แอบเสียวจนได้ผัว (NC20+)

#8 น้องเหมียว [NC18+]


หมิงหมิงที่รออยู่จนกระทั่งฟ้ามืดลง ภายในเรือนนางก็ปรากฏชายสวมชุดดำทั้งร่าง เขาเข้ามาในห้องนางตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบได้ เขายกหีบขนาดหย่อม ๆ มาวางกลางห้องนาง พร้อมบอกว่าเป็นการแสดงความจริงใจจากองค์ชายสาม แล้วก็จากไปในเงามืดไปมาเงียบเชียบแม้แต่เถาเอ๋อร์ก็ยังไม่รู้เรื่องราว

หมิงหมิงยกตะเกียงเข้าไปใกล้หีบนั้น คาดคะเนด้วยสายตาหีบนี้น่าจะมีขนาดราว ๆ เมตรคูณห้าสิบเซ็นติเมตร ซึ่งมันใหญ่มากสำหรับหญิงร่างเล็กเช่นนาง จากนั้นหมิงหมิงก็เปิดฝาหีบออก แสงสะท้อนจากตะเกียงสีทองอร่าม ทำให้หมิงหมิงแสบตาขึ้นมาทันที

‘แม่เจ้า ! องค์ชายขี้หลียกสมบัติมาให้นางหรือนี่’

ด้านในไม่มีจดหมายหรือข้อความใด ๆ แต่นางก็เคยเรียนเรื่องประวัติศาสตร์โลกอยู่บ้าง คนที่มีตำแหน่ง หรือคนในราชวงศ์นั้นจะร่ำรวยมหาศาล นางคิดว่าที่ยกมาให้นางนี้คงเป็นเพียงเศษขี้เล็บมังกรเท่านั้น แต่สำหรับนางนั้นมันกลับกันโดยสิ้นเชิง เพราะสมบัติทั้งหมดนี้พวกมันจะช่วยชีวิตของนางให้ง่ายขึ้น

หมิงหมิงเก็บหีบนี้ซ่อนไว้ใต้เตียง นางทั้งลากทั้งดันมันอย่างยากลำบาก ด้วยแรงอันน้อยนิด และยังต้องคอยระวังไม่ให้สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆห้องนางได้ยินเข้า

พรุ่งนี้นางต้องออกไปนอกจวนเพื่อเอาสมบัติขายบางส่วน จากนั้นนางจะได้หาซื้อยาอะไรก็ตามที่จะช่วยนางได้ ดังนั้นคืนนี้หมิงหมิงจึงนอนกอดหีบสมบัติหลับอย่างสบายใจ

วันรุ่งขึ้นนางจัดการตามแผนที่คิดเอาไว้ทันที ให้เถาเอ๋อร์อยู่ที่เรือนส่วนนางเปลี่ยนไปสวมชุดเก่าขาดมีรอยปะ แล้วลอบออกจากด้านหลังทางช่องหมาลอด ที่นางเคยเห็นเมื่อครั้งที่เดินสำรวจรอบ ๆจวน

จุดมุ่งหมายเพื่อไปยังแหล่งค้าขายสมุนไพร แต่ก่อนอื่นนางต้องไปโรงจำนำหรือไม่ก็สถานที่ ที่รับซื้อสมบัติจากนางเสียก่อน เพื่อให้ได้เงินมาซื้อของช่วยชีวิต

แต่หมิงหมิงหารู้ไม่ว่า หลังจากที่นางมุดช่องเล็ก ๆนั้นออกไปจากจวนก็มีคนลอบสะกดรอยตามนางทันที

โชคดีที่เจ้ากรมอยู่ในเขตเจริญแล้ว นางเดินออกไปไม่ไกลก็ถึงแหล่งรวมร้านรวงทั้งหลาย น่าแปลกที่นางสามารถอ่านอักษรพวกนี้ออกทั้ง ๆ ที่โลกเก่าของนางไม่มีการใช้ภาษาโบราณเช่นนี้แล้ว

หมิงหมิงเดินสำรวจสองข้างทางจนได้เห็น ว่ามีโรงจำนำตั้งอยู่สองแห่ง ที่แรกเป็นอาคารใหญ่โตมีป้ายที่ทองโดดเด่น และมีผู้คุ้มกันใบหน้าดูโหดเหี้ยมเฝ้าอยู่ด้านหน้า อีกทีมีขนาดเล็กกว่าดูแล้วมีแต่คนที่แต่งตัวเก่าเล็กน้่อยเดินเข้าออก

