท้าเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองเงียบๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ เพราะไม่อยากต่อความยาวให้อารมณ์เสียมากไปกว่านี้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูเบาๆ สองสามครั้งก่อนจะถูกเปิดเข้ามาด้วยเลขาคนสวยที่เดินนำทนายสมภพและนาวินเข้ามาในห้อง ก่อนที่ดวงตาคมจะสบเข้ากับใบหน้าหวานของหญิงสาวในดวงใจอย่างจัง และเธอก็กำลังมองมาที่เขาอยู่ด้วยหัวใจที่เต้นรัว ทั้งสองสบตากันเพียงครู่เดียว ก่อนที่นาวินจะเป็นฝ่ายหลบเลี่ยงแล้วหันไปส่งยิ้มให้กับหญิงสาวอีกคนแทน

“ป่าน... ใครน่ะ หล๊อ หล่อ ตะกี้เค้ายิ้มให้แก้วด้วยหละ” แก้วตาสะกิดถามเพื่อนรักด้วยอาการตื่นเต้นจนปิดไม่มิด

“พี่... เอ่อ คุณนาวินน่ะ เป็นน้องแท้ๆ ของพี่นุ” สายป่านกระซิบเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน พร้อมทั้งนึกต่อว่าตัวเองไปด้วย ‘เฮ้อ... เธอยังไม่ชินเรียกเขาว่าคุณสักที’

“อ่อ คนที่ป่านบอกว่าเคยเล่นด้วยกันสมัยเด็กๆ น่ะเหรอ แล้วทำไมเขาถึงทำเหมือนไม่รู้จักป่านเลยล่ะ” แก้วตาย้อนถามแล้วทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ

“แหม่ ก็มันนานเป็นสิบปีแล้วนี่ เขาก็คงลืมบ้างแหละ อีกอย่างตอนนั้นพวกเราก็ยังเด็กๆ กันอยู่เลย” สายป่านก้มหน้าตอบเสียงแผ่วเบาปนเศร้าเล็กน้อยเมื่อต้องพูดถึงชายหนุ่มในดวงใจที่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตาให้เขามากมายเมื่อวันก่อน

ระหว่างที่สองสาวกำลังกระซิบกระซาบพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตกใจด้วยเสียงตะคอกที่ดังลั่นของผู้เป็นประธานใหญ่

“ทำไมแกแต่งตัวแบบนี้หะนายวิน... ไม่รู้หรือไงว่าวันนี้มีประชุมสำคัญ”

ภานุลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วกวาดตามองคนเป็นน้องตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า... ทั้งไม่สุภาพ ไม่เรียบร้อย ไม่เหมาะสม และไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด เสื้อยืดกางเกงยีนส์กับแจ็คเก็ตหนัง... เขาอยากจะบ้าตาย

“ผมคิดว่ามันไม่จำเป็น” นาวินตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของพี่ชายเหมือนไม่ได้ทุกข์ร้อนใดๆ

การกระทำของนาวินทำให้ภานุหันมองสบตากับทนายสมภพเป็นเชิงตำหนิกลายๆ ซึ่งผู้อาวุโสก็ส่งยิ้มฝืดฝืนมาให้ ส่วนเลขาสาวที่ยืนอยู่ด้วยก็ทำหน้าเจื่อนๆ อย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะต่างก็รู้ดีว่าชายหนุ่มประธานใหญ่แห่งสกายเมธีแอร์ไลน์นั้นเจ้าระเบียบขนาดไหน

“ยุพา คุณเตรียมจัดหาชุดที่เหมาะสมให้เขาด้วย ขอด่วนที่สุดนะ ให้ทันประชุมบ่ายนี้” ภานุออกคำสั่งเสียงเข้ม เมื่อได้ยินเลขาสาวรับคำแล้ว ร่างสูงก็ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตามเดิมด้วยอาการหงุดหงิดน้อยๆ

“พี่นุ!”

นาวินฮึดฮัดขึ้นมาอย่างนึกขัดใจที่คนเป็นพี่จะเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของเขาอีกแล้ว

“แกไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก อ่อ เรื่องรถนั่นด้วย ฉันให้ด้วยความเต็มใจ” ภานุพูดหน้าตาเฉยแกมประชดประชันเล็กน้อย ทำให้คนฟังยิ่งโมโหหนักขึ้นไปอีก

“แต่ผมไม่ต้องการ” นาวินกดเสียงต่ำพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงขึ้นอยู่ทุกขณะ