หมิงหมิงก้มมองเสื้อผ้าที่นางใส่ นางจึงตัดสินใจตรงไปโรงจำนำที่มีขนาดเล็กกว่า เมื่อเข้าไปด้านในก็มีคนอยู่ก่อนแล้วสองคน นางจึงรอจนพวกเขาออกไป จากนั้นก็เดินเข้าไปหาชายที่อยู่ประจำโต๊ะ

นางเอาผ้าที่ห่อเครื่องประดับที่หนักราว ๆ สองกิโลกรัมออกมากองตรงหน้าชายคนนั้น ชายที่นั่งประเมินของอยู่นั้น เงยหน้าขึ้นมามองนางอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ด้วยเพราะเจอคนมาหลายประเภทเขาจึงละสายตาจากนางแล้วเปิดดูของด้านในต่อ

“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้ขโมยมา หากข้าพบว่าเจ้าขโมยมาข้าจะแจ้งทางการให้มาจับเจ้า”

เขาข่มขู่นาง

“นายท่านข้ามิใช่โจรขโมยแน่นอนเจ้าค่ะ แขนขาข้าเล็กเพียงนี้จะเอาแรงที่ไหนไปลักขโมยใครมาได้ อีกอย่างนะเจ้าคะที่ข้าต้องแต่ตัวเช่นนี้เป็นเพราะว่าข้ากลัวเจ้าค่ะ”

“กลัวอะไรของเจ้ากัน”

“ท่านคิดดูนะเจ้าคะ ข้าเป็นหญิงสาวตัวคนเดียวออกมาด้านนอก หากไม่แต่งตัวเช่นนี้ข้าอาจจะถูกคนไม่มีคิดร้ายได้ อีกอย่าง…. ”

พูดถึงตรงนี้ดวงตาของนางก็แดงขึ้น นางลดเสียงให้นาสงสารมากยิ่งขึ้น

“นี่เป็นสมบัติสุดท้ายของบ้านข้าแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะขายทั้งหมดและออกจากเมืองหลวงไปเริ่มชีวิตใหม่ที่บ้านเกิดของมารดา ที่นี่ข้าไม่มีญาติมิตรเหลืออยู่อีกแล้วจ้าค่ะ ฮึก ๆ”

เมื่อพูดจบนางก็ยกชายเสื้อออกมาซับน้ำตา

ในสายตาของชายที่รับจำนำ นางช่างน่าสงสารยิ่งนัก เถ้าแก่จึงรับซื้อของนางทั้งหมด และยังให้ราคาสูงอีกด้วย สมบัติที่นางเอามาไม่ถึงครึ่งหนึ่งของในหีบ ทำให้นางได้เงินมาถึงสองหมื่นห้าพันกว่าตำลึงเลยทีเดียว

และแล้วหมิงหมิงก็เดินออกมาจากโรงรับจำนำพร้อมเงินปึกใหญ่

‘อิตาองค์ชายสามนี่ร่ำรวยไม่เบา เพียงของแทนใจก็ขายได้หลายหมื่นตำลึง ในขณะที่นางไม่เคยได้รับเงินจากพ่อนางแม้แต่แดงเดียว’

แล้วนางก็เดินเข้าสถานรับฝากเงินที่อยู่ข้าง ๆ กัน นางไม่โง่พกเงินเต็มตัวเช่นนี้หรอก นางเหลือไว้เพียงหนึ่งพันตำลึงที่คิดว่าน่าจะเพียงพอ ที่เหลือนางจึงฝากทั้งหมด

โดยใช้นามแฝงว่า ‘เลอหมิงหมิง’ ในการฝากเงิน หลังได้รับตราเฉพาะตัวจจากโรงฝากเงินแล้ว นางจึงเดินไปร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปเป็นที่ต่อไป

คราวนี้นางเลือกใส่ชุดผู้ชาย และรวบผมขึ้นสูง เพราะตัวนางเล็กจึงเหมือนหนุ่มน้อยที่ออกมาเดินเล่นเท่านั้น นางจ่ายเงินค่าเสื้อผ้าเรียบร้อย จากนั้นก็ให้เงินคนงานในร้านเล็กน้อยเพื่อให้เขาบอกทางออกด้านหลังร้าน เพื่อให้นางลอบออกทางด้านหลังร้าน

ร้านขายเสื้อผ้าแบบนี้เคยชินกับลูกค้าประเภทนี้เสียแล้ว พวกเขามิได้สนใจทั้งยังเตรียมทางออกหลังร้านให้อีกด้วย ซึ่งนี่ก็สะดวกอย่างยิ่งยังได้เงินเพิ่มจากลูกค้าอีกด้วย

หมิงหมิงได้สอบถามแหล่งขายสมุนไพรมาจะคนงานร้านผ้ามาบ้างเช่นกัน นางจึงตรงดิ่งไปตามทางถัดไปอีกสองตรอก

นางพบโรงหมอสองสามแห่ง มีแห่งหนึ่งที่ไม่มีลูกค้าเลย นางเห็นขอทานนั่งอยู่ข้าง ๆ ทางจึงให้เงินเล็กน้อยแล้วถามว่า ถ้าจะซื้อยาพิษต้องไปร้านไหน ขอทานคนนั้นสายตาแข็งกร้าวขึ้นมาทันทีจ้องหน้านางเขม็ง แต่สุดท้ายก็บอกว่า

“ร้านสีดำที่นั่นมีทุกอย่างที่ท่านต้องการแต่ราคาสูงหน่อย”

“ขอบใจมาก”

หมิงหมิงโยนเงินตำลึงให้เขาก้อนใหญ่ แล้วก็หันหลังไปยังร้านสีดำที่ขอทานบอก




“ขอต้อนรับคุณชายขอรับ มีอันใดให้รับใช้ขอรับ”

ชายวัยกลางคนที่รูปร่างเกือบอ้วนไว้หนวดเล็ก ๆ ยิ้มตาหยีเป็นผู้ตอนรับนาง

“ข้าอยากได้ของดีขอรับ”

หมิงหมิงกดเสียงต่ำ

“เข้าใจแล้ว เชิญด้านใน ๆ”

หมิงหมิงเดินตามชายอ้วนไปยังอีกห้องที่มิดชิด หลังจากหมิงหมิงบอกความต้องการแล้ว นางก็ได้ยามาสมใจโดยที่พวกเขาไม่ได้ซักไซ้นางเลย ว่านำไปเพื่ออะไร

ทั้งหมดที่นางต้องการใช้เงินไปถึงห้าร้อยตำลึง นี่มันแพงเกินไปแล้ว เล่นเอาเงินตำลึงที่นางพกมาหายไปเกินครึ่ง

เมื่อเห็นสมควรแกเวลานางก็เร่งฝีเท้ามุ่งหน้ากลับจวนเจ้ากรมโยธา และกลับไปทางหมาลอดที่เดิม

ชายปริศนาที่ตามนางมาทั้งวัน หลังจากที่หมิงหมิงกลับเข้าจวน เขาเองก็จากไปเช่นกัน

หมิงหมิงที่โชคดีไม่พบใครเลย เมื่อกลับมาถึงห้องตัวเองเร่งผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าออกโดยมีเถาเอ๋อร์ที่ช่วยนางอยู่

“วันนี้มีใครมาหรือไม่”

หมิงหมิงถาม

“มีเพียงบ่าวเรื่องซักล้างที่นำผ้าชุดใหม่มาส่งให้สองชุดเท่านั้นเจ้าค่ะ อ่อ…. ยังมีชุดให้บ่าวด้วยนะเจ้าคะ เพราะบ่าวต้องตามคุณหนูไปที่จวนอ๋องด้วย”

เถาเอ๋อร์ยิ้มอย่างดีอกดีใจ

“เป็นเรื่องที่ดี แต่ถึงอย่างไรข้าต้องพาเจ้าไปด้วยอยู่แล้ว เพราะเจ้าเป็นเหมือนพี่น้องของข้าคนหนึ่ง จะปล่อยให้เจ้าอยู่เพียงลำพังที่นี่ได้อย่างไร”

หมิงหมิงที่กำลังอารมณ์ดี เพราะวันนี้นางได้ยาที่ต้องการมาแล้ว แถมยังได้ยาบำรุงผิวชั้นยอดมาอีก เถ้าแก่อ้วนบอกว่าเจ็ดวันนางจะอวบอัดเต่งตึงขึ้นทันตาแน่นอน

“เถาเอ๋อร์เอาไปต้มที ต้มจนน้ำหายไปหนึ่งส่วนจากนั้นแบ่งกันคนละถ้วยกับข้า นี่เป็นยาบำรุงร่างกายชั้นดีเลยนะ”

นางยื่นห่อยาให้เถาเอ๋อร์

“คุณหนูของข้าไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ”

“ดื่มเถิดข้าแบ่งให้”

“แต่..”