ภานุไม่ได้สนใจกับอาการต่อต้านและคำปฏิเสธใดๆ ของนาวินเลยสักนิด เพราะเขาเชื่อว่าได้ทำในสิ่งที่สมควรแล้ว ชายหนุ่มจึงหันมาสนใจกับเอกสารมากมายบนโต๊ะแทน พร้อมทั้งร่วมหารือและทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆ กับคนเป็นน้อง โดยมีทนายสมภพคอยเป็นคนกลางช่วยประสานงานให้ ส่วนยุพาจะคอยจดบันทึกคำสั่งและข้อตกลงของทุกคนเอาไว้เพื่อพิมพ์สรุปให้อีกทีในภายหลัง

เมื่อตกลงในเรื่องงานกันเรียบร้อยแล้ว ภานุก็เรียกสองสาวเข้ามาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เพื่อมอบหมายจัดสรรหน้าที่ในการฝึกงานให้

“ผมจะให้น้องป่านเป็นผู้ช่วยคุณยุพาคอยดูแลเรื่องเอกสารต่างๆ ให้ผม” คนมีหน้าที่เป็นประธานใหญ่ออกคำสั่งเสียงเข้ม และนั่นทำให้นาวินชำเลืองมองหญิงสาวที่ภานุเอ่ยถึงโดยอัตโนมัติ ซึ่งสายป่านเองก็มองเขาอยู่เช่นกัน ก่อนที่ต่างคนจะเสมองไปทางอื่นเหมือนมีเรื่องคาใจที่ทั้งสองไม่อยากให้ใครรู้

“ค่ะท่านประธาน” ยุพาขานรับด้วยรอยยิ้มยินดีเพราะเธอก็นึกชื่นชมในตัวเด็กสาวคนนี้อยู่แล้วด้วยแม้จะเสียดายสาวน้อยน่ารักอีกคนก็ตาม

“ขอบคุณค่ะพี่นุ” สายป่านหันมาส่งยิ้มหวานพร้อมทั้งยกมือไหว้ขอบคุณชายหนุ่มที่ต่อไปนี้เขาจะเป็นเจ้านายของเธอ ส่วนในใจลึกๆ ก็อยากจะเอ่ยปากขอให้เขารับเพื่อนรักของเธอเข้ามาช่วยงานตรงนี้ด้วยอีกคน

“ส่วนเธอ... แก้วตา เดี๋ยวรอถามกับฝ่ายบุคคลอีกทีก็แล้วกันว่าจะให้อยู่ตรงไหน” ภานุเอ่ยขึ้นมาแล้วปรายตามองหญิงสาวที่พูดถึงอย่างไม่ใส่ใจ แม้สายป่านจะมีท่าทีบ่งบอกเป็นทางอ้อมว่าอยากให้เพื่อนรักอยู่ใกล้ๆ ก็ตาม แต่ดูเหมือนคนที่รู้ใจและอยากช่วยสองสาวให้สมหวังจะเป็นชายหนุ่มอีกคนแทน

“ให้เธอมาเป็นผู้ช่วยผมก็แล้วกัน” จู่ๆ นาวินก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเอ่ยปากออกไปเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น

คำบอกกล่าวของนาวินทำให้ทุกคนต่างหันไปมองเป็นตาเดียว โดยเฉพาะแก้วตาที่มีสีหน้ายิ้มแย้มชอบอกชอบใจจนออกนอกหน้า เพราะเขาเปรียบเสมือนเจ้าชายที่เธอปลื้มตั้งแต่แรกเห็น

“แกจะเอาอย่างนั้นเหรอ” ภานุเลิกคิ้วถามกลับไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก พลางหรี่ตามองสาวน้อยที่เขารู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ ที่เธอทำเหมือนดีใจจนเกินเหตุขนาดนั้น

“ลุงว่าก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ช่วยคุณยุพาดูแลงานทั้งของคุณภานุและคุณนาวินด้วยเลย เพราะกว่าจะได้เลขาคนใหม่มาช่วยคุณนาวินก็ต้องรออีกเป็นเดือน” ทนายสมภพออกความเห็นอย่างตรงไปตรงมา

“ก็ได้ครับ งั้นตกลงตามนี้ก็แล้วกัน” ภานุกล่าวสรุปง่ายๆ เหมือนไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุก็ไม่รู้ ‘ชิ! ยัยเด็กแสบ เห็นผู้ชายไม่ได้ต้องกระโดดเข้าใส่ ทีนี้คงสมใจเธอแล้วสิ’ ชายหนุ่มนึกต่อว่าหญิงสาวที่นาวินขอให้ไปช่วยงานด้วยอย่างไม่สบอารมณ์นัก