“ไม่มีแต่ทั้งนั้น เถาเอ๋อร์รู้หรือไม่ยานี้จะทำให้หญฺงสาวเช่นพวกเรางดงามขึ้นนะ”

“ก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวจะออกไปต้มเดี๋ยวนี้เลย”

จากนั้นเถาเอ๋อร์ก็ออกไปที่ห้องครัวท้ายเรือนเพื่อต้มยาตามคำสั่ง

แต่เถาเอ๋อร์ที่ไม่กล้าดื่มยาที่หมิงหมิงให้มา เพราะคิดว่าคุณหนูของนางคงจะโดนใครหลอกมาแน่นอน นางไม่มีเงินทองจะเอาสมุนไพรดี ๆมาได้อย่างไร นางเคยเห็นคุณหนู่ใหญ่และคุณหนูรองดื่มกินยาบำรุงมากมายที่ฮูหยินใหญ่สรรกหามาให้มากมาย ก็ไม่เห็นว่าพวกนางจะงดงามขึ้นเลย นางจึงไม่เชื่อว่าคุณหนูของนางจะหาของดี ๆมาได้

แต่นางก็ยังต้มสมุนไพรตามสำสั่งและยกมาให้หมิงหมิงดื่มทุกวัน และบอกว่านางดื่มมาแล้วทุกวัน

แต่แล้วหลังผ่านไปสามวัน นางเห็นคุณหนูของนางยิ่งงดงามขึ้นเรื่อย ๆ นางจึงตัดสินใจดื่มยาต้มตามคุณหนูเล็ก

แต่นางเริ่มดื่มก็เป็นวันที่สี่แล้ว ยามีเพียงสำหรับเจ็ดวันเท่านั้น เมื่อยาหมดเถาเอ๋อร์รู้สึกเสียดายยิ่งนักเพราะ นางไม่งดงามเต็งตึงเท่ากับคุณหนูของนางครั้นจะไปหาซื้อก็มิรู้แหล่งและไม่มีเงิน

“คุณหนูยาที่ท่านใช้ดื่ม ช่างดียิ่งนักเจ้าค่ะ ดูท่านสิตอนนี้ช่างงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ แต่บ่าวเหตุใดจึงไม่ได้เปล่งปลังดังเช่นท่านเจ้าคะ”

“เอ๋…หรือว่าแต่ละคนจะได้ผลไม่เหมือนกันหรือปล่าวนะ”

“นั้นสิเจ้าคะ หากบ่าวดื่มอีกจะเป็นได้ไหมนะ”

หมิงหมิงได้ฟังก็รู้ว่าเถาเอ๋อร์ต้องการถามแหล่งที่มาของยานั้น นางซื้อมาตั้งร้อยตำลึงคงบอกสาวใช้คนนี้ไม่ได้จริง ๆ

“วันที่ข้าแอบออกไปด้านนอก ก็มียายแก่ให้มานางบอกว่าเป็นยาที่นางเก็บมาเองและวให้ข้ามาน่ะ”

“หา..แล้วคุณหนูก็เชื่อนางหรือเจ้าคะ”

“เชื่อสินางดูเป็นคนดีออก”

หมิงหมิงพูดยิ้ม ๆ

ตั้งแต่ที่นางได้ของแทนใจจากองค์ชายสาม เขาแอบมาหานางอีกสองสามครั้ง ทุกครั้งที่เขามายิ่งเห็นหมิงหมิงงดงามขึ้นเรื่อย ๆ เขายิ่งต้องการนางมากขึ้น

แต่ก็จนใจที่พระชายาของเขาระวังทุกฝีก้าว ทำให้เขาเผด็จศึกหมิงหมิงไม่ได้เสียที ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกวันที่เขานั้นแอบมาหาหมิงหมิงถึงที่เรือน โดยแอบมารอนางถึงในห้องนอน


“ว้าย ……อื้อ ๆ !”