“งั้นเดี๋ยวเที่ยงนี้เราไปทานข้าวด้วยกันนะ... ทุกคนนี่แหละ... คุณด้วยนะยุพา” เจ้าของห้องเอ่ยส่งท้ายเมื่อสรุปงานและหน้าที่ของทุกคนเรียบร้อยแล้ว พลางกวาดตามองทุกคนที่พยักหน้ารับเป็นคำตอบตกลงและเข้าใจตรงกัน ยกเว้นนาวิน

“ผมขอตัวนะ... นัดเพื่อนไว้แล้ว” เสียงเข้มพูดขึ้นขณะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ตามใจ แต่แกต้องกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทันเข้าประชุมก็แล้วกัน” คนเป็นพี่เอ่ยกำชับอย่างนึกหวั่น เพราะไม่มั่นใจในตัวน้องชายคนนี้เลยสักนิดว่าอีกฝ่ายออกไปแล้วจะกลับเข้ามาอีกหรือเปล่า

“รู้แล้วน่า” นาวินทำท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าไปที่ประตูโดยไม่ได้หันมามองคนในห้องอีกเลย เขาจึงไม่ได้เห็นแววตาตัดพ้อของสายป่านที่มองตามแผ่นหลังของเขาไปอย่างเศร้าใจ ‘อีกครั้งแล้วสินะ ที่พี่วินหันหลังให้เราอย่างไม่ไยดี’ หญิงสาวบอกกับตัวเองในใจด้วยความรู้สึกร้าวรานเกินบรรยาย

นาวินออกมาจากห้องทำงานใหญ่ของภานุก็รีบตรงดิ่งไปที่ลิฟต์ทันที หัวใจดวงแกร่งนั้นเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะจนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเธอเลยจริงๆ สายป่าน ‘ทำไมฉันถึงหนีเธอไม่พ้นนะ’ ร่างสูงพึมพำเบาๆ ก่อนจะก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์ที่ลงมาส่งเขาถึงใต้อาคารแล้ว

ชายหนุ่มตรงไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองแล้วขับออกไปอย่างไร้จุดหมาย จริงๆ แล้วเขาไม่ได้มีนัดกับใครไว้หรอก ที่ปฏิเสธไปแบบนั้นเพราะเขาไม่รู้จะวางตัวอย่างไรตอนที่อยู่ต่อหน้าหญิงสาวในดวงใจมากกว่า เมื่อคืนคริสโตเฟอร์ที่เพิ่งบินมาถึงเมืองไทยก็เข้าไปพักที่คอนโดของเขา แต่ตอนนี้ฝ่ายนั้นคงยังไม่ตื่นแน่นอน ส่วนนิลณีย์คู่ควงของเขาที่ขอย้ายงานตามมาด้วยนั้น เขาก็ยังไม่อยากเจอเธอตอนนี้

นาวินขับรถต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวงแล้วเขาก็ใช้ช่วงเวลาที่เหลือก่อนเข้าประชุมอยู่ที่นี่เป็นการฆ่าเวลา

การประชุมสำคัญในตอนบ่ายผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทุกคนต่างให้การยอมรับและเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน

ทำให้นาวินก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งรองประธานของสายการบินสกายเมธีแอร์ไลน์อย่างที่ควรจะเป็นโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนั่นเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมที่เขาควรจะได้รับ

นาวินอยู่ในชุดสูทเนื้อดีสีเทาเข้มที่เลขาสาวจัดหามาให้ ร่างสูงใหญ่สมส่วนนั้นช่างดูเหมาะเจาะสง่างามและคู่ควรกับตำแหน่งของเขาจริงๆ เมื่อการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้นลง ชายหนุ่มก็ก้าวออกมาจากห้องประชุมแล้วตรงดิ่งกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองทันทีโดยไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น เพราะแค่นี้ก็ถือว่าฝืนใจเขาที่สุดแล้ว... เขาร่ำเรียนฝึกฝนมาให้เป็นนักบิน ไม่ใช่เป็นผู้บริหารที่ต้องมานั่งอ่านเอกสารเป็นตั้งๆ แล้ววางแผนอะไรที่ซับซ้อนวุ่นวายแบบนั้น เขาไม่ถนัดเลยจริงๆ

“คุณนาวินคะ คุณนาวิน... อ้าว ไปซะแล้ว เฮ้อ...”

ยุพาที่วิ่งตามนาวินออกมาจากห้องประชุม ร้องเรียกชายหนุ่มเอาไว้แต่ก็ไม่ทัน เพราะเธอต้องรีบไปประชุมข้างนอกกับท่านประธาน ส่วนนาวินที่ลุกออกไปจากห้องโดยไม่ได้หยิบเอกสารสำคัญที่เป็นของตัวเองออกไปด้วย เธอจึงต้องรีบเอามาให้เผื่อว่าเขาจะใช้อ่านทำความเข้าใจในช่วงเวลาที่เหลือก่อนกลับบ้าน

โชคดีที่สายป่านเดินผ่านมาพอดี ยุพาจึงรีบยัดซองเอกสารใส่มือเล็กๆ ของหญิงสาวแล้วฝากให้เธอนำไปให้กับนาวินที่ห้องทำงานของเขาแทน โดยไม่ได้สนใจเลยว่าอีกฝ่ายจะตอบรับหรือปฏิเสธ


สายป่านเดินมาหยุดยืนตรงหน้าประตูห้องที่มีป้ายติดว่ารองประธานด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย ใบหน้าหวานก้มมองเอกสารในมือแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างคนคิดหนัก

ก่อนจะตัดสินใจเคาะเบาๆ สองสามครั้งเป็นการขออนุญาตเจ้าของห้องแล้วเปิดเข้าไปเงียบๆ... ใจหนึ่งก็อยากพูดคุยกับเขา ส่วนอีกใจก็ยังหวาดหวั่นกลัวว่าเขาจะพูดอะไรที่ทำให้เธอต้องเจ็บช้ำน้ำใจเหมือนวันนั้นอีก

นาวินที่กำลังเอนกายไปกับเก้าอี้ตัวใหญ่หันขวับไปมองที่ประตูห้องทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดเข้ามา ก่อนที่หัวใจดวงแกร่งจะกระตุกวาบพร้อมกับเต้นรัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ‘สายป่าน’ ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ เป็นการยืนยันกับตัวเอง และเมื่อตั้งสติได้เขาจึงรีบขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปสนใจกับแล็ปท็อปข้างๆ ตัวเหมือนกำลังตั้งใจกับสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้นมากกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“เธอไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องเข้ามาในห้องนี้นี่” เสียงเข้มถามขึ้นมาเรียบๆ โดยไม่ได้หันไปมองหญิงสาวเลยสักนิด

“เอ่อ... พี่ยุพาให้นำเอกสารมาให้ค่ะ” สายป่านตอบเสียงสั่นน้อยๆ พร้อมทั้งวางซองเอกสารในมือลงบนโต๊ะให้ชายหนุ่ม... เธอไม่รู้จะวางตัวอย่างไรเหมือนกันเมื่อเจอกับท่าทีเฉยเมยของเขา

“แล้วเพื่อนเธอไปไหนล่ะ เขามีหน้าที่ในส่วนของฉันไม่ใช่เหรอ” นาวินเอ่ยถามพลางเหลือบตามองหญิงสาวเล็กน้อย

“แก้วไปช่วยคุณลุงทนายเก็บเอกสารที่ห้องประชุมค่ะ” เสียงหวานยังคงสั่นๆ เพราะยังไม่ชินกับท่าทีที่ไม่คุ้นเคยของชายหนุ่มตรงหน้า... นี่เขาจะทำเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกันจริงๆ น่ะเหรอ

“อืม ขอบใจ... แล้วมีอะไรอีกไหม ฉันมีงานต้องทำ” เจ้าของห้องพยายามข่มใจพูดเสียงเข้มเป็นเชิงไล่กลายๆ

เมื่อเจอชายหนุ่มเอ่ยปากไล่ทางอ้อม หญิงสาวก็ไม่คิดจะอยู่รบกวนเขาอีก เธอจึงหันหลังแล้วเดินไปที่ประตูเงียบๆ ทั้งที่อีกใจอยากจะถามถึงสิ่งที่ยังค้างคาในคำพูดของเขาเมื่อวันนั้น แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างเธอเมื่อจู่ๆ เสียงเข้มก็พูดขึ้นมาลอยๆ

“ฝากบอกนมอิ่มด้วย เย็นนี้ฉันจะไปกินข้าวที่บ้าน”

เมื่อพูดไปแล้วก็อยากจะตีปากตัวเองนัก ทำไมไม่ปล่อยให้เธอเดินออกไปดีๆ โดยไม่ต้องหันกลับมาอีกแบบนี้นะ

“ค่ะ ยายต้องดีใจมากแน่ๆ เลยค่ะ เพราะท่านบ่นถึงคุณนาวินทุกวัน” สายป่านยิ้มหวานแล้วพูดกับเขาด้วยความดีใจจนลืมตัว และนาวินก็เผลอมองรอยยิ้มนั้นด้วยหัวใจที่พองโตเช่นกันก่อนจะรีบเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบซ่อนความรู้สึกจริงๆ ที่มี แล้วเอ่ยถามหญิงสาวด้วยเสียงเข้มที่มั่นคงดังเดิม

“มีอะไรกับฉันอีกหรือเปล่า”