หมิงหมิงนางเข้ามาในห้องนอนหลังจากที่เช็คตัวให้สะอาดเรียบร้อย นางก็ต้องตกใจเพราะถูกมือปริศนา มาปิดปากนางจากด้านหลัง

“ข้าเองน้องหมิงหมิง อย่าเสียงดังไป”

เสียงนี้หมิงหมิงจำได้นางจึงเลิกขัดขืน และใช้มือจับเอามือของเขาออกจากใบหน้านาง

“องค์ชายสามท่านมาเงียบ ๆเช่นนี้หมิงหมิงก็ตกใจหมดสิเจ้าคะ”

หมิงหมิงสูดหายใจเข้าออกแรง ๆ เพราะนางตกใจจริง ๆ

แต่เมื่อนางหายใจแรงหน้าอกของนางก็กระเพิ่มขึ้นลง รวมกับชุดนอนที่นางสวมไม่มีแม้แต่เอี้ยมบังทรง จึงทำให้องค์ชายสามที่อยู่ตรงข้ามเห็นเข้าเต็ม ๆตา

เขาดึงนางเข้ามากอดเอาไว้และยังแอบสูดดมกลิ่นกายของนางไปด้วย

“พี่คิดถึงน้องหมิงหมิงอย่างไรเล่าจึงได้มาหาเจ้ายามวิกาลเช่นนี้”

ไม่ว่าเปล่ามือของเขาก็ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของนาง

หมิงหมิงที่สัมผัสได้ถึงอันตรายนางยกมือขึ้นแล้วค่อย ๆดันตัวเขาออกไปช้า ๆ เพื่อไม่ให้เขารู้ตัวว่านางกำลังผลักไส นางเอียงตัวเล็กน้อยจากนั้นจึงแสร้งว่านางกำลังรู้สึกผิด

“องค์ชาย….ท่านเองก็มีฐานะเป็นพี่เขยของหมิงหมิง…หมิงหมิงรู้สึกผิดต่อพี่สาวยิ่งนัก”

และนางก็เดินออกมาให้ห่างจากเขา ด้วยสีหน้าเศร้าใจระทมทุก

เมื่อเห็นดังนั้นองชายจึงเดินมาประชิดตัวนางอีกครั้ง และจับไหล่ที่สั่่นเทาาไว้ทั้งสองข้าง

“เมื่อใดที่น้องหมิงหมิงเข้าจวนข้า ข้ารับรองว่าจะยกฐานะเจ้าขึ้นมาเทียบเท่าพระชายาอย่างแน่นอน เจ้าจะไม่มีทางน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้อีก”

และเขาก็ดึงนางเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง

หมิงหมิงที่สุดจะทนนางก็ได้แต่กลอกตามองบน ในหัวกำลังคิดวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์คืนนี้ไปได้อย่างไร หากปล่อยเวลาให้นานกว่านี้นางคงได้ตกเป็นของเขาแล้วจริง ๆ

แต่แล้วก็เหมือนชะตากรรมของนางไม่ได้ถูกกำหนดให้ตกเป็นขององค์ชายสาม เพราะมีเสียงเคาะเบา ๆที่หน้าต่างห้องนางเหมือนเป็นสัญญาณลับอะไรบางอย่าง

หลังจากเสียงเคาะนั้นดังขึ้น สีหน้าขององค์ชายสามก็เปลี่ยนไป เขาขมวดคิ้วไว้แน่นแต่ก็ยังตัดสินใจผละออกจากตัวของหมิงหมิง และเดินไปที่หน้าต่างนั้น

หมิงหมิงแอบชำเลืองมอง ก็เห็นว่าเป็นชายชุดดำที่มองหน้าไม่ชัดว่าเป็นใคร แต่หลังจากพวกเขาซุบซิบกันอยู่ไม่กี่คำ องค์ชายสามก็มีท่าทางหงุดหงิดใจ

เขาเดินกลับมาหาหมิงหมิงอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยว่า

“น้องหมิงหมิงเสด็จพ่อของข้ามีคำสั่งให้เข้าพบเป็นการด่วน หวังว่าน้องหมิงหมิงจะไม่ว่า…”

“ไม่หรอกเพคะ ฝ่าบาทรับสั่งเรียกหาท่านแสดงว่าเป็นเรื่องด่วนจริง ๆ องค์ชายรีบไปเข้าเฝ้าเถิดเพคะ”

ก่อนจากไปเขาโน้มตัวลงมาจูปลงหน้าผากนาง จากนั้นก็จากไปด้วยท่าทีที่ไม่ยินยอมอยู่บ้าง


‘ฟู้ววว……….ขอบคุณฮ่องเต้ท่านเรียกได้ถูกเวลาจริง ๆ’


─────•❀•─────


รีวิวจากผู้อ่าน

กรุณาล๊อคอินเพื่อรีวิว