“เอ่อ... ป่าน ป่านมีเรื่องจะถามคุณนาวินน่ะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยปากอย่างตัดสินใจ สองมือเล็กๆ ยกขึ้นมาบีบจับกันไว้แน่นเหมือนให้กำลังใจกับตัวเอง

“ว่ามาสิ” นาวินขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วทำท่าสนใจกับสิ่งที่หญิงสาวจะพูดกับเขา

“เอ่อ คือ ป่าน ป่านอยากถามว่า ทำไมวันนั้นคุณนาวินถึงบอกว่าป่านเป็นผู้หญิงที่คุณไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วย... เพราะอะไร?... ช่วยบอกเหตุผลให้ป่านเข้าใจได้ไหมคะ” สายป่านพูดถึงสิ่งที่ค้างคาใจออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แม้ว่าหลังจากนี้เขาจะโกรธเธออีกร้อยเท่าพันเท่าก็ตาม เธอขอแค่ได้รู้สาเหตุของเรื่องนี้ก็พอ

คำถามของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้นาวินถึงกับนิ่งงันไปนาน ภายในใจนั้นกลับรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนถูกของมีคมทิ่มแทงอย่างไร้ความปรานี เมื่อคิดว่าหญิงสาวกำลังเล่นตลกอะไรกับเขา ทั้งๆ ที่เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองเป็นคู่หมั้นคู่หมายของพี่ชายเขา เธอยังมีหน้ามาถามเขาอีกเหรอว่าเพราะอะไร หรือเธอตั้งใจจะปั่นหัวเขาเล่น หรือไม่ก็ตั้งใจจะหลอกล่อหว่านเสน่ห์ทั้งพี่ทั้งน้องให้ลุ่มหลงแย่งชิงความรักจากเธอคนเดียว... เธอมันผู้หญิงใจร้าย หลายใจ ผู้หญิงเห็นแก่ตัว

“ฮึ ตอนนี้ฉันคงต้องเป็นฝ่ายถามเธอมากกว่ามั้ง ว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ สายป่าน” นาวินถามเสียงเย้ยหยันพร้อมทั้งลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้หญิงสาวด้วยอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นจนแทบลุกเป็นไฟ

“อะไรอีกคะป่านไม่เข้าใจ... คุณนาวินหมายความว่ายังไงคะ” สายป่านมองหน้าชายหนุ่มอย่างมึนงง แล้วยิ่งได้ยินประโยคต่อไปของเขายิ่งทำให้เธอไม่เข้าใจหนักเข้าไปอีก

“ฉันชักสับสนแล้วสิว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้ หรือว่าตั้งใจจะหว่านเสน่ห์ให้ท่าฉันกันแน่”

“ไม่ค่ะ ป่านไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะ” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธทันควันอย่างไม่ต้องคิดนาน พลางขยับเท้าถอยหลังออกไปเรื่อยๆ เมื่อเขาเริ่มเข้ามาใกล้เธอจนน่าใจหาย

“แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เธอตั้งหน้าตั้งตาตามตื๊อฉันไม่ยอมปล่อยแบบนี้น่ะ” นาวินกดเสียงต่ำแล้วสาวเท้าไล่ต้อนหญิงสาวจนร่างบางยืนชิดติดกับประตูห้อง

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณกำลังเข้าใจป่านผิด” คนตัวเล็กพยายามปฏิเสธในสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ ดวงตากลมโตนั้นเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาที่จวนเจียนจะไหล

“ไม่ใช่แล้วมันยังไง! ไอ้การที่เธอพยายามเข้ามาถามถึงเรื่องที่ต่างก็รู้กันอยู่เต็มอก เธอคิดว่าฉันเป็นไอ้โง่หรือไง” คนตัวใหญ่ตะคอกเสียงดังลั่น พร้อมทั้งคว้าหมับที่ข้อมือเล็กของหญิงสาวแล้วดึงเข้าหาตัวอย่างแรง และนั่นทำให้ร่างบางเซถลาเข้าไปปะทะกับอกแกร่งและตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“โอ๊ย! พี่วิน ป่านเจ็บ” เจ้าของข้อมือเล็กโอดครวญพร้อมทั้งพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม

“อย่ามาเรียกฉันว่าพี่! เพราะฉันไม่เคยคิดว่าเธอเป็นน้อง ไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรือที่ผ่านมา จำเอาไว้สายป่าน” นาวินตะคอกเสียงต่ำพร้อมทั้งล็อกตัวหญิงสาวเอาไว้ในวงแขนอย่างแน่นหนา

“ปล่อยนะ! ปล่อยสิ!” สายป่านพยายามสะบัดข้อมือของตัวเองที่ถูกชายหนุ่มบีบกำเอาไว้จนแดงช้ำและเจ็บระบมไปหมด แต่มีหรือที่แรงอันน้อยนิดของเธอจะสู้เขาได้

“ฮึ ไหนๆ ก็มาให้ท่าจนถึงที่แบบนี้แล้ว ฉันจะใจดีลองชิมดูหน่อยก็แล้วกัน” สิ้นคำพูดดูถูกเย้ยหยันนั้น เจ้าของร่างสูงใหญ่ก็ก้มลงหมายจะลิ้มลองริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาวที่กำลังสั่นระริกอยู่ตรงหน้าเพราะความหวาดกลัว

“ไม่! อย่านะ อื้อ...” คนตัวเล็กร้องห้ามแล้วสะบัดหน้าหนีแต่มีหรือที่นาวินจะยอม ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วเขาจะไม่ยอมใจอ่อนให้กับเธอเด็ดขาด มือแกร่งยกขึ้นบีบคางของหญิงสาวให้หันมาหาเขาจนเธอรู้สึกเจ็บเผลอตัวอ้าปากเพื่อจะร้อง

จังหวะนั้นนาวินก็ก้มลงบดขยี้ริมฝีปากแข็งแรงของตัวเองปิดทับเรียวปากบางอ่อนนุ่มของเธอเอาไว้ทันทีอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกอดรัดร่างบางเข้าหาตัวจนแนบสนิทแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน นาวินใช้ประสบการณ์ที่เหนือกว่าสอดแทรกลิ้นอุ่นๆ เข้าไปในโพรงปากของเธอเพื่อควานหาความหวานอย่างถือสิทธิ์ กี่ครั้งกี่หนที่เขาเฝ้าคิดถึงและโหยหาอยากครอบครองลิ้มลองความหอมหวานจากริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ วันนี้เขาจะได้สมใจสักที

ชายหนุ่มส่งปลายลิ้นกวาดชิมความหวานจนทั่วโพรงปากนุ่ม ก่อนจะเกี่ยวกวัดไล่ต้อนเรียวลิ้นเล็กๆ ที่พยายามหลีกหนีการดูดดึงของเขาอย่างน่าโมโห แต่เพราะความไม่เคยทำให้หญิงสาวตกหลุมพรางที่เขาหลอกล่อพาไปอย่างง่ายดาย นาวินลุ่มหลงความหอมหวานจากรสจูบที่ไม่เคยพานพบจากหญิงใดมาก่อน เขาเฝ้าวนเวียนดูดกลืนอย่างไม่รู้จักอิ่มเอม สายป่านรู้สึกเหมือนห้องทั้งห้องหมุนคว้างไปหมดจนเธอยืนแทบไม่ติดพื้น นิ้วเรียวที่ตอนแรกทั้งหยิกทั้งดึงอกแกร่งของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นบีบกำเอาไว้แน่นเพื่อใช้เป็นที่ยึดเกาะ

นาวินจูบหญิงสาวอยู่นานจนรู้สึกว่าร่างบางเริ่มดิ้นขลุกขลักเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจ ชายหนุ่มจึงเงยหน้าแล้วปล่อยริมฝีปากบางให้เป็นอิสระอย่างแสนเสียดาย ก่อนจะแทนที่ความรู้สึกนั้นด้วยคำพูดที่ร้ายกาจ

“ดูเหมือนพี่นุจะไม่ได้สอนวิธีจูบให้เธอเลยนะ”

สายป่านพยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงให้คืนกลับมา จากนั้นก็สะบัดตัวด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีให้หลุดจากวงแขนของชายหนุ่มที่เธอเคยรักและเทิดทูนเขาอย่างสุดหัวใจ วันนี้เขาทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น...

เพี๊ยะ!

หญิงสาวฟาดฝ่ามือบางลงไปที่แก้มสากของชายหนุ่มเต็มแรงจนใบหน้าหล่อเหล่าของเขาหันไปตามแรงตบ พร้อมกับต่อว่าด่าทอเขาทั้งน้ำตา

“หยาบคาย! คนเลว!”

นาวินสะบัดหน้ากลับมาแล้วมองหญิงสาวด้วยแววตาวาวโรจน์อย่างคนโกรธจัด ก่อนจะพ่นวาจาที่หยามเหยียดออกไปเพราะความคับแค้นใจที่เธอกล้าตบหน้าเขา

“ฮึ ทำเป็นไม่เคย อย่าเผลอติดใจรสจูบของฉันจนลืมของเก่าล่ะ”

สิ้นคำพูดนั้น ฝ่ามือบางของหญิงสาวก็ฟาดซ้ำลงมาที่เก่าอีกครั้งด้วยแรงที่ไม่น้อยไปกว่าเดิมเลยสักนิด

เพี๊ยะ!

“ฉันเกลียดคุณ! ได้ยินไหม ฉันเกลียดคุณ คุณนาวิน!”

สายป่านตะโกนใส่ชายหนุ่มอย่างคนขาดสติ ก่อนจะหันไปเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปทันทีอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนคว้างเอามือกุมใบหน้าตัวเองอย่างตกตะลึงอยู่กลางห้อง ความเจ็บปวดจากแรงตบยังน้อยกว่าคำพูดสุดท้ายของเธอที่ยังดังก้องอยู่ในหัวของเขาจนบาดลึกไปถึงหัวใจดวงแกร่งที่แทบจะหยุดเต้นอย่างเฉียบพลันเมื่อได้ยินเธอบอกว่าเกลียดเขา... มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ ‘ในเมื่อรักไม่ได้สู้ให้เกลียดกันไปเลยยังดีเสียกว่า’ นาวินพึมพำคำพูดของตัวเองเมื่อครั้งอดีตออกมาเบาๆ เป็นการเตือนสติ และเพื่อตอกย้ำว่าเขาได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แม้รสจูบอันแสนหวานของเธอจะทำให้หัวใจของเขาซาบซ่านอย่างที่ไม่เคยเป็นหรือรู้สึกกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยก็ตาม


สายป่านร้องไห้ฟูมฟายออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย มือบางทั้งเช็ดทั้งถูริมฝีปากของตัวเองเพื่อลบรอยจูบที่ป่าเถื่อนจาบจ้วงของเขา

ตั้งแต่เธอเติบโตมาจนเป็นสาวสะพรั่งไม่เคยมีใครล่วงเกินเธออย่างที่เขากระทำมาก่อน แม้แต่ภานุผู้ชายคนเดียวที่ใกล้ชิดเธอมาตลอดก็ไม่เคยแตะต้องหรือฉวยโอกาสกับเธออย่างที่เขาพูดถึงเลยสักครั้ง... เขาปั้นเรื่องเป็นตุเป็นตะแบบนั้นขึ้นมาได้อย่างไร... ‘นี่น่ะเหรอผู้ชายที่เธอหลงรัก นี่น่ะเหรอผู้ชายที่เคยเป็นสุภาพบุรุษคอยช่วยเหลือดูแลเธอเมื่อตอนเด็กๆ ปีศาจตนใดกันทำให้เขาเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้’

หญิงสาววิ่งไปตามทางเดินเพื่อจะหลบเข้าห้องน้ำแต่ยังไม่ทันจะไปถึงเสียงเรียกที่คุ้นหูก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ยัยป่านไปไหนมา แก้วตามหาแทบแย่แน่ะ” แก้วตาที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ร้องถามเพื่อนสาวทันทีที่เห็นหน้า ก่อนจะอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังร้องไห้อย่างหนัก

“เห้ย... ป่านร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรเธอ” แก้วตาวิ่งหน้าตื่นเข้าไปหาพร้อมทั้งละล่ำละลักถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรแก้ว... ป่าน เอ่อ ป่านอยากกลับบ้าน เรากลับบ้านกันเถอะนะ”

สายป่านรีบปาดเช็ดน้ำตาที่เจิ่งนองอาบสองแก้มนวลอย่างลวกๆ เพราะไม่อยากให้เพื่อนรักต้องไม่สบายใจไปด้วย ระหว่างที่สองสาวกำลังปลุกปลอบกันอยู่นั้น เสียงเข้มของชายหนุ่มที่เป็นประธานใหญ่ก็ร้องทักขึ้นมาแต่ไกล

“เกิดอะไรขึ้น!?” ภานุกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาหญิงสาวด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ ตอนนี้เขาควรจะอยู่ในห้องประชุมก็จริงแต่เพราะลืมเอกสารสำคัญไว้ที่ห้องเขาจึงต้องกลับขึ้นมาเอาด้วยตัวเอง

“พี่นุ...” สายป่านครางเรียกชายหนุ่มที่เธอไม่คิดว่าเขาจะอยู่ตรงนี้ด้วยเสียงอันแผ่วเบา

“น้องป่านร้องไห้ทำไมครับ ใครทำอะไรบอกพี่มา เดี๋ยวพี่จะไปจัดการมันให้”

คนมีอำนาจตรงเข้าประคองร่างบางของหญิงสาวเอาไว้ด้วยใจที่ร้อนรุ่มดั่งมีเปลวไฟสุมอยู่ในอก... ใครกันที่กล้าทำร้ายคนรักของเขา

สายป่านก้มหน้านิ่งทำท่าอ้ำอึ้งเหมือนพูดอะไรไม่ออก ทำให้ภานุหันไปจ้องหน้าแก้วตาเป็นการคาดคั้นแทน ซึ่งเธอก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยอาการมึนงงเช่นกัน แต่เหมือนอะไรดลใจให้เขาคิดถึงชายหนุ่มอีกคนที่น่าสงสัย

“นายวิน... นายวินใช่ไหมน้องป่าน บอกพี่มาสิ นายวินเป็นคนรังแกน้องป่านใช่ไหม”

ภานุคาดคั้นหญิงสาวด้วยเสียงจริงจังพร้อมทั้งชี้มือไปที่ห้องของนาวินเพื่อยืนยันคำพูด สายป่านเงยหน้าสบตากับเขาทันทีอย่างมีพิรุธเหมือนคนที่ทำผิดแล้วถูกจับได้ และนั่นทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าคนที่ทำให้เธอร้องไห้จะต้องเป็นนาวินน้องชายของเขาอย่างแน่นอน

ร่างสูงรีบผละออกมาจากหญิงสาวแล้วทำท่าจะไปที่ห้องของชายหนุ่มตัวต้นเหตุทันที

“เดี๋ยวค่ะพี่นุ... พี่นุ” มือบางของสายป่านพยายามฉุดดึงลำแขนแกร่งของเขาเอาไว้ เธอไม่อยากให้เรื่องราวมันบานปลายใหญ่โตไปมากกว่านี้

“กลับบ้านไปก่อนน้องป่าน เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” ภานุบอกเสียงเรียบ แล้วหันมาจับมือของหญิงสาวออกจากแขนของเขาเบาๆ

“ไม่ค่ะพี่นุ” สายป่านส่ายหน้าน้อยๆ และมองเขาอย่างอ้อนวอน ทำให้ภานุยิ่งโมโหคนต้นเหตุมากขึ้นไปอีก

“ถูกมันรังแกจนร้องไห้ออกมาขนาดนี้ยังจะปกป้องมันอีกเหรอ”

“ไม่ใช่นะคะ ป่านแค่ไม่อยากให้พี่สองคนทะเลาะกัน ป่านไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ”

“แก้วตาพาสายป่านกลับบ้านเดี๋ยวนี้” ภานุพยายามรวบรวมสติให้ใจเย็นที่สุดแล้วหันไปออกคำสั่งกับหญิงสาวอีกคนแทน

“เอ๊ะคุณ” แก้วตาทำท่าฮึดฮัดที่จู่ๆ ชายหนุ่มก็มาสั่งเธออย่างไร้เหตุผล แม้จะยังไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนักก็ตาม

“หรือเธออยากจะลองดีกับฉันยัยจุ้นจ้าน” คราวนี้ภานุหันมาตะคอกเสียงเขียวทำให้คนถูกสั่งค้อนขวับแล้วหันไปคว้าข้อมือบางของเพื่อนรักอย่างรวดเร็ว

“ไปกันเถอะป่าน... เขาอยากจะมีเรื่องก็ปล่อยเขาไป” แก้วตาพูดลอยๆ อย่างนึกหมั่นไส้คนวางอำนาจ ก่อนจะหันมาแลบลิ้นท้าทายชายหนุ่มให้ได้หงุดหงิดเล่น

“ชิ! ไม่ได้กลัวหรอกนะ ฉันแค่เป็นห่วงยัยป่านย่ะ” ว่าจบสองสาวก็ฉุดดึงพากันออกไปจากตรงนี้

“หน็อย... หลายครั้งแล้วนะยัยเด็กแสบนี่ ฝากไว้ก่อนเถอะ” ภานุกัดฟันฮึดฮัดออกมาด้วยความไม่พอใจ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงนะเขาคงซัดลงไปกองกับพื้นแล้ว ช่างกวนประสาทเขาดีนัก... แต่ตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นต้องทำ

วันนี้เขาต้องสะสางกับคนเป็นน้องให้กระจ่างชัดเจนทุกเรื่อง เพราะเขาจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด...


..................................................

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

^_^

***นิยายมีทั้งหมด 22 ตอน เพิ่มตอนพิเศษท้ายเล่ม***

สนใจนิยายเล่มนี้ในรูปแบบ E-Book สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่

mebmarket ...และ... ธัญวลัย ...และ... ookbee

หรือต้องการลิ้งค์ซื้อ E-Book สามารถติดต่อผู้แต่งได้โดยตรงทาง

E-mail : oilza24@hotmail.com

ไลน์ : oilza_writer

(ในเว็บไม่สามารถวางลิ้งค์ได้ค่ะ)

รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